สวัสดีทุกท่านครับ หวังว่าบล็อกนี้จะมีประโยชน์แก่ท่านที่เข้ามาชมบ้าง ไม่มากก็น้อย สิ่งใดที่ไม่ถูกไม่ควรก็เสนอแนะได้ครับ...

<<
กันยายน 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
18 กันยายน 2552
 

ตำนานหรือประวัติของพระพุทธสิหิงค์

ได้มีท่านผู้เรียบเรียงไว้แล้วหลายท่าน เช่น พระโพธิรังสี ปราชญ์แห่งเมืองเชียงใหม่ ได้เขียนเป็นภาษามคธ ราว พ.ศ.๑๙๖๐ และบรรยายเรื่องราว จนมาถึง พ.ศ.๒๔๕๔ สมเด็จพระบรมวงศ์เธอ กรมพระยา ดำรงราชานุภาพ ได้ทรงนิพนธ์ต่อจากพระโพธิรังสี มาจนถึงสมัย หลวงบริบาลบุรีภัณฑ์ ได้เรียบเรียงใหม่เป็นตำนานย่อ และกล่าวข้อวิจารณ์ในทางโบราณคดี

ส่วนที่ผู้เขียนได้นำกล่าวมานี้ได้อ้างถึงตำนานพระพุทธสิหิงค์ ของพลตรีหลวงวิจิตรวาทการ เขียนขึ้นเนื่องด้วยได้มีการรวบรวมข้อเท็จจริง ที่ท่านผู้รู้ทั้งหลายเหล่านั้นได้ค้นคว้าแล้วมาเรียบเรียงไว้ให้เป็นตำนานที่อ่านง่าย เพื่อความสะดวกและเข้าใจแก่ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาทั่วไป

พระพุทธสิหิงค์ เป็นพระพุทธรูปที่กษัตริย์ลังกาได้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.๗๐๐ ได้อัญเชิญเข้ามาสู่ประเทศสยาม ในสมัยพ่อขุนรามคำแหง ฉะนั้น จึงต้องนับว่า พระพุทธสิหิงค์ เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของประเทศสยามอย่างแท้จริง แต่ในเมืองไทย พระพุทธรูปที่ทรงพระนามว่าพระพุทธสิหิงค์นั้นมีอยู่ ๓ องค์ ๓ แห่ง คือ

องค์ที่ ๑ ประดิษฐานในพระที่นั่งพุทไธศวรรย์ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร
องค์ที่ ๒ ประดิษฐานในวิหารลายคำ วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่
องค์ที่ ๓ ประดิษฐานในหอพระพุทธสิหิงค์ ข้างศาลากลาง จ.นครศรีธรรมราช


พระพุทธสิหิงค์ กรุงเทพฯ

พระพุทธสิหิงค์ องค์ที่ ๑ เป็นพระพุทธรูปปางนั่งขัดสมาธิสูง ๙๖ ซม. หน้าตักกว้าง ๖๖ ซม. หล่อด้วยสัมฤทธิ์ ปิดทองคำเปลว พระสรีระได้สัดส่วนและงดงามที่สุดจะหา พระพุทธโบราณในเมืองไทยที่งดงาม และได้สัดส่วนเทียมพระพุทธสิหิงค์องค์นี้มิได้เลย ตามตำนานกล่าวว่าองค์นี้ศิลปะสุโขทัยประดิษฐานในพระที่นั่งพุทไธศวรรย์ กรุงเทพมหานคร


พระพุทธสิหิงค์ เชียงใหม่

พระพุทธสิหิงค์ องค์ที่ ๒ เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ มีความสำคัญคู่กับพระพุทธสิหิงค์ในกรุงเทพฯ และเมืองนครศรีธรรมราช เป็นพระพุทธรูปที่งดงามมาก องค์นี้ศิลปะเชียงแสน พระพุทธสิหิงค์เชียงใหม่ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร หล่อด้วยสัมฤทธิ์ปิดทองคำเปลว หนักตักกว้าง ๔๐ นิ้ว ศิลปะเชียงแสนรุ่นแรก ปัจจุบันประดิษฐานในวิหารลายคำ วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่


