Group Blog
 
 
เมษายน 2549
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
18 เมษายน 2549
 
All Blogs
 

น้ำเน่า บทที่ 1-3

เช้าวันเสาร์วันหนึ่งที่มีฝนตกมาลงมาอย่างหนัก ทำให้บรรยากาศภายนอกห้องที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งแถวย่านสะพานควายมืดครื้มและเย็น หนุ่มๆสามคนกำลังนอนอยู่ในห้องที่เป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ เนื้อที่รวมกันไม่น่าเกิน 32 ตารางเมตร และแล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาว่า


“เฮ้ยๆ.......ตื่นได้แล้วเดี๋ยวก็ไปทำงานสายหรอก”ชายหนุ่มคนที่นอนบนโซฟาตะโกนขึ้นมา


“ฝนตกปล่าวว่ะ ดูเหมือนฝนตกว่ะหนาวๆแล้วก็ได้ยินเสียง” ชายอีกคนนอนอยู่ที่พื้นพูดออกมาอย่างงัวเงีย


“เอาไงดีว่ะเอก” ชายหนุ่มที่บนโซฟาตะโกนถามคนที่นอนอยู่บนเตียง


“เหมือนเดิม กูลาป่วยว่ะ อากาศดีๆแบบนี้น่านอนต่อว่ะ ให้ลุกไปทำงานเหรอ เอาไว้วันจันทร์ดีกว่า”เอกตอบออกไปอย่างทันที เหมือนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องประจำสำหรับเค้า


“แล้วโทหละว่าไง”


“พี่เข้ ผมทำงานจันทร์ถึงศุกร์ ไม่เหมือนพวกพี่ที่ต้องทำงานวันเสาร์ ผมนอนต่อแล้วกัน”โทที่นอนอยู่ที่พื้นตอบอย่างเซ็งๆเหมือนว่า “จะมาถามไรว่ะจะนอน”


“เข้ เห็นว่าได้คอมมาแล้วไม่ใช่เหรอ”เอกถาม


“อืม อยู่ในรถนะ เมื่อวานเมาก็เลยไม่ได้ยกขึ้นมานะ”เข้บอก เชิงว่าเมื่อคืนไปกินเหล้ามา แล้วกลับดึกมาก ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของเข้ หนุ่มเนื้อหอม จน เอกกับโท ได้ตั้งฉายาว่าคุณชายมากรัก ซึ่งเค้าได้ไปเอาฉายานี้จากหนังจีนกำลังภายในเรื่องหนึ่งที่พวกเค้าอ่านกัน


“งั้นเดี๋ยวตื่นแล้วค่อยไปยกกัน วันนี้โดดงานเหมือนเอกแล้วกัน บ่ายๆจะได้ต่อคอมแล้วนั่งเล่นเน็ท”เข้ตอบแบบไม่ต้องคิดเพราะตัวเองก็ยังมึนๆกับการที่กินเหล้ามาเมื่อคืน


ฝนเริ่มหยุดตก แต่ท้องฟ้าก็ยังมืดครื้มอยู่ บรรยากาศในช่วงสายวันเสาร์เงียบสงบไร้ผู้คน อาจจะเป็นเพราะถนนที่ชื้นแฉะ กับวันหยุดที่แสนสบายผู้คนส่วนใหญ่จึงยังไม่ค่อยตื่นกัน เสียงคนอาบน้ำในห้องน้ำดังขึ้นทุกที แล้วก็ตามด้วยเสียงทีวีที่เข้เปิดขึ้นมา


“ดาร์ก้อนบอลจบยังว่ะ เปิดช่อง9ดูดิ” เอกบอกเข้ที่เปิดทีวีอยู่


“จบไปตั้งนานแล้ว นี่มัน11โมงแล้ว”


“แม่งอยู่บ้านก็ไม่ได้ดู เฮ้อ.......แล้ววันนี้มีโปรแกรมไปไหนปล่าวว่ะ” เอกถามเข้เผื่อว่าจะได้ไปด้วย


“ชิบหาย ลืมโทรบอกพี่รอดว่าวันนี้ลาป่วยว่ะ แล้วเข้โทรลายังว่ะ”


“โทรไปแต่เช้าแล้ว” เข้ตอบ คำถามที่เอกถามเหมือนว่าจะทำงานที่เดียวกัน


เอกหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วเดินไปที่ระเบียงเพื่อไม่ให้หัวหน้าเค้าได้ยินเสียงโทรทัศน์เวลาโทรไปลาหัวหน้า


“พี่รอดครับวันนี้ไม่สบาย ท้องเสียครับพี่”เอกพูดอย่างสุภาพกับหัวหน้า


“อืม........ทั้งปีเลยนะเอ็ง พอฝนตกทีไรลาป่วยทั้งชาติ เมื่อคืนไปเมาที่ไหนมา”หัวหน้าตอบมาอย่างรู้ทันว่าวันเสาร์ทีไรมันลาทุกที


“พี่รอด เมื่อวานไม่ได้ไปไหนจริงๆ ท้องเสียทั้งคืน เนี่ยเพิ่งจะได้นอนก็ตอนเช้านี่เอง”


“แล้วเอ็งกินยายัง งานไม่มีปัญหาใช่ไหม” พี่รอดถามด้วยความเป็นห่วงแต่ก็ยังไม่ลืมถามเรื่องงาน


“กินแล้วครับพี่ ส่วนงานไม่มีปัญหา แล้วใบลาเดี๋ยวผมไปเขียนให้เช้าวันจันทร์เลยครับพี่”เอกตอบอย่างไม่ตะกุกตะกัก เหมือนทำจนชิน


“เอ้อๆ แค่นี้นะ อย่าให้รู้ว่าขี้เกียจอีกนะ”ด้วยความรำคาญพี่รอดรีบๆตัดสาย เพราะรู้ว่ามันเป็นอย่างนี้ประจำ

แล้วเอกก็เดินเข้ามาในห้องหยิบถ้วยกาแฟออกมา พอดีที่น้องชายเค้าเดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วโทก็ไปสะกิดเข้ว่า เหมือนส่งสัญญาณว่าเข้าห้องน้ำได้แล้ว


“แล้วอยู่บ้านทำไรเนี่ย โดดร่มประจำเลยนะพี่ชาย” โทเช็ดหัวพร้อมกับเหน็บพี่ชายตัวเอง


“เข้กินกาแฟไหม”เอกตะโกนถามเข้ที่อยู่ในห้องน้ำ และเค้าก็รู้ว่าน้องชายไม่กินกาแฟ


“เอาด้วย” เสียงเข้จากห้องน้ำ ดังออกมาจากช่องประตู


“แล้วเดี๋ยวโทไปไหนเหรอ”


