---------------yas-----------------
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2549
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
31 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 
2005/06

นอน.....

นอน.....
นอนเหมือนไม่อยากตื่น
สองวันที่ผ่านมา
ทั้งอาการของร่างกาย
และอาการทางจิตใจ
ฉันอยากหลับแบบไม่ต้องตื่น
ปล่อยให้เวลาทุกอย่างผ่านเลยไป

นอน....
เวลาของเราไม่ค่อยตรงกันนัก
สองวันที่ผ่านมา
เวลาที่คาดว่าจะทำสิ่งใดมันไม่เปนดังคิด
ฉันเพียงแต่อยากพักผ่อน
นอนหลับไหล
ปล่อยให้เวลาทุกอย่างผ่านเลยไป

5 มิถุนายน 2548 เวลา : 21:30:00


เบื่อ

บางวันชีวิตก็แสนจะเบื่อหน่าย
เบื่อกับความซ้ำซากจำเจ
เบื่อกับวิถีประจำวัน
เบื่อกับสภาพจิตใจของตัวเอง

ทำงาน
วันนี้ดูเหมือนฉันทำงานมากเปนพิเศษ
มันคงเปนเพราะความเบื่อหน่าย
ปล่อยให้งานทำลายเวลาไป
แต่งานฉันก็มีไม่มากมายนักเสียด้วยสิ

เหงา
บางครั้งดูเหมือนไม่มีเหตุผล
แต่ความรู้สึกซ้ำ ๆ ซาก ๆ กับหลายสิ่งหลายอย่าง
อาจใช้คำนี้ได้เหมือนกัน

ชีวิต
ฉันอาจต้องการวิถีชีวิตเช่นนี้
แต่บางวันก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
ว่าเป้าหมายในชีวิตแท้จริงแล้วคืออะไร
คงใช่...ใจเรายังไม่นิ่งพอ

ฝัน
แล้วเราฝันอะไรหรือ
ความเปนจริงที่ปรากฏ
ไม่เคยสอดคล้องกับความฝันใช่ไหม
เพราะทุกครั้งเราจะฝันในสิ่งที่เราไม่มี

6 มิถุนายน 2548 เวลา : 15:43:00

ความว่างเปล่า

หลายวันมานี้ชีวิตอยู่กับความว่างเปล่า
ไม่ได้หมายถึงไม่ได้ทำอะไรเลย
แต่รู้สึกสิ่งที่ทำเปนสิ่งที่ว่างเปล่า
ใช้ชีวิตเหมือนเดิม
ทำงานเดิม ๆ
กินข้าวร้านเดิม
อ่านหนังสือซ้ำ ๆ
อืม... ชีวิตที่ว่างเปล่า

ฉันคงไม่ได้มาหาความหมายของชีวิต
เพราะเลิกสนใจมันไปนานแล้ว
ฉันกำลังหาวิธีอยู่กับมันอย่างสันติมากกว่า
ทุกวันนี้ความขัดแย้งมันมากมายเหลือเกิน
เหนื่อยหน่อยก็อยากว่าง
ว่างมากก็เบื่อหน่าย
คนมาก็ขัดใจกัน
คนน้อยก็เหงา
ความพอดีอยู่ที่ตรงไหน
หรือความพอดีไม่มีในใจคนเรา

ธรรมะ อย่าตอบว่าธรรมะเลย
ความเห็นของฉันธรรมมะเปนแค่สิ่งดี ๆ ในกระดาษหรือคำพูด
ที่มิอาจนำมาใช้ได้จริง
ยกเว้นเราจะหลอกตัวเอง
หรือปรับตัวให้อยู่ในสภาวะแวดล้อมเดียวกับเมื่อ 2000 ปีก่อน
ที่ศาสนาดำรงอยู่
ธรรมะในปัจจุบันคงเปนสิ่งปลอบประโลมใจเท่านั้น
หรือมันเปนเช่นนั้นมาแต่ต้นแล้ว ... ก็ไม่รู้

วันนี้.... คงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำ
ความรู้สึกของฉันดูดีขึ้นจากวันวาน
วันนี้คงไม่ใช่วันที่ว่าง
คงไม่ใช่วันที่ฟุ้งซ่านกับความว่างเปล่า
ใช่...เราทำชีวิตให้มันรู้สึกดีได้
แต่น่าเสียดาย...วันเยี่ยงนี้
มันไม่ได้มีทุก ๆ วัน