พระพุทธสิหิงค์ ในหอพระสิหิงค์ จังหวัดนครศรีธรรมราช

พระพุทธสิหิงค์ องค์ที่ ๓ เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองนครศรีธรรมราช มีความสำคัญคู่กับพระพุทธสิหิงค์เมืองเชียงใหม่ และกรุงเทพมหานคร เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร แบบขนมต้ม มีพระพักตร์กลม อมยิ้ม พระอุระอวบอ้วน หล่อด้วยสัมฤทธ์ ปิดทอง หน้าตักกว้าง ๑๔ นิ้ว สูง ๑๖.๘ นิ้ว นับเป็นพระพุทธรูปสำคัญ คู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณกาล ประดิษฐานอยู่ในบุษบกไม้ ณ หอพระ ระหว่างศาลกับศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช องค์นี้ศิลปะศรีวิชัย

พระพุทธสิหิงค์ทั้ง ๓ องค์ ๓ สมัย ๓ ภาค สร้างในสมัยเดียวกัน ผู้สร้างคือ มหากษัตริย์ลังกา ๓ พระองค์ ทรงสร้างเมื่อ พ.ศ.๗๐๐

ตำนานของพระโพธิรังสีกล่าวว่าพระพุทธสิหิงค์ เป็นพระพุทธรูปที่ เจ้าลังกา ๓ พระองค์ ได้ร่วมพระทัยกันพร้อมด้วยพระอรหันต์ใน เกาะลังกาสร้างขึ้นราว พ.ศ.๗๐๐ โดยหมายจะให้ได้พระพุทธรูปเหมือนองค์พระพุทธเจ้าจริงๆ ถึงกับตำนานกล่าวว่า พญานาคซึ่งเคยเห็นองค์พระพุทธเจ้ามาแปลงกายให้ดูเป็นตัวอย่าง

มาถึงสมัยพ่อขุนรามคำแหง (พ.ศ.๑๘๒๐-๑๘๖๐) มีพระภิกษุลังการ เข้าสู่ประเทศสยาม พ่อขุนรามคำแหงได้ทรงทราบกิติศัพท์เลื่องชื่อ ว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์มีพุทธลักษณะที่งดงาม พ่อขุนรามคำแหง จึงทรงขอให้พระเจ้าศรีธรรมโศกราช แต่งทูตเชิญพระสาส์นไปขอประทานพระพุทธสิหิงค์จากเจ้ากรุงลังกา

เนื่องด้วยว่าเป็นเมืองที่มีการติดต่อสัมพันธ์อยู่กับลังกาอย่างใกล้ชิด ซึ่งก็ได้ตามพระราชประสงค์ อัญเชิญมาประดิษฐานที่นครศรีธรรมราช จัดงานพิธีสมโภชใหญ่โตเป็นเวลา ๗ วัน พระเจ้าศรีธรรมโศกราชได้ให้ช่างท้องถิ่นจำลองไว้บูชา ๑ องค์ โดยกล่าวไว้ว่าพ่อขุนรามคำแหงเสด็จไปรับ พระพุทธสิหิงค์ถึงนครศรีธรรมราช ด้วยพระองค์เอง แล้วอัญเชิญมาประดิษฐาน ณ กรุงสุโขทัย พระมหากษัตริย์กรุงสุโขทัยทุกพระองค์ได้ทรงเคารพบูชาพระพุทธสิหิงค์ตลอดมา

พระพุทธสิหิงค์ที่ประดิษฐานอยู่ที่นครศรีธรรมราชนี้ มีลักษณะ ตามแบบสกุลช่างท้องถิ่น เรียกว่า แบบขนมต้ม คือมีพระพักตร์กลม อมยิ้ม พระอุระอวบอ้วน ประทับนั่งในท่าขัดสมาธิเพชร ชายสังฆาฏิสั้นระดับพระถัน เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของ ชาวนครศรีธรรมราชเป็นพระพุทธรูปที่มีพระรูป และสัดส่วนที่งดงามมาก

