สวัสดีอีกครั้ง

ห่างหายไปนานเลย ตอนนี้กลับมาสิงสถิตที่ประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว

วันนี้จะพาเที่ยวย่ำหิมะที่แควัน Wallis ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ทริปนี้เป็นทริปสุดท้ายในยุโรปของยัยแก้วแล้วก็ได้ เพราะว่าตอนนี้สำเร็จการศึกษาเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่คร่ำเคร่งกับการเรียนบ้างเที่ยวบ้างในเยอรมัน มาเป็นเวลาประมาณแปดปีเต็มๆ

ปกติแล้วช่วงวันหยุดคริตมาส เราจะหนีหนาวไปพึ่งร้อนที่ประเทศแถบๆ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่เนื่องจากว่าเป็นหน้าหนาวปีนี้ จะเป็นหนาวสุดท้ายของเรา ก็เลยอยากไปเที่ยวหิมะแบบสุดๆ ไปเลย ก็เลยมาลงตัวที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เสร็จแล้วก็ต้องมานั่นคิดกันอีกว่า จะไปส่วนไหนของสวิสดี เพราะว่าไปมาหลายรอบมาก สุดท้ายก็มาลงตัวที่แคว้น Wallis

แผนที่ของแคว้น Wallis

เนื่องจากว่าเคยไป Zermatt มาแล้ว เมื่อตอนฤดูใบไม้ร่วงปี 2006 ดังนั้นทริปนี้เราก็เลยตัดสินใจที่จะไม่ไปที่ Zermatt อีกแล้ว แต่จะเที่ยวบริเวณทางด้านตะวันตกของ Wallis กัน โดยมีฐานที่ตั้งอยู่ที่เมือง Sion ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้น Wallis

ทริปนี้เราเช่ารถขับจากเมือง Aachen ตะวันตกของเยอรมัน ออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าวันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม กว่าจะไปถึงเมือง Sion ก็ห้าโมงเย็นกว่าๆ เข้าที่พัก แล้วก็รอเที่ยววันรุ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นวันแรกของทริปนี้

วันแรก เราจะขับรถเที่ยวตามเส้นทางสายเล็กๆ ไปเรื่อย โดยมีจุดหมายอยู่ที่หมู่บ้าน Evolene, Saas Fee แล้วก็ Leukerbad ตามลำดับ

รูปแรก เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ระหว่างทางไปหมู่บ้าน Evolene

สภาพบ้านเรือนบนภูเขานี้จะปลูกติดๆ กันเป็นหย่อมๆ ค่ะ หมู่บ้านนึงไม่น่าจะเกิน 100 หลังคาเรือนด้วยซ้ำ อีกมุมนึงค่ะคราวนี้เป็นภาพแนวตั้งบ้าง 

ระหว่างทางก็จะขับรถผ่านหมู่บ้านไปเรื่อยๆ เราก็แวะจอดถ่ายรูปอยู่เรื่อยๆ เหมือนกัน อันนี้ก็เป็นรูปอีกหมู่บ้านนึง

โชคดีที่มีหิมะตกลงมาก่อนที่จะไปเที่ยวพอดี ทำให้มองไปทางไหนก็มีแต่หิมะขาวโพลนเต็มบริเวณ แถมหิมะก็หยุดตกพอดี ทำให้ท้องฟ้าแจ่มใส เป็นภาพแบบที่อยากจะเห็นพอดีเลย ถ้าไปวันที่หิมะกำลังตกอยู่ ท้องฟ้าจะขมุกขมัว ไม่เป็นสีฟ้าสดแบบนี้

ทางเดินลงไปด้านล่าง มีการประดับตกแต่งบ้านด้วยตุ๊กตาซานต้าให้เข้ากับบรรยากาศคริสมาส

รูปถ่ายแบบพาโนรามา มุมเดิม

ภาพนี้ก็มุมเดิม แต่เดินขึ้นมาถ่ายบริเวณที่เราจอดรถริมข้างทาง ดีแหละข้อดีของการขับรถเที่ยวสวิส

ตอนนี้เริ่มขับรถเข้าไปในเขตหุบเขาเรื่อยๆ อากาศก็เย็นลงเรื่อยๆ เหมือนกัน ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ -6 องศาเซลเซียส แต่นี่ยังไม่ใช่สถิติต่ำสุดที่เจอในทริปนี้

สองข้างทางก็มีกระต๊อบหลังเล็กๆ หน้าบ้านมีฟืนไว้สำหรับทำความร้อน

บ้านอีกหลังที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา

ตอนนี้เราขับรถเลยเมือง Evolene ไปจนถึงหมู่บ้านสุดท้ายของเส้นทางนี้แล้ว สุดทางของถนนสายนี้เป็นภูเขาขนาดใหญ่ที่ตั้งเด่นตระหง่าน ทำให้แสงอาทิตย์ส่องลงมาไม่ถึงหมู่บ้านนี้ ทั้งๆ ที่ตอนนี้ก็ปาเข้าไป 11 โมงกว่าๆ แล้วแท้ๆ

หลักฐาน ในรูปนี้ไม่มีแสงแดดส่องลงมาถึงพื้นดินเลย มีแต่บริเวณยอดเขาที่ตั้งอยู่ไกลๆ

ตอนที่อยู่ในหุบเขาสูงที่ไม่มีแสงแดดส่องลงมาถึงพื้นนั้น เราทำลายสถิติหนาวสุดของทริปค่ะ -10 องศาเซลเซียส

ตอนนี้เริ่มขับรถย้อนทางเดิมออกมาแล้ว พอมีแสงแดดอยู่บ้าง แต่ก็ยังหนีไม่พ้นหลืบเงาของหุบเขาสูงอยู่ดี

จอดรถถ่ายรูปแล้วก็ลงมาเดินเล่น ทางเดินที่เดินค่อนข้างจะลื่น มีเกร็ดน้ำแข็งใสๆ เคลือบอยู่บนผิวถนนตลอดเลย

หันไปดูทางด้านหลังก็ยังมีเงาทะมึนของภูเขาลูกใหญ่อีกเหมือนเดิม

หิมะ หิมะ ฮู้ววววววว ถนนเส้นเล็กๆ ที่เห็นในรูป เป็นเส้นทางรถวิ่ง เราก็ขับมาตามถนนสายนี้ สภาพถนนแบบนี้ต้องใช้ล้อรถสำหรับหน้าหนาวนะคะ ดอกยางจะลึกกว่า เกาะถนนได้ดีกว่า

เมือง Elovene เป็นสภาพด้านนอกตัวเมือง เป็นเมืองที่คึกคักมากทีเดียวในช่วงที่เราไป เนื่องจากตรงใจกลางตัวเมืองมีลานกว้างให้เด็กๆ และผู้คนในเมืองเอาสกี เลื่อน ออกไปเล่นกัน

ขับรถย้อนออกมาถึงหมู่บ้านเดิมที่เราแวะถ่ายรูปตอนเช้าแล้ว เห็นแล้วก็ชอบอีก ก็เลยต้องหยุดชมวิวอีกรอบ

สถานที่เดิม แต่คนละมุม เป็นเมืองหรือหมู่บ้านที่ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขาจริงๆ เลย

ดีใจจังที่ได้มาที่นี่ ทั้งๆ ที่ตอนแรกกะว่าจะไปที่ Grindelwald แล้วขึ้น Jungfraujoch แต่ตอนนั้นดูราคาค่าขึ้นแล้ว ขอบอกว่า สู้ราคาค่าขึ้น Jungfraujoch ไม่ไหวจริงๆ  คุยกับเพื่อนว่าเรายังไม่เคยไปเลย แต่เพื่อนที่เคยไปมาแล้ว บอกว่