ยังคงติดเกมและเล่นเฟสมากกว่า อาจไม่ค่อยมาตอบคอมเม้นท์นะคะ

ยาคูลท์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 30 คน [?]




ข้าพเจ้าเป็นสุข และเชื่อว่าใครก็ตามซึ่งมีรสนิยมในการอ่านหนังสือดี ย่อมสามารถทนต่อความเงียบเหงาในทุกแห่งได้ -- วาทะของท่านมหาตมะ คานธี


Book Archive by Group



หมายเหตุ: โซน Romance และ การ์ตูน ยังไม่ทำเพราะมีน้อย


Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2549
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
9 สิงหาคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ยาคูลท์'s blog to your web]
Links
 

 
Never Let Me Go โดย Kazuo Ishiguro


Hardcover: 272 pages
Publisher: Faber and Faber (3 Mar 2005)
Shortlisted for the Man Booker Prize 2005


เล่มนี้รีวิวให้ไม่ spoil ได้ยากมาก โดยเฉพาะเป็นเล่มที่ถ้ารู้ตรงจุดที่สปอยล์แล้ว-แค่คีย์เวิร์ดคำเดียวนั้น--ก็จะหมดสนุกไปครึ่งนึงเลย (อย่างจขบ. เป็นต้น)

ดังนั้น ถ้าอยากได้ element of surprise ในการอ่าน โปรดอ่านรีวิวเฉพาะในกรอบค่ะ


หมายเหตุส่วนตัว: ได้เล่มนี้จากอเมซอน ปกแข็ง ราคา 0.35 ปอนด์ บวกค่าส่งอีก 2.75 ... ดีใจสุด ๆ เลย สั่งซื้อพร้อมนิยายของฮิกกิ้นส์อีกเล่ม ส่งมาช้าทั้งคู่ ต้องฝากคนอื่นไปเอาอีกรอบ ปรากฏว่าได้มาห่อเดียว หายไปเล่ม ลุ้นมากว่าเล่มไหนที่หาย


ช่วงนี้ไม่สปอยล์
เริ่มเรื่องด้วยน้ำเสียงของตัวละครหลัก Kathy เธออายุ 31 ปี เป็น carer มา 12 ปีแล้ว กำลังจะเลิกงานนี้ แต่เขาขอให้ทำต่ออีกสักพัก เพราะ donor ที่เธอดูแลจะหายดีเร็วกว่าปกติและไม่ค่อยทำตัวมีปัญหา
แล้ว Kathy ก็เริ่มโยงเรื่องจากอภิสิทธิ์ในงานของเธอไปพูดถึงเพื่อนสองคน คือ Ruth และ Tommy ซึ่งเธอขอรับเป็นผู้ดูแลเองเนื่องจากทั้งสามคนเคยอยู่ที่ Hailsham School ด้วยกัน หลังจากนั้น เรื่องเล่าก็จะโยงไปถึงสมัยที่พวกเขายังเด็ก บรรยากาศในรั้วโรงเรียน (ซึ่งเป็นเหมือนโรงเรียนกินนอน) ความเชื่อ ธรรมเนียมปฏิบัติ การละเล่นหรือแม้แต่การกลั่นแกล้งกันในหมู่นักเรียน จนพวกนักเรียนเริ่มเติบใหญ่ เรียนรู้เรื่องเพศสัมพันธ์และแยกย้ายกันออกไปสู่ช่วงต่อไปของชีวิต ความรักเข้ามามีบทบาทในชีวิต ฯลฯ

สำนวนเขียนสละสลวย ชวนติดตาม (แม้ว่าจะเขียนโยงใยจากเรื่องโน้นไปเรื่องนี้ให้คนอ่านลืมประเด็นตอนแรกไปเสียหลายครั้งก็ตาม) โทนเรื่องตอนแรก ๆ เหมือนจะอบอุ่น เป็นการค้นหาตัวเอง แต่พอถึงฉากจบ จะกินนัยไปถึงการค้นหาความหมายของการมีตัวตนอยู่ในโลก จริยธรรมบางเรื่อง และค่อนไปทางเศร้า ๆ แบบความรักความฝันที่หลุดลอยไปตามกาลเวลา
...อันหลังนี่คิดว่าคล้าย ๆ Remains of the day นิดหน่อยนะ...