“นัดแฟนไว้เที่ยง เดี๋ยวต้องออกไปรับเค้านะ นัดกินข้าวดูหนัง แล้วพี่เอกหละ”โทกำลังเช็ดหัวแล้วถามกับเหมือนว่าวันนี้พี่ชายเค้าคงไม่มีอะไรจะทำ


“บ่ายเดี๋ยวไปฟิตเนส พรุ่งนี้มีตีกอล์ฟนะ นัดพี่ๆเค้าไว้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะตีได้ไหม ช่วงนี้ฝนตกทุกวันเลย ชีวิตคนไม่มีแฟนก็อย่างงี้แหละ ใครจะเหมือนเอ็งหละ”


ทันทีที่โทแต่งตัวเสร็จก็เปิดประตูออกไป พร้อมพูดอย่างใจเย็น “ไปแล้วนะพี่”


บรรยากาศในฟิตเนสที่เอกไปเล่นจากการแต่งตัวของคนที่มาเล่น และเครื่องเล่นที่มีอยู่ กับห้องที่ออกกำลังกายทำให้รู้ได้เลยว่า ฟิตเนสที่นี่ราคาสมาชิกค่อนข้างจะสูงเมื่อเทียบกับฟิตเนสทั่วไป ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนทำงานกับแม่บ้านที่อายุวัยกลางคน เอกก็ยุ่งวุ่นวายกับการออกกำลังกาย ในมือถือตารางการออกกำลังกาย ทำให้รู้ได้เลยว่าเค้าจะต้องออกกำลังกายอย่างไรบ้าง เพราะกว่าที่เค้าจะเล่นได้ครบตามตารางก็ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง


“หวัดดีเอก วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ โดดอีกแล้วล่ะสิ”หญิงสาวรุ่นเดียวกับเอกเข้ามาทักก่อน


“หวัดดีจูน อ้าวแล้วพี่บอลไม่มาเหรอ”เอกถามถึงแฟนจูนด้วย


“ไปทำงานต่างจังหวัดนะ ก็เลยมาคนเดียว แล้วนี่ใกล้เล่นเสร็จยังเห็นเหงื่อเยอะเลย”


“ใกล้แล้วหละเหลือวอร์มดาวน์อีก 15 นาทีนะ แล้วตัวเองหละเพิ่งมาละสิ”ดูจากลักษณะจูนแล้วเหมือนเพิ่งเปลี่ยนชุดมา


“เล่นเสร็จแล้วเดี๋ยวไปกินกาแฟกันนะ รอจูนซักครึ่งชั่วโมงมีเรื่องจะคุยนะ”แล้วจูนก็ทำท่าเหมือนจะรีบไปออกกำลังกายแต่เอกก็รีบทักไว้


“จะดีเหรอ เดี๋ยวพี่บอลรู้เค้าจะไม่ว่าเหรอ”เอกออกตัวเพราะว่าตอนนี้เค้าไม่กล้าที่จะไปกับจูนสองต่อสองเหมือนก่อนเนื่องจากทั้งสองได้เลิกกันมาพักหนึ่งแล้ว


“พี่เค้าไม่ว่าไรหรอก พี่เค้าเข้าใจ และที่สำคัญจูนมีข่าวดีจะบอกเอกนะ แล้วเดี๋ยวรอที่ร้านเลยนะ จูนไปออกกำลังกายก่อน”ไม่เปลี่ยนจากเดิมเลยเรื่องการเอาแต่ใจ



ร้านกาแฟแถวทองหล่อเป็นร้านประจำที่สองคนชอบนัดมาประจำสมัยเมื่อยังเป็นแฟนกัน เอกมานั่งรอพร้อมกับหนังสือพิมพ์ที่ทางร้านมีไว้ให้ลูกค้า มอคค่าคือกาแฟที่เอกชอบกินเป็นประจำกับน้ำเปล่าที่มีหยดน้ำรอบแก้วพลาสติค เสียงรถคังเป็นระยะ อากาศเย็นสบาย มุมที่เอกนั่งเป็นมุมที่อยู่นอกร้านข้างสวนเหมือนว่าที่ตรงนี้เค้าทำเฉพาะให้คนสองคนมานั่งคุยกัน


“รอแป๊ปนะ ขอเข้าไปสั่งกาแฟก่อน”จูนมาทักก่อนเดินเข้าไปที่ร้าน


เอกไม่ตอบอะไร แค่ลดหนังสือพิมพ์ลงแล้วยิ้มให้พร้อมพยักหน้า จากนั้นเค้าก็เลยเก็บหนังสือพิมพ์พร้อมกับนึกถึงเรื่องที่เค้าจะนัดเรามาคุยวันนี้ เพราะเอกกับจูนไม่ได้มาเจอกันข้างนอกแบบนี้นานแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะเจอกันที่ฟิตเนส จูนถือกาแฟออกมาวางไว้ที่โต๊ะพร้อมกับวางกระเป๋า แล้วก็เดินกลับเข้าไปที่ร้านอีกครั้งพร้อมกับแก้วน้ำเปล่ากับหนังสือนิตยสารอีกฉบับออกมาตามความเคยชินทุกครั้งที่มาร้านนี้ โดยที่สงสัยว่าจะมาคุยหรือว่ามาอ่านหนังสือกันแน่


“ว่าไงนัดเอกออกมามีเรื่องไรเหรอ”เอกเริ่มถามหลังจากที่จูนได้นั่งลง


“ใจเย็นก็ได้ แหมรีบเลยนะ”


“อ้าวก็เห็นว่าจะบอกอะไรนี่นา เอกก็เลยอยากรู้ว่ามีเรื่องอะไร”ด้วยความอยากรู้ก็เลยรีบถาม


“ตอนนี้เอกเป็นไงบ้าง มีแฟนแล้วใหม่แล้วยัง”จูนถามด้วยความอยากรู้ เพราะว่าถึงจะเจอกันบ่อยก็จริงแต่ก็ไม่ค่อยได้มีเวลาคุยเรื่องส่วนตัวกัน เพราะว่าส่วนใหญ่ที่เจอกันพี่บอลก็จะอยู่ด้วย แล้วพี่บอลก็เป็นคนที่ขี้หึง ยิ่งรู้ว่าจูนกับเอกคบกันเป็นแฟนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ก่อนที่จะเลิกกันมาคบกับพี่บอล


