สวัสดีทุกท่านครับ หวังว่าบล็อกนี้จะมีประโยชน์แก่ท่านที่เข้ามาชมบ้าง ไม่มากก็น้อย สิ่งใดที่ไม่ถูกไม่ควรก็เสนอแนะได้ครับ...

 
ธันวาคม 2554
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
22 ธันวาคม 2554
 

การตั้งโต๊ะหมู่บูชา



ความเป็นมาการจัดโต๊ะหมู่บูชา เป็นวัฒนธรรมประจำชาติไทยมาช้านาน แต่ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจน

ว่ามีมาตั้งแต่สมัยใดสันนิษฐานว่าเดิมอาจจะวางสิ่งเคารพ วัตถุมงคลบนหิ้งหรือบนแท่นมาก่อน ส่วนการจัดวางบนโต๊ะน่าจะได้แบบอย่างมาจากการตั้งโต๊ะน้ำชาของชาวจีนที่มาค้าขายกับไทยในสมัยก่อน

จากจดหมายเหตุรัชกาลที่ ๓ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๑ ครั้งเมื่อมีงานฉลองวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามหรือวัดโพธิ์ ก็มีการเริ่มจัดโต๊ะบูชาเป็นครั้งแรก ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๔ ท่านโปรดเกล้าฯ ให้มีการประกวดจัดโต๊ะหมู่บูชาแบบต่าง ๆ ในพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ถึง ๑๐๐ โต๊ะ และรูปแบบการจัดดังกล่าวได้สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ในสมัยรัฐบาลของจอมพล ป.พิบูลสงคราม มีการส่งเสริมพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมเป็นอย่างยิ่ง มีการจัดโต๊ะหมู่บูชาขึ้นเป็นพิเศษในสถานที่ราชการ องค์การและสโมสรทั่วไป

ขณะเดียวกัน พลเอกมังกร พรหมโยธี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการสมัยนั้น ก็สนับสนุนนโยบายของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม โดยให้จัดโต๊ะหมู่บูชาในหน่วยงานและสถานศึกษาด้วย รวมทั้งเป็นผู้ริเริ่มให้มีการตั้งเสาประดับธงชาติและพระบรมฉายาลักษณ์เข้าไว้ในโต๊ะหมู่บูชาในพิธีการต่าง ๆ ที่ราชการจัดขึ้น

เดิมทีมีการกราบบูชาพระรัตนตรัยอย่างเดียว พลเอกมังกร เห็นว่าเมื่อเคารพพระรัตนตรัย (ศาสนา) แล้ว ควรจะได้มีการเคารพธงชาติ (ชาติ) และพระมหากษัตริย์ด้วย เมื่อมีการกราบพระรัตนตรัยแล้ว ก็มีการคำนับธงชาติและพระบรมฉายาลักษณ์ด้วย

ต่อมาได้มีการประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีให้ถือเอาวันพระราชสมภพเป็นวันเฉลิมฉลองวันชาติไทย การเคารพธงชาติและพระบรมฉายาลักษณ์ จึงเปลี่ยนเป็นการคำนับเพื่อแสดงความเคารพเพียงครั้งเดียว ไม่ต้องคำนับ ๒ ครั้งดังแต่ก่อน เพราะถือว่าพระมหากษัตริย์และชาติเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน


ปัจจุบันในพิธีเกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ในพระราชพิธี รัฐพิธี หรือราษฎร์พิธี ไม่ว่าจะเป็นงานมงคลหรืองานอวมงคลก็นิยมตั้งโต๊ะหมู่บูชาทั้งสิ้น จุดประสงค์ก็เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปพร้อมเครื่องบูชาซึ่งสันนิษฐานว่า คงจะถือเป็นคตินิยมของชาวพุทธตั้งแต่สมัยพุทธกาลว่า เมื่อพุทธศาสนิกชนต้องการบำเพ็ญกุศลใด ๆ นิยมนิมนต์พระสงฆ์ ซึ่งมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประมุขมาในงานนั้น ๆ ด้วยเพื่อให้พระรัตนตรัย คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ พร้อมบริบูรณ์ คตินิยมนี้จึงถือต่อเนื่องสืบมา