*** Spoiled Zone ***


ถ้ารู้ตรงนี้แล้ว จะเสียอรรถรสไปครึ่งนึงเลย แนะนำว่าให้ข้าม ถ้าคิดจะอ่านหนังสือ

เรื่องมันมีอยู่ว่า...

บรรยากาศที่ Kathy บรรยายไว้จะมีอะไรแหม่ง ๆ สะกิดใจทั้งตัวนักเรียนและตัวคนอ่านตลอด

เช่น สองหน้าแรกที่เปิดเรื่อง Kathy บอกว่าเธอเป็นผู้ดูแล (carer) ให้ผู้บริจาค (donor) และผู้บริจาคของเธอจะไม่ค่อยทำตัวยุ่งยากแม้จะเป็นการบริจาคครั้งที่สี่แล้ว
>> อ่านตรงนี้แล้ว คุณจะงง ๆ ว่าบริจาคอะไร ดูแลอะไร? ตอนแรก จขบ. นึกว่าตัวเองแปลผิดด้วยซ้ำ นึกว่ามีความหมายอื่นของ donation ที่เรายังไม่รู้

ส่วน Hailsham School ตอนแรกก็บรรยายเหมือนโรงเรียนกินนอนทั่วไปในอังกฤษ แต่สังเกตดูจะพบว่าไม่มีการพูดถึงครอบครัวเด็กเลย แทบไม่มีคนนอกเข้ามาในโรงเรียนด้วยซ้ำ เป็นสังคมปิดอย่างแท้จริง

เด็ก ๆ ไม่รู้จักตลาดสดหรือร้านค้าภายนอก พวกเขามีงาน Exchange ไว้คอยแลกเปลี่ยนข้าวของกันเอง (และต้องเป็นของที่สร้างสรรค์ เช่น บทกลอนหรือภาพวาด อะไรแบบนั้นด้วย) แต่เอาเข้าจริงแล้ว ของพวกนี้มันก็ขยะดี ๆ นี่เอง

พวกอาจารย์จะมีลำดับความสำคัญแปลก ๆ เช่น เน้นให้นักเรียนแสดงความสร้างสรรค์เป็นพิเศษ นักเรียนอย่าง Tommy ที่เก่งกีฬาแต่ห่วยศิลปะเลยแย่ไปช่วงนึง ดีที่อาจารย์คนหนึ่งที่ค่อนข้างจะหัวขบถหน่อย ๆ บอกเขาว่าไม่เป็นไรหรอก (แต่มันก็เป็นอยู่ดี)

พวกนักเรียนรู้จักอังกฤษเฉพาะในบทเรียน อาจารย์จะบอกชื่อเขต อธิบายและฉายสไลด์ภาพเขตนั้น ที่น่าขำคือชุดสไลด์จะขาดนอร์ฟอล์คไปเขตเดียว เมื่ออาจารย์อธิบายถึงเขตนี้ ก็หลุดปากไปว่าเป็น “lost corner of England” (หมายถึงคนไม่ค่อยคิดแวะที่นี่ เขตนี้จึงสงบและสวยงาม) พวกนักเรียนก็ตีความเป็นตุเป็นตะ ว่าของที่หายไปจะไปโผล่ที่นอร์ฟอล์ค

นอกจากนี้ ยังมีการตอกย้ำว่าพวกนักเรียนน่ะ “พิเศษ” กว่าคนอื่น จึงต้องระวังรักษาตัวเองให้ดี มีการหมั่นตรวจร่างกาย และถือว่าบุหรี่เป็นเรื่องชั่วช้าอย่างยิ่ง ถึงขนาดมีข่าวลือว่าห้องสมุดโรงเรียนไม่มีหนังสือเชอร์ล็อคโฮล์มส์เพราะท่านเซอร์นิยมสูบไปป์มากเกินงาม