“ยังไม่มีเลย วันๆทำงาน เที่ยว ตีกอล์ฟ ไม่ค่อยได้เจอกับคนเท่าไหร่นะ” เอกอ้างไปเรื่อย


“หรือว่าตอนนี้ยังไม่หายเจ็บหลังจากที่เราเลิกกัน”จูนถามแบบแหย่ๆ


“เอ้า... ว่ามามีอะไรเหรอ” เอกเปลี่ยนเรื่องจะได้เข้าเรื่องสักที


“คืออย่างนี้ จูนกับพี่บอลก็คบกันมาสองปีแล้ว” แสดงให้เห็นว่าจูนกับเอกเลิกกันมาสองปี


“และก่อนพี่บอลไปทำงานที่ต่างจังหวัด พี่บอลเค้า”จูนเงียบไปพร้อมจิบกาแฟอย่างละเมียดตามแบบคุณหนูทั่วไป


“พี่บอลเค้าขอจูนแต่งงาน ปลายปีนี้นะ ช่วงปลายฝนต้นหนาวนะ”จูนพูดพร้อมกับอมยิ้ม แก้มของเค้าเริ่มแดงไปจนถึงหู ซึ่งเอกไม่ได้เห็นภาพนี้นานแล้วตั้งแต่สมัยที่เอกขอจูนเป็นแฟน และสาเหตุที่เอกกับจูนเลิกกันเพราะฐานะที่บ้านต่างกันมาก เนื่องจากบ้านจูนมีกิจการเยอะไม่ว่าจะเป็นโรงสี เจ้าของโชร์รูมรถและอีกหลายอย่าง ส่วนเอกที่บ้านทำบ้านพักตากอากาศเล็กๆแถวเขาตะเกียบที่หัวหิน และพี่บอลที่บ้านเป็นคนแนะนำให้รู้จักเนื่องจากพี่บอลเป็นลูกเพื่อนของพ่อจูน พ่อพี่บอลเป็นนายกเทศมนตรีที่ศรีสะเกษ และเป็นเจ้าของโครงการหมู่บ้านหลายๆที่ในกรุงเทพฯ


เอกเงียบไปชั่วขณะ “อืม........แล้วไงเหรอ ยินดีด้วยนะ”
“จูนตอบตกลงไป แต่จูนก็ไม่ได้บอกใครนะ พอดีเจอเอกก็เลยมาบอกเอกคนแรก”


เอกยิ้ม แต่ในใจคิดว่า “เรื่องแบบนี้มาบอกแฟนเก่าคนแรก จะดีใจหรือร้องไห้ดีนะ” แต่จากแววตาของจูนทำให้รู้ได้เลยว่าการที่จูนมาบอกเอกนะ มันเป็นความรู้สึกใสๆที่ออกมา ไม่ได้เป็นอย่างอื่น ซึ่งเอกก็เข้าใจจิตใจของจูนมาตลอด “คุณหนูจริงๆ”


“แต่ก่อนที่พี่บอลจะมาขอจูนแต่งงานนะ พี่บอลเค้าเตรียมพร้อมไว้แล้วว่าจะจัดงานอย่างไร ทำอย่างไร แต่จูนก็ไม่ได้ฟังมัวเขินอยู่นะ”


“อะฮ้า”เอกบอกไปเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไร


“แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วจูนเพิ่งคิดได้เมื่อกี้ก่อนมาเจอเอก จูนอยากให้เอกมาเป็นพิธีกรให้จูนหน่อยนะ เพราะเอกก็รู้จักจูนดี ที่บ้านจูน แล้วก็พี่บอล เอกเหมาะสมที่สุด นะเอกนะ”เอกเคยเป็นพิธีกรงานแต่งให้เพื่อนมาสองสามงานแล้ว และสมัยเรียนก็เคยเป็นพิธีกรงานต่างๆที่มหาวิทยาลัย


เอกยิ้มแบบงง “เอาแล้วไงกู แค่ฟังว่าจูนจะแต่งงานเราก็แทบคลั่งแล้ว ยังมาให้เราเป็นพิธีกรอีก อกอีแป้นจะแตก”เอกคิดไปพร้อมกับยิ้มค้าง


“ก็แล้วแต่จูนล่ะกัน”เอกตอบไปเพราะเค้าไม่ค่อยขัดใจจูนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว


“งั้นจูน จะได้สบายใจไปเรื่องหนึ่ง”ความรู้สึกของคุณหนูตอนนี้เหมือนทำงานที่ยิ่งใหญ่สำเร็จ


ปีนี้อากาศที่ประเทศไทยฝนตกมากกว่าทุกปีโดยเฉพาะทางเหนือ ที่เชียงใหม่ฝนตกจนน้ำที่แม่น้ำปิงท่วมมาหลายครั้งแล้ว บรรยากาศการท่องเที่ยวก็ซบเซาเพราะนักท่องเที่ยวยกเลิกทัวร์ และไปเที่ยวที่อื่นแทน ส่วนใหญ่ก็เป็นนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ถึงแม้ว่าราคาห้องพักจะลดลงมาเหลือ 30 % ก็ยังไม่เป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเที่ยว
สองสาวที่หน้าเคาน์เตอร์โรงแรมแห่งหนึ่งในอำเภอแม่ริม ซึ่งเป็นอำเภอที่อยู่ทางเหนือของเชียงใหม่ ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 20 กิโลเมตร คนหนึ่งนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์อยู่ ส่วนอีกคนเอากุญแจที่ลูกค้ามาฝากไว้ก่อนออกไปข้างนอกเข้าไปเก็บที่ช่องเก็บกุญแจ


“กลับได้แล้วพี่เดือน ทำไรอยู่เหรอ นั่งยิ้มอยู่ได้ที่หน้าคอมนะ”


“อ๋อ.........พี่นั่งเล่นเอ็มอยู่นะ คนนี้คุยสนุกดี”เดือนหันมาตอบน้องพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อย


“น่าเบื่อจังเลยไม่มีแขก วันๆไม่เล่นเอ็มก็นั่งตบยุง ดูดิฝนตกตั้งแต่เช้าแล้วยังไม่ยอมหยุดเลย กลับได้แล้วพี่ หนูจะได้เล่นต่อ ไม่รู้ว่าเค้าออนยังน่ะ”


“แหม รีบไล่เลยนะ งั้นออกก็ได้ แล้วเดี๋ยวพี่ไปแล้ว ดูแลลูกค้าให้ดีหล่ะ”เดือนรีบเก็บของใส่กระเป๋า แล้วก็ลุกขึ้นพร้อมหันมาตบไหล่รุ่นน้อง


