ค่ายวันเด็กดี..ที่ไม่เหมือนวันเด็กทั่วไป(ตอน๑)

วันเด็กดียุวชนโพธิสัจ (มหาสารคาม)

...ทุกวันอาทิตย์หลังวันเด็กแห่งชาติ ท่านญาปู่ครูบาธรรม โยคีอริยธาตุ ผู้นำศรัทธาแห่งมูลนิธิมหาญาณโพธิสัจ มหาสารคาม จะจัดงาน"วันเด็กดี"เป็นประจำทุกปี มีมาเว้นปีนี้ที่ไม่ได้จัด เพราะท่านญาปู่อยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกาย จากการอาพาธอยู่ จึงขอย้อนอดีตนำเอาบรรยากาศ กิจกรรมวันเด็กดี เมื่อปีที่แล้ว(๒๕๕๐) มาฝากสหายโอเค เพื่อเป็นกรณีศึกษา สำหรับผู้ที่สนใจในการจัดกิจกรรมเด็กๆ

...กิจกรรมในวันเด็กดี จะเริ่มตั้งแต่เวลา๐๘.๐๐ น. จนถึงเวลา ๑๖.๓๐ น. รับเด็กเข้าร่วมกิจกรรม ทั้งชาย-หญิง ระดับป.๔ - ม.๒ "วันเด็ก ที่ทางราชการจัด มักกระตุ้นให้เด็กเกิดกิเลสสารพัดชนิด อยากได้ไอ้โน่นไอ้นี่ ผู้ปกครองก็จะพากันเอาใจเด็ก ตามใจเด็กกันจนดีเกินกว่าปกติ แล้วส่วนใหญ่เด็กๆที่ไปร่วมงาน ก็เป็นเด็กๆอนุบาล และชั้นประถมต้นๆเด็กโตระดับป.๕ ป.๖ ก็ไม่อยากไปร่วมงานวันเด็ก เพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้ว อายไม่อยากไปแย่งของรางวัลกับเด็กๆเขา งานวันเด็กดีของที่นี่ จึงจัดขึ้นมาก็เพื่อ เด็กๆกลุ่มนี้แหละ ให้เขามาฝึกใช้เวลาว่างทั้งวันให้เป็นประโยชน์ มาฝึกลดกิเลส มาฝึกควบคุมตัวเอง ให้เป็นเด็กดี ไม่ใช่เป็นเด็กทะโมนไพร เฮๆฮาๆไม่ได้สาระ พวกผู้ใหญ่เราเอง ก็จะได้มาฝึกเสียสละ หาอาหารการกินมาเลี้ยงเด็ก หาของรางวัลมาแจกเขา ขยายเขตบุญออกให้มันข้ามกำแพงวัดสักหน่อย ทำบุญทำทานกับเด็กๆบ้าง มันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ?" เหตุผลของท่านญาปู่นี่แหละ ที่ทำให้คณะธรรมจารีมีดวงตาเห็นธรรม ร่วมจัดกิจกรรมสร้างสรรค์นี้มาตลอด

...พวกขยันที่มาถึงแต่เช้า ก็จะมีเวลาได้อ่านข้อมูลโทษร้ายภัยเลวของบุหรี่ ที่ท่านญาปู่เห็นว่า "บุหรี่ มันเป็นยาเสพติด ที่เด็กๆระดับประถมเข้าถึงได้ง่ายที่สุด มันเป็นบันไดขั้นแรกของความเลวร้าย ถ้าเด็กได้ลองสูบจนได้ที่แล้ว โอกาสจะไต่บันไดชั่วไปลองยาเสพติดที่แรงๆขึ้น มันเป็นไปได้โดยง่าย เราหาข้อมูลอันตรายจริงๆ ของบุหรี่มานำเสนอให้เขาได้รู้ได้เห็นตั้งแต่เด็กๆ โอกาสที่จะลดประชากรสิงห์อมควัน มันก็ง่ายขึ้น" เด็กที่ได้อ่านข้อมูลมากๆ โอกาสที่ใช้เป็นฐานข้อมูล ในการตอบคำถามสะสมคะแนนก็มีมาก กว่าพวกที่มากระชั้นชิด ในเวลาเริ่มกิจกรรม ๐๘.๐๐ น.

