|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
ประเภทยาลดน้ำมูก
ขอโทษค่ะลูกไปกดมั่วกำลังจะแก้ไขข้อมูลเลยเรียกคืนไม่เป็น..เซ็ง
Create Date : 24 กรกฎาคม 2553 |
|
2 comments |
Last Update : 9 สิงหาคม 2553 16:32:54 น. |
Counter : 4791 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: แมงกะพรุน™ IP: 10.0.0.126, 110.164.148.59 13 กันยายน 2553 23:52:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: สารี IP: 1.1.232.115 23 มกราคม 2556 10:50:13 น. |
|
|
|
|
|
|
|
เผอิญได้อ่านหนังสือ mother&careมาเลยอยากมาแบ่งปันค่ะ
ยาลดน้ำมูกแบ่งออกเป็น2กลุ่ม
กลุ่มที่1ยาแก้แพ้หรือยาต้านฮีสตามีน
เป็นกลุ่มยาที่ใช้กันมานานแล้วใช้บ่อยกับผู้ใหญ่ รู้จักทั่วไปเช่น คลอเฟนนิลามีน สามารถทำให้น้ำมูกแห้งแต่อาจจะทำให้เสมหะข้นเหนียวได้ สำหรับผู้ใหญ่ถ้ามีอาการดังกล่าวสามารถไอหรือขับเสมหะออกได้ ถ้าเป็นเด็กเล็กหากไม่สามารถขับเสมหะได้เช่น อาเจียนหรือไอ เสมหะอาจอุดตันทางเดินหายใจ ทำให้หายใจลำบาก นอกจากนี้ยังมีผลข้างเคียงเช่น ปากแห้ง คอแห้ง ทำให้ง่วงนอนได้ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาตัวยากลุ่มใหม่ๆที่ช่วยลดอาการข้างเคียงดังกล่าว
กลุ่มที่2ยาลดการคั่งของน้ำมูก(Decongestants)
มีฤทธิ์ลดอาการคัดจมูก ช่วยทำให้จมูกโล่ง น้ำมูกใสหายใจสะดวกมากขึ้น จะแบ่งเป็น2แบบคือ แบบกินเช่น pseudoephedrine เป็นต้น แต่อาจมีผลข้างเคียงกับเด็กบางคน ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น ร้องกวน โยเยได้ สำหรับแบบที่2เป็นแบบใช้ภายนอก โดยการหยอดจมูก หายใจได้สะดวก แต่ไม่ควรใช้ติดต่อกันเกิน 3-5วัน
การใช้ยาลดน้ำมูก
เด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 6 เดือน ถ้ามีน้ำมูก แพทย์จะแนะนำให้ใช้ไม้พันสำลีเช็ดน้ำมูก ใช้ลูกยางแดง หรือที่ดูดน้ำมูกในเด็กค่อยๆดูดน้ำมูกออก จะช่วยลดอาการคัดจมูก หายใจไม่สะดวกได้ นอกจากนี้อาจพิจารณาใช้น้ำเกลือหยอดจมูก หรือใช้ยาลดน้ำมูกแบบหยด ประมาณ 3-5วัน
เมื่อลูกโตขึ้นช่วง 6เดือน ถึง 1 ปี ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้ยาลดน้ำมูก ควรใช้อย่างระมัดระวัง เพราะยาลดน้ำมูกบางชนิดแม้จะช่วบลดน้ำมูกจริง แต่อาจทำให้เสมหะแห้งเหนียว ไอมากขึ้นได้ ดังนั้นการเลือกยาลดน้ำมูกในเด็กเล็ก ควรปรึกษาแพทย์
พ่อแม่บางท่านเป็นกังวล เรื่องผลข้างเคียงจากการใช้ยาลดน้ำมูก จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา และเมื่ออาการดีขึ้นแล้ว ให้ใช้ยาในระยะเวลาสั้นๆ ไม่เกิน 1สัปดาห์ ส่วนการใช้ยารักษาไข้หวัดสูตรผสม ได้แก่ ยาที่มีตัวยารักษาอาการหลายอย่างในตัวเดียวกัน เช่น ยาลดน้ำมูก แก้คัดจมูก ขับเสมหะ ยาลดไข้ เป็นต้น ควรระมัดระวังเพราะอาจได้ยาเกินความจำเป็น หรือได้รับยาซ้ำซ้อน เช่น ได้ยาต้านฮีสตามีน2ตัวในเวลาเดียวกัน ทำให้ได้รับผลข้างเคียงจากยาต้านฮีสตามีนที่เกินขนาด จึงไม่แนะนำให้พ่อแม่ซื้อยามาใช้เอง
การดูแลอาการก่อนใช้ยา
ถ้าลูกเป็นไข้หวัด มีอาการไข้ต่ำๆมีน้ำมูกใส ไอเล็กน้อย แต่ยังดื่มนมได้ปกติ หายใจสะดวก ไม่มีอาการหายใจลำบาก ไม่มีภาวะหอบหืด ร่วมกับไม่ซึมหมายถึงยังยิ้ม หรือเล่นได้ปกติ คุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลอาการเบื้องต้นได้ก่อนพาไปพบแพทย์ดังนี้
*ควรรักษาตามอาการนั้นๆ เช่นถ้ามีไข้ต่ำ ให้กินยาลดไข้ ปริมาณยาตามช่วงอายุเด็ก และเช็ดตัวลดไข้
*ถ้ามีอาการไอไม่มากให้ดื่มน้ำเพิ่มมากขึ้น ถ้าไอมากขึ้นควรพาไปพบแพทย์
*ถ้ามีน้ำมูกอาจใช้น้ำเกืลอหยอดจมูก ร่วมกับใช้ลูกยางแดงดูดออก หากอาการยังไม่ดีข้นภายใน 2-3วันควรรีบพาไปพบแพทย์
*อยู่ในพื้นที่โล่งสบาย อากาศถ่ายเทสะดวกและสวมใส่เสื้อที่สบายตัว
*ให้ลูกนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และกินอาหารให้ได้ครบ 5หมู่ ส่วนเด็กเล็กถ้าได้นมแม่จะช่วยเสริมภูมิต้านทานให้ลูกหายป่วยได้เร็วขึ้น ที่สำคัญไม่ควรซื้อยาลดน้ำมูกตามร้านขายยาทั่วไปมาใช้เอง
************ที่สำคัญขอให้เด็กๆทุกคนแข็งแรง***********