“ยังกะลูกค้าเยอะ มีอยู่สามห้องเอง สบายอยู่แล้วช่วงนี้นะ แล้วเดี๋ยวพี่ไปไหนต่อเหรอ หรือว่ากลับบ้านเลย”


“อย่าพูดดังสิ เกิดผู้จัดการได้ยินเค้าจะไม่พอใจ ช่วงนี้เค้ายิ่งไม่สบายใจเรื่องคนมาพักน้อยอยู่นะ อ๋อ........พอดีวันนี้พี่นัดเด่นไว้ที่ร้าน ไปแล้วนะ”เด่นน้องชายของเดือนเป็นนักดนตรีในเมืองเชียงใหม่ แล้วเดือนก็ออกไปที่ลานจอดรถ พร้อมกับร่มเล็กๆที่กันฝนที่กำลังตกลงมา วันนี้ฝนตกทั้งวันแต่ก็ตกไม่หนักตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นและไม่มีทีท่าว่าฝนจะหยุด เดือนขับรถจากแม่ริมมุ่งหน้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ทันที
เข้กำลังยกคอมพิวเตอร์ออกมาจากรถ พอดีกับที่โทเดินกลับเข้ามา


“โท พอดีเลย มาช่วยพี่ยกคอมหน่อยดิ”หลังจากที่คิดว่าจะต้องยกหลายรอบพอดีโทก็มาได้จังหวะ


“ได้ครับพี่”


หลังจากที่ทั้งสองคนยกคอมพิวเตอร์ขึ้นมาติดตั้ง ทั้งสองก็ลองทดสอบใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ท เสียงประตูดังขึ้นมา


“อ้าว เอกกลับมาแล้วเหรอ ต่อคอมเรียบร้อยแล้วใช้ได้ไปมีปัญหา”เข้บอกด้วยความภูมิใจ เพราะคอมพิวเตอร์ชุดนี้ซื้อมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ที่เข้ทำงานอยู่ ซึ่งซื้อมาในราคาถูกมาก


“อืม....”เอกตอบไปแบบเซ็งๆ


“พี่เอกเป็นไร ไม่สบายจริงอะปล่าว โกหกดีนัก”โทแซวทันทีเมื่อได้ที


“ปล่าวไม่ได้ไม่สบาย วันนี้ไปกินกาแฟกับจูนมานะ”
“พี่จูนกับพี่บอลเลิกกัน แล้วพี่จูนมาขอคืนดีเหรอ”โทแซวต่อทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้


“บ้าสิ เค้าจะแต่งงานกันหรอก แล้วที่สำคัญจูนเค้าจะให้พี่เป็นพิธีกรงานแต่งอีก”เอกล้มตัวลงนอนด้วยความเซ็งๆ


“เจริญ ว่ะเอก เอาแบบนี้เดี๋ยวกูปลอบใจด้วยการขอเมล์ให้ แล้วเอาไปเล่นเอ็มหาสาวๆคนใหม่แล้วกัน”เข้บอกออกมาเพื่อเลี่ยงที่จะคุยเรื่องที่เอกเจอในวันนี้


“สองทุ่มปลุกแล้วกัน ขอนอนก่อนแล้วไปหาเหล้ากินกัน”สักพักเอกก็หลับไปพร้อมกับคิดถึงเรื่องเก่าๆระหว่างเค้ากับจูน ตั้งแต่สมัยที่คบกันใหม่ ทำให้ก่อนนอนเอกก็เผลอยิ้มแล้วนอนหลับไป ส่วนสองหนุ่มโทกับเข้ก็ผลัดกันเล่นคอมพิวเตอร์เพื่อรอเวลาให้ถึงเวลาที่เอกบอก เพื่อจะได้ออกไปทานข้าวเย็นกัน


ผับแห่งหนึ่งย่านเอกมัย หลังจากที่สามหนุ่มขับรถวนหาที่จอดได้แล้ว เพราะกว่าที่พวกเค้าจะหาที่จอดรถได้ก็ใช้เวลาหลายนาที เนื่องจากคืนวันเสาร์บรรดาหนุ่มๆสาวๆ ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มเล็กหนุ่มใหญ่ต่างก็ออกมาพักผ่อนหลังจากทำงานกันมาทั้งอาทิตย์ คืนนี้ก็เป็นอีกคืนหนึ่งที่คนออกมาพักผ่อนกันมากมาย จนทำให้ลานจอดรถที่กว้างใหญ่ดูแคบลงไปถนัดตา ซึ่งเต็มไปด้วยรถจนไม่เหลือที่ว่างที่จะจอดรถได้อีก แต่พนักงานโบกรถก็ยังหาที่จอดรถให้จนได้เหมือนว่าพนักงานพวกนี้มีความสามารถพิเศษในการขยายที่จอดรถที่มีอยู่ให้ได้กว้างขึ้น


“ไม่รู้จะมีที่หรือเปล่า คนเยอะมาก”โทเริ่มพูดก่อนเป็นคนแรกหลังจากเดินออกมาจากรถ


“พี่โทรจองไว้แล้วตรงที่เก่านะ รีบเข้าไปกันดีกว่า”เข้บอกโทเหมือนว่าร้านนี้เป็นร้านของเค้าเอง ส่วนเอกเดินตามมาอย่างช้าๆ ทุกคนเข้าใจว่าที่เอกดูเงียบๆไปเพราะคิดว่าเอกเพิ่งตื่นนอนจริงๆแล้วเอกกำลังคิดถึงเรื่องของจูน หลังจากที่เดินมาหน้าร้านเข้ก็เข้าไปคุยกับพนักงานแล้วพนักงานก็พาเดินไปยังที่โต๊ะ แล้วเข้ก็จัดแจงสั่งอาหารกับเครื่องดื่ม บรรยากาศภายในร้านเต็มไปด้วยผู้คนที่เบียดเสียดยัดเยียดแทบจะไม่มีที่เดิน เสียงที่ดังมีทั้งเสียงเพลง เสียงคนคุยกัน และก็เสียงหัวเราะ การที่เราจะพูดให้ได้ยินต้องตะโกนเพราะเสียงต่างๆนั้นกลบเสียงพูดเรา ร้านที่นี่นักเที่ยวส่วนใหญ่เป็นคนทำงาน ดารา เด็กที่จบจากเมืองนอก ลูกคนมีฐานะ


