Mystic River : ปมแค้นฝังแม่น้ำ
My Score : 9/10
ยังไม่เคยเขียนวิจารณ์หนังของผู้กำกับที่ว่ากันว่าดีที่สุดในโลกอย่าง Clint Eastwood เลย ซึ่งปู่คลิ้นต์นั้นกำลังมีหนังเรื่องใหม่อย่าง Changeling ที่รับบทนำโดย Angelina Joelie ที่ว่ากันว่าเป็นตัวเต็งที่จะเข้าชิงออสการ์ประจำปีนี้ด้วย วันนี้เลยถือโอกาสหยิบยกหนังของแกมาเขียน ซึ่งถือเป็นหนังในดวงใจเรื่องหนึ่งของผมเหมือนกัน ..
Mystic River หนังชีวิตกึ่งสืบสวนที่รวบรวมดาราออสการ์ไว้ถึง 3 คน เป็นเรื่องราวของเพื่อนทั้ง 3 คน (จิมมี่, ฌอน, เดฟ) ที่โศกนาฏกกรมในวัยเด็กที่เกิดขึ้นกับคนหนึ่งในนั้นเป็นผลพวงอันทำให้ความสัมพันธ์ของคนทั้ง 3 คนต้องเปลี่ยนไป เมื่อเวลาผ่านไปหลายปีต่างคนต่างมีครอบครัว แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อ "เคที่" ลูกสาวของจิมมี่ถูกฆาตกรรม ส่งผลให้เพื่อนทั้ง 3 คนต้องกลับมาพบกันอีกครั้งโดยมีปมในอดีตฝังอยู่ลึกๆ ..
จิมมี่ (รับบทโดย Sean Penn) มีนิสัยก้าวร้าวมาตั้งแต่วัยเด็ก และเขานั่นเองที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เดฟต้องเจอกับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตเมื่อครั้นยังเด็ก จิมมี่ย่อมรู้ดีแก่ใจ แต่เรื่องที่มันผ่านไปแล้วเขาก็ไม่เคยที่จะคิดถึงมัน หรือสำนึกผิดแต่อย่างใด เขายังคงพูดคุยกับเดฟเหมือนเพื่อนสนิท และไม่เคยเอ่ยปากพูดถึงเรื่องนั้นในอดีตอีก สิ่งที่จิมมี่รักที่สุดในชีวิตมีเพียงแต่ลูกสาวสุดที่รัก และก็เป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้จิมมี่เปลี่ยนแปลงข้อเสียหลายๆอย่างที่มีอยู่ในตัวให้ดีขึ้น ..
ณอน (รับบทโดย Kevin Bacon) เป็นตำรวจที่มีปัญหาในชีวิตคู่ ผิดใจกับภรรยาจนต้องแยกกันอยู่ และต่างคนต่างก็ไม่กล้าที่จะเปิดอกคุยกัน ทั้งๆที่ยังรักกันอยู่ เมื่อลูกสาวของจิมมี่เสียชีวิต ฌอนจึงได้รับมอบหมายให้เข้ามาสืบหาคนร้ายที่ก่อเหตุฆาตกรรมครั้งนี้ ..
เดฟ (รับบทโดย Tim Robbins) มีบุคลิกเหมือนคนอมทุกข์อยู่ตลอดเวลา มีไม่ความเชื่อมั่นในตนเอง ขี้กลัวและหวาดระแวงไปทุกเรื่อง เดฟโชคดีมากที่ได้ภรรยาที่น่ารัก คอยดูแลเขาไม่เคยห่าง เมื่อเดฟเจอกับจิมมี่อีกครั้ง เดฟจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะสวมหน้ากากในการเข้าหาจิมมี่ เนื่องจากโศกนาฏกกรมในวัยเด็กทำให้เขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง และเหตุการณ์ครั้งนั้นยังคงตามมาหลอกหลอนเขาอยู่เสมอ จนบางครั้งเขาอาจจะทำสิ่งที่รุนแรงอย่างไม่คาดฝันขึ้นมาก็เป็นได้ ..
