|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 30 คน [?]
|
ข้าพเจ้าเป็นสุข และเชื่อว่าใครก็ตามซึ่งมีรสนิยมในการอ่านหนังสือดี ย่อมสามารถทนต่อความเงียบเหงาในทุกแห่งได้ -- วาทะของท่านมหาตมะ คานธี
Book Archive by Group
หมายเหตุ: โซน Romance และ การ์ตูน ยังไม่ทำเพราะมีน้อย
|
|
|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
The Miracles of Santo Fico โดย D. L. Smith
เรื่องในเมืองเล็กริมผาบนชายฝั่งทัสคานี่ซึ่งไม่ปรากฏในแผนที่ เมืองที่ดูเหมือนจะเคยมีประวัติศาสตร์รุ่งเรือง...ซึ่งชาวบ้านลืมกันไปแล้ว เมืองที่เคยมีแผนพัฒนา..แต่ดูเหมือนจะล้มเลิกแล้วก็ลืมไปตามกาลเวลา (ถนนหลักไม่เคยตัดเข้าใกล้เมืองเกิน 17 กิโลเมตร) เมืองที่เคยมีน้ำพุไหลปรี่กลางลานหน้าโบสถ์ตลอดเวลา และโบสถ์เป็นศูนย์รวมจิตใจ แต่ปัจจุบัน ลานน้ำพุและโบสถ์รกร้างไร้ผู้คนสนใจ น้ำพุแห้งขอดไม่มีน้ำมาชั่วนาตาปี ชาวบ้านเลิกสนใจแก้ไขไปแล้ว
สรุปง่าย ๆ คือชาวเมือง Santo Fico ทั้งหมด 437 คนอยู่กันอย่างสบาย ๆ ยอมรับว่าโอกาสที่เมืองจะพัฒนาจนรุ่งเรืองนั้นหมดไปแล้ว ปัจจุบัน พวกเขาลืมความฝัน พอใจกับการนั่งจิบไวน์รับลมเย็น คุยเรื่องดินฟ้าอากาศกับเพื่อน หรือไม่ก็นั่งศึกษาว่าลมพายุเปลี่ยนสีทะเลไทเรเนียน (Tyrrhenian Sea) ยังไง ไม่มัวเสียเวลาปวดหัวครุ่นคิดเรื่องหยุมหยิม...อย่างเช่น อนาคต
แต่ครั้งหนึ่งในอดีต แก๊งสี่สหายวัยรุ่น..ชายสามหญิงหนึ่ง..วางแผนสร้างปาฏิหารย์ด้วยการเปลี่ยนที่นี่เป็นจุดท่องเที่ยว พวกเขาสรุปว่าโบสถ์ประจำเมืองมี The Miracle กับ The Mystery ที่มีประวัติพอจะอวดเขาได้เหมือนกัน ขาดก็แต่การโฆษณา ...
หลังจากนั้น นักท่องเที่ยวที่จะไป Piombino หรือ Orbetello หรือ Punta Ala ต่างพากัน หลงทาง มาที่ Santo Fico กันเป็นทิวแถว กลุ่มหัวโจกทำหน้าที่ไกด์รับทรัพย์มาแบ่งกับบาทหลวง จนเจ้าหน้าที่รัฐเดินทางมาโวยว่าป้ายบอกทางริมถนนใหญ่โดนพวกมือบอนแก้ไข ปาฏิหารย์ช่วงสั้น ๆ จึงจบลง พร้อมกับที่พวกเด็ก ๆ เริ่มเติบใหญ่ เดินไปกันคนละเส้นทาง
ปัจจุบัน ...
เมือง Santo Fico ยังคงเงียบสงบ (เกือบรกร้าง) ปราศจากอาชญากรรมหรือเรื่องเร้าใจ ราวกับว่าพระเจ้าทรงลืมไปแล้วว่ามีเมืองนี้อยู่บนผืนพิภพใบนี้
... บาทหลวง Elio ยังพยายามกระตุ้นชาวบ้านให้เข้าโบสถ์ทุกครั้งที่มีโอกาส บาทหลวงชรายังคงเฝ้ารอสัญญาณจากพระผู้เป็นเจ้ามาตลอด 50 ปี แต่ศรัทธาของเขาในตอนนี้แห้งเหือดเหมือนน้ำพุหน้าลาน
Maria Gamboni ยังเข้าโบสถ์สารภาพบาปเป็นกิจวัตร หลังสามีของเธอนั่งรถเข้าเมือง Grosseto ไปซื้อเครื่องปั๊มแล้วหายสาบสูญไปเมื่อ 30 ปีก่อน ทิ้งให้เธอเฝ้าฉงนสนเท่ห์ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับสามีสุดที่รัก และทำไมเขาถึงหายไป?
