เรื่องทั่วไปของแมว

เรื่องทั่วไปของแมว
แมวมีชื่อเรียกเป็นภาษาลาตินว่า Felis Catus หรือ Felis domestica ซึ่งชื่อนี้ก็คือชื่อวิทยาศาสตร์ของแมวนั่นเอง ชื่อทั้งสองนี้เรียกใช้กันมาตั้งแต่ เมื่อปี ค.ศ.1758 สำหรับ ชื่อสามัญในภาษาอังกฤษก็เรียกว่า Cats หรือ Dormestic cats หรือ House cats อยู่ในตระกูล Family Felidae อันดับ Order Carmivora ชั้น Class Mammalia ไฟลัม Phylum Chordata อาณาจักร Kingdom Animalia

สำหรับทางวิชาสาขาสิ่งมีชีวิตโบราณ ได้มีการตั้งชื่อให้ว่า Miacis แมวตระกูล นี้มีเกิดมาแล้วกว่า 50 ล้านปี และมีการวิวัฒนาการโดยมีสัตว์ลักษณะคล้ายแมว เรียกว่า Dinistis มีขึ้นมาเป็นระยะเวลามากกว่า 10 ล้านปี มีขนาดของลำตัวและรูปร่างเท่ากับแมวป่าดูเหมือนผันของสุนัข ซึ่งแมวในยุคสมัยหนึ่งล้านปีก่อนยุคที่มนุษย์เพิ่งจะเกิด ขึ้นบนโลก ได้รับวิวัฒนาการมาจาก Dinistis มีฟันเหมือนพวกสุนัขและเสือ แต่ปัจจุบันสัตว์ชนิดนี้ได้สูญพันธุ์ไปแล้ว ต้นตระกูลของแมวแยกมาจากเสือไซบีเรียน ที่มีช่วงลำตัวนับตั้งแต่บริเวณจมูกมาถึงปลายหางยาวประมาณ 4เมตร หรือมากกว่า 13 ฟุต ผิวลำตัวบายดอกมีจุดสีน้ำตาลทึบ สำหรับแมวที่มีต้นตระกูลอยู่ในประเทศอินเดียและศรีลังกามีช่วงลำตัวยาวมากกว่า 60 เซนติเมตร หรือ 2 ฟุต ได้มีการรวบรวมสายพันธุ์แมวไว้ทั้งหมดไว้ถึง 36 ชนิด โดยจัดแมวทั้งหมดไว้ตระกูลเดียวกันกับ สิงโตและเสือดาว

สำหรับแมวบ้านพันธุ์ต่างๆที่เลี้ยงกันอยู่ทุกวันนี้ถือเป็นแมวชนิดเดียวกันหมดโดยมีความ สำพันธ์ไกล้ชิดกับแมวป่า อันเป็นสายพันธุ์ ดั่งเดิมเก่าแก่ของโลก

:: แมวไทย ::

ทั้งๆที่ได้ชื่อว่าเป็นแมวไทยแต่คนไทยน้อยคนที่รู้จักว่าแมวไทยพันธุ์แท้นั้นมีลักษณะรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร แมวที่รู้จักพบเห็นกันทั่ว ๆ ไป อาทิ ลายเสือบ้าง แต้มขาวดำบ้าง หรือพวกตาสีเหลืองตัวค่อนข้างใหญ่ เหล่านี้ ไม่ใช่แมวไทย ส่วนใหญ่เชื่อกันว่าเป็นแมวจีนหรือแมวจากที่อื่นติดเรือมาในการค้าขายสมัยโบราณ ทว่าแมวไทยพันธุ์แท้นั้นกลับไปมีชื่อเสียงโด่งดังและได้รับความนิยมเลี้ยงกันมากในต่างประเทศมากกว่า ในเมืองไทยถิ่นกำเนิดของมันเองเสียอีกทั้งได้รับการยกย่องจากทั่วโลกว่าเป็นพันธุ์อินเลิศพันธุ์หนึ่งในโลก และมีความประหลายมหัศจรรย์ยิ่งกว่าแมวใด ๆ เมื่อปี พ.ศ. 2427 ชาวอังกฤษชื่อนายโอเวน กูลด์ (Owen Gould) กงสุลอังกฤษประจำกรุงเทพ ฯ ได้นำแมวไทยตัวผู้และตัวเมียคู่หนึ่งจาก ประเทศไทยไปฝากน้องสาวที่อังกฤษ อีกหนึ่งปีต่อมาแมวคู่นี้ถูกส่งเข้าประกวดในงานประกวดแมวที่ The Crystal Palace กรุงลอนดอน ผลปรากฏว่าได้ที่หนึ่ง ทำให้ชาวอังกฤษพากันตื่นเต้นเลี้ยงแมวไทย กันมากขึ้นจนถึงขั้นตั้งเป็นสโมสรแมวไทยเมื่อปี พ.ศ. 2443 มีชื่อว่าThe Siamese Cat Clubs