“โหพี่เข้ ท่าทางจะแพงน่าดู”โทตะโกนถามเพราะว่าดูจากสถานที่แล้ว


“พอดีพี่ได้บัตรเมมเบอร์ ของพี่ที่ทำงาน เพราะพี่เคยช่วยเค้าจากที่โกหกเมียไปเที่ยวนะ เหล้าฟรี มิกซ์ฟรี อาหารลด 20% สบายโว้ย” เข้ตอบเสียงดังกว่าที่โทถามมา


“ดาราเต็มเลยพี่เอก ขาวๆสวยๆทั้งนั้น”โทหันมาตะโกนบอกเอก เอกหันไปมองแล้วหันกลับมายิ้มให้โท


“มองสูงไปน้อง ถ้าจะจีบหาคนแค่หน้าตาพอได้ดีกว่า อย่างเช่นโต๊ะนั้นนะมากันสองคน”เข้บอกโทอย่างมีประสบการณ์ แล้วทำตาบอกโทว่าโต๊ะนั้นอยู่ทิศทางไหน ซึ่งคุณชายมากรักเป็นฉายาที่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เข้แสดงให้เห็นถึงพรสรรค์ที่เค้ามี ไม่ไปจีบเค้า สาวๆก็เค้ามาจีบเอง ซึ่งทางเอกกับโทก็เคยถามเข้ว่าจีบไปเยอะๆจำได้ไหม เข้ก็เคยบอกว่าจำได้บ้างไม่ได้บ้างสาวๆที่รู้จักเข้ก็เหมือนกัน จำได้บ้างไม่ได้บ้างเพราะต่างคนต่างเมาไม่ได้สนใจ พอเช้าก็แยกย้าย บางทีคนที่มาด้วยออกไปก่อนหน้าตาเป็นอย่างไรยังไม่รู้เลย


“เดี๋ยวมาไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”เอกบอกทุกคน แล้วเดินออกไป ขณะที่เดินเสิร์ฟก็เอาอาหารเครื่องดื่มเข้ามา เนื่องจากคนเยอะแล้วส่วนใหญ่ก็เมาทำให้เวลาที่เอกเดินออกไปห้องน้ำต้องเบียดกับคน แล้วอยู่ๆก็มีแรงกระแทกมาจากด้านข้างทำให้เอกเซไปชนโต๊ะที่อยู่ด้านขวามือ หลังจากชนเสร็จเอกก็ขอโทษขอโพยทันที แต่สิ่งที่เห็นทำให้เอกแทบทรุดก็คือโต๊ะที่เอกเข้าไปชนนั้นเป็นโต๊ะของลูกชายนักการเมืองคนหนึ่ง เอกคิดในใจหลังจากที่ขอโทษเป็นครั้งที่สอง “สงสัยวันนี้กูตายแน่นอน”


“เป็นไงครับเจ็บตรงไหนไหม ทางพวกผมไม่เป็นไรครับ”ลูกชายนักการเมืองบอกออกมา ผิดกับคำร่ำลือที่หนังสือพิมพ์ได้ลงข่าว


“ไม่เป็นไรครับพี่ ขอโทษอีกครั้งนะครับ”เอกตอบอย่างสุภาพพร้อมกับขอโทษอีกเป็นครั้งที่สาม แล้วเอกก็เดินไปห้องน้ำเหมือนกับว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้น พอเอกเดินกลับไปที่โต๊ะก็เล่าเรื่องให้เข้กับโทฟัง


“พี่คนที่เอ็งไปเจอนะเค้าเป็นพี่คนโตเค้าดีมากเลย เด็กเสิร์ฟก็ชม แต่ไม่รู้ว่ะอย่าไปยุ่งเลย เวลาเดินจะไปเข้าห้องน้ำก็เดินไปทางนี้นะ” เข้บอกให้เดินไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งจะไม่ได้ผ่านไปทางนั้น แล้วทุกคนก็เปลี่ยนเรื่องคุยกัน
ผับแห่งหนึ่งที่เชียงใหม่ บรรยากาศต่างกับผับที่กรุงเทพฯอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเป็นผับเล็กๆมีเพลงฟังช้าๆ คนนั่งที่โต๊ะอาหารก็เกือบจะเต็มร้าน ส่วนใหญ่แขกในร้านจะเป็นฝรั่งมากกว่าคนไทย ที่มุมร้านเดือนนั่งคุยกับเด่นน้องชายเค้าที่มาเล่นดนตรีให้กับผับแห่งเป็นประจำ นานๆเดือนจะมาเที่ยวซักที แต่จะเรียกว่าเที่ยวก็ไม่เชิงเพราะว่าเดือนจะไปที่ร้านที่น้องชายเล่นดนตรีทุกครั้ง และส่วนใหญ่เด่นก็จะเป็นคนเรียกเดือนมา มาเที่ยวบ้าง เรียกมาเพื่อขอยืมเงินบ้าง คิดถึงกันบ้าง เพราะถึงจะอยู่เชียงใหม่ แต่ก็อยู่คนละที่เพราะเด่นแยกตัวออกมาอยู่ลำพังที่ตัวเมืองเชียงใหม่ ส่วนเดือนอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่


“ว่ามา นัดพี่มาวันนี้มีไรเหรอ”เดือนถามตรงๆไม่อ้อมค้อม


“คือผมจะไปย้ายไปอยู่กรุงเทพ พอดีเพื่อนผมเค้าชวนไปเล่นดนตรีที่นู่น ก็เลยมาบอกพี่เดือนนะ”เด่นตอบออกไป


“ทำไมต้องไปด้วย อยู่ที่นี่ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ”ถามด้วยความเป็นห่วงน้องชาย


“ไปหาประสบการณ์นะพี่อยู่ที่นี่ก็เหมือนเดิมทุกวัน พี่ไม่เบื่อแต่ผมเบื่อนะ”เด่นพูดออกไปตรงๆ ส่วนเดือนได้ยินก็รู้ว่าน้องชายต้องการจะไปแน่นอน และก็ไม่มีใครจะห้ามเค้าได้ เนื่องจากน้องคนเล็กคนนี้ถูกเอาใจมาแต่เล็กและไม่ค่อยมีใครมาขัดใจเค้า


“แล้วบอกพ่อกับแม่แล้วยัง”