... Guido Pasolini ฉายา Topo (หนู) เป็นหนึ่งในแก๊งสี่สหาย เขาดูแลร้านรับซ่อมจิปาถะของครอบครัว และแสวงหาโอกาสทำเงินอยู่เสมอ
Marta Caproni Fortino ผู้หญิงคนเดียวในแก๊งสี่สหายและหลานสาวของบาทหลวง Elio เธอกลายเป็นแม่ม่ายลูกสอง สืบทอดกิจการโรงแรม (แห่งเดียวในเมือง) ของครอบครัว และยังเสน่ห์แรงกันทั้งบ้าน
Franco Fortino เป็นอีกคนหนึ่งในแก๊งสี่สหาย เขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตหลังแต่งงานกับ Marta หลังมีลูกสาวด้วยกันสองคนคือ Carmen และ Nina
Leo Pizzola สมาชิกแก๊งสี่สหายคนสุดท้ายซึ่งมีประวัติโลดโผนที่สุด เขาหนีไปจากเมืองอย่างลึกลับ ไม่กลับมาดูใจพ่อด้วยซ้ำ และเพิ่งสร้างความฮือฮาครั้งล่าสุดให้คนทั้งเมืองด้วยการกลับมาบ้าน (เพื่อเดินเรื่องขายสมบัติ) ทุกคนในเมืองทำเหมือนเขาเป็นตัวเสนียด และเชื่อกันว่าเขาจะต้องก่อเรื่องอะไรในเร็ววันนี้แน่ Topo เป็นคนเดียวที่ยังคุยกับเขาเหมือนปกติ (กับ Nonno ที่ดูเหมือนจะคิดว่าเขาเป็นใครอีกคนที่ชื่อ Nico)
... Nonno ชายแก่จรจัดที่มาถึงเมืองในสภาพป่วยหนักจนเพ้อ ยังคงยึดขอบน้ำพุเป็นที่สิงสถิตย์ประจำวัน เพ้อเจ้อทักทายคนโน้นคนนี้ที่เผอิญเดินผ่านหน้าลาน มีเจ้าสุนัขแก่หมอบอยู่ข้างตัว
... Solly Puce หนุ่มไปรษณีย์ที่รับ-ส่งไปรษณีย์จากเมืองมา Santo Fico เป็นงานหลัก ตามหลีสาววัยรุ่นใจแตกขี้เหงาในเมืองเล็ก ๆ เป็นงานรอง มาดมั่นใจสุดขีดกับท่ากระตุกประจำตัวเขา
สายวันหนึ่ง รถทัวร์คันหนึ่งหลงเข้ามาในเมือง รถขับวนรอบน้ำพุ ก่อนจะจอดลงหน้าโรงแรมเพื่อปล่อยให้นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษได้แวะพักทานมื้อเที่ยง ... พริบตาเดียว คนทั้งหมู่บ้านก็รู้เรื่องนี้ และพร้อมใจกันมากินมื้อเที่ยงที่โรงแรม
เรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญนี้ฉุดกระชากเมือง Santo Fico ให้ตื่นจากภวังค์หลับไหล
ความรู้สึกหลังอ่าน
มีหนังสือแนวนี้อีกไหม? เป็นหนังสือที่อ่านแล้วสบายอารมณ์ ตอนอ่านเกือบจะเรียกได้ว่าติดหนึบ ขำกิ๊ก ๆ เป็นบางช่วงเพราะไม่นึกว่าคนเขียนแกบรรยายอยู่ดี ๆ แล้วจะหักมุมมาจบประโยคตรงนี้
ตอนท้ายของเรื่องนี่อ่านแล้ว อิน จนรู้สึกว่างดงามละเมียดละไม ซาบซึ้งมาก
ตัวละครแต่ละตัวมีความน่ารักในแบบของตัวเอง แล้วก็ไม่ได้ดีแสนดี เกือบทุกคนมีความชั่วร้ายในใจ บางคนก็ทำสิ่งชั่วร้าย แต่สุดท้ายแล้ว ทุกคนก็เลือกทำสิ่งที่ดี ตามประสาชาวบ้านที่ไม่หลงระเริงไปกับกิเลสตัณหา
เนื้อเรื่องเล่าเหตุการณ์ไปเรื่อย ๆ มีขมวดปมในอดีตไว้หน่อย แต่ก็พอเดาออกว่าอะไร ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง Avenging Angelo หรือหนังละตินที่ฮา ๆ จะเข้าใจอารมณ์การเดินเรื่องแบบนี้ ตัวละครจะลงมือทำอะไรแบบปุ๊บปั๊บ ใครคิดอะไรก็ทำ ไม่ได้มีเหตุผลซับซ้อนอะไร และไม่พิรี้พิไรมากเหมือนนิยายบางเรื่อง ไม่มีการบรรยายอะไรที่บีบคั้นอารมณ์ (และเยิ่นเย้อ) มีแต่ action, action, action
หนังสือที่สร้างความรื่นรมย์ในหัวใจ เล่มแรกของปี 2005 ค่ะ จนหมดปีก็ยังไม่เจอเล่มไหนให้อารมณ์นี้อีกเลย
Create Date : 02 มกราคม 2549 |
|
2 comments |
Last Update : 2 มกราคม 2549 21:18:18 น. |
Counter : 1345 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ยาคูลท์ 22 มกราคม 2549 21:35:13 น. |
|
|
|
|
|
|
งั้นข้าพเจ้าก็หมดสิทธิ์อ่าน
มาอาศัยบล็อกนี้ตอบว่า
เชียร์ให้อ่านตามผู้เขียนเขียนเหมือนกันค่ะ แต่จริงๆ นะ อยากลบความจำ (หรืออาจต้องทิ้งไว้สักสิบปีค่อยมาอ่านอีกรอบ น่าจะพอได้) แล้วลองอ่านตามที่เค้าๆ เรียงกันอยู่เหมือนกันค่ะ อยากรู้ว่าจะเปลี่ยนไปมั้ย
ถ้าอ่านจบแล้วจะรอไปคุยด้วยนะคะ