....หลังจากพากันลงทะเบียน เข้าร่วมกิจกรรมวันเด็กดีแล้ว ก็ไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลงกันให้เสียเวลา เพราะเด็กส่วนใหญ่ที่มาร่วม จะเป็นสมาชิกที่เคยผ่านการเข้าค่ายแบบไป-กลับไม่พักค้างคืนกับเรามาก่อนเกือบทั้งนั้น ทางมูลนิธิมหาญาณโพธิสัจ ได้จัดเข้าค่ายเดือนละอย่างน้อย ๑ ครั้ง ในชื่อโครงการยาวพรืดว่า "ค่ายพัฒนาสุขภาพชีวจริต BYC&ASM [Bodhisajja Young Camp & Anti Smoking Mahasarakham]" เลยรู้ทางกันดีว่า ในทุกขณะที่เข้าค่ายล้วนมีช่องทาง ที่จะทำคะแนนสะสมได้เสมอ ที่นี่ญาปู่จะแนะนำเด็กๆเสมอว่า"คนที่จะพบกับความสำเร็จเจริญรุ่งเรืองได้ มันต้องมี ๓ ส่วนนี่ประกอบกันคือ ดี ..เก่ง..เฮง ฉะนั้นการอยู่ในค่าย เราก็ให้คะแนนตามนี้ คนที่จะชนะได้คะแนนสะสมมาก ก็มีโอกาสได้เลือกของรางวัลก่อนเพื่อน"

กิจกรรมแรกสุดที่เด็กๆ ทุกคนได้ร่วมปฏิบัติ ก็คือ Silence Walkเดินเงียบเฝ้ามองความคิด,ระลึกรู้กับความรู้สึกของการเดิน เดินอย่างสบายๆ โดยงดเปิดปาก งดสัมผัสร่างกายผู้อื่น เดินเพื่อเดิน รอบสวนสาธารณะเลิงน้ำจั้น ที่ดินมรดกเก่าของสกุล"ระวิโรจน์"ของท่านญาปู่ ได้สละสิทธิ์การครอบครอง ให้เทศบาลได้จัดทำเป็นสวนพักผ่อน

...ขณะที่เด็กๆเดินตามญาปู่ ถ้ามีเสียงพูดคุย หรือการหยอกล้อแตะต้องร่างกายเกิดขึ้น ผู้ที่เห็นก็จะร้องบอกญาปู่ แถวก็จะหยุด แล้วเดินถอยหลังไปสิบก้าว ก่อนที่จะเดินต่อ แน่นอนว่า เมื่อการเดินรอบสวนเสร็จเรียบร้อย ผู้ที่รายงานก็จะได้แต้มความดีสะสม๓ดาว ในขณะที่ผู้ที่ทำผิดข้อตกลง ก็จะถูกหัก๓ดาวเช่นกัน ด้วยระบบนี้ เด็กก็จะขยันสอดส่องดูแลเพื่อนๆในแถวเดินอย่างเข้มข้น ในขณะที่ทุกคนก็ระวังควบคุมตนอย่างเข้มแข็ง สมาธิเกิดได้ทุกฝีก้าวทีเดียวเชียว เมื่อเดินเสร็จเด็กๆก็จะเขียนบันทึกความรู้สึก ในขณะที่เดินเงียบๆลงในสมุดที่ได้รับแจก แน่นอนว่าเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นคะแนนได้อีกเช่นกัน

....กิจกรรมที่สอง คือจิตอาสา เด็กๆจะแบ่งเป็นกลุ่ม เดินวนรอบสวนอีกครั้ง เพื่อค้นหาปัญหาตามมุมมองของแต่ละกลุ่ม ภาพบนนั้นกลุ่มสาวๆกลุ่มนี้ ประพฤติตนเป็นสายสืบส้วม เห็นปัญหาห้องน้ำถูกทำลาย จากพวกเด็กเปรต ที่เมาแล้วทุบเข้าของทิ้ง เด็กก็จะบันทึกปัญหา และระดมสมองเขียนแนวทางการแก้ไข ไม่ใช่ชิมไปบ่นไป แต่ไม่บอกว่าจะแก้ไขอย่างไรจะทำอะไร เหมือนผู้ใหญ่นักการเมืองน้ำเน่าไทยบางคน