ครั้งเมื่อได้ตั้งกรุงศรีอยุธยาขึ้น ทางสุโขทัยอ่อนกำลังลง สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ เจ้ากรุงศรีอยุธยา ได้สุโขทัยไว้ในอำนาจเมื่อปี พ.ศ.๑๙๒๐ พญาไสยลือไทย เจ้ากรุงสุโขทัย ถูกลดตำแหน่งเป็นเจ้าประเทศราช ลงมาครองพิษณุโลก จึงได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ มาประดิษฐานไว้ที่พิษณุโลกด้วย เมื่อพระยาไสยลือไทย สิ้นพระชนม์ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ ก็ทรงโปรดให้เชิญพระพุทธสิหิงค์โดยมาทางเรือลงมาไว้ที่กรุงศรีอยุธยา

เมื่อทางกรุงศรีอยุธยาได้กรุงสุโขทัยไว้ในอำนาจแล้ว ได้จัดแบ่งการปกครอง ออกเป็นสองมณฑลคือเมืองตาก, สวรรคโลก กับพิษณุโลก เป็นมณฑลสอง ให้เจ้านายในราชวงศ์พระร่วงปกครอง พระยาธิษฐิระ ผู้ครองกำแพงเพชรนั้นปรากฏว่า ราชบุตรเลี้ยงของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ ปรารถนาจะได้พระพุทธสิหิงค์ไปประดิษฐานไว้เมืองกำแพงเพชร จึงให้มเหสีผู้เป็นมารดาตนขอพระพุทธรูปองค์หนึ่ง แล้วติดสินบนขุนพุทธบาลผู้รักษาพระ เลือกพระพุทธสิหิงค์ส่งไป

เรื่องมีต่อว่า ใน พ.ศ.๑๙๓๑ นี้เองมีพระภิกษุรูปหนึ่งในเมืองกำแพงเพชรปั้นรูปจำลองพระพุทธสิหิงค์ด้วยขี้ผึ้ง และนำพระพุทธรูปจำลองนี้ไปเชียงราย เมื่อเจ้ามหาพรหมผู้ครองนครเชียงรายได้เห็นจึงชวนเจ้ากือนา พี่ชายผู้ครองนครเชียงใหม่ยกกองทัพไปกำแพงเพชรและ ขู่ขอพระพุทธสิหิงค์ พระยาธิษฐิระต้องยอมยกพระพุทธสิหิงค์ให้ไป พระพุทธสิหิงค์จึงได้ไปประดิษฐานอยู่เชียงราย ในปี พ.ศ.๑๙๓๑

พอถึง พ.ศ.๑๙๕๐ เชียงใหม่กับเชียงรายเกิดรบกัน เชียงรายแพ้ เจ้าแสนเมืองมาเจ้านครเชียงใหม่ก็อัญเชิญ พระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานอยู่เชียงใหม่ราว ๒๕๕ ปี เมื่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตีเมืองเชียงใหม่ได้ใน พ.ศ.๒๒๐๕ โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานไว้ ณ วัดพระศรีสรรเพชรกรุงศรีอยุธยา ครั้นเมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าครั้งที่ ๒ เชียงใหม่เป็นพวกพ้องพม่า จึงสามารถอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์กลับไปเชียงใหม่ได้เมื่อ พ.ศ.๒๓๑๐

มาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อเชียงใหม่ได้รวมอยู่กับคนไทยแล้ว พม่ายกกองทัพมาล้อมเชียงใหม่ สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระอนุชาธิราชกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ยกกองทัพไปขับไล่กองทัพพม่าพ้นเมืองเชียงใหม่ สมเด็จพระกรมพระราชวังบวรฯ จึงได้ทรงอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มากรุงเทพฯ (พ.ศ.๒๓๓๔) ประดิษฐานในพระที่นั่งพุทไธศวรรย์ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานอยู่จนถึงปัจจุบัน โดยนัยนี้ นับว่าพระพุทธสิหิงค์เป็นพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของสยามประเทศ มาตั้งแต่ต้นประวัติกาล