7 มิถุนายน 2548 เวลา : 7:11:00

Turntable - เราเรียกมันว่า "ความใฝ่ฝัน" ใช่ไหม

แผ่นเสียงหมุนอยู่บนแท่น หลังจากไม่ได้เปิดเสียนาน
เสียงเพลงแว่วดังหนักหน่วง
เธอหลับอยู่บนโซฟาข้าง ๆ
เธอคงไม่ได้ยิน

เครื่องเล่นแผ่นเสียงเครื่องนี้ซื้อมาก็ด้วยความอยากได้ของเราทั้งสอง
ดู ๆ แล้วไม่ได้มีความจำเปนอะไรเลย

เครื่องนี้ส่วนมากก็ตั้งไว้อยู่กับที่
แผ่นก็ไม่ค่อยจะมีให้เล่นมากนักเนื่อทั้งราคาและความหายากของมัน
รวมทั้งความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับซีดี
ความรู้เกี่ยวกับเครื่องและแผ่นก็แทบไม่มี
ความยุ่งยากในการทำความสะอาด
รวมทั้งคุณภาพเสียงก็เทียบกับซีดีไม่ได้
แต่บางทีคนเรามันก็มีความอยากบางอย่างแฝงอยู่เหมือนกันมิใช่หรือ
เราเรียกมันว่า "ความใฝ่ฝัน" ใช่ไหม

ในที่สุดหลังจากแอมป์ฯ ตัวเก่าเสีย แอมป์ตัวใหม่ต่อกับเครื่องไม่ได้
เครื่องจึงตั้งอยู่เฉย ๆ นับเดือน

ในที่สุดเราก็ได้ตัดสินใจซื้อ Pre-Phono มาต่อในวันนี้
ดู ๆ ก็เปนการฟุ่มเฟือยเหลือเกินกับการซื้อ "อะไรก็ไม่รู้" สักอย่าง
ที่แทบดูเหมือนไม่ได้ประโยชน์เพิ่มเติม
และเพื่อให้เครื่องมันแค่ใช้ได้อีกครั้ง
ในราคาพอสมควรทีเดียว
เอาเถอะ.....ก็เราเรียกมันว่า "ความใฝ่ฝัน" นี่

เสียงเพลงในวันนี้ดูเพราะกว่าปรกติ
เสียดายมันไม่ใช่เพลงเพราะหวาน
อาจเพราะฉันเอาใจใส่กับมันมากขึ้นหรือเปล่า
ในวันอันอ่อนเพลีย การกลับมาพักผ่อนอาจเปนเหตุผล
น่าเสียดายที่วันหนัก ๆ ทำเธอนอนหลับไปแล้ว
ไม่งั้น เราคงได้ฟังเพลงด้วยกัน
เพลงเดิม ๆ ดังหนวกหู ๆ นั่นล่ะ
ก็เราเรียกมันว่า "ความใฝ่ฝัน" ใช่ไหม

8 มิถุนายน 2548 เวลา : 20:30:00

"เช้าวันใหม่"

"เช้าวันใหม่ ตื่นนอนคล้าย ๆ กัน
เดินทางดังทุกวัน เพื่อออกฝ่าฟันปัญหาความเปนอยู่
หวังแค่เพียง ผ่านวันได้พ้นวัน...."

เพลงเก่า ๆ เรียบ ๆ
วันที่ซื้อก็คงไม่ซาบซึ้งอะไรนัก
แต่จากการขุดกรุหยิบเทปมาปัดฝุ่นฟังใหม่
ดูมันตรงกับชีวิตยามนี้เสียเหลือเกิน

ชีวิตประจำวัน
ก็ดูไม่แตกต่าง
คนโบราณจึงมองโลกเปนวัฏจักรที่หมุนเวียน
1 วันที่หมุนเวียน 1 ปีที่หมุนเวียน
ใช่... โลกที่ดูไม่แตกต่าง


"ชีวิตหนึ่งพ้นวันคืนหนึ่งก็ดีใจ
คิดปีนป่ายตามฝัน สุดทางได้แค่นี้"

ฉันเคยพูดมาหลายครั้งทีเดียว
ว่าความฝันมันเหมือนสุดทาง
ยังไม่จบฝัน แต่เหมือนมันสุดทางเดิน


"เท่านี้ก็เพียงพอ ได้ฝันไปวัน ๆ
หนึ่งคืนถึงอีกวัน
มีชีวิตได้เจอคนรักคนเก่า
ได้เดินบนถนนสายเก่า
ขึ้นรถเมล์คันเก่า
กินเหล้าก็ที่เก่า ๆ
ได้เจอเพื่อนเก่า ๆ
นั่งคุยเรื่องเก่า ๆ"