ดังนั้น ศาสนาพิธีทางพระพุทธศาสนาจึงนิยมอัญเชิญพระพุทธรูปเป็นนิมิตแทนองค์พระพุทธเจ้ามาประดิษฐานไว้ในพิธีด้วย

การจัดโต๊ะหมู่บูชามีหลายโอกาส อาทิ การจัดโต๊ะหมู่บูชาประจำหน้าพระประธาน การจัดในพิธีสงฆ์ การจัดในการประชุม อบรม สัมมนา เป็นต้น โดยทั่วไปนิยมตั้งโต๊ะหมู่บูชาใน ๒ กรณี คือ

๑.ในพิธีทางพุทธศาสนา เช่น การทำบุญ ฟังเทศน์ ฯลฯ
๒.ในพิธีถวายพระพรหรือตั้งรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

การจัดโต๊ะหมู่บูชาโดยเฉพาะเครื่องบูชาบนโต๊ะ อันได้แก่ พานพุ่ม แจกันดอกไม้ กระถางธูป เชิงเทียนถือว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ ผู้จัดควรทำด้วยความประณีตบรรจง เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความเคารพต่อพระรัตนตรัยและยังเป็นการแสดงออกถึงศิลปะในการจัดอีกด้วย
๓.การจุดธูป ๓ ดอก เป็นการบูชาพระคุณของพระพุทธเจ้า ๓ ประการคือ

๑. บูชาพระปัญญาคุณ
๒. บูชาพระวิสุทธิคุณ
๓. บูชาพระมหากรุณาธิคุณ การจุดเทียน ๒ เล่ม เป็นการบูชาพระธรรมและพระวินัย เล่มขวาของพระพุทธรูปหรือด้านซ้ายของผู้จุดเป็นเทียนพระธรรม เล่มซ้ายของพระพุทธรูปหรือด้านขวาของผู้จุดเป็นเทียนพระวินัย

หลักเกณฑ์และวิธีการจัดโต๊ะหมู่บูชามีหลายแบบ ที่สำคัญคือ การตั้งเครื่องบูชาทุกชนิด จะต้องไม่สูงกว่าพระพุทธรูปที่ประดิษฐานบนโต๊ะหมู่บูชาที่อยู่สูงสุด ส่วนปริมาณเครื่องบูชาอาจแตกต่างกันตามประเภทของโต๊ะหมู่ซึ่งมีหลายแบบ เช่น โต๊ะหมู่ ๔, หมู่ ๕, หมู่ ๗, หมู่ ๙ และหมู่ ๑๕ เป็นต้น แต่ละแบบก็จะมีการจัดและความหมายแฝงอยู่ ซึ่งจะขอยกเป็นตัวอย่างการจัดโต๊ะหมู่บูชาที่เป็นที่นิยมจัดกันทั่วไป ดังนี้

โต๊ะหมู่ ๕ ประกอบด้วย กระถางธูป ๑ กระถาง, เชิงเทียน ๓ หรือ ๔ คู่, พานดอกไม้ ๕, แจกัน ๒ คู่ ซึ่งแต่ละอย่างมีความหมายดังนี้

- กระถางธูป 1 กระถาง หมายถึง เอกกัคคตา คือ จิตเป็นหนึ่งเดียว หรือบริสุทธ์ หรืออุเบกขา

- แจกันดอกไม้ ๔ ชุด หมายถึง อริยสัจ ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค

- พานดอกไม้ ๕ พาน หมายถึง ขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

- เชิงเทียน ๖ อัน (๓ คู่) หมายถึง อายตนภายนอก ๖ คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์

- เชิงเทียน ๘ อัน (๔ คู่) หมายถึง อริยมรรค มีองค์ ๘ คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ

โต๊ะหมู่ ๗ ประกอบด้วย กระถางธูป ๑ กระถาง, เชิงเทียน ๔ หรือ ๕ คู่, พานดอกไม้ ๕, แจกัน ๒ คู่, เชิงเทียน ๑๐ อัน (๕ คู่) หมายถึง ทศบารมี ๑๐ คือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา และอุเบกขา

โต๊ะหมู่ ๙ จะประกอบด้วยกระถางธูป ๑ กระถาง, เชิงเทียน ๖ หรือ ๔ คู่, พานดอกไม้ ๗ พาน, แจกัน ๓ คู่ พานดอกไม้ ๗ พาน หมายถึง โพธิ์ฌงค์ ๗ คือ สติ ธัมมวิจยะ วิริยะ ปิติ ปัสสสัทธิ สมาธิ และอุเบกขา

เชิงเทียน ๑๒ อัน หมายถึง อาตยภายในและภายนอก คือ หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ อนึ่ง ในพิธีส่วนตัว เช่น ทำบุญอัฐิ ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ หรือทำบุญใด ๆ เฉพาะตน และมีพื้นที่ในการจัดจำกัดหรือหาโต๊ะหมู่ตามกำหนดไม่ได้หรือมีทุนทรัพย์จำกัด อาจดัดแปลงเครื่องบูชาและรูปแบบการจัดก็ได้ โดยยึดหลักว่า

๑. พระพุทธรูปต้องอยู่สูงกว่าเครื่องบูชาทุกชนิด
๒. เครื่องบูชาอย่างน้อยที่สุดต้องมีแจกันดอกไม้ ๑ คู่ เชิงเทียน ๑ คู่ และกระถางธูป ๑ กระถาง ส่วนพานดอกไม้จะมีหรือไม่ก็ได้โดยปกติ การตั้งโต๊ะหมู่บูชาที่มีเฉพาะพระพุทธรูป (ไม่มีธงชาติหรือพระบรมฉายาลักษณ์) จะมี ๓ ลักษณะ คือ

๑. งานพิธีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ เป็นประธานหรือโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์มางาน เช่น พิธีพระราชทานปริญญาบัตร ฯลฯ
๒. งานศาสนพิธีวันวิสาขบูชา วันมาฆบูชา ฯลฯ
๓. งานพิธีที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นสิริมงคล เช่น พิธีวางศิลาฤกษ์ เปิดอาคาร งานขึ้นบ้านใหม่ ฯลฯ

ส่วนการตั้งโต๊ะหมู่บูชาในบางพิธีของทางราชการ เช่น การอบรม ประชุม สัมมนา ฯลฯ นิยมตั้งธงชาติและพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร่วมกับโต๊ะหมู่บูชาเพื่อให้ครบทั้ง ๓ สถาบัน คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ โดยมีหลักคือ โต๊ะหมู่บูชาอยู่ตรงกลาง ธงชาติอยู่ด้านขวาของโต๊ะหมู่ พระบรมฉายาลักษณ์หรือพระบรมสาทิสลักษณ์ไว้ทางซ้ายของโต๊ะหมู่สำหรับ การตั้งโต๊ะหมู่ถวายพระพรหรือรับเสด็จ มีหลักว่าไม่ต้องประดิษฐานพระพุทธรูป แต่ประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ไว้ที่โต๊ะหมู่ตัวสูงสุดแทน โดยมีเครื่องสักการะคือ แจกัน พุ่มดอกไม้ ธูปเทียนแพ(ธูปต้องอยู่ข้างบนเทียน)และกรวยดอกไม้มีฝากรวยครอบวางบนธูปเทียนแพ ธูปเทียนแพจะอยู่โต๊ะหมู่ตัวต่ำสุด ปริมาณเครื่องสักการะจะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความสวยงามและชนิดของโต๊ะหมู่ และการจัดโต๊ะหมู่แบบนี้ไม่ต้องมีเสาธงชาติ และส่วนมากไม่นิยมใช้เชิงเทียนและกระถางธูป หากมีก็ไม่มีการจุดทั้งธูปและเทียน ตั้งเป็นเครื่องประดับโต๊ะหมู่เท่านั้น การปฏิบัติเพื่อถวายสักการะให้ถวายคำนับและเปิดกรวยทีครอบออก จากนั้นถวายคำนับอีกครั้งอนึ่ง งานที่ไม่ต้องตั้งโต๊ะหมู่บูชา ได้แก่ งานประชุมนานาชาติและไม่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา และงานประชุมคณะกรรมการหรืออนุกรรมการต่าง ๆ ตามปกติ