ผู้แต่งตำนานคือพระโพธิรังสี ได้พรรณนาอานุภาพของพระพุทธสิหิงค์ไว้เป็นอันมาก มีข้อที่น่าฟังตอนหนึ่งกล่าวว่า "พระพุทธสิหิงค์หามีชีวิตได้ก็จริง แต่มีอิทธานุภาพด้วยเหตุ ๓ ประการ คือ อธิษฐานพละของพระอรหันต์ อธิษฐานพละของเจ้าลังกาหลายพระองค์ และศาสนพละของพระพุทธเจ้า" ซึ่งหมายความว่ากำลังใจของพระอรหันต์ และกำลังใจของเจ้าลังกาพร้อมทั้งกำลังแห่งพระพุทธศาสนา กระทำให้พระพุทธสิหิงค์เป็นพระพุทธปฏิมากรที่ทรงอานุภาพ
อีกตอนหนึ่งพระโพธิรังสี กล่าวว่า "พระพุทธสิหิงค์เมื่อประทับอยู่ ณ ที่ใด ย่อมทรงทำให้พระพุทธศาสนารุ่งเรืองดั่งดวงประทีปชัชวาล เหมือนหนึ่งว่าพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่"

ในส่วนของพลตรีหลวงวิจิตรวาทการ ผู้ซึ่งได้รวบรวมตำนาน พระพุทธสิหิงค์เองมีความเชื่อมั่นในอานุภาพ ของพระพุทธสิหิงค์อยู่มาก "อย่างน้อยก็สามารถบำบัดทุกข์ร้อนในใจให้เหือดหาย ผู้ใดมีความทุกข์ร้อนในใจท้อถอยหมดมานะด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง ถ้าได้มาจุดธูปเทียนบูชาและนั่งนิ่งๆ มองดูพระองค์สัก ๑๐ นาที ความทุกข์ร้อนในใจจะหายไป ดวงจิตที่เหี่ยวแห้งจะกลับมาสดชื่น หัวใจที่ท้อถอยหมดมานะจะกลับเข้มแข็งมีความมานะพยายาม ดวงจิตที่หวาดกลัวจะกลับกล้าหาญ ดวงจิตที่เกียจคร้านจะกลับขยัน ผู้ที่หมดหวังจะกลับมีความหวัง"

คุณานุภาพของพระพุทธสิหิงค์ดังกล่าวมานี้ กระทำให้ท่านเชื่อเหตุผลของ พระโพธิรังสีว่าอธิษฐานพละ คือกำลังใจของพระอรหันต์ และเจ้าลังกาผู้สร้างพระพุทธสิหิงค์ได้เข้าไปอยู่ในองค์พระพุทธสิหิงค์พร้อมทั้งศาสนพละของพระพุทธเจ้า และข้อที่พระโพธิรังสีกล่าวว่า "พระพุทธสิหิงค์ประทับอยู่ใดก็เหมือนพระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ ที่นั้น"

ข้อนี้ก็สมจริง ใครที่ได้เห็น พระพุทธเจ้าแม้แต่ยังมิได้ฟังธรรมเทศนาเลย ก็มีความสบายใจในทันทีที่ได้เห็นผู้ใดที่ได้เห็น พระพุทธสิหิงค์ย่อมได้รับผลอย่างเดียวกัน พระพุทธสิหิงค์เป็นที่เคารพสักการะบูชาของ องค์พระมหากษัตริย์ ของประชาชนชาวสยามมาเป็นเวลาช้านาน จึงกล่าวได้ว่าพระพุทธสิหิงค์เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของสยามประเทศเลยทีเดียว


บทสวดบูชา พระพุทธสิหิงค์

มะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)


(นำ) หันทะ มะยัง พุทธะปะสังสา คาถาโย พุทธะสิงหิงโค นามะ ภะณามะ เส.


(รับ) อิติ ปะวะระสิหิงโค อุตตะมะยะโสปิ เตโช
ยัตถะ กัตถะ จิตโตโส สักกาโร อุปาโท
สะกาละพุทธะสาสะนัง โชตะยันโตวะ ทีโป
สุระนะเรหิ มะหิโต ธะระมาโนวะ พุทโธติ.


