Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
16 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
ประสบการณ์ต่อเครื่องที่นาริตะ






Trouble With JAL

เป็นประสบการณ์สุดประทับใจในการเดินทางไปอเมริกาคนเดียวกับสายการบิน JAL ( Japan Airline ) เครื่องออกจากสุวรรณภูมิประมาณสองโมงเช้ากว่า ๆ เราก็รอเช็คอินตั๋วตั้งแต่ตีห้าเลย เอาเป็นว่าคืนนั้นก็วนอยู่ในสุวรรณภูมินั่นแหละไม่ต้องไปไหน เพราะกลัวผิดคิว...หลังจากได้ตั๋วเรียบร้อยก็เข้าไปด้านในนั่งรอใน Gate อีกที พอได้เวลาก็ขึ้นเครื่อง ตอนไปทุกอย่างดูจะไปได้สวย ถ้าเครื่องลงจอดที่นาริตะเมื่อไหร่เราต้องนั่งรอต่อเครื่องที่นั่นประมาณชั่วโมงกว่า ๆ เพื่อไปซานฟรานซิสโก ไม่เป็นไรไม่ยั่นเท่าไหร่เพราะซักซ้อมมาอย่างดีว่าต้องทำอย่างไร ดูป้ายเขียนว่าอะไรบ้าง สบาย ชิว ๆ อิอิ

แต่พอเข้าน่านฟ้าญี่ปุ่นไม่นานก็มีเสียงประกาศจากกัปตันว่า
เครื่องไม่สามารถลงที่สนามบินนาริตะ ณ โตเกียวได้เนื่องจากประสบปัญหาไต้ฝุ่นยังไม่สงบ ดังนั้นต้องเอาเครื่องไปลงจอดที่สนามบินคันไซ ณ โอซาก้าเพื่อรอเวลาเสียก่อน...โอ๊ะ โอ ไม่เป็นไรคงแป๊บเดียว ตอนแรกก็ให้รอประมาณหนึ่งชั่วโมง แล้วก็รอต่ออีกหนึ่งชั่วโมง ตายละ เราตกเครื่องที่โน่นเรียบร้อยแล้วแน่นอนนนนนน ตามแผนเดิมต้องได้กินมื้อเย็นที่ไฟลท์ใหม่ แต่พอติดแหง็กเครื่องเดิมเค๊าก็ไม่มีอะไรมาบริการให้สิ ชักเริ่มหิวนิด ๆ ว่าแล้วหลังจากอดทนรอกันมาจนเกือบสามชั่วโมง สุดท้ายกัปตันประกาศยกเลิกเที่ยวบินนี้ไม่บินกลับไปสนามบินนาริตะอีกแล้ว ให้ทุกคนหาทางไปเองว่างั้นเถอะ...

ก่อนลงจากเครื่องพนักงานแสนดีเอาแบบฟอร์มให้เรามากรอกรายละเอียดของเรา โดยเฉพาะหมายเลขบัญชีธนาคาร ข้อมูลต่าง ๆ ประมาณว่าสามารถโอนเงินเข้าบัญชีให้เราได้เลยว่างั้น...พร้อมประกาศให้ผู้โดยสารเดินทาง
ไปสนามบินนาริตะเอง(แต่บอกอีกว่ารถไฟหมดแล้วตอนนี้) หรือจะหาที่พักโรงแรมเอง ก็สุดแล้วแต่ให้เก็บใบเสร็จทุกอย่างเอาไว้ด้วย (อ้าว...สรุปจะให้เราจ่ายตังค์เอง) รวบรวมใบเสร็จแล้วก็ส่งไปยังบริษัทของสายการบิน แล้วทางสายการบินจะโอนเงินคืนจ่ายให้ในบัญชีเรา...พอได้ยินดังนั้นเราเกิดอาการจี๊ดๆๆๆๆ ถ้ายอมก็โง่สิวะ คิดจะลอยแพกันเหรอเนี่ย เช้อะ ไม่มีทาง...