โต๊ะหมู่บูชาพระหมู่ 9
ใช้สำหรับจัดเป็นพระประธาน ในศาสนพิธีสงฆ์ ที่เป็นพิธีการใหญ่ เช่น พระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ วิหาร ประดิษฐานพระพุทธรูปที่โต๊ะตัวบนสุด วางพานพุ่มดอกไม้ที่โต๊ะตัวรองด้านข้างๆละ 3 พุ่ม และตัวรองตรงกลางอีก 1 พาน วางแจกันดอกไม้ที่มุมโต๊ะตัวบน หลังพานพุ่มข้างละ 2 แจกัน ส่วนตัวล่างสุดวางกระถางธูป เชิงเทียน ประดับเชิงเทียนที่มุมโต๊ะ ทุกตัววางพานพุ่มดอกไม้





โต๊ะหมู่บูชาพระหมู่ 7
ใช้สำหรับจัดเป็นพระประธาน ในศาสนพิธีสงฆ์ ที่เป็นทางการ เช่น พระอุโบสถศาลาการเปรียญ วิหาร ประดิษฐานพระพุทธรูปที่โต๊ะตัวบนสุด วางพานพุ่มดอกไม้ที่โต๊ะตัวรองตรงกลาง และทั้ง 2 ข้าง วางแจกันดอกไม้ที่โต๊ะตัวบนสุดด้านข้างอีก 1 คู่ ตัวล่างสุดด้านหน้าวางกระถางธูป เชิงเทียน ตกแต่งด้วยเชิงเทียน ที่มุมโต๊ะทุกตัวที่วางพานพุ่ม





โต๊ะหมู่บูชาพระหมู่ 5
ใช้สำหรับพิธีทำบุญที่บ้าน ที่ทำงาน ที่ไม่เป็นพิธีการมากนัก ประดิษฐานพระพุทธรูปที่โต๊ะตัวบนสุด วางพานดอกไม้ที่โต๊ะกลางล่างและด้านข้าง 2 ตัว ส่วนตัวล่างสุดเป็นโต๊ะยาวตลอด วางกระถางธูป เชิงเทียน และพานพุ่มทั้ง 2 ข้าง





โต๊ะหมู่บูชาหมู่ 4
ใช้สำหรับพิธีทำบุญที่บ้าน ที่ทำงาน ที่ไม่เป็นพิธีการมากนัก นำโต๊ะมาประกอบชุดใหม่เพียง 4 ตัว ประดิษฐานพระพุทธรูปที่ตัวบนสุด วางพานพุ่มดอกไม้ ที่โต๊ะด้านข้าง 2 ตัว ส่วนโต๊ะตัวล่างสุด ด้านหน้าวางพานพุ่ม และเชิงเทียน ส่วนกระถางธูปวางที่โต๊ะตัวรองล่างสุด





โต๊ะหมู่บูชาพระหมู่ 3 (ประยุกต์)
ใช้สำหรับบูชาพระที่บ้าน ที่ทำงาน โดยนำโต๊ะแถวกลาง 3 ตัว ของหมู่ 9 มาประกอบชุดใหม่ ประดิษฐานพระพุทธรูปที่ตัวบนสุด และพานดอกไม้ แจกันที่โต๊ะตัวที่ 2 กระถางธูป เชิงเทียนที่โต๊ะตัวล่างสุด