คำแปล

พุทธสิหิงคา อุบัติมา ณ แดนใด
ประเสริฐ ธ เกริกไกร ดุจกายพระศาสดา


เป็นที่เคารพน้อม มนุษย์พร้อมทั้งเทวา
เปรียบเช่นชวาลา ศาสนาที่ยืนยง


เหมือนหนึ่งพระสัมพุทธ สุวิสุทธิ์พระชนม์คง
แดนใดพระดำรง พระศาสน์คงก็จำรูญ


ด้วยเดชสิทธิศักดิ์ ธ พิทักษ์อนุกูล
พระศาสน์บ่มีสูญ พระเพิ่มพูลมหิทธา


ข้า ฯ ขอเคารพน้อม วจีค้อมขึ้นบูชา
พิทักษ์ ธ รักษา พระศาสน์มาตลอดกาล


ปวงข้า ฯ จะประกาศ พุทธศาสน์ให้ไพศาล
ขอพระอภิบาล ชินมารนิรันดร์ เทอญ.


Create Date : 18 กันยายน 2552
Last Update : 18 กันยายน 2552 11:15:31 น. 13 comments
Counter : 9924 Pageviews.  
 
 
 
 
เคยไปกราบและนั่งดูพระสิงห์ในวิหารลายคำบ่อยๆ มองดูได้นานไม่รู้เบื่อครับ
 
 

โดย: oddy.freebird วันที่: 18 กันยายน 2552 เวลา:18:05:44 น.  

 
 
 
เข้ามาแล้วรู้สึกเป็นมงคลดีจังค่ะ ได้มากราบพระแล้วได้ความรู้ติดสมองกลับไปด้วย หาข้อมูลได้ละเอียดดีแท้ มีกระทั่งบทสวดบูชาโดยเฉพาะด้วย ขอบคุณมากที่หามาให้อ่านนะคะ
 
 

โดย: haiku วันที่: 19 กันยายน 2552 เวลา:21:09:14 น.  

 
 
 
สวยมากๆเลยคะพลอยชอบจังหวัดพิษณุโลก
 
 

โดย: พลอย IP: 113.53.29.247 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:45:59 น.  

 
 
 
นครศรีธรรมราชมีสถานที่ไหว้พระมาก
 
 

โดย: ชาญ IP: 61.7.241.30 วันที่: 28 ธันวาคม 2552 เวลา:18:11:56 น.  

 
 
 
ชอบมากครับ ศิลปงดงามมาก โชคดี และบุญของประเทศที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านเมือง คนไทยต้องหวงแหนและรักกันไว้ อย่าแตกความสามัคคี เพราะเรามีของดีอยู่แวไม่ต้องไปขวนขวายไปพึ่งสิ่งใดเลย
 
 

โดย: วินัย บางขุนเทียน IP: 58.9.67.222 วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:12:20:23 น.  

 
 
 
ถ้าองค์ที่นครศรีธรรมราช เป็นองค์จำลอง ถอดแบบจากองค์จริง องค์ที่อยู่ที่พระที่นั่งพุทไธศวรรย์ กรุงเทพมหานคร ต้องไม่ไช่พระพุทธสิหิงค์ เพราะเป็นปางสมาธิ ไม่ไช่ปางมารวิชัย
 
 

โดย: สงสัย IP: 202.126.171.137 วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:13:44:01 น.  

 
 
 
ที่วิหารดอยคำน่าจะเป็นองค์จริง ไม่รู้นะเดาเอา แต่รู้มาว่าถ้าอยากรู้พระพุทธเจ้าหน้าตาอย่างไร ให้ดูพระพุทธสิหิงค์

แต่ ของจริง พุทธศาสนาเกิดในเมืองไทย ไม่ใช่อินเดีย

เพราะ สถานที่ปรินิพาน อยู่ที่พระแท่นดงรัง กาญจนบุรี เมืองกุสินาราย อยู่ที่แถวบ้านโป่งราชบุรี ที่นั่นมีซากเมืองโบราณเก่าแก่
ชื่อตามตำนานว่าโกสินนาราย น่าจะเรียกเพี้ยนไป นี่ก็แปลว่า ดินแดนพม่า ไทย เขมร ลาว คือ ดินแดนชมพูทวืป เกาะลังกา คือดินแดนภาคใต้ของไทย น่าจะมีศูนย์กลางที่ ปัตตานี เมื่อก่อนเป็นเกาะ พวกเราน่าจะสืบค้นกันดู

หลังน้ำท่วมใหญ่ภาคอิสาน น่าจะมีซากเมืองโบรนาณโผล่ให้เห็นบ้าง ถ้าให้เดาแถวชัยภูมิ ต่อขอนแก่น น่าจะเป็นดินแดน ของกรุงราชคฤห์ ที่มีความเจริญรุ่งเรืองสมัยพุทธกาล หรือก่อนหน้านั้น
 
 

โดย: กอร์ป IP: 118.173.104.207 วันที่: 21 ตุลาคม 2553 เวลา:19:27:13 น.  

