ยังคงติดเกมและเล่นเฟสมากกว่า อาจไม่ค่อยมาตอบคอมเม้นท์นะคะ

ยาคูลท์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 30 คน [?]




ข้าพเจ้าเป็นสุข และเชื่อว่าใครก็ตามซึ่งมีรสนิยมในการอ่านหนังสือดี ย่อมสามารถทนต่อความเงียบเหงาในทุกแห่งได้ -- วาทะของท่านมหาตมะ คานธี


Book Archive by Group



หมายเหตุ: โซน Romance และ การ์ตูน ยังไม่ทำเพราะมีน้อย


Group Blog
 
<<
มกราคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
2 มกราคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ยาคูลท์'s blog to your web]
Links
 

 

The Miracles of Santo Fico โดย D. L. Smith



เรื่องในเมืองเล็กริมผาบนชายฝั่งทัสคานี่ซึ่งไม่ปรากฏในแผนที่
เมืองที่ดูเหมือนจะเคยมีประวัติศาสตร์รุ่งเรือง...ซึ่งชาวบ้านลืมกันไปแล้ว
เมืองที่เคยมีแผนพัฒนา..แต่ดูเหมือนจะล้มเลิก—แล้วก็ลืมไปตามกาลเวลา (ถนนหลักไม่เคยตัดเข้าใกล้เมืองเกิน 17 กิโลเมตร)
เมืองที่เคยมีน้ำพุไหลปรี่กลางลานหน้าโบสถ์ตลอดเวลา และโบสถ์เป็นศูนย์รวมจิตใจ แต่ปัจจุบัน ลานน้ำพุและโบสถ์รกร้างไร้ผู้คนสนใจ น้ำพุแห้งขอดไม่มีน้ำมาชั่วนาตาปี ชาวบ้านเลิกสนใจแก้ไขไปแล้ว

สรุปง่าย ๆ คือชาวเมือง Santo Fico ทั้งหมด 437 คนอยู่กันอย่างสบาย ๆ ยอมรับว่าโอกาสที่เมืองจะพัฒนาจนรุ่งเรืองนั้นหมดไปแล้ว
ปัจจุบัน พวกเขาลืมความฝัน พอใจกับการนั่งจิบไวน์รับลมเย็น คุยเรื่องดินฟ้าอากาศกับเพื่อน หรือไม่ก็นั่งศึกษาว่าลมพายุเปลี่ยนสีทะเลไทเรเนียน (Tyrrhenian Sea) ยังไง ไม่มัวเสียเวลาปวดหัวครุ่นคิดเรื่องหยุมหยิม...อย่างเช่น อนาคต

แต่ครั้งหนึ่งในอดีต แก๊งสี่สหายวัยรุ่น..ชายสามหญิงหนึ่ง..วางแผนสร้างปาฏิหารย์ด้วยการเปลี่ยนที่นี่เป็นจุดท่องเที่ยว พวกเขาสรุปว่าโบสถ์ประจำเมืองมี The Miracle กับ The Mystery ที่มีประวัติพอจะอวดเขาได้เหมือนกัน ขาดก็แต่การโฆษณา ...

หลังจากนั้น นักท่องเที่ยวที่จะไป Piombino หรือ Orbetello หรือ Punta Ala ต่างพากัน “หลงทาง” มาที่ Santo Fico กันเป็นทิวแถว
กลุ่มหัวโจกทำหน้าที่ไกด์รับทรัพย์มาแบ่งกับบาทหลวง จนเจ้าหน้าที่รัฐเดินทางมาโวยว่าป้ายบอกทางริมถนนใหญ่โดนพวกมือบอนแก้ไข ปาฏิหารย์ช่วงสั้น ๆ จึงจบลง พร้อมกับที่พวกเด็ก ๆ เริ่มเติบใหญ่ เดินไปกันคนละเส้นทาง

ปัจจุบัน ...