....พี่อาสารุ่นเยาว์ ซึ่งก็เป็นเด็กค่ายรุ่นเก๋า เสนอตัวมาเป็นวิทยากร นำเสนอข้อมูลอันตรายจาก บุหรี่ และร่วมกันร้องเพลง ต่อต้านการสูบบุหรี่ ที่แต่งเนื้อร้องทำนองโดยท่านญาปู่ ที่เป็นนักอะไรต่อมิอะไรหลายนักนัก ช่วงนี้ใครที่อ่านบอร์ดมาบ้าง ก็จะตอบปัญหาที่เกี่ยวข้องกับพิษร้ายภัยเลวของบุหรี่ ได้ดีกว่าพวกที่มาสาย คนที่กล้าแสดงออก ก็จะโชว์ออฟโกยคะแนนกันเต็มที่

....จบกิจกรรมภาคสนามตอนเช้า ก่อนจะเข้าไปร่วมกิจกรรมในห้องสวดมนต์ รุ่นพี่ก็จะพาน้องๆ เด็กใหม่ ไปหัดกราบเบญจางคประดิษฐ์ แบบชาวมูลนิธิฯ ที่มีรูปแบบเรียบร้อยงาม ได้สภาวะแห่งการกราบ แตกต่างจากการกราบแบบทั่วไป เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ หนึ่งเดียวในโลก

....เข้าห้องสวดมนต์ ร่วมกันสวดมนต์กราบ๕ครั้ง ทำนองสรภัญญ์อีสาน ประพันธ์คำสวดโดยท่านญาปู่ นี่ก็อีกแหละ ๑ เดียวในโลกอีกแล้ว ที่มีการสวดมนต์ไทย - บาลี - อีสาณ -อังกฤษ ถามจริงๆเถอะ ว่าคุณเคยสวดมนต์ นะโมตัสสะ เป็นภาษาอังกฤษไหม? เด็กค่ายเรา สวดนะโมเป็นภาษาอังกฤษได้เด้ ไม่ได้โม้ อีหลีอีหลี

....นอกจากจะกราบให้หน้าผาก๑,แขน๒,เข่า๒แนบพื้นแบบเบญจางคประดิษฐ์แล้ว เรายังมีคำกล่าว ขณะที่หน้าผากแตะพื้น เพื่อบูชาพระไตรรัตนะด้วย

...สวดมนต์กราบ๕ครั้ง คือกราบพระพุทธ,พระธรรม,พระสงฆ์,มารดา-บิดา,ครูบาอาจารย์แล้ว ก็นั่งปราณฌาน ควบคุมลมหายใจเข้าออก และมองความรู้สึกที่เกิดขึ้น ขณะหายใจเด็กทุกคน จะตั้งใจกันปฏิบัติทุกกิจกรรม อย่างจริงจัง โดยไม่ต้องควบคุมอะไร? เพราะเขารู้ดีว่า ทุกพฤติกรรมที่เขากระทำในขณะที่อยู่ในค่าย ล้วนมีสายตาคอยให้คะแนนอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก

.....หลังสวดมนต์,นั่งปราณฌาน ก็ถึงเวลาสมาทานศีล๕ ด้วยเพลง ฅนฅอฅน สไตล์เพื่อชีวิตมันส์ ที่อีกแล้วครับท่าน แต่งเนื้อร้องทำนองโดยท่านญาปู่ อีกแล้ว สมาทานศีลด้วยการร้องเพลงนี่ ถูกสเป็คกับจริตเด็กๆมาก ตั้งอกตั้งใจสมาทานศีล กันเสียงสนั่นพื้นพสุธากันทีเดียว สมาทานศีล๕เสร็จ ก็ร้องเพลงบูชาบุญคุณข้าว ตั้งสัจจาธิษฐานก่อนรับประทานอาหาร แล้วก็ถึงเวลาลุยอาหารสุขภาพ มังสวิรัติ ที่ป้าตายายใจดีทั้งหลาย มาระดมออกเงินออกแรงช่วยกันทำอาหาร ตามเมนู ที่เด็กๆออกเสียงโหวตตอนลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม..

(มีต่อตอน๒)

....ดูเว็บค่ายพัฒนาสุขภาพชีวจริตBYC&ASM ที่ //byc.taimk.net

Create Date : 15 มกราคม 2551		1 comments
Last Update : 15 มกราคม 2551 15:39:26 น.
Counter : 697 Pageviews.
Share Tweet