เหตุการณ์สำคัญในคืนที่เคที่หายตัวไป เดฟได้พบกับเคที่ในผับแห่งหนึ่ง และก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เดฟได้เห็นเธอก่อนจะแยกย้ายกันกลับ และเมื่อเดฟกลับมาบ้านพร้อมกับรอยเลือด และบาดแผลที่ติดตัวมา เขาจึงยอมรับกับภรรยาว่าเขาได้ฆ่าคนเพื่อช่วยเด็กชายคนหนึ่งที่กำลังจะถูกทำร้ายเหมือนที่เขาเองโดนในวัยเด็ก ซึ่งเดฟต้องการที่จะแก้แค้นปมในอดีตของตัวเอง แต่ในเบื้องต้นภรรยาของเขายังไม่ปักษ์ใจเชื่อมากนัก
แน่นอนว่าการสืบสวนของฌอนจะต้องมีชื่อเดฟอยู่ในบัญชี เนื่องจากเป็นคนที่พบเคที่ในคืนสุดท้าย และเมื่อจิมมี่เริ่มสงสัยในตัวเดฟ เขาจึงสะกดรอยตามเดฟอย่างไม่ขาดสาย จนเมื่อถึงวันๆหนึ่งที่ทั้งคู่หยิบยกเรื่องราวอันเลวร้ายในอดีตขึ้นมาเปิดประเด็นคุยกัน ไฟร้อนที่อยู่ในตัวของเดฟจึงระเบิดออกมา ทำให้จิมมี่มีความคิดว่าเดฟต้องการจะแก้แค้นเรื่องในอดีต (ตัวอักษรสีเหลือง Spoil อย่างหนัก ไม่อยากรู้เรื่องราวสำคัญโปรดเลี่ยงนะครับ) ใช่แล้วเมื่อประเด็นในอดีตถูกหยิบยกมาพูดกัน ทำให้ทั้งคู่มีอารมณ์ จิมมี่คิดว่าต้องการแก้แค้นโดยการฆ่าลูกสาว น้ำหนักยิ่งชัดเจนมากขึ้นเมื่อจู่ๆภรรยาของเดฟซึ่งสนิทกับจิมมี่อยู่แล้ว บอกกับจิมมี่ว่า เดฟฆ่าลูกสาวของเขา จิมมี่พร้อมกับพวกจึงได้นัดเดฟมาที่แม่น้ำเพื่อให้เดฟสารภาพผิดโดยการใช้ปืนขู่ ซึ่งถ้าเดฟสารภาพซะจิมมี่ก็จะไว้ชีวิต เพราะฉะนั้นเดฟจึงมีทางเลือก 2 ทางคือสารภาพว่าฆ่าเคที่ทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำอย่างนั้นจริงๆ กับยืนยันว่าตัวเองบริสุทธิ์แต่ต้องแลกด้วยความตาย ซึ่งเดฟเลือกที่จะขอชีวิตตัวเองโดยการบอกว่าเขาฆ่าเคที่ แต่ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็แล้วแต่ จิมมี่พร้อมที่จะฆ่าเดฟอยู่แล้ว เดฟจึงถูกยิงและเอาศพไปโยนลงแม่น้ำ .. วันต่อมาฌอนจับตัวคนร้ายได้พอดี ซึ่งก็คือน้องชายของแฟนเคที่นั่นเอง เมื่อจิมมี่ได้ทราบข่าวแล้วก็ถึงกับเสียสติ เพราะนอกจากจะสูญเสียลูกสาวแล้ว เขายังฆ่าเพื่อนสนิทที่เป็นคนบริสุทธิ์ไปอย่างไม่น่าให้อภัย ถึงแม้จิมมี่จะไม่ถูกดำเนินคดี แต่ฝันร้ายครั้งนี้คงตามหลอกหลอนเขาไปชั่วชีวิตอย่างแน่นอน ..