เมือง Santo Fico ยังคงเงียบสงบ (เกือบรกร้าง) ปราศจากอาชญากรรมหรือเรื่องเร้าใจ ราวกับว่าพระเจ้าทรงลืมไปแล้วว่ามีเมืองนี้อยู่บนผืนพิภพใบนี้

... บาทหลวง Elio ยังพยายามกระตุ้นชาวบ้านให้เข้าโบสถ์ทุกครั้งที่มีโอกาส บาทหลวงชรายังคงเฝ้ารอสัญญาณจากพระผู้เป็นเจ้ามาตลอด 50 ปี แต่ศรัทธาของเขาในตอนนี้แห้งเหือดเหมือนน้ำพุหน้าลาน

… Maria Gamboni ยังเข้าโบสถ์สารภาพบาปเป็นกิจวัตร หลังสามีของเธอนั่งรถเข้าเมือง Grosseto ไปซื้อเครื่องปั๊มแล้วหายสาบสูญไปเมื่อ 30 ปีก่อน ทิ้งให้เธอเฝ้าฉงนสนเท่ห์ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับสามีสุดที่รัก และทำไมเขาถึงหายไป?

... Guido Pasolini ฉายา Topo (หนู) เป็นหนึ่งในแก๊งสี่สหาย เขาดูแลร้านรับซ่อมจิปาถะของครอบครัว และแสวงหาโอกาสทำเงินอยู่เสมอ

… Marta Caproni Fortino ผู้หญิงคนเดียวในแก๊งสี่สหายและหลานสาวของบาทหลวง Elio เธอกลายเป็นแม่ม่ายลูกสอง สืบทอดกิจการโรงแรม (แห่งเดียวในเมือง) ของครอบครัว และยังเสน่ห์แรงกันทั้งบ้าน

… Franco Fortino เป็นอีกคนหนึ่งในแก๊งสี่สหาย เขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตหลังแต่งงานกับ Marta หลังมีลูกสาวด้วยกันสองคนคือ Carmen และ Nina

… Leo Pizzola สมาชิกแก๊งสี่สหายคนสุดท้ายซึ่งมีประวัติโลดโผนที่สุด เขาหนีไปจากเมืองอย่างลึกลับ ไม่กลับมาดูใจพ่อด้วยซ้ำ และเพิ่งสร้างความฮือฮาครั้งล่าสุดให้คนทั้งเมืองด้วยการกลับมาบ้าน (เพื่อเดินเรื่องขายสมบัติ) ทุกคนในเมืองทำเหมือนเขาเป็นตัวเสนียด และเชื่อกันว่าเขาจะต้องก่อเรื่องอะไรในเร็ววันนี้แน่ Topo เป็นคนเดียวที่ยังคุยกับเขาเหมือนปกติ (กับ Nonno ที่ดูเหมือนจะคิดว่าเขาเป็นใครอีกคนที่ชื่อ Nico)

... Nonno ชายแก่จรจัดที่มาถึงเมืองในสภาพป่วยหนักจนเพ้อ ยังคงยึดขอบน้ำพุเป็นที่สิงสถิตย์ประจำวัน เพ้อเจ้อทักทายคนโน้นคนนี้ที่เผอิญเดินผ่านหน้าลาน มีเจ้าสุนัขแก่หมอบอยู่ข้างตัว

... Solly Puce หนุ่มไปรษณีย์ที่รับ-ส่งไปรษณีย์จากเมืองมา Santo Fico เป็นงานหลัก ตามหลีสาววัยรุ่นใจแตกขี้เหงาในเมืองเล็ก ๆ เป็นงานรอง มาดมั่นใจสุดขีดกับท่ากระตุกประจำตัวเขา

สายวันหนึ่ง รถทัวร์คันหนึ่งหลงเข้ามาในเมือง รถขับวนรอบน้ำพุ ก่อนจะจอดลงหน้าโรงแรมเพื่อปล่อยให้นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษได้แวะพักทานมื้อเที่ยง ... พริบตาเดียว คนทั้งหมู่บ้านก็รู้เรื่องนี้ และพร้อมใจกันมากินมื้อเที่ยงที่โรงแรม

เรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญนี้ฉุดกระชากเมือง Santo Fico ให้ตื่นจากภวังค์หลับไหล

ความรู้สึกหลังอ่าน

มีหนังสือแนวนี้อีกไหม? เป็นหนังสือที่อ่านแล้วสบายอารมณ์ ตอนอ่านเกือบจะเรียกได้ว่าติดหนึบ ขำกิ๊ก ๆ เป็นบางช่วงเพราะไม่นึกว่าคนเขียนแกบรรยายอยู่ดี ๆ แล้วจะหักมุมมาจบประโยคตรงนี้

ตอนท้ายของเรื่องนี่อ่านแล้ว “อิน” จนรู้สึกว่างดงามละเมียดละไม ซาบซึ้งมาก

ตัวละครแต่ละตัวมีความน่ารักในแบบของตัวเอง แล้วก็ไม่ได้ดีแสนดี เกือบทุกคนมีความชั่วร้ายในใจ บางคนก็ทำสิ่งชั่วร้าย แต่สุดท้ายแล้ว ทุกคนก็เลือกทำสิ่งที่ดี ตามประสาชาวบ้านที่ไม่หลงระเริงไปกับกิเลสตัณหา

เนื้อเรื่องเล่าเหตุการณ์ไปเรื่อย ๆ มีขมวดปมในอดีตไว้หน่อย แต่ก็พอเดาออกว่าอะไร ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง Avenging Angelo หรือหนังละตินที่ฮา ๆ จะเข้าใจอารมณ์การเดินเรื่องแบบนี้
ตัวละครจะลงมือทำอะไรแบบปุ๊บปั๊บ ใครคิดอะไรก็ทำ ไม่ได้มีเหตุผลซับซ้อนอะไร และไม่พิรี้พิไรมากเหมือนนิยายบางเรื่อง ไม่มีการบรรยายอะไรที่บีบคั้นอารมณ์ (และเยิ่นเย้อ) มีแต่ action, action, action

หนังสือที่สร้างความรื่นรมย์ในหัวใจ เล่มแรกของปี 2005 ค่ะ จนหมดปีก็ยังไม่เจอเล่มไหนให้อารมณ์นี้อีกเลย




 

Create Date : 02 มกราคม 2549
2 comments
Last Update : 2 มกราคม 2549 21:18:18 น.
Counter : 1345 Pageviews.

 

เล่มนี้ยังไม่มีแปลเป็นไทยใช่มั้ยคะ?

งั้นข้าพเจ้าก็หมดสิทธิ์อ่าน




มาอาศัยบล็อกนี้ตอบว่า

เชียร์ให้อ่านตามผู้เขียนเขียนเหมือนกันค่ะ แต่จริงๆ นะ อยากลบความจำ (หรืออาจต้องทิ้งไว้สักสิบปีค่อยมาอ่านอีกรอบ น่าจะพอได้) แล้วลองอ่านตามที่เค้าๆ เรียงกันอยู่เหมือนกันค่ะ อยากรู้ว่าจะเปลี่ยนไปมั้ย



ถ้าอ่านจบแล้วจะรอไปคุยด้วยนะคะ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 20 มกราคม 2549 16:49:48 น.  

 

เล่มนี้ไม่มีแปลไทยค่ะ

ส่วนนาร์เนียนี่...คงอีกนานกว่าจะได้อ่านรวดเดียว 7 เล่ม
คิดว่าจะรอหาซื้อถูก ๆ น่ะค่ะ หรือไม่ก็ทุ่มทุนซื้อปกแข็งไปเลย

แต่ว่านะ.. สนพ.นี้ไม่ค่อยลดเท่าไหร่ ต่อให้เป็นงานสัปดาห์ก็เหอะ คงได้แต่หวังตามร้าน 50% (ได้ปกแข็ง the witch, the wardrobe มาแล้วเล่มเดียวเอง)

 

โดย: ยาคูลท์ 22 มกราคม 2549 21:35:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.