มีเสียงเล่าลือกันถึง “แกลลอรี่” แหล่งเก็บรวบรวมผลงานของนักเรียนเฉพาะชิ้นที่ผ่านการคัดเลือก และ “มาดาม” นำติดตัวไปสู่โลกภายนอก ไม่มีนักเรียนคนไหนรู้ว่ามาดามเป็นใคร แกลลอรี่นี้ตั้งอยู่ที่ไหน แล้วเอางานของนักเรียนไปทำอะไรกันแน่? (คือ ถ้าจะเอาไปเก็บสะสม มันก็เยอะเกินไปหน่อยน่ะนะ)

แน่นอนว่าหลังอ่านผ่านไปครึ่งเล่ม ตัวละครคือ Kathy และ Tommy ก็สงสัยเรื่องพวกนี้เช่นกัน และนำเหตุการณ์แปลก ๆ มาปะติดปะต่อกันทีละนิด โดยมีอาจารย์ลูซี่ (คนที่บอกทอมมี่ว่าไม่ใช่เด็กสร้างสรรค์ก็ไม่เป็นไร) เป็นกุญแจเฉลยคำตอบ


* * * Spoil แบบไม่คิดจะอ่านอีกแล้ว * * *


คำตอบก็คือ ...

Hailsham School เป็นโรงเรียนมนุษย์โคลน โลกในหนังสือนี่เป็น alternate Britain ซึ่งมีโรงเรียนเพาะเลี้ยงมนุษย์โคลนหลายแห่ง และ Hailsham แตกต่างจากแห่งอื่นเพราะที่นี่ต้องการแสดงให้สังคมรู้ว่ามนุษย์โคลนก็มี “จิตวิญญาณ” เช่นกัน พวกอาจารย์เลยคัดงานศิลปะโดดเด่นของนักเรียนออกไปจัดแสดงในโลกภายนอก เพื่อหาผู้อุปถัมภ์ให้พวกเด็ก ๆ ได้มีวัยเด็กปกติ

ระบบคือให้เด็กโคลนนิ่งโตในโรงเรียนกินนอน จนอายุประมาณ 13 (หรือ 15 หว่า?) ก็จะแยกย้ายไปอยู่ตามบ้านต่าง ๆ อีกสองปี เป็นช่วงรอยต่อระหว่างวัยเด็กกับผู้ใหญ่ ช่วงที่พวกเขาจะเป็นอิสระ-ในระดับนึง เดินทางไปไหนมาไหนได้ บางคนก็หัดขับรถ ก่อนจะเริ่มฝึกงานเป็น carer หรือข้ามไปเป็น donor เลย (carer คือผู้ดูแล donor และจะกลายเป็น donor เองเมื่อเลิกทำงานนี้)

แต่สุดท้าย ทุกคนจะลงเอยด้วยการเป็น donor บริจาคส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกายไปเรื่อย ๆ จนถึงวันที่ complete ..เป็นศัพท์ในเรื่อง--ซึ่งจขบ. คิดว่าคล้าย ๆ กับตาย แต่อาจยังถูกเก็บไว้เพื่อนำอวัยวะมาใช้ได้อีก (ในเรื่องไม่ได้ชี้ชัดน่ะ) ส่วนใหญ่ไปได้แค่การบริจาคครั้งที่ 4

ถึงจะเป็นเรื่องของมนุษย์โคลน แต่พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดา โลกของพวกเขาอาจจะไม่เหมือนโลกภายนอกเป๊ะ ๆ แต่ก็มีสังคม มีกฎหมู่ของพวกเขาเอง มีเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ มีความฝันใฝ่ถึงอนาคตและผู้ให้กำเนิด...ไม่ต่างอะไรกับเด็กทั่วไป แม้ว่าโลกของพวกเขาจะแอบแฝงอะไรบางอย่างไว้ใต้จิตสำนึก ให้พวกเขารู้ว่าจริง ๆ แล้ว พวกเขาไม่ได้มีอนาคตอะไรเลยก็ตาม

(จุดนี้มันก็พูดยากว่าแบบไหนโหดร้ายกันแน่ เพราะมนุษย์โคลนมีจิตใจแน่ แต่ควรให้โตมาแบบโง่เง่าเต่าตุ่น รอขึ้นเขียงอย่างเดียว หรือได้เล่าเรียนศิลปะ ดนตรี มีโลกในวัยเด็ก แล้วค่อยเฉลยตอนโต?)

