การเล่นกีตาร์คือสิ่งที่ผมรัก (1)
ความไพเราะของเสียงกีตาร์โปร่ง - เสียงกีตาร์โปร่ง ฟังแล้วเป็นอะไรที่ลื่นหูมากๆ สามารถสร้าง Feeling บางอย่างได้ ยิ่งการที่ได้เล่นไปแล้วร้องเพลงไป ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มีความสุข
ความคลั่งไคล้ในเสียงกีตาร์ไฟฟ้า - ถ้าเสียงเปล่าๆ ชอบของ Fender ครับ มันเป็นอะไรที่นุ่ม แต่มีพลัง เหมาะที่จะเล่นเพลงแจ๊สเป็นอย่างมาก ถ้าเสียงเอฟเฟคแน่นอนครับ ต้อง Distorion หนาๆผสมเสียง Delay นิดๆ เพียงเท่านี้วิญญาณผมก็แทบจะวิ่งออกไปตามเสียงกีตาร์ ในขณะที่เล่นมันออกมา
การเล่นกีตาร์ของผมมีพื้นฐานมาจาก ดนตรีร็อค ทำให้เวลาฟัง มันต้องแนวนี้เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น เฮฟวี่เมทัลร็อค, โมเดิร์นร็อค, ฮาร์ดคอร์ ฯลฯ แต่คนที่กะจะเอาดีทางด้านนี้จริงๆ จำเป็นต้องฟังทุกแนวครับ
ศิลปินไทยที่ชอบ - ก็ไม่ต่างกับวัยรุ่นทั่วไป อาทิ ยุคใหม่ก็มี บอดี้แสลม, โปเตโต้, บิ๊กแอส ส่วนรุ่นเก๋าๆ ก็มี หิน เหล็ก ไฟ หรือ The Sun , Blackhead, Hi-Rock เป็นต้น
ศิลปินต่างประเทศ - Mr.Big, Racer X, Dream Theatre นอกจากนี้ยังฟังพวกกีตาร์ฮีโร่ด้วย เช่น Pual Gilbert, Steve Vai, Joe Satriani, Vinnie Moore เป็นต้น
- ประสบการณ์ในการเล่นกีตาร์
เสียงกีตาร์อันดุดัน ของ วง หินเหล็กไฟ ลูกโซโล่อันรวดเร็วปานจรวด ในเพลง สัญญาปีศาจ และซึ้งจนแทบบาดใจ ในเพลง เพื่อเธอ ที่ถ่ายทอด คุณจักรินทร์ ดวงมณีรัตนชัย (ป๊อป เดอะซัน) คือแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมอยากเล่นกีตาร์ ตั้งแต่ในวัยประมาณ 13-14 ขวบ
กีตาร์โปร่งตัวแรกของผม ยี่ห้อ Santana ในราคา 2,400 บาท แม่ซื้อให้เพราะ แม่บอกว่าเล่นกีตาร์ก็ดีกว่าเล่นเกมส์ จากนั้นผมก็ฝึกเล่นเองตลอด ทั้งสอบถามคนอื่นบ้าง อ่านตำราบ้าง โดยไม่เคยไปเรียนเลย
ในกลุ่มเพื่อนๆผมเปรียบเสมือนตู้เพลงเดินได้ เพราะไม่ว่าใครจะร้องเพลงอะไรมา ผมจะเล่นได้หมด (ถ้าเคยผ่านหูนะ) ทำให้เพื่อนๆขาดผมไม่ได้เลยในวงเหล้า สถานที่เล่นประจำจริงๆ คือที่ พระราม 8 ซึ่งแต่ก่อนนั่งเล่นกันถึงเช้า แต่เดี๋ยวนี้ 4 ทุ่มก็มาไล่แล้ว - -"