พอลงจากเครื่องก็มีพวกเดินไปที่เคาน์เตอร์ต่อเครื่องเหลือประมาณสามสิบกว่าคน ที่เหลือเป็นคนญี่ปุ่นไม่นานก็เดินแยกย้ายหายวับกันไปหมดไม่รู้ไปไหนกัน เหลือพวกต่อเครื่องยืนต่อรองกับทางเคาน์เตอร์ของสายการบิน ที่มีพนักงานหน้าตาจิ้มลิ้มอยู่หลายคนแต่พูดภาษาอังกฤษกันไม่ค่อยรู้เรื่อง หลังจากยืนถามหาความรับผิดชอบกันอยู่เกือบชั่วโมง โดยต่อแถวกันอยู่ และปล่อยให้ฝรั่งแก่ต่อรองกับทางเจ้าหน้าที่ของสายการบิน ไป ๆ มา ๆ มันก็ต่อรองเอาตัวเองและพวกไปไม่กี่คน เห็นแก่ตัวมาก เสียเวลาให้ต่อรองนานมาก เลยเหลือกลุ่มเราประมาณไม่ถึงสิบคน เพราะหลายคนทนไม่ไหวก็ไปตายเอาดาบหน้า เราพยายามจับกลุ่มกันไว้จะได้มีอำนาจต่อรอง ในกลุ่มโชคดีมีพี่คนไทยที่เค๊าไปอยู่อเมริกาอยู่ด้วยสองคนคนนึงไปไมอามี่อีกคนจำไม่ได้ละ และมีฝรั่งอีกหลายคน แม้แต่ละคนจะเดินทางไปคนละรัฐก็ไม่เป็นไร ไม่กลัวเท่าไหร่มีเพื่อน ยังไงก็ต้องออกจากที่นี่เหมือน ๆ กันแหละ เลยส่งให้ฝรั่งที่เป็นผู้ใหญ่ที่สุดเจรจาแบบมีขั้นมีตอน

1. เราต้องการให้หาไฟลท์ให้เรา..โอ.เค เค๊าพยายามหาให้ ตัวเราได้ไปอเมริกันแอร์ไลน์ แต่ต้องบินไปดัลลัส เท็กซัสก่อนแล้วไปต่อเครื่องไปซานฟรานซิสโกอีกที...(เอาวะ เอาก็เอา..เพราะถ้าเรื่องมากไม่รู้จะได้ไปเมื่อไหร่ เพราะไอ้ที่บินสายตรงเลย มันเต็มมมม)
2. ให้สายการบินจัดที่พักและรถรับส่งจากสนามบินไปโรงแรมด้วย และ 3. ขอวีซ่าแบบเร่งด่วนให้เราซึ่งเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ถือพาสปอร์ตไทยด้วย ไม่เช่นนั้น ออกจากสนามบินไม่ได้เน๊อ....ทุกข้อเสนอได้รับการสนองด้วยดี แถมใจดีให้เงินพวกเราใช้ 10,000เยนอีกต่างหาก แต่กว่าจะลงตัวได้เข้าโรงแรมก็เกือบตีสอง หิวและ เหนื่อยมากๆ ค่าที่พัก อาหาร สายการบินออกคูปองให้ฟรี (มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว)

.....ตอนสาย ๆ มาขึ้นเครื่องที่สนามบินเดิม โชคดีกว่าเพื่อนหลายคนที่ต้องตื่นแต่เช้าหอบหิ้วกระเป๋าเยอะแยะไปที่สนามบินอื่นเพื่อไปขึ้นเครื่องที่นั่น เราได้ไปกับพี่คนไทยที่จะไปไมอามี่นั่งเครื่องจากคันไซมาด้วยกันแยกกันที่ดัลลัส พอมาถึงดัลลัส อุปสรรคอีกละพอเอากระเป๋ามาได้ต่อคิวตรวจยาวสะบั้นหั่นแหลก เห็นว่าตรวจกันเข้มมาก ของเหลวสาระพัดห้าม ห้าม ห้าม เราเห็นแถวยาวขนาดนั้นคิดว่าต้องตกเครื่องภายในประเทศแน่ ถ้าตกไม่รู้จะยังไง ก็เลยเอาวะ ทั้งวิ่งทั้งเดินขอไปก่อนเพราะเครื่องจะออกแล้ว เอาตั๋วให้ดูแล้ว excuse me มันตลอดทาง พอผ่านมาได้ เห็นพี่ที่มาด้วยกันเค๊าตกเครื่องแน่นอน เพราะเค๊าเจอศุลกากรตรวจกระเป๋า..ช่างเค๊าเถอะ ถึงตกเครื่องได้เค๊าก็คงรู้ว่าต้องทำยังไง แต่เราอย่า อย่า อย่า...don't เชียวนะ ไม่งั้น อิอิ