อ่านสนุกอีกจุด ตอนตัวละครหลัก Kathy, Ruth และ Tommy เริ่มกลายเป็นรักสามเส้า ตอนอ่านนี่ลุ้นมากเพราะมันเห็นอยู่ชัด ๆ ว่าใครควรคู่กับใคร แต่คนเขียนก็ทำตัวโหดร้าย แถมตัดฉากฉับซะอย่างงั้น โผล่มาอีกทีก็ผ่านไป 6 ปี ร่างกายบางคนผ่านการบริจาคจนเริ่มทรุดโทรมไปแล้ว ความรักในครั้งนี้เลยเป็นอะไรที่ “สายเกินการณ์” ไปสักหน่อย แล้วก็เลยทำให้เศร้า ๆ พิกล

โดยรวม เป็นเล่มที่หลอกให้อ่านต่อได้เรื่อย ๆ มีประเด็นน่าคิดให้ขบคิด (แบบหาข้อสรุปไม่ได้) ให้อารมณ์รักนิด ๆ ไซไฟหน่อย ๆ แต่ไม่อธิบายสุดโต่งไปด้านใดเป็นพิเศษ
สรุปว่า อารมณ์แขวนลอยยังไงไม่รู้อ่ะ



Create Date : 09 สิงหาคม 2549
Last Update : 9 สิงหาคม 2549 21:50:09 น. 5 comments
Counter : 3078 Pageviews.

 
ว่าแล้วก็มารบกวนคุณยาคูลท์อีกที ลบคอมเมนต์บนไปเถอะ มันสปอยล์ง่า แง้

ตัดต่อใหม่...
เรานั่งอ่านเล่มนี้ในร้านคิโนะฯ เมื่อปลายเดือนก่อนได้ค่อนทาง สะกิดใจกับคำว่า donation เหมือนกัน...หุหุ แต่ชอบตัวหนังสือของคนเขียนนะ เขาเนียนดี


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 9 สิงหาคม 2549 เวลา:10:34:06 น.  

 
โอ้ง่า

น่าอ่านมากมาย

แต่สปอยล์มาเป็นแผงขนาดนี้ เลยได้แต่อ่านที่อยู่ในกรอบอะค่ะ


จะมีแปลมั้ยคะนี่


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 9 สิงหาคม 2549 เวลา:11:55:34 น.  

 
แค่คิดว่าเป็นหนังสือต่างประเทศก็คิด 18 ตลบค่ะ ว่าจะอ่านดีไหม ด้วยความที่ขี้เกียจแปล อิอิ


โดย: กระปุกกลิ้ง (กระปุกกลิ้ง ) วันที่: 9 สิงหาคม 2549 เวลา:15:15:37 น.  

 
คุณแพนด้ามหาภัย
ลบให้แล้วค่ะ คิดถึงการ์ตูนเรื่องเดียวกันเลย แต่ตัดสินใจไม่เขียนในเนื้อหาเพราะมันชัดเกิน
... ความจริง ประเด็นที่สปอยล์นี่เป็นเรื่องที่เจอบ่อยในการ์ตูนญี่ปุ่นนะ

คุณสาวไกด์ฯ
เราว่าอีกไม่นานคงมีมั้ง เดาเอานะ เพราะเรื่องนี้จัดว่าดังพอดูนะ

คุณกระปุกกลิ้ง
อ่านวันละหน้าค่ะ แล้วจะจบเล่มไม่รู้ตัว


โดย: ยาคูลท์ วันที่: 9 สิงหาคม 2549 เวลา:21:22:21 น.  

 
พึ่งดูหนังจบรู้สึกว่าคำโปรยจากTimeมันเกินจริงมากๆ "The Best Novel of the Decade"


ทำให้ลังเลว่าจะซื้อเวอชั่นหนังสือมาอ่านดีไหม เพราะดูหนังแล้วไม่อินเลยครับ


โดย: Nutonline วันที่: 7 ตุลาคม 2554 เวลา:3:17:37 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.