ต่อมา ในปี พ.ศ. 2471 ก็มีการตั้งสมาคมแมวไทยแห่งจักรวรรดิอังกฤษ หรือ The Siamese Cat Society of the British Empire ขึ้นอีกสามคมหนึ่งแมวไทยที่นายโอเวน กูลด์ นำไปจากเมืองไทยนั้น มีแต้มสีครั่งหรือ สีน้ำตาลไหม้ที่บริเวณหน้า หูสองข้าง เท้าทั้งสี่ หางและอวัยวะเพศทั้งตัวผู้และตัวเมีย รวมเก้าแห่ง นับเป็น แต้มสีที่อยู่ในตำแหน่งอันเหมาะเจาะจนเหลือเชื่อ แตกต่างจากแมวพันธุ์อื่นที่มักมีแต้มสีเลอะเทอะไม่เรียบร้อย และเมื่อนำแมวไทยไปผสมกับแมวพันธุ์อื่น ก็ได้แต้มสีตามร่างกายตามตำแหน่งเดียวกันเสมอแต่รูปร่างจะไม่ สง่างามเท่าและอุปนิสัยจะไม่ตกทอดไปยังแมวลูกผสมด้วย นอกจากความประหลาดในเรื่องแต้มสีนี้แล้ว รูปร่างของมันก็น่ารักไม่ใหญ่เทอะทะเกินไป มีความงามสง่า และมีขนสั้นแน่น อ่อนนุ่มไปทั้งเรือนร่าง ทั้งยังมีนัยน์ตาสีฟ้าสดใสลึกซึ้งเหมือนกับตาฝรั่งซึ่งแมวอื่นไม่มี แมวไทยชนิดนี้เป็นแมวไทยพันธุ์แรกที่ฝรั่ง รู้จัก จึงมักเรียกกันทั่วไปว่า Siamese Cat หรือ Seal Point (แมวแต้มสีครั่ง) ส่วนในสมุดข่อยโบราณของไทยให้ชื่อแมวไทยลักษณะนี้ว่า "วิเชียรมาศ" พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงเป็นผู้มอบแมววิเชียรมาศนี้ให้กับนายโอเวน กูลด์ และต่อมาทรงเห็นว่าแมวไทยเป็นสัญลักษณ์ ที่สามารถทำให้ประเทศทั่วโลกรู้จักประเทศไทยดีขึ้น จึงได้พระราชทานแมวไทยให้กับประเทศเพื่อนบ้านหลาย ประเทศ เช่น อเมริกา ในปี พ.ศ. 2433 จากผลงานของพระองค์ทำให้แมวไทยและประเทศมีชื่อเสียงไปทั่วโลก

ในสมัยนั้นคุณสมบัติสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้แมวไทยเหนือกว่าแมวอื่นใดในโลกก็คือ อุปนิสัยของแมวไทย แมวไทยมีความฉลาด รักบ้าน รักเจ้าของ มีความเป็นตัวของตัวเอง รู้จักคิด รู้จักประจบ และที่ฝรั่งยกย่อง แมวไทยมากที่สุดก็คือ ความรักอิสรภาพของตัวเองเป็นชีวิตจิตใจ อิสระที่จะไปไหนก็ได้ตามใจชอบ อิสระที่ดื่ม และกินเมื่อมันกระหายหรือหิว อิสระเสรีภาพเป็นสิ่งที่แมวไทยถือเป็นบุคลิกประจำตัว และด้วยสิ่งนี้เองที่ทำให้แมวไทย เป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักมากที่สุดในโลกแมวไทยจึงเป็นแมวที่ต้องเลี้ยงอย่างเป็นเพื่อน มันจะอยู่เฉพาะกับเจ้าของที่ให้ความรักให้ความเป็นเพื่อนกับมันเท่านั้น

เป็นที่น่าประหลาดว่าการ ผสมพันธุ์ระหว่างแมวไทยกับแมวต่างชาตินั้น แม้ว่าจะได้แมวลักษณะรูปร่างหรือสีแบบแมวไทย แต่จะไม่ได้อุปนิสัย ของแมวไทยไปด้วย นอกจากจะผสมระหว่างแมวไทยด้วยกันจึงจะคงอุปนิสัย สีสัน รูปร่างต่าง ๆ ไว้ได้ อย่างครบถ้วนอันที่จริงแล้วแมวไทยมิใช่จะมีแต่เพียงแมววิเชียรมาศ ตามหลักฐานในสมุดข่อยโบราณได้ กล่าวถึงแมวไทยไว้ถึง 23 ชนิด เป็นแมวดี (แมวให้คุณ) 17 ชนิด และแมวร้าย (แมวให้โทษ) 6 ชนิด ซึ่งในปัจจุบันนี้แมวให้คุณ ซึ่งเป็นแมวไทยพันธุ์โบราณแท้ ๆ นั้น ได้สูญพันธุ์ไปแล้วถึง 13 ชนิด เหลือ ให้คนรุ่นเราได้ชื่นชมเพียง 4 ชนิดเท่านั้น




 

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2553
0 comments
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2553 15:22:26 น.
Counter : 260 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


youpade
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
20 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add youpade's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.