ความประทับใจ
1. ความหนักหน่วง: คนที่ไม่ชอบอะไรที่มันหนักๆ กระแทกๆ ถ้าอยากข้ามเรื่องนี้ไปก็ไม่ว่ากัน ดูจบแล้วมีอะไรให้เก็บมาคิดเยอะ พร้อมกับความเศร้า ความหดหู่ ความสะเทือนใจ ที่มากับบทสรุปที่เจ็บแสบ และทำร้ายคนดู
2. บท: Clint Eastwood ทั้งกำกับและเขียนบท ทำการบ้านมาอย่างดี มีความเข้าใจในเรื่องของความรู้สึก จิตวิทยา เรื่องพระเจ้า และโลกแห่งความเป็นจริง ทั้งยังรวมไปถึงองค์ประกอบเล็กๆน้อยๆที่สื่อภายในเรื่อง มีอะไรให้คนดูต้องคิดตาม และสงสัยอยู่ตลอด
3. การแสดง: รางวัลออสการ์นักแสดงนำชาย (Sean Penn) และสมทบชายยอดเยี่ยมการันตีอยู่แล้ว (Tim Robbins) ซึ่ง 2 คนนี้ต้องชื่นชมเป็นพิเศษ (แต่มีข้อสังเกตว่า Sean Penn ร้องไห้ไม่ยักจะมีน้ำตาแฮะ ^ ^) ส่วน Kevin Bacon ในบทของตำรวจหนุ่มดูจะไม่ใช่บทที่ต้องใช้ความสามารถอะไรมากจึงถูก 2 คนแรกแย่งซีนไปหมดเลย (ตรงกันข้ามกับบทบาทในเรื่อง Death Sentence เลยที่ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะทำได้...!!! )
4. การเล่าเรื่อง: มีการปูพื้นมาอย่างดี และมีการเล่าย้อนเหตุการณ์กลับไปกลับมา ถ้าจับประเด็นได้และไม่ง่วงซะก่อน จะทำให้การชมในครึ่งหลังของเรื่องเป็นไปอย่างน่าสนุกและน่าติดตาม เพราะมันก็ไม่ต่างกับหนังสืบสวนมากนัก
สรุป: ถือเป็นหนังชีวิต (จะว่าน้ำเน่านิดๆก็ไม่ว่ากัน) ที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน หนังมีชั้นเชิงในการเล่าเรื่อง และจับอารมณ์คนดูได้อยู่หมัด ซึ่งชื่อของปู่คลิ้นต์ก็การันตีอยู่แล้ว ปู่แกมีความโดดเด่นในการสร้างหนังชีวิตมากๆ (ที่แนะนำอีกก็มี Million Dollar Baby, Letters from Iwo Jima) ในความเป็นดราม่าแต่ก็แฝงไปด้วยข้อคิดต่างๆมากมาย ถ้ามีเวลาผมก็จะพยายามหาหนังของแกมาดูให้หมด เพราะผมเป็นคอดราม่าอยู่แล้ว เพื่อนๆก็เหมือนกันถ้าชอบแนวนี้ล่ะก็รีบหามาดูเลยนะครับสำหรับ Mystic River ปมรักฝังแม่น้ำ
เราทุกคนเคยทำผิดพลาดกันทั้งสิ้น และความผิดนั้นก็ติดอยู่ในตัวกลายเป็นตราบาปไปตลอด ใครทำกรรมใดไว้ก็ต้องชดใช้กรรมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่หากเป็นความผิดที่ก่อให้เกิดความเครียดแค้นขึ้นระหว่างคนทั้งสองคนแล้ว การแก้แค้นคงไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด เพราะการแก้แค้นตอบสนองอารมณ์ได้เพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้น ความสะใจได้มาแค่เวลานั้น แต่เมื่ออารมณ์สะใจหมดไปแล้ว เราคงอยากจะย้อนเวลากลับไปหาวิธีอื่นที่มันดีกว่านี้ การแก้แค้นกันมีแต่จะสร้างความรุนแรงให้มากขึ้น ก็เหมือนกับภาวะบ้านเมืองของเราทุกวันนี้ ผมคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่เราจะทำได้คือ การมีสติ และการให้อภัย หรือถ้าความผิดนั้นมันยากเกินที่จะให้อภัยแล้วล่ะก็ บางทีการปล่อยวางอาจเป็นวิธีที่ดีกว่า
Create Date : 28 พฤศจิกายน 2551 |
|
6 comments |
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2551 11:49:42 น. |
Counter : 18244 Pageviews. |
|
|
|
แวะมาทักทายกันก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์
มีความสุขในวันพักผ่อนเด้อ