“นี่ล่ะ ผมถึงนัดพี่มาคุยวันนี้ไง ฝากบอกพ่อกับแม่ด้วยนะพี่ ได้เวลาผมขึ้นไปเล่นแล้ว ไม่ต้องจ่ายนะมื้อนี้ผมบอกเด็กให้ลงบัญชีผมแล้ว ไปนะพี่ขอบคุณครับ”เด่นรู้ว่าต้องรีบตัดบทก่อนที่จะได้ฟังแม่คนที่สองบ่น ซึ่งเดือนก็เป็นคนที่ต้องกลับบ้านเร็ว เด่นเลยลาเดือนเลยเพราะกว่าเค้าจะเล่นเสร็จก็ดึกมาก ส่วนเดือนต้องกลับบ้านไกลแล้วก็ต้องตื่นเช้าไปทำงานด้วย เดือนนั่งฟังเพลงสักพัก ก็ออกจากผับแล้วขับรถกลับบ้านที่แม่ริม















ท้องถนนที่ชื้นแฉะในเช้าวันทำงาน พร้อมกับละอองสายฝนที่โปรยปรายลงมาทำให้วันนี้รถติดกว่าปกติ ซึ่งทุกวันบนท้องถนนที่กรุงเทพฯการจราจรก็ติดขัดอยู่แล้ว การเดินทางลำบากเพราะการขับขี่ยวดยานต้องใช้ความระมัดระวังสูง พนักงานเริ่มทยอยเข้าที่ทำงานเพราะใกล้เวลาทำงาน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่คนในที่ทำงานจะดูบางตาและมาสายเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่พนักงานส่วนใหญ่กำลังคุยกันถึงเรื่องวัดหยุดที่ผ่านมา บ้างก็เริ่มเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อที่เตรียมตัวจะทำงาน อยู่ๆเสียงที่คุยกันก็เงียบลง เจ้าของบริษัทเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน พร้อมด้วยท่าทางที่เคร่งเครียดซึ่งก็เป็นปกติในเช้าวันทำงานวันแรกของสัปดาห์ พนักงานตามโต๊ะทำงาน ตามทางเดิน ลุกขึ้นมาสวัสดี พิมซึ่งเป็นเลขานุการรีบกุลีกุจอเข้ามารับกระเป๋าเอกสารเหมือนว่าการที่มาดักรอรับเจ้านายเป็นเรื่องปกติทุกวัน


“สวัสดีค่ะ”พิมรีบยิ้มและทักทายเจ้านายก่อน พร้อมกับเดินตามหลังเจ้านายไปยังห้องทำงาน


“เดี๋ยว คุณตามเข้มาพบผมที่ห้องด้วย”เจ้านายบอกกับพิมก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปที่ห้องทำงานส่วนตัว

“ได้ค่ะ”จากนั้นพิมก็เดินไปประจำที่โต๊ะทำงานของเค้า แล้วยกหูโทรศัพท์โทรไปยังโต๊ะทำงานของเข้

“สวัสดีครับ เข้พูดสายอยู่ครับ”เข้รับโทรศัพท์แล้วตอบออกไป


“เข้นี่พิมนะ”


“อ้าว......พิมเหรอ โทษทีเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาไม่ว่างก็เลยไม่ได้โทรหา มีอะไรเหรอจ๊ะ”เข้รีบตอบอย่างทันทีเนื่องจากวันหยุดที่ผ่านมาเข้ไม่ได้ติดต่อพิมไป ความสนิทของสองคนเนื่องจากเข้เป็นหนุ่มเนื้อหอมสาวๆส่วนใหญ่ที่รู้จักเข้ก็จะพ่ายแพ้กับเสน่ห์ที่เข้มีอยู่ พิมก็เช่นกันที่แอบชื่นชอบเข้ และส่วนใหญ่ก็จะคอยตามตื๊อจนบางทีเข้ก็คอยหลบเพราะเข้เห็นว่าความรักในที่ทำงานเป็นสิ่งที่ควรจะหลีกเลี่ยง


“ไปหนีเที่ยวที่ไหนไม่ชวนพิมบ้างเลย”


“ไม่ได้ไปไหนจริงๆ มีธุระนิดหน่อย แล้ววันเสาร์ก็ไม่ค่อยสบายด้วย”เข้รีบอ้างทันที


“เจ้านายเรียกนะรีบมาละกัน”พิมรีบตัดบทเพราะถ้าคุยกันยาวกลัวว่าเจ้านายจะต่อว่าเข้


“ได้รีบไปเดี๋ยวนี้แหละ”เข้รีบวางสายพร้อมกับลุกเดินไปที่ห้องทำงานเจ้านาย พอถึงหน้าห้องพิมส่งสัญญาณให้เข้รีบเข้าไป แล้วบอกให้เข้รู้ว่าออกมาแล้วค่อยคุยกัน เข้เคาะประตูแล้วเดินเข้าไปนั่งตรงข้ามกับเจ้านาย


“หวัดดีครับ”เข้ยิ้มพร้อมทักก่อน

“พอดีผมมีงานให้คุณไปดูแลที่เชียงใหม่อาทิตย์หนึ่ง ต้องบินไปพรุ่งนี้เป็นงานด่วน รายละเอียดผมจะให้พิมส่งให้คุณบ่ายนี้ ส่วนงานที่นี่ให้คนอื่นดูแลไปก่อน แล้วนี่หายดีหรือยังจะไปได้ไหม”


“หายดีแล้วครับ งานมีปัญหาอะไรเหรอครับ”เข้ถามถึงงานต่อเพราะว่างานชิ้นนี้เค้าเป็นคนลงมือออกแบบเอง เข้เป็นวิศกรที่คอยออกแบบงานเรื่องระบบไฟฟ้า ซึ่งงานส่วนใหญ่ที่งานที่ออกแบบเสร็จแล้วจะส่งต่อให้กับผู้รับเหมาเพื่อทำงานต่อไป


“ไม่มีอะไรแค่เจ้าของจะให้ไปตรวจเช็คเป็นพิเศษเพราะเค้าต้องการรู้ว่าผู้รับเหมาทำงานได้ตรงตามที่ออกแบบไหม”

“ครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับจะได้รีบไปเคลียร์งานให้เสร็จ”เจ้านายก็พยักหน้า แล้วเข้ก็เดินออกไปเจอพิมที่หน้าห้อง พิมยิ้มทำท่าเหมือนจะเริ่มพูดคุยกับเข้ แต่เข้ก็ชี้ไปที่นาฬิกาเหมือนบอกว่าจะต้องรีบไปทำงานพร้อมกับรีบเดินออกไปอย่างเร็วที่สุด

บรรยากาศที่โรงแรมที่แม่ริมก็ยังเป็นเหมือนเดิม ไม่วุ่นวายเหมือนในช่วงหน้าร้อนและหน้าหนาว เดือนนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เหมือนเดิม รุ่นน้องอีกคนเดินเข้ามาพร้อมกับถ้วยกาแฟสองใบ