ช่วงที่ผมได้เห็น Pual Gilbert เล่น เค้าเป็นนักกีตาร์ลมกรดที่มีแนวทางเป็นของตัวเอง มีการเล่นที่รวดเร็วชัดเจนทุกตัวโน้ต ทั้งสำเนียงที่ออกมายังไพเราะด้วย ทำให้ผมมีความคิดที่จะเล่นให้ได้อย่างเขา ในช่วงนั้นจับกีตาร์เมื่อไหร่ ก็จะปั่น Scale กันยิกๆ แต่พูดตรงๆเลยว่า ไม่มีประโยชน์ครับ การเล่นกีตาร์ไม่ได้วัดกันที่ความเร็ว แต่วัดกันที่ จังหวะ ความชัดเจน และความถูกต้องมากกว่า ทำให้ช่วงหลังผมหันมาฝึกเล่นแนวคลาสสิก (Classic) มากขึ้น
ความตื่นเวทีครั้งสำคัญที่สุด คือการได้ขึ้นไปเล่น บนเวทีลานเบียร์ ณ เซ็นทรัลปิ่นเกล้า นับว่าเป็นการเล่นของผมที่ใหญ่ที่สุดแล้ว ที่จริงผมเคยผ่านเวทีมาแล้วพอสมควร แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการประกวดระดับโรงเรียนซะมากกว่า การได้เล่นท่ามกลางผู้ชมร่วมแปลกหน้ามากมายที่คอยจ้องเราบนเวที มันเป็นอะไรที่กดดันมาก คิดแล้วยังเครียดไม่หายเลยครับ เพราะมีโซโล่พลาด และเล่นหลุดเล็กน้อย
Create Date : 03 ธันวาคม 2550 |
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2551 9:56:54 น. |
|
1 comments
|
Counter : 520 Pageviews. |
|
|
|
โอ้ ประสบการณ์ ล้นมือ เลยนะเนียะ
ผมว่าคนไทย ส่วนใหญ่ คุ้นหูกัสำเนียง ไม่ว่าจะเป้นร็อค พ็อพ หรืออะไรก็แล้วแต่ แล้วมันทำให้เด็ก ๆ รับเอาวัฒนธรรมของแนวเพลงไปโดยปริยาย จึงเกิดการ ที่เค้าเรียกกันว่า แบ่งแยกเผ่าพันธ์ ... อันนี้เป้ฯสิ่งที่น่าขยะแขยงมักๆ ** ยอมรับว่าผมเองก็โตมากับสำเนียงร็อกพ็อพ ที่เล่นกันซ้ำไป มา จนเดาได้ทุกๆ ครั้งที่ฟัง มองข้าฝั่งไปยังเมือง ญี่ปุ่นที่ มีกล่มแฟนเพลงหนาแน่ มาก และพวกเขาไม่แยกแยะว่าจะเป้นแนวอะไร เค้าฟังได้หมด
.. ไล่ไปตั้งแต่ ดนตรี หนักๆ อย่าง เดธเมทัล แธรช / สปีต ร็อค ไปจนถึง อาร์เเอนด์ บี ยังมาเล่นในเวทีเดียวกันได้
แปลกมั้ยล่ะ กับคนไทยที่ว่า มาง เป็นอีโม ตูเป็นพ็อพ อย่าหวัง ว่าจะได้เห็นหน้ากันบทเวที ...555 บ่นๆ กันไปฮะ
ยินดีที่ได้รู้จักกับนักดนตรีอีกคนนะฮะ ตอนนี้กำลังหัดฟังเพลงครับ (เล่นดนตรีไม่เป็นง่ะ) เน้นร็อค เหมือนอย่างวัยรุ่นทั่วไปน่ะเเหละ ++ ร็อค(นะน้องร็อค)มันทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวยน่ะ ช่วงนี้จะหาฟังเพลงสบายๆ แล้ล่ะครับ เพลงเบาๆ นุ่มๆ โฟล์ค บลู แจ๋ส ก็ฟังนะ แต่ต้องมีร็อคจี้ด มาเข่ย่า หน่อยน่ะ ....... (ฟังสากลฮะ แต่แปลไม่ออกเลยซักเพลง 555+)