ชีวิตก็ดูประมาณนี้ล่ะ
บ่อยบ้าง ห่างบ้าง
ชีวิตมันก็เดินไปแต่ละวัน
วันนี้คงไม่มีอะไรเขียนมาก
เพลงมันดูตรงความรู้สึกเหลือเกิน
เพลงเก่ากว่า 1 รอบนักษัตร
ดูตรงกับชีวิตประจำวันเหลือเกิน
เสียดายที่ฉันไม่มีซีดีเพลงชุดนี้
เทปคงไม่สะดวกกับการฟังซ้ำ ๆ นัก
ไม่งั้นคงฟังย้ำแล้วซ้ำอีกแน่ ๆ
วันนี้กำลังจะผ่านไปอีกวันแล้วครับ

9 มิถุนายน 2548 เวลา : 22:30:00

อุ่นเครื่อง

วางแผนทำอะไรไว้มากมายในวันนี้
แต่ในความเปนจริง กับไม่ได้ทำตามที่ตั้งใจไว้สักอย่างเดียว
ไม่นับงานที่ต้องทำนะ
ช่วงเช้า เก็บใบยาต่างประเทศ
เปนทุกครั้งที่วันที่นั่งว่าง ๆ จะไม่เก็บ
แต่จะต้องมาเก็บช่วงที่ยุ่งมาก ๆ หรือมีงานซ้อนอย่างวันนี้
แถมโกดังเรียงหมายเลขไม่ตรงเสียอีก
ฉันไปเดินแกร่วโดยไม่ได้งานเท่าไร ก็ต้องรีบไปประชุมเสียแล้ว

ประชุม
"อุ่นเครื่อง" ในการแก้ปัญหา
เรื่องเดิม ๆ คนเดิม ๆ ปัญหาเดิม ๆ ที่น่าเบื่อหน่าย
เบื่อหน่ายข้อแก้ตัวเดิม ๆ
เบื่อหน่าย งานเดิม ๆ ที่ถูกมอบมาให้ทำ
ทั้งที่รู้ว่าเดี๋ยวฟางก็ไหม้หมด
แล้วก็จะเริ่มวนเปนลูปใหม่
ปัญหา... ประชุม

บ่ายคนใกล้ตัวแวะมาหา
ไปเดินงาน wedding
ยังไม่ได้หาอะไร
ยังไม่มีกำหนดการอะไร
ไป "อุ่นเครื่อง" เดินดูเฉย ๆ
เผื่อเกิดปัญญาความคิดอะไรขึ้นมาบ้าง
เสียเวลากับเซลส์ไปพอดู ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะใช้บริการนัก
แต่ด้วยความไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานขนาดนั้น
ยังต้องคอยรับโทรศัพท์ติดต่ออีกแน่ ๆ วุ่นวาย

ตกเย็นเพื่อนคนเดิมโทรมาชวนกินดื่มประจำเดือนเหมือนเดิม
จริง ๆ พรุ่งนี้ก็ต้องเจอกันในงานแต่งงาน
แต่ก็ยังชวนกันไป
ไม่มีอะไรมากอีกบรรยากาศก็ไม่แตกต่าง
เหตุผลก็ไม่มีอะไรมากมาย
ก็แค่เปนการ "อุ่นเครื่อง" รอกินเลี้ยงวันพรุ่งนี้

วันนี้ดูเปนวันเล่น ๆ สำหรับฉันเสียเหลือเกิน
วางแผนทำอะไรไว้มากมายในวันนี้
แต่ในความเปนจริง กับไม่ได้ทำตามที่ตั้งใจไว้สักอย่างเดียว
ทุกอย่างดูเปนการ "อุ่นเครื่อง" ไปเสียหมด
วันถัด ๆ ไป เปนการเริ่มเอาจริงเอาจังใช่หรือไม่
ฉันก็ยังหาคำตอบกับตัวเองไม่ได้
ชีวิตมันคงไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก

10 มิถุนายน 2548 เวลา : 23:30:00

งานแต่งงาน

ดูเหมือนความสดชื่นจะเริ่มมีเมื่อเวลาบ่าย
หลังจากสลัดความอ่อนเพลียจากเมื่อวาน
เวลาก็กระชั้นให้เตรียมตัว
งานแต่งงานรุ่นน้องคนหนึ่ง
จะว่าดูห่างก็ไม่ถูกนัก จะว่าสนิทก็ไม่เชิง
แต่เราก็มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน
ถึงแม้ฉันมักหลีกเลี่ยงงานพิธีการ
แต่งานนี้ก็ดูเหมือนว่าจะไปอย่างเต็มใจ