“นั่งเล่นเอ็มอีกแล้วละสิ”รุ่นน้องทักเดือนก่อน พร้อมยื่นถ้วยกาแฟให้


“บ้าเหรอ พี่นั่งทำงานอยู่ พอดีมีจองห้องมาจากกรุงเทพฯ ปัญหาก็คือเค้าต้องใช้รถของโรงแรมแต่คนขับรถของเราไม่ว่างพี่ก็เลยต้องไปขับแทนให้เค้า”เดือนบ่นให้รุ่นน้องฟัง


“แล้วเค้ามาเมื่อไหร่เหรอ อยู่นานไหม”


“พรุ่งนี้ ต้องไปรับเค้าที่สนามบิน อยู่ประมาณอาทิตย์หนึ่ง แล้วก็เค้าอยากไปไหนก็ค่อยจัดการให้เค้าอีกที ส่วนงานทางนี้ดูแลแทนพี่เดือนด้วยนะ”เดือนตอบไปอย่างเซ็งๆ เพราะปกติแล้วเดือนจะอยู่หน้าเคาน์เตอร์เป็นส่วนใหญ่ แต่ช่วงนี้เนื่องจากไม่ค่อยมีแขกคนขับรถที่โรงแรมจัดไว้จึงไม่ว่างเพราะเนื่องจากเป็นการจองเข้ามาอย่างรีบด่วน และถ้าปฎิเสธลูกค้าเรื่องคนขับรถไปลูกค้าอาจจะไปจองกับทางโรงแรมอื่น ซึ่งช่วงนี้การที่จะมีแขกมาพักสักคนก็ต้องรับเอาไว้ก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน


“ไหนขอดูรายละเอียดลูกค้าหน่อย”รุ่นน้องเดือนเอื้อมมือไปหยิบแฟ้มเพื่อดูว่าจะมีอะไรขาดตกบกพร่องหรือไม่ “ชื่อแปลกดี คนอะไรชื่อขอบเขต” พร้อมกับหัวเราะ

“ไปหัวเราะชื่อลูกค้าเดี๋ยวคนอื่นได้ยินจะไม่ดีนะ แล้วจะหาว่าพี่ไม่เตือน”เดือนก็แอบอมยิ้มเหมือนกัน


“แล้วพี่เดือนต้องขับรถให้ตลอดเหรอ”รุ่นน้องถามเดือน


“ปล่าวหรอก แค่สองวันเอง”
เย็นวันนั้นที่คอนโดมิเนียมทุกคนกลับบ้านกันตามปกติยกเว้นเข้ที่กลับบ้านเร็วกว่าปกติ


“สงสัยคืนนี้ฝนคงตกหนัก พี่เข้กลับบ้านเร็วว่ะ”โทเปิดฉากกวนๆก่อน


“ต้องรีบมาเก็บของโว้ย พรุ่งนี้ไปเชียงใหม่”เข้หันมาบอก
ขณะที่กำลังเก็บของอยู่


“อ้าว..........ไปเที่ยวเหรอพี่เข้ อย่าลืมซื้อแคปหมู น้ำพริกหนุ่มแล้วก็ไส้อั่วด้วยนะพี่”โทถามต่อด้วยความสงสัย พร้อมกับสั่งของฝากที่ทุกคนชื่นชอบเมื่อไปเชียงใหม่


“ปล่าวไปทำงานโว้ย สั่งใหญ่เลยนะเอ็ง”เข้ละจากการจัด
ของแล้วหันมาตอบ

“ไปยังไงเหรอ แล้วจองโรงแรมยังเหรอ ไปนานไหม”เอกที่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์หันมาเริ่มสนทนาด้วย


“คิดว่าคงอยู่ประมาณอาทิตย์หนึ่ง ไปเครื่องบินนะ แล้วโรงแรมก็จองไว้แล้ว พิมเค้าจองให้เรียบร้อยแล้ว”เข้พูดถึงพิมซึ่งทุกคนก็รู้จักว่าเป็นเลขานุการเจ้านายเข้ ซึ่งเข้เคยเล่าให้ฟังประจำ “แล้วอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหมนอกจากของกินนะ”


“ไม่เป็นไร ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวต้องมาห่วงเรื่องของฝาก หรือว่าถ้ามีเวลาก็หาหญิงมาฝากก็ได้นะ”เอกตอบไปเล่นๆแล้วก็หันมาเล่นคอมพิวเตอร์ต่อ


“คุยกะสาวๆอยู่ละสิพี่เอก เล่นไปยิ้มไปนะ”โทถามเอกซึ่งยิ้มอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์


“อืม”เอกไม่อยากตอบอะไรแล้วก็ก้มหน้าก้มตาเล่นต่อ
ที่สนามบินเชียงใหม่กำลังมีงานก่อสร้างส่วนขยายของสนามบินเพื่อรองรับการเจริญเติบโตในอนาคต แต่บรรยากาศของคนที่สนามบินก็ไม่ถึงกับวุ่นวายแต่ก็ไม่ถึงกับว่าจะไม่มีผู้คนเลย ครึ่งหนึ่งเป็นคนไทยส่วนอีกครึ่งหนึ่งก็เป็นคนต่างชาติ เดือนมารอรับผู้โดยสารก่อนที่เครื่องจะลงจอดตรงทางออกพร้อมกับแผ่นป้ายที่เขียนว่าคุณขอบเขต ผู้คนเริ่มทยอยออกมาจากประตู เดือนจึงเริ่มยกแผ่นป้ายในระดับอกเพื่อที่คนที่เดินออกมาจะเห็นได้ชัดเจน สักพักชายหนุ่มคนหนึ่งเดินตรงมาหาที่เดือนพร้อมกับรถเข็นที่มีกระเป๋าใบใหญ่


“สวัสดีครับ คุณเดือนใช่ไหมครับ”


“ใช่ค่ะ สวัสดีค่ะคุณขอบเขต”เดือนเอื้อมจะไปเข็นรถ


“ไม่เป็นไรครับ ผมเข็นเองจะดีกว่า อ้อ....เรียกผมว่าเข้แล้ว
กันง่ายดี”จากนั้นเดือนก็นำทางเข้ไปยังที่รถซึ่งจอดไม่ไกลจากประตูทางออก พอเก็บสัมภาระเสร็จเดือนก็ขึ้นไปด้านคนขับส่วนเข้ตอนแรกคิดที่จะนั่งด้านหลังแต่ก็เปลี่ยนใจมานั่งด้านหน้า