 
 
 
พระเจ้าอโศกมหาราช ก็น่าจะอยู่ที่นครศรีธรรมราชนี่เอง
 
 

โดย: กอร์ป IP: 118.173.104.207 วันที่: 21 ตุลาคม 2553 เวลา:19:32:36 น.  

 
 
 
สวยมากค่ะ ไปดูมาแล้วที่วิหารลายคำเชียงใหม่
 
 

โดย: pookki IP: 110.49.205.62 วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:11:15:54 น.  

 
 
 
ตามตำนานว่าเจ้ามหาพรหมครองเมืองเชียงรายได้โปรดให้มีการจำลองพระพุทธสิหิงค์ไว้อีกอวค์หนึ่งที่เชียงราย และองค์ที่เชียงรายมีรูปแบบเหมือนองค์ที่เชียงใหม่ทุกประการ ซึ่งเป็นแบบมารวิชัย ไม่ใช่สมาธิ อาจเป็นไปได้ว่าองค์ที่ถูกอัญเชิญมากรุงเทพไม่ใช่พระพุทธสิหิงค์ เพราะขณะนั้นพม่าเข้ามารุกรานจึงอาจมีการสับเปลี่ยนองค์จริงมาเก็บรักษาไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว
 
 

โดย: คิดใหม่ IP: 14.207.139.140 วันที่: 22 พฤษภาคม 2554 เวลา:16:45:32 น.  

 
 
 
ขอบคุณ
 
 

โดย: ต่อ กทม IP: 161.200.100.2 วันที่: 28 สิงหาคม 2555 เวลา:10:34:32 น.  

 
 
 
ส่วนตัวคิดว่าองค์ที่อยู่ที่กรุงเทพนั้นที่มีรูปแบบเป็นปางสมาธิ คงจะเป็นการทำขึ้นครอบหรือสับหลอก องค์จริงซึ่งมีพุทธลักษณะเป็นพระพุทธสิหิงค์ปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชร เพื่อความปลอดภัย เพื่อความมั่นคง พระพุทธสิหิงค์เป็นพระพุทธรูปคู่ประวัติศาสตร์ชาติไทย ซึ่งมีคนเสียเลือดเนื้อที่จะแย่งชิงกันไม่ว่ายุคไหนที่ผ่านมาและอาจจะต่อไป..
 
 

โดย: The Crow! IP: 182.232.15.49 วันที่: 15 สิงหาคม 2559 เวลา:20:21:37 น.  

 
 
 
ส่วนตัวคิดว่าองค์ที่อยู่ที่กรุงเทพนั้นที่มีรูปแบบเป็นปางสมาธิ คงจะเป็นการทำขึ้นครอบหรือสับหลอก องค์จริงซึ่งมีพุทธลักษณะเป็นพระพุทธสิหิงค์ปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชร เพื่อความปลอดภัย เพื่อความมั่นคง พระพุทธสิหิงค์เป็นพระพุทธรูปคู่ประวัติศาสตร์ชาติไทย ซึ่งมีคนเสียเลือดเนื้อที่จะแย่งชิงกันไม่ว่ายุคไหนที่ผ่านมาและอาจจะต่อไป..
 
 

โดย: The Crow! IP: 182.232.15.49 วันที่: 15 สิงหาคม 2559 เวลา:20:21:47 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

yosa
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ยินดีต้อนรับทุกท่านครับ...เหตุผลที่ผมสร้างบล็อกนี้ขึ้น เพื่อเก็บรวบรวมความรู้ต่างๆ ไว้ศึกษาค้นคว้า ทั้งสำหรับตัวเองและสำหรับผู้ที่สนใจในอนาคต หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่าน...
[Add yosa's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com