|
สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ตอนที่ 4
อะซินฟอส-เอ็ทธิล (azinphos ethyl) การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดแมลง ออร์กาโนฟอสเฟท ประเภทถูกตัวตายและกินตาย เป็น cholinesterase inhibitor มีฤทธิ์ตกค้างยาวนาน และสามารถกำจัดไข่ได้ด้วย ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลัน (acute oral LD 50) ทางปาก (หนู) ประมาณ 17.5 มก./กก. ทางผิวหนัง ประมาณ 250 มก./กก. ศัตรูพืชที่กำจัดได้ หนอนหลอดหอม หนอนคืบกะหล่ำ หนอนเจาะสมอสีชมพู หนอนชอนใบ หนอนใยผัก เพลี้ยอ่อน เพลี้ยแป้ง เพลี้ยจักจั่น ไรแดง ไรสนิม เพลี้ยไฟ มวนเขียว มวนดอกรัก แมลงหวี่ขาว แมลงปีกแข็งและด้วงต่าง ๆ พืชที่ใช้ ส้ม ฝ้าย องุ่น สตรอเบอร์รี่ มันฝรั่ง ข้าว ไม้ผล ผักต่าง ๆ ยาสูบ กาแฟ และพืชอื่น ๆ สูตรผสม 40% อี.ซี. อัตราการใช้ อัตราการใช้แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับชนิดของพืช โดยทั่วไปจะใช้อยู่ในระหว่าง 15-40 ซีซี. ผสมกับน้ำ 20 ลิตร ควรศึกษาจากฉลากให้แน่นอนก่อนใช้ วิธีใช้ ใช้ก่อนที่แมลงศัตรูจะระบาดหรือทำลายพืชผล โดยการฉีดพ่นให้ทั่วต้นพืช ใช้ซ้ำเมื่อจำเป็น อาการเกิดพิษ ผู้ที่ได้รับพิษจะมีอาการ ชีพจรเต้นช้า เหงื่อออกมาก ม่านตาหรี่ เวียนศีรษะ เมื่อยตัว อาเจียน ท้องร่วง ปัสสาวะบ่อยครั้ง ถ้าได้รับพิษมาก ๆ หัวใจจะหยุดเต้นและเสียชีวิต การแก้พิษ ถ้าถูกผิวหนังและมีอาการเป็นพิษ ให้รีบล้างด้วยน้ำกับสบู่หลาย ๆ ครั้ง ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำที่สะอาดมาก ๆ ถ้ากลืนกินเข้าไป ให้ผู้ป่วยกินยา อะโทรปินซัลเฟท ขนาด 1/100 เกรน 2 เม็ด แล้วรีบนำส่งแพทย์ทันที ข้อควรรู้ - เป็นพิษต่อผึ้งและปลา มีฤทธิ์ตกค้างยาวนาน และออกฤทธิ์ได้กว้างขวาง - ระยะเวลาที่ใช้ก่อนการเก็บเกี่ยว สำหรับสตรอเบอร์รี่และองุ่น ใช้ก่อน 5-10 วัน - ผัก มันฝรั่ง และอื่น ๆ ใช้ก่อน 15-21 วัน
อะซินฟอส-เมทธิน (azinphos-methyl) การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดแมลงออร์กาโนฟอสเฟท ประเภทถูกตัวตายและกินตาย ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลัน (acute oral LD 50) ทางปาก (หนู) 5-20 มก./กก. ทางผิวหนัง 220 มก./กก. ศัตรูพืชที่กำจัดได้ เพลี้ยอ่อน เพลี้ยหอย เพลี้ยแป้ง เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น แมลงหวี่ขาว มวนต่าง ๆ พืชที่ใช้ ส้ม องุ่น สตรอเบอร์รี่ ฝ้าย ผักต่าง ๆ แตงโม แตงกวา ถั่ว ยาสูบ มะเขือเทศ มันฝรั่ง หอม มะเขือ อ้อย ไม้ผล ไม้ดอกและไม้ประดับ สูตรผสม 40% อีซี อัตราการใช้และวิธีใช้ โดยทั่วไปใช้ในอัตรา 15-40 ซีซี ผสมกับน้ำ 20 ลิตร (ควรศึกษารายละเอียดก่อนใช้) ใช้ในอัตราที่สม่ำเสมอ ฉีดพ่นให้ทั่วต้นพืชอย่างละเอียด และฉีดซ้ำได้ตามความจำเป็น อาการเกิดพิษ ผู้ได้รับพิษจะมีอาการตาพร่ามัว ชีพจรเต้นช้า อ่อนเพลีย วิงเวียนคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน ปวดเกร็งในช่องท้อง เหงื่อและน้ำตาออกมาก ปวดปัสสาวะอย่างฉับพลันและมากกว่าปกติ แน่นหน้าอก หายใจขัด กระตุกตามปลายนิ้วมือและเท้า ถ้าได้รับพิษมาก ๆ หัวใจจะหยุดเต้นและตาย การแก้พิษ ถ้าถูกผิวหนังให้ล้างด้วยสบู่กับน้ำมาก ๆ ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดมาก ๆ ถ้าผู้ป่วยเกิดพิษเนื่องจากกลืนกินเข้าไปและมีอาการดังกล่าวปรากฏให้เห็น ให้ใช้ยาถ่ายพวกซาไลน์ เช่น ดีเกลือ (Epsom salt) พร้อมกับให้กินยาอะโทรปินซัลเฟท ขนาด 1/100 เกรน 2 เม็ด แล้วนำส่งแพทย์ทันที สำหรับยา ท๊อกโซโกนิน (Toxogonin) เป็นยาแก้พิษที่สามารถใช้รักษาร่วมกับอะโทรปินซัลเฟทได้ ข้อควรรู้ - อย่าให้สัตว์กินพืชที่ใช้สารกำจัดแมลงชนิดนี้ - เป็นพิษต่อปลาและสัตว์ปีกสูงมาก มีอันตรายต่อผึ้ง - ระยะเวลาที่ใช้ก่อนการเก็บเกี่ยว 5-10 วัน (ส้ม องุ่น สตรอเบอร์รี่)
อะโซไซโคลติน (azocyclotin) การออกฤทธิ์ เป็นสารประกอบของ heterocyclic tin ที่ใช้ในการกำจัดไร ออกฤทธิ์ในทางสัมผัส ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลัน (acute oral LD 50) ทางปาก 90 มก./กก. ทางผิวหนังประมาณ 1,000 มก./กก. อาจทำให้ดวงตาและผิวหนังระคายเคือง ศัตรูพืชที่กำจัดได้ ไรชนิดต่าง ๆ พืชที่ใช้ องุ่น ส้ม ไม้ผล และพืชผัก สูตรผสม 25%-50% ดับบลิวพี อัตราการใช้และวิธีใช้ ใช้อัตราตามที่กำหนดบนฉลาก ผสมกับน้ำกวนให้เข้ากันดี แล้วฉีดพ่นที่ใบให้ทั่วต้น เมื่อตรวจพบว่ามีไรกำลังทำลายพืช ใช้ซ้ำได้ตามความจำเป็น ข้อควรรู้ - เป็นพิษต่อปลา ไม่เป็นอันตรายต่อผึ้ง - กำจัดไรได้ทั้งในระยะตัวอ่อนและตัวแก่ - มีฤทธิ์ในการกำจัดแมลงอย่างอื่น - ผสมได้กับสารกำจัดศัตรูพืชอื่น ๆ
บาซิลลัส ธูริงกิเอ็นซิส (Bacillus thuringiensis) การออกฤทธิ์ เป็นแบคทีเรีย (bacteria) ชนิดหนึ่งที่ทำให้หนอนและแมลงบางชนิดเป็นโรค และตายในท้ายที่สุด ออกฤทธิ์โดยการทำให้กระเพาะและไส้ของหนอนเป็นอัมพาตและหยุดกินอาหาร ความเป็นพิษ ไม่เป็นอันตรายต่อคน สัตว์เลี้ยงและแมลงที่เป็นประโยชน์ ปลอดภัยต่อสภาพแวดล้อม ศัตรูพืชที่กำจัดได้ หนอนกระทู้ หนอนคืบกะหล่ำปลี หนอนหงอนยาสูบ หนอนใยผัก และหนอนผีเสื้ออื่น ๆ พืชที่ใช้ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บร็อคโคลี่ คื่นฉ่ายและผักอื่น ๆ ฝ้าย พืชตระกูลแตง มะเขือ หอม กระเทียม องุ่น ส้ม ถั่วต่าง ๆ มันฝรั่ง ฟักทอง สตรอเบอร์รี่ สูตรผสม ชนิดดับบลิวพี.เอฟ (F) และชนิดน้ำ (aqueous) อัตราการใช้ ศึกษาจากฉลากที่ปิดข้างภาชนะบรรจุ จะแตกต่างกันออกไปตามชนิดของสูตรผสม วิธีใช้ ใช้เมื่อพบเห็นว่ามีแมลงศัตรูพืชครั้งแรก ให้ใช้ซ้ำทุกอาทิตย์เท่าที่จะจำเป็น โดยการฉีดพ่นให้ทั่วพื้นที่ ควรใช้ในช่วงตอนเย็นขณะที่มีอากาศร้อน – แห้ง ข้อควรรู้ - สารกำจัดแมลงชนิดนี้ จะมีประสิทธิภาพและออกฤทธิ์ต่อเมื่อหนอนกินเข้าไป หนอนจะไม่ตายทันทีและยังคงเกาะอยู่บนต้นพืช หยุดกินอาหารและจะตายภายใน 2-3 วัน - อย่าปล่อยให้สารละลายที่ใช้ฉีดพ่นอยู่ในถังนานเกินกว่า 12 ชั่วโมง - อย่าเก็บไว้ในที่มีความร้อนสูงกว่า 90 องศาฟาเรนไฮ
อ่านต่อตอน 5 ครับ
ที่มา สารกำจัดศัตรูำืพืชในประเทศไทย
Create Date : 02 ธันวาคม 2553 |
|
2 comments |
Last Update : 2 ธันวาคม 2553 11:03:35 น. |
Counter : 1277 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]
|
แ่บ่ง ข้าวปลาอิ่มแล้ว ยังมี ลืมได้ ปัน สิ่งทรัพย์ยามดี บ่แท้ ความ รู้เพื่อนดีที่ แบ่งต่อ ทำกิน คิด บ่ลืมคุณแม้ ท่านสิ้น ชีวี
ขอบคุณสำหรับทุก ๆ ความรู้และทุก ๆ น้ำใจจากเพื่อนร่วมโลก (ยักษ์เขียว)
|
|
|
|
|
|
|
|
ทักทายวันทำงานค่ะ