บรรยากาศดูหรูหรากว่าที่คิดมาก
และทุกอย่างเปนไปตามพิธีการที่ควรจะเปน
ฉันแอบนั่งสงสัยว่าทำไม
พิธีการตาม "รูปแบบ" เช่นนี้ มีมาจากไหน
และทำไมเราต้องทำตาม
ในเมื่องานแต่งงานเปนเรื่องของคนสองคน
เราอยากจัดงานตามแต่ความต้องการของเราไม่ได้หรือ
ไม่ว่าจะเปนสถานที่ การแต่งกาย หรือขั้นตอนพิธี

เพื่อนพ้องน้องพี่มากันหลากหลาย
ถึงจะเปนคนที่คุ้นหน้าคุ้นเคย
แต่คนนอกวงการอย่างฉันก็เหลือที่จะจำชื่อได้หมด
ก็คงตำหนิตัวเองไม่ได้หรอกสำหรับคนที่เจอะเจอกันปีหรือสองปีต่อครั้ง

หมู่โต๊ะเรากลายเปนกลุ่มที่เฮฮาและเสียงดังที่สุด
ไม่น่าแปลกใจนักหากมองว่าเปนงานของเจ้าบ่าวคนนี้
เพราะถ้าไม่ต้องเปนเจ้าบ่าวคืนนี้ มันก็คงมาเฮฮาด้วยแล้ว
บรรยากาศเหมือนชุมนุมศิษย์เก่ากลาย ๆ
ฉันเคยคิดว่ามีงานของตัวเองคงเหนื่อยกับเรื่องนี้น่าดู
แต่พอถึงวันนี้ความรู้สึกมันกลับคิดว่า
เออสิ.... นาน ๆ จะได้ "ปล่อยผี" อย่างนี้สักที
เวลาชุมนุมพร้อมหน้า มันก็มีแค่งานเยี่ยงนี้เท่านั้น

กระทั่งงานเลิกสนิทจริง ๆ
ส่วนใหญ่ของพวกเราก็ย้ายไปที่ร้านของรุ่นน้องต่อ
ส่วนน้อยก็คงหลบหายไปนั่งส่วนตัวที่ฝั่งตรงข้าม
หรือไม่อย่างนั้นก็คงมีภาระต้องส่งคนใกล้ชิดของตัวเอง
บรรยากาศยังเฮฮา
คนใกล้ตัวฉันเริ่มง่วง และอิ่มเกินกว่าจะนั่งต่อ
ใช่... เวลาดึกมากแล้ว
เพียงพอที่ "คนไม่โสด" อีกคนหนึ่งจะต้องลาเสียที
วันนี้กำลังผ่านไปอีกวันแล้วครับ

11 มิถุนายน 2548 เวลา : 23:30:00

ยกเลิกรับน้องใหม่ : ชัยชนะของปัจเจก?

จากข่าวการฆ่าตัวตายของนิสิตเกษตร
โยงมาถึงการสั่งยกเลิกกิจกรรมรับน้องใหม่
ทำให้ผมคิดอะไรไปบางประการ
ในทางส่วนตัว - แน่นอน ผมไม่เคยเห็นด้วยกับการรับน้องใหม่ประเภทใช้ความรุนแรง
ไม่ว่าจะเปนการว้าก หรือการบังคับให้ทำอะไรพิสดาร
อย่างที่เคยโดนมาด้วยตัวเอง
ทุกคนย่อมไม่ชอบแน่นอนครับ

แต่เมื่อถึงวัยนี้
ผมเองก็ต้องยอมรับคุณประโยชน์บางประการของกิจกรรมนี้
การรับน้องสามารถสร้างความเปน "หมู่คณะ" หรือ "สถาบัน" ได้จริงครับ
และจะไม่แปลก ว่าความเปน "พวก" นี้ติดตัวไปอีกนาน
สำหรับผมเปน 10 ปีแล้วที่เรายังรู้สึกว่าเปนพวกเดียวกันอยู่
แม้นว่าผมไม่ได้ทำงานอยู่ในวงการแคบ ๆ ของตัวเองที่จะได้พบปะกับ "พี่น้อง" เหล่านั้น
เมื่อเราเจอกันเราก็ยังสามารถลำดับรุ่นและแสดงความเปน "พวก" กันได้ เปนอย่างดี
หรือใครจะปฏิเสธความสำคัญของสัมพันธ์ดังกล่าวในสังคมอุปถัมภ์เยี่ยงสังคมไทย