พอเราหลุดจากที่ตรวจได้วิ่งๆๆๆๆๆๆๆๆ เอากระเป๋าไปที่สายพานเจ้าหน้าที่บอกเดี๋ยวเอาใส่ให้เอง เราก็วิ่งๆๆๆๆ ได้ยิน last call พอดีไปถึงหน้าเกทพร้อมกับสาวผมทองอีกคน พอขึ้นเครื่องได้แค่ห้านาทีเครื่องออกเลย...ขนาดคนยังเฉียดฉิวขนาดนี้แล้วคิดว่ากระเป๋าจะขึ้นเครื่องทันมั๊ยล่ะ...
สรุปไม่ทัน...กระเป๋าไม่ได้มาด้วย เราไปถึงซานฟรานซิสโกแบบไร้กระเป๋าในสายพาน ทำไมฟ้ากลั่นแกล้งขนาดนี้น๊อ...ใส่ชุดเดียวตลอดดดด คิดดูละกัน...ก็เลยไปแจ้งเจ้าหน้าที่ไว้ เค๊าก็ให้เรากรอกแบบฟอร์ม ซึ่งมีรูปกระเป๋าให้เลือกว่าของเราเป็นแบบไหน มีสีให้เลือกอีก ง่ายดีเหมือนสั่งสินค้าเลยวุ๊ย...แล้วเราก็กรอกว่าเราจะพักอยู่ที่ไหน...เราไปถึงซานฟรานซิสโกตอนค่ำแล้วล่ะ พอเช้าตื่นมากระเป๋าก็อยู่ที่ล็อบบี้โรงแรมเรียบร้อยโรงเรียนอเมริกา

.....นี่แหละประสบการณ์ต่อเครื่อง มันส์เหลือหลาย ครั้งแรกและขอให้เป็นครั้งเดียวเถอะนะที่เจอแบบนี้...ถ้าถามว่าเข็ดมั๊ย ก็คงไม่เข็ดหรอกนะ ยังคงจะใช้บริการของเจแปนแอร์ไลน์อยู่เหมือนเดิมแน่นอน....อิอิอิ


HAPPY ENDING AFTER LOTS OF TROUBLE WITH JAL









Create Date : 16 ตุลาคม 2550
Last Update : 29 มิถุนายน 2552 10:27:20 น. 3 comments
Counter : 3113 Pageviews.

 
โอ้โห อ่านไปลุ้นไปแทบตายเลยค่ะ กว่าจะถึงนี่เจอเรื่องเยอะเหมือนกันนะคะเนี่ย
เคยมีประสบการณ์แบบนี้เหมือนกันค่ะ
แต่เป็นบินระยะสั้นนะคะ Paris - Amsterdam ค่ะ
ใช้เวลาบินแค่ครึ่งชั่วโมง ตัวไปถึงแล้ว
รอกระเป๋าไป 2 ชั่วโมงกว่าก็ยังไม่มีวี่แวว
ปรากฎว่ากระเป๋าติดค้างอยู่ปารีส โอ้แม่เจ้า ขอบอกว่าตอนนั้นสุดแสนจะแค้นค่ะ
กว่าจะได้รับกระเป๋าก็เย็นของอีกวันนึง
แถมทำของในกระเป๋าแตกอีกต่างหาก



โดย: Complicatedgirl วันที่: 16 ตุลาคม 2550 เวลา:1:49:11 น.  

 
ถ้าเป็นผมคงอึ้งกิมกี่ทำอะไรไม่ถูกตั้งแต่บอกยกเลิกไฟลท์แล้วครับ


โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 16 ตุลาคม 2550 เวลา:14:15:24 น.  

 
แย่จังสายการบินนี้


โดย: maxpal วันที่: 16 ตุลาคม 2550 เวลา:23:49:49 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

yingkorat
Location :
´♥` United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add yingkorat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.