ตัวอย่างโต๊ะหมู่






ความเชื่อเรื่องการหันหน้าโต๊ะหมู่บูชาไปทางทิศต่าง ๆ
การตั้งโต๊ะหมู่บูชา ควรตั้งให้อยู่ในทิศทางที่เหมาะสมและสูงพอสมควร

ถ้าตั้งพระพักตร์หันไปสู่ทิศเหนือ (อุดร) เป็นทิศมัชฌิมา จะทำงานใดๆ ของผล งานจะอยู่ในเกณฑ์พอปานกลาง ไม่ดี ไม่ชั่ว ไม่ต่ำ ไม่สูง

ถ้าตั้งพระพักตร์หันไปสู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (อิสาน) เป็นเศรษฐีทิศ ตั้งโฉมหน้าพระไปสู่ทิศนี้ จะทำอะไรก็เจริญร่ำรวยเป็น ที่ ๑

ถ้าตั้งพระพักตร์หันไปสู่ทิศตะวันออก (บูรพา) เป็นราชาทิศ ทำการอะไรได้ เป็นใหญ่เป็นโต ประกอบการงานใดๆ ก็จะเจริญ สมความตั้งใจทุกประการ

ถ้าตั้งพระพักตร์หันไปสู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ (อาคเนย์) เป็นปฐมทิศ ไม่รุ่งโรจน์ พอทำพอกิน ไม่ค่อยเจริญ

ถ้าตั้งพระพักตร์หันไปสู่ทิศใต้ (ทักษิณ) จัณฑาลทิศ ลาภต่างๆจะได้ด้วย ความเหนื่อยยาก ลำบาก อานิสงค์ที่ได้ไม่คุ้มค่าของความเหน็ดเหนื่อย

ถ้าตั้งพระพักตร์หันไปสู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ (หรดี) วิปฏิสารทิศ เดือดร้อน ทำความยุ่งยากให้เกิดขึ้นระหองระแหง แก่เพื่อนบ้านหรือลูกหลานในบ้านตนเองก็ยุ่ง

ถ้าตั้งพระพักตร์หันไปสู่ทิศตะวันตก (ปัจจิม) ทิศกาลกินี ทำสิ่งใดไขว้เขวเป็นอัปมงคล หรืออาจทำการฆาตกรรมตนเองย่อมมีอันเป็นไปต่างๆนานา

ถ้าตั้งพระพักตร์หันไปสู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (พายัพ) จะทำอะไรมักรวนเรหาความแน่นอนไม่ใคร่ได้ คนนั้นพูดอย่างนี้ คนนี้พูดอย่างนั้น



" ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Internet และข้อมูลจาก สำนักงานพระพุทธศาสนาอุดรธานี และ Internet "




 

Create Date : 22 ธันวาคม 2554
1 comments
Last Update : 22 ธันวาคม 2554 22:16:32 น.
Counter : 32884 Pageviews.

 
 
 
 
พรุ่งนี้ก็จะปีใหม่แล้ว ปีหน้านี้ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์ทั้งหลายในสากลโลก ช่วยดลบันดาลให้คุณyosaได้เจอแต่เรื่องที่ดี ๆ มีแต่เรื่องที่ชอบเข้ามาในชีวิต คิดอะไรก็ให้ได้อย่างที่หวังไว้ ขอให้โชคดี สุขภาพแข็งแรง และคลาดแคล้วจากภยันตรายทั้งปวง แฮปปี้ตลอดปีและตลอดไปค่ะ
 
 

โดย: haiku วันที่: 31 ธันวาคม 2554 เวลา:11:51:52 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

yosa
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ยินดีต้อนรับทุกท่านครับ...เหตุผลที่ผมสร้างบล็อกนี้ขึ้น เพื่อเก็บรวบรวมความรู้ต่างๆ ไว้ศึกษาค้นคว้า ทั้งสำหรับตัวเองและสำหรับผู้ที่สนใจในอนาคต หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่าน...
[Add yosa's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com