แต่เวลาที่ผ่านมาสังคมย่อมเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ไม่ได้หมายว่าระบบอุปถัมภ์ของสังคมเปลี่ยนไป
ผมพร้อมจะเถียงอย่างหัวชนฝาว่าสังคมไทยเปลี่ยนมาเปน "ระบบคุณธรรม" อย่างเต็มที่แล้ว
ยังไงก็ไม่เชื่อครับ
แต่สิ่งที่ผมยอมรับและเห็นว่าเปลี่ยนไปก็คือ
การเติบโตขึ้นของ "ปัจเจก"
การรวมหมู่ ความเปนสถาบัน หรือแม้แต่พวกพ้อง ซับซ้อนขึ้น
วาทกรรมต่อต้านจากหมู่ชนมีมากขึ้นจนทำให้สิ่งดังกล่าว
ไม่สามารถดำเนินไปได้อย่างชัดเจนดังเดิม
กระบวนการรับน้องจึงเปนหนึ่งในกิจกรรมที่ถูกต่อต้านกันทุกปี ๆ

การปะทะทางด้านวาทกรรมนี้เกิดขึ้นปีแล้วปีเล่า
แม้จะยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน
แต่ก็เห็นได้ชัดว่าวาทกรรมของปัจเจกกำลังครอบงำมากขึ้นเรื่อย ๆ
ภาวะเดิมถูกบีบให้ถอยร่นและแปรสภาพเปนกิจกรรมซ่อนเร้น

ทั้งนี้มิได้หมายความว่าผมเห็นด้วยกับกิจกรรมรับน้อง
แต่ผมยังเชื่อว่าเราไม่ควรมองอะไรในด้านเดียว
ทุกอย่างมีประโยชน์และมีโทษด้วยกันทั้งสิ้นหากเรามองทั้งสองข้าง
ถ้าไม่มีการรับน้อง ผมคงจะมีชีวิตอยู่กับเพื่อนหรือรุ่นพี่รุ่นน้องที่ตัวเองเลือกคบไม่กี่คน
ยิ่งเมื่อออกมาทำงานที่ไม่ตรงสายกับที่เรียนมา
คนเหล่านี้ก็ยิ่งถอยห่างออกไปจากชีวิตประจำวัน
แน่นอน บางคนย่อมเห็นด้วยว่าการมีพวกพ้องทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบเชิงอุปถัมภ์
แต่ใครกล้าปฏิเสธเรื่องพวกนี้ครับ

เด็กรุ่นใหม่ในสังคมนี้จึงเปน "ปัจเจก" อย่างเต็มตัว
คนเหล่านี้ปฏิเสธสังคม
ไม่รู้จักความอดทนในการวางตัวกับสาธารณะ
ไร้วินัยในการอยู่ร่วมกับคนหมู่มาก
ปฏิเสธกฏระเบียบของสังคมเดิม ๆ ที่บังคับ
แต่กลับหลงทำตัวตามกระแสวาทกรรมต่าง ๆ โดยไร้สำนึกคิด
ในส่วนตัว ผมเห็นว่าคนเหล่านี้ช่างเปราะบางเสียเหลือเกิน

กรณีที่เกิดขึ้น
ผมเห็นตัวอย่างของความเปราะบาง
หากคนเราฆ่าตัวตายกับเรื่องไร้สำนึกเช่นนี้ได้
ผมคงคิดว่าสังคมนี้มีมาตรฐานการเลี้ยงดูเด็กที่ไม่ถูกทางแล้ว
การเปน "ปัจเจก" นี่หมายถึงว่าไม่มีใครสามารถแตะต้องการดำเนินชีวิตของคนอื่นได้เลยหรือ

บันทึกสั้น ๆ นี้ไม่ได้ชี้ให้เห็นถึงอะไร
และไม่ได้สนับสนุนฝ่ายใด
เปนเพียงบางความคิดของคนเขียนเองต่อข่าวประจำวัน
ต่อกระแสของสังคมบางประการ
และต่อความรู้สึกของตนเองที่มีอยู่
ในวันที่เราซ่อนเร้นความเปน "พวก" ของเราให้ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ
ในวันที่เราประณามเงื่อนไขเก่า ๆ ของสังคมมากขึ้น แต่ก็ยังยอมรับมันอยู่ลึก ๆ
ในวันที่เรายกย่องเชิดชูความคิด "ปัจเจก" มาบังหน้ามากขึ้น
ผมเพียงอยากรู้ว่าสังคมเราจะเดินทางไปทางไหน

13 มิถุนายน 2548 เวลา : 10:18:00

คิด

เบื่อกับความคิด
คิดอะไรไปก็ไม่รู้
คิดเรื่องไม่เปนเรื่อง
คิดเรื่องที่เปนเรื่อง
คิดสับสนวุ่นวายไปเรื่อย ๆ
คิดจนเบื่อตัวเอง

จิตมนุษย์มันเปนสิ่งที่ไม่นิ่ง
ก็รู้ แต่ควบคุมได้ยากเหลือเกินนี่
ถ้าคิดเรื่องที่มันเข้าท่าก็ยังไม่เท่าไร
แต่คิดเรื่องไร้สาระวนไปวนมา
เสียเวลาเปล่า
กลุ้มใจกับตัวเองจริง ๆ วันนี้

14 มิถุนายน 2548 เวลา : 6:52:00

น่าผิดหวัง

ชีวิตที่น่าผิดหวังของวันนี้
โปรแกรมการทำงานที่มั่วซั่วเสียเหลือเกิน
ทุกอย่างเลื่อนไปเลื่อนมา
เสร็จน่ะมันเสร็จ แต่ก็ทำให้โปรแกรมชีวิตสับสนไปด้วย
แต่ยังไง ๆ มันก็เสร็จ

ฝนฟ้าก็ดูไม่ค่อยเปนใจ
ว่าจะแวะออกไปข้างนอกสักหน่อย
เมฆครึ้มทั้งวัน
แต่พอเอาเข้าจริงไม่เห็นวี่แววของเม็ดฝน
ทั้งร้อนทั้งพลาดเสียเวลา

แวะร้านซีดีร้านเดิม
แผ่นที่ต้องการหายไปเสียแล้ว
ฉันเตรียมตัวเตรียมเงินไว้ตั้ง 2 เดือน
ตั้งใจว่ายังไง ๆ ก็ปลายเดือนนี้ล่ะต้องรีบซื้อก่อน
ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วเปนงบฯ ของเดือนหน้าด้วยซ้ำ
แต่มันก็หายไปแล้ว
ไม่รู้ต้องรออีกกี่เดือนถึงจะมาใหม่

กลับบ้านด้วยอาการปวดตา
สงสัยใช้สายตามากไปหน่อยในวันนี้
รีบนอนตั้งใจว่าจะดูฟุตบอลช่วงดึก
แต่ก็เปนได้แค่ลุกขึ้นมาเปิดทีวีทิ้งไว้
ตื่นนะ แต่ดู ๆ ไปแล้วทนง่วงไม่ไหว
หลับ ๆ ตื่น ๆ

ทุกอย่างดูไม่เปนไปอย่างตั้งใจเอาเลย
พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว เนอะ

15 มิถุนายน 2548 เวลา : 23:00:00

วัฏจักร

วันศุกร์ วันสุดท้ายของสัปดาห์
วันหนึ่งก็วนเวียนเปนวัฏจักร
ทำงานประชุม
เรื่องเดิม ๆ วนเวียนเปนวัฏจักร
ทุกอย่างที่ทำไปแล้วก็กลับมาเริ่มทำใหม่
บางวันก็เบื่อ
บางวันก็ขยัน
ทำ ๆ มันไป
ปลอบตัวเองมันไป
ทุกอย่างเมื่อเราแก้ไขมันก็ต้องดีขึ้น
ถึงจะช้าจนเราเหนื่อยหน่ายก็เถอะ
มันก็ยังดีขึ้น ไม่ใช่หรือ

17 มิถุนายน 2548 เวลา : 10:52:00

ปวดท้อง

ปวดท้องมาก ๆ
วันนี้ปวดกว่าเมื่อวาน
สงสัยเปนเพราะขนมจีน
จริง ๆ ฉันไม่คิดว่ามันเผ็ดมากนะ
แต่อาการของฉันดูแย่มากทีเดียว

สุขภาพช่วงนี้ไม่ดีเลย
ทุกเย็นจะต้องมีอาการปวดมวนเล็กน้อยเสมอ ๆ
ใช่... มันเปนแค่เล็กน้อย
จึงเปนเหตุของความละเลย
มันเปนอาการที่เหมือนกับเพื่อนประจำเสียแล้ว

วันหยุดที่ผ่านมาก็เปนเรื่องปรกติที่มักจะเพิ่มอาการ
วันหยุดที่มักกินอาหารไม่ตรงมื้อ
เมื่อผสมกับกินเผ็ดในวันนี้
เพื่อนเก่าจึงมาเยี่ยมเยือน
อาการก็คงกำเริบ

ดึกแล้ว
อาการยังคงเดิม
ไม่ได้ปวดมากมายจนทนไม่ไหว
แต่ก็รบกวนจนไม่มีสุข
สังขารเปนสิ่งไม่เที่ยง
ชีวิตมันก็แค่นี้ใช่ไหม

20 มิถุนายน 2548 เวลา : 22:30:00

บ่ายวันนี้

ยามบ่าย...
ใช่มันก็คงเปนแค่ยามบ่าย
บ่ายวันหนึ่ง ....
เหมือนจะเปนเพียงเท่านั้น

สบายดีไหม...ชีวิต
ก็คงต้องคิดว่าไม่มีอะไร
ทุกอย่างผ่านไปอ่างเรื่อย ๆ ด้วยดี
ชีวิตที่สุขสงบ

ผ่านเช้าอันยุ่งเหยิงเหนื่อยอ่อน
ช่วงสุดท้ายของวันนี่น่ามีกาแฟสักแก้วนะ
น่าเสียดายจริง ๆ ที่แถวนี้ไม่มีร้านกาแฟพอพึ่งพาได้เสียเลย
ไม่อยากให้ความฝันหอมกรุ่นถูกทำลายไปด้วยกาแฟฝีมือตัวเอง
อารมณ์สดชื่นกับบ่ายวันนี้เสียจริง ๆ
แต่ยังสงสัยอยู่อย่างเดียว
ว่าทำไมฉันรู้สึกเหมือนวันนี้เปนบ่ายวันหยุด
ยังไงก็ไม่รู้

22 มิถุนายน 2548 เวลา : 15:41:00

ถวิลหา

บ้านหลังใหญ่ที่อบอุ่น
โต๊ะกินข้าวโต๊ะใหญ่ คนล้อมรอบเต็มโต๊ะ
แสงแดดยังส่งผ่านลอดหน้าต่างบานนั้นลงมา
ผ้าม่านขาวอมเหลืองสั่นไหวเล็กน้อยตามลม
อาหารเต็มโต๊ะ คนอยู่ในระหว่างพูดคุย

ฝัน....
ความฝันอันเลือนลาง
เรื่องราวเก่า ๆ
บรรยากาศที่คุ้นเคย
ความรู้สึกที่ผ่านพ้นไปกับกาลเวลา

ใบหน้ายังแจ่มชัด
ชัดเจนในความรู้สึก
ริ้วรอยแห่งวัยวาร
ชัดเจนในความฝัน
จิตใจที่โหยหาอาวรณ์

ทุกอย่างยังจดจำในส่วนลึก
ความห่วงหา
หรือความอ่อนแอในหัวใจ

แสงแดดยามเย็นอ่อนล้า
ใบหน้าที่ดูระโหยแต่กลับอิ่มเอิบ
ในบรรยากาศแห่งความสุขความสบายใจ
ที่โต๊ะตัวเดิม
วันเวลาผ่านไป ชีวิตก็คงเปลี่ยนไป
ทุกอย่างเปลี่ยนไป
ใบไม้ย่อมหลุดร่วงจากต้น
ต้นไม้ย่อมมีวันแห้งเหี่ยวโรยรา
โต๊ะไม้ก็ย่อมเก่าแก่ผุพัง
ก็คง...เหลือเพียงแต่ความรู้สึกตกค้างอยู่ในหัวใจ

ก่อนที่ฟ้าจะสาง
เช้านี้...ฉันตื่นขึ้นมาแต่มืด
ฝันดี
ความรู้สึกยังไม่จางหาย
น้ำตาเหมือนไหลอยู่ในหัวใจ
ความเปนจริงที่ไม่อาจหวนคืน
ฝันดี
แน่นอน...มันเปนฝันดี
แต่เมื่อถึงยามตื่น
ใช่...ชีวิตเราย่อมเปลี่ยนไป

23 มิถุนายน 2548 เวลา : 6:57:00

ไปไหน?

บ่ายวันศุกร์กับอาการเบื่อหน่าย
คุณเคยรู้สึกไหม
อยากไปไหนสักที่
แต่ก็ไม่รู้ที่ไป
แล้วยังขี้เกียจที่จะไปด้วย
แต่ใช้ชีวิตประจำวันเหมือนเดิมก็เบื่อ ๆ
อยากหลบไปหาสิ่งแปลกใหม่

โลกของฉันดูหดหายเหลือเกิน
ที่ไปมีลดลงจนแทบไม่เหลือในความทรงจำ
มิพักจะเหลือคนไปด้วยที่แทบนับนิ้วมือข้างเดียวได้
พอถึงวัยนี้แล้วรู้สึกว่าสังคมมันขาดหายไปจริง ๆ
ทุกคนล้วนมีครอบครัวหรือมีภาระทั้งสิ้น
ใครว่าเพื่อนกินหาง่ายกันนะ

จริง ๆ แล้วฉันก็ไม่ได้คาดหวังจะไปไหนที่แปลกประหลาดเอาเสียเลย
ร้านอาหารเงียบ ๆ
ราคาพอสมควรแก่เหตุ
มีดนตรีที่ไม่อึกทึกคึกโครม
และที่สำคัญ สูบบุหรี่ได้
เย็นสุดสัปดาห์ที่หวังจะไปนั่งคลายอารมณ์เครียดบ้าง
ไม่กี่ปีมานี้ในหัวของฉันมีชื่อร้านมากมายจนไม่มีกำลังทรัพย์จะไป
แต่วันนี้
ความว่างเปล่ากลับเข้ามาแทนที่ในความจำ
หรือโลกมันหมุนไปจริง ๆ

ในวัยเรียน
ร้านอาหารเล็ก ๆ ร้านหนึ่ง
ทุกครั้งที่ฉันไปนั่งสนทนากับเพื่อน
ฉันจะเห็นแหม่มวัยกลางคนคนหนึ่ง
มานั่งกินอาหารเย็น อ่านหนังสือ พร้อม ๆ กับจิบเบียร์และบุหรี่
เห็นจนชินตา
เห็นจนเกิดความใฝ่ฝัน
ความสงบระหว่างวัน

บ่ายวันศุกร์กับอาการเบื่อหน่าย
คุณเคยรู้สึกไหม
อยากไปไหนสักที่
แต่ก็ไม่รู้ที่ไป
ฉันฝันมากเกินไปรึเปล่า

24 มิถุนายน 2548 เวลา : 15:36:00

เน็ตเฮงซวย

เน็ตสัปดาห์นี้เฮงซวยมาก
ดี ๆ เสีย ๆ ตลอด
บางวันก็ใช้งานไม่ได้เอาเสียเลย
ไม่เข้าใจว่ามันเปนอะไร
พิมพ์แล้วส่งไม่ได้
ข้อความหายเปนหนที่ 3 แล้ว
หมดอารมณ์จะพิมพ์
เซ็งสุด ๆ

ปล. ทีบ่นล่ะส่งได้

29 มิถุนายน 2548 เวลา : 7:29:00

วันและเวลา

เช้าวันนี้...
ฉันเดินบนถนนสายจอแจ
ตลาดนัดที่ผู้คนมากมาย
แต่ความคิดกลับว่างเปล่า

วันสิ้นเดือนมาถึงอีกแล้ว
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเหมือนไม่ทันตั้งตัว
ใครช่วยตอบที
วันเวลาที่ผ่านลับนั้นหายไปอยู่ไหน

ฉันตื่นขึ้นจากความอ่อนล้าเจ็บป่วย
ตื่นมาพบกับเช้าที่สดใส
โลกของฉันดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปมาก
มากกว่าความรู้สึกยึดติดเดิม ๆ จะปรับตัวได้ทัน
วิกฤติของการเริ่มชีวิตครั้งใหม่... ใช่ไหม

ทุกอย่างเปนไปตามกำหนดเวลาเช่นเดิม
กำหนดวันกำหนดกิจกรรมชีวิต
แทบไม่ต้องคิดรูปแบบการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน
เพราะตัววันเวลานั่นล่ะจะบอกเราเอง
เหมือนเก่า
ไม่มาก ไม่น้อย....กว่านั้น
วันนี้กำลังผ่านไปอีกวันแล้วสิ

30 มิถุนายน 2548 เวลา : 7:39:00



Create Date : 31 พฤษภาคม 2549
Last Update : 31 พฤษภาคม 2549 8:17:49 น. 1 comments
Counter : 349 Pageviews.

 
เป็นกำลังใจให้ทุกๆเรื่องน่ะค่ะ


โดย: หนุอุ๋ม (tenno_jung ) วันที่: 31 พฤษภาคม 2549 เวลา:11:47:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

RAKANG
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




We're just two lost souls
Swimming in a fish bowl,
Year after year.
Friends' blogs
[Add RAKANG's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.