“แล้วคุณเข้จะไปไหนก่อนหรือว่าเข้าที่พักเลยค่ะ”เดือนถามเข้ก่อนที่จะออกรถ


“ไปที่ทำงานเลยครับ ที่อยู่ตามนี้ครับ” เข้ส่งกระดาษชิ้นเล็กที่คัดลอกที่อยู่ออกมาเพื่อให้เดือนดูได้สะดวก


“อืม......ก็ไม่ห่างจากโรงแรมมากอยู่ใกล้ๆกันเลย เดือน
รู้จักค่ะ”


“คุณเดือนช่วยแวะทานข้าวก่อนได้ไหม พอดีผมนั่งโลว์คอสท์มายังไม่ได้ทานอะไรเลยครับ”เข้บอกด้วยความหิวหลังจากที่นั่งเครื่องมาแล้วยังไม่ได้ทานอะไร สายการบินต้นทุนต่ำทั่วไปส่วนใหญ่ไม่มีอาหารให้รับประทานบนเครื่อง เดือนก็ทราบเพราะเดือนทำงานเกี่ยวกับด้านโรงแรมและท่องเที่ยวอยู่แล้ว


“เดี๋ยวเดือนพาไปแวะทานข้าวแถวกาดต้นพยอม แถวนั้นอาหารอร่อยค่ะ”กาดต้นพยอมหรือตลาดต้นพยอมอยู่ใกล้ๆทางไปมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งไม่ห่างจากสนามบินมากนักแถวนั้นมีอาหารอร่อยๆราคาไม่แพงอยู่หลายร้าน สักพักเดือนขับรถมาจอดที่หน้าร้านแห่งหนึ่งซึ่งมีเป็ดแขวนอยู่หน้าร้านและมีคนเข้าไปทานอาหารอยู่เกือบเต็มร้าน


“ร้านนี้แหละค่ะ คุณเข้”เดือนจอดรถที่หน้าร้านเหมือนว่าจะไม่ลงไปด้วย


“ไปทานด้วยกันสิครับ คุณเดือน” เข้เชิญชวน


“เดือนทานมาแล้ว เชิญคุณเข้เถอะค่ะ เดือนจะนั่งรอในอยู่ที่รถนี่ละค่ะ”เข้ไม่อยากเซ้าซี้มากจึงลงไปทานข้าวได้สักพักก็กลับขึ้นมา


“อร่อยมากครับคุณเดือน ข้าวหน้าเป็ดที่นี่อร่อยมากครับ น่าเสียดายถ้าผมมีเพื่อนทานคงทานได้มากกว่านี้ แต่เดี๋ยวคุณเดือนพาผมกลับไปที่โรงแรมเลยครับ พอดีเจ้าของที่นัดผมไว้ที่ทำงานเค้าโทรมายกเลิก ส่วนคุณเดือนคิดว่าจะพาผมไปเที่ยวไหนดีหลังจากเก็บของแล้ว”เข้โมเมเหมือนว่าเดือนจะพาเค้าเที่ยวทั้งวัน เพราะการมาครั้งนี้เข้กะว่าจะมาเที่ยวด้วยในช่วงที่ว่าง และเค้ายังต้องขอบคุณสวรรค์ที่ส่งคุณเดือนมาเป็นไกด์สาวส่วนตัวให้เค้า


“งั้นเดี๋ยวเดือนขอคิดดูก่อนว่าจะพาคุณเข้ไปเที่ยวที่ไหนดี”ด้วยการที่เป็นนักบริการ เดือนจะไม่ค่อยปฎิเสธใคร แล้วสักพักรถก็ถึงโรงแรม เด็กที่โรงแรมรีบจัดแจงรับกระเป๋าแล้วพาเข้ไปยังห้องพักที่ได้เตรียมไว้แล้ว ส่วนเดือนก็เดินมาที่เคาน์เตอร์ เพื่อมาดูว่างานที่ทิ้งไว้ให้รุ่นน้องเป็นอย่างไรบ้าง


“เป็นไงพี่เดือนไปรับแขกหล่อไหม”รุ่นน้องถามเดือนด้วยความอยากรู้ว่าคุณขอบเขตเป็นอย่างไร

“ก็หน้าตาดี มารยาทดีมานั่งด้านหน้าแทนที่จะนั่งด้านหลัง ให้เกียรติพี่ด้วยคือเค้าชวนพี่ไปทานข้าวเป็นเพื่อนเค้าตอนเค้ามาถึงนะ”เดือนบอกไปตามความรู้สึกที่เข้แสดงออกกับเดือน

“แหม ชมเค้าใหญ่เลยนะ สงสัยจะตกหลุมรักเค้าแล้วละสิ”

“บ้าน่าก็เค้าเป็นแขกที่ดีนี่นา แต่ดูท่าทางจะเป็นคนเจ้าชู้นะเนี่ย แววตาของเค้าดูแล้วรู้เลย ฟันธง”ในสายตาของเดือนก็ยังพอมองออกว่าเข้เป็นคนอย่างไร “เดี๋ยวพี่ก็ต้องพาเค้าไปเที่ยวอีกยังไม่รู้ว่าจะพาไปไหนเลย สงสัยพาเค้าไปดูหมีแพนด้าดีกว่า ง่ายดี”สักพักเข้เดินตรงมาที่เดือน พร้อมกับเปลี่ยนชุดใหม่จากชุดทำงานเป็นชุดที่คนกรุงเทพฯชอบใส่เวลามาเที่ยวเชียงใหม่ เสื้อยืดโปโล กางเกงขาสั้นถึงหัวเข่า รองเท้าหนังลำลองไม่ใส่ถุงเท้า

“ตกลงคุณเดือนจะพาผมไปไหนดีครับ”เข้ยิ้มพร้อมกับมีกลิ่นน้ำหอมลอยมาเตะจมูกเดือน




 

Create Date : 18 เมษายน 2549
2 comments
Last Update : 18 เมษายน 2549 22:53:30 น.
Counter : 368 Pageviews.

 

 

โดย: croket IP: 203.154.140.11 15 กันยายน 2549 16:04:05 น.  

 

ยาวดี .. ทำเป็นไตรภาคป่ะ อิอิ
แต่เราว่านะ มันต้องมีชีวิตของคนแต่งอยู่ในนี้ชัวร์ ๆ เรื่องมันคุ้นๆ อ่ะ :P

 

โดย: zadako IP: 58.8.33.209 25 ตุลาคม 2549 21:55:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


yodying_jung
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add yodying_jung's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.