Group Blog
 
 
กันยายน 2550
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
17 กันยายน 2550
 
All Blogs
 
รักแรก แรกรัก


สายลมยามเย็นพัดผ่านคลอเคลียแก้มใสเบาๆ ผมยาวสลวยของเธอปลิวไหวตามแรงลมสะบัด หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มยืนทอดสายตาไปยังบึงน้ำเบื้องหน้าอย่างสงบ หลายปีแล้วสินะที่หล่อนไปจากที่นี่ เขาก็เช่นกัน แตกต่างกันตรงที่เธอย้ายออกจากที่แห่งเป็นการถาวร แต่บ้านของเขาอยู่ที่นี่ เธอรู้จักบ้านของเขาดี เขาที่เธอหมายถึงก็คือ ธันวา วิริยาประภากร ส่วนเธอคือ นางสาวมีนา จิระจิดาการ

มาถึงตอนนี้ภาพความทรงจำในอดีตของมีนา แจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆวนเวียนเข้ามาเป็นฉากๆอันที่จริงเธอไม่อาจลืมเขาได้เลยตั้งหาก ทั้งๆที่เธอพยายามมาหลายปีแล้ว แต่คำตอบที่เธอเจอมีเพิยงแต่เขา ธันวา เพื่อนสนิทของเธอตั้งแต่เด็กๆ พ่อของมีนาและธันวาเป็นเพื่อนกันมีอาชีพรับราชการเหมือนกัน มีนาย้ายตามพ่อของเธอมาเมื่อสิบปีก่อนตอนนั้นเธออายุเก้าขวบทั้งสองครอบครัวสนิทสนมกันมากบ้านก็อยู่ติดกันอีก มีนาและธันวาจึงสนิทสนม้กันมาก เธอนึกพลางยิ้มเล็กๆที่มุมปากอย่างน้อยเธอและเขาก็มีความทรงจำที่ดีร่วมกัน

ธันวาชอบแกล้งและชอบบังคับให้มีนาทำตามที่เขาสั่งเสมอ

“ มีนาทอดไข่เจียวให้กินหน่อย ”

“ มีนาเธอต้องทำการบ้านให้เรานะ ”

“ มีนาวันนี้โดดเรียนไปเป็นเพื่อนหน่อยสิเดี๋ยวเลี้นงไอติม ”

“ มีนาวันพรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวต่างจังหวัดไปเป็นเพื่อนเราหน่อย อย่าบอกพ่อกับแม่หล่ะ

อีกนับไม่ถ้วนที่ธันวาจะร้องขอมีนาไม่เคยปฎิเสธเลยซักครั้งเหมือนปาท่องโก๋ที่ไม่มีวันพลาดจากกันเป็นเช่นนั้นมาตลอดแปดปี มีนาและธันวาก็ยังเหมือนเดินจนใครๆที่โรงเรียนพากันแซวว่าเป็นแฟนกัน

ความไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ของพวกเค้าไม่อาจทำให้ความรูสึกที่แท้จริงในใจแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาได้ ทั้งๆที่บางครั้งมีนารู้สึกแปลกในใจของเธออยู่เช่นกัน

แล้วเขาหล่ะจะเป็นเหมือนตัวเองบ้างไหมหนอ การแสดงออกที่เปลี่ยนไปของทั้งสองไม่ได้รอดพ้นสายตาของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเลย

“ ก๊อก ก๊อก ก๊อก มีนาแม่ขอเข้าไปหน่อยได้มั้ยลูก”

“ได้สิคะแม่”

“ตอนนี้ลูกโตเป็นสาวแล้วนะมีนาแม่ว่าเพราๆออกไปเล่นซนข้างนอกกับธันวาได้แล้วหล่ะ”

“ทำไมล่ะคะแม่”

“แม่ว่ามันจะไม่งามหล่ะสิจ๊ะลูก”

“ไม่งามยังไงคะแม่ หนูกับธันวาเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้วนะคะแต่มีนาไม่แคร์หรอกค่ะแม่ เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานและไม่มีวันที่จะมีอะไรมาเปลี่ยนแปลงความเป็นเพื่อนที่มีนากับธันวามีให้กันหรอกค่ะ”

“แม่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วนะมีนาแต่แม่อาบน้ำร้อนมาก่อนแม่ดูออกนะว่าธันวาต้องรู้สึกกับลูกเกินเพื่อนแน่ๆ”

“แม่คิดมากไปหรือเปล่าค่ะ แต่ก็ช่างเถอะค่ะหนูไม่คิดอะไรเกินเลยไปกว่านั้นจริงๆ”
หลังจากนั้นมีนาก็ยังไปเที่ยวกับธันวาอีกเช่นเดิมโดยเธอคิดอยู่ในใจตลอดเวลาว่าเธอกับเขาเป็นเพื่อนรักกันเวลาที่ผ่านม่ทำให้เธอและเค้ารู้สึกผูกพันกันเท่านั้นมีนาพูดกับตัวเอง

กลางดึกคืนนึงฝนตกหนัก ขณะที่มีนานอนหลับอยู่นั้นเสียงเอะอะโวยวายข้างนอกทำให้เธอต้องตื่นอย่างช่วยไม่ได้ พ่อกับแม่เป็นอะไรนะมีนาเปิดประตูมาเจอพ่อและแม่รีบร้อนราวกับมีอะไรสักอย่าง

“พ่อกับแม่จะไปไหนกันหรือค่ะ”

“เออ มีนาเดี๋ยวพ่อกับแม่มานะ อยู่คนเดียวได้นะลูกไม่นานธันวาคงมาถึง อย่าออกไปไหนนะ”
พ่อพูดพลางรีบออกไป

พ่อกำชับก่อนที่จะออกไปอย่างเร่งรีบ ด้วยแววตาที่กังวลอย่างเห็นได้ชัดของพ่อและแม่ พาให้อยากรู้เหลือเกินว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ยังไม่กล้าถาม

“รอถามธันวาดีกว่าต้องรู้แน่ๆ”

“มีนาเปิดประตูหน่อย”เสียงธันวาดังขึ้นอยู่ที่หน้าบ้าน

ทันทีที่ประตูบ้านเปิดออกธันวาก็โผเข้ากอดมีนาแล้วร้องไห้ มีนายิ่งเริ่มงงขึ้นกว่าพลางคิดในใจ

“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ”

พ่อกับแม่กลับมาด้วยท่าทีที่อ่อนแรง ธันวาถามพ่อกับแม่ของมีนาว่า

“เป็นอย่างไรบ้างครับคุณลุง เจอพ่อผมหรือเปล่า” “เจอแล้ว แต่”

“บอกผมมาเถอะครับ ยังไงผมก็ต้องรู้” “ทำใจดีๆไว้นะวา”

“พอวา เอ่อ เอ่อ เสียแล้ว” ไม่มีคำถามใดๆอีกหลังจากนั้นมีแต่เสียงร้องระงมไปทั้งบ้าน
งานศพพ่อของธันวาผ่านไปได้หลายวันแล้วแต่ความโศกเศร้ายังคงอยู่ในใจฉันและทุกคนที่รู้จักกับครอบครัวนี้ พ่อของธันวาเป็นคนดี รับผิดชอบต่อครอบครัว ไม่เคยขาดตกบกพร่อง

แต่ต้องมาจากไปก่อนวัยอันควรด้วยวัยเพียงสามสิบเก้าปีเท่านั้น โดยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หลังจากประชุมเพลิงธันวาแอบไปนั่งใต้ต้นไม้ภายในวัด มีนาตามไปดูเพราะเป็นห่วง

“ธันวามานั่งทำอะไรตรงนี้คนเดียว”

“อุ๊ย นั่นเธอร้องไห้นี่” มีนาพูดซะคนตกใจ

“อย่าทิ้งฉันไปนะ ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว ฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร” ธันวาโผเข้ากอดมีนาอย่างลืมตัว

“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะอยู่ข้างๆเธอตลอดไป ฉันสัญญา”

ตั้งแต่นั้นชีวิตของธันวาก็เหมือนกลับกลายแต่อยู่ในด้านมืดตลอด รู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน ในความสนิทสนมกันของทั้งคู่ยังเหมือนเดิม สิ่งที่เปลี่ยนไปในชีวิตของธันวาคือ การเรียน และการมีสังคมในหมู่เพื่อน

เขาบอกกับเธอว่ามีเพียงแต่เธอที่เข้าใจเขา ไม่มีพ่ออยู่แล้วเขาก็ไม่รู้จะเรียนไปเพื่ออะไร มีนาห้ามเขาไม่ให้เกเรไม่ได้เลยซักครั้ง ด้วยความที่เธอเป็นห่วงเขา เธอจึงติดตามเขาไปทุกหนทุกแห่งแล้ววันหนึ่งความลับนี้ก็รู้ถึงพ่อเธอจนได้

“นี่มันหมายความว่ายังไง มีนาลูกตอบให้พ่อเข้าใจหน่อยได้ไหม” พ่อพูดพร้อมกับยื่นหนังสือที่ทางโรงเรียนส่งมาแจ้งให้ทางบ้านทราบให้มีนาดู

“เอ่อ คือ หนู หนู มีนา” เธอก้มหน้าพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อไหลด้วยความละอายใจ

ขณะเดียวกันทางบ้านของธันวาก็ยังคงตึงเครียดไม่แพ้กัน

“หลังจากนั้นไม่รู้ว่าพ่อกับแม่คุยอะไรกับแม่ของธันวา” มีนากรอกเสียงเจื้อยแจ้วไปทางสายโทรศัพท์

“เหรอคงไม่มีอะไรหรอกมั้งอย่าคิดมากสิ ไปดูหนังกันมั้ยฉันเป็นเจ้ามือเอง”

“อยากไปอยู่หรอกนะแต่พ่อ”

“ไปเถอะลูกแต่อย่ากลับดึกมากนะ” เสียงพ่อดังขึ้นในทันที่

“ขอบคุณค่ะพ่อ” มีนาตอบไปด้วยความงง

ที่ห้างสรรพสินค้าเมื่อจองตั๋วเสร็จแล้วธันวาชวนมีนาไปเดินเล่น เมื่อผ่านร้านนาฬิกาธันวาหยุดมองด้วยความสนใจ

“มีนา หยุดก่อนสวยมั้ย”

“สวยดีนิ”

“เราซื้อให้มีนานะ จะได้เหมือนกันไง”

“นี่นายจะบ้าเหรอ จะมาซื้อให้ฉันทำไม”

“เพื่อถ้าวันไหนเราไม่ได้เจอกัน พอเห็นนาฬิกาเรือนนี้แล้วเราจะได้นึกถึงกันไง”

“เอาเป็นว่าเอาสองเรือนนี้ละกันนะ”

หลังจากนั้นได้ไม่นาน

“มีนาธันวาเขาจะย้ายบ้านแล้วนะลูก”

“หา พ่อพูดอะไรนะค่ะ” มีนาพูดเสียงสั่นและไม่เชื่อ

“จริงๆลูก เขาไปกันทั้งครอบครัวเลยไปอยู่อเมริกา” “เมื่อไหรค่ะพ่อ”

“อาทิตย์หน้า” เมื่อพ่อพูดจบมีนาหูอื้อไปหมด ได้แต่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น

เช้าแล้วสินะ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ธันวาอยู่ที่นี่ ยังนึกไม่ออกเลยว่าเธอจะเหงาแค่ไหนถ้าไม่มีเขา จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพร้อมกับคำสั่งจากปลายสาย

“ตื่นได้แล้วครับคุณนาย อาบน้ำแต่งตัวอย่างโอ้เอ้นะ เบื้อบนอนุญาตแล้วครับ”

เขาพามีนามาที่ๆเคยมากันเป็นประจำ แต่ในครั้งนี้เขาทำราวกับจะเก็บเกี่ยวความรู้สึกดีๆที่เขาและเธอมีให้กันให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ บึงน้ำที่แสนจะราบเรียบเงียบสงบ

“มีนา”

“เรียกทำไมฉันก็นั่งอยู่ตรงนี่”

“เรารักเธอนะ”

“มีนาก็รักวา ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่ วาไม่อยู่เราเหงาแย่เลย ไม่ไปไม่ได้เหรอ”

“มีนา เราไม่ได่รักเธอแบบเพื่อนนะ”

“พูดอะไรนะ บ้า วากำลังทำลายความเป็นเพื่อนของเราอยู่นะ”

“เราแน่ใจแล้วเราถึงพูด”

มีนาเหมือนถูกไฟช็อตและสับสน พรุ่งนี้วาก็จะไม่อยู่แล้ว บ้าที่สุดเลย มีนาเธอห้ามหวั่นไหว มีนาพูดกับตัวเอง

“บอกฉันสิว่าเธอก็รักฉัน ไม่อยากให้ไปไม่ใช่เหรอ”

“ความรักของเรากับวาเป็นความรักที่มีต่อเพื่อนเท่านั้น”

“ไม่จริงหรอกเธอกำลังหรอกตัวเองอยู่ ถ้าเธอไม่รัก ฉันจะไปแล้วไม่กลับมาที่นี่อีก ไม่คิดเลยว่าตลอดมาวาเป็นได้แค่นี้”

คำพูดนั้นคือคำพูดสุดท้ายก่อนที่วาจะไป มาถึงวันนี้ 5 ปีแล้ว มีนาเดินทางอย่างไร้จุดหมาย มีหลายคนเดินผ่านเข้ามาแต่ก็ยังไม่ใช่
ธันวา ชายคนเดียวที่เธอรักจนหมดใจ มันคงสายเกินไปแล้วโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง

วันที่เธอกลับมาที่นี่ เธอไม่ได้หวังว่าเธอจะเจอกลับเขา และขอให้เขารักเธอเหมือนเดิม เธอหวังแต่ว่าเขากำลังมีความสุข และยังคิดถึงธอเสมอ

“วา เรารักวา เราโง่เองที่ไม่เคยรู้แม้แต่ใจตัวเอง”

แต่ชีวิตคนเรามันต้องดำเนินต่อไปใช่ไหม เรารู้จักความรักได้เพราะวา เราผิดหวังจากรักครั้งแรก แต่เรายังมีรักครั้งสุดท้ายที่ต้องค้นหาให้เจอ

วา ว่าจริงมั้ย มีนาพูดในใจคนเดียว

ตะวันกำลังจะลาลับฟ้าไปทุกที่ทุกที่ หญิงสาวลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากสถานที่ๆเธอไม่เคยลืม




Create Date : 17 กันยายน 2550
Last Update : 17 กันยายน 2550 18:44:24 น. 5 comments
Counter : 1520 Pageviews.

 
moobin


โดย: tik IP: 203.150.100.228 วันที่: 18 กันยายน 2550 เวลา:14:48:19 น.  

 
สนุกมากๆเลย


โดย: แตงโม IP: 222.123.12.111 วันที่: 21 กันยายน 2550 เวลา:20:58:11 น.  

 
อ่านยากจังเลย ปวดตามากๆ


โดย: teddy bear za IP: 58.9.246.229 วันที่: 30 กันยายน 2550 เวลา:23:07:37 น.  

 
จบเร็วจัง....กระชับไปมั้ย....


โดย: null IP: 58.137.0.30 วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:13:43:16 น.  

 
ว้าจบเศร้าจังเรยอะ
เรื่องจริง หรือว่าแค่นิยายคะ
ขอให้เป็นแค่นิยายนะ
ไม่อยากให้เรื่องจริงเศร้าแบบนี้อะนะ


โดย: สาวชาวเล IP: 203.130.145.67 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:10:45:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

yoh_yoh
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Google
Friends' blogs
[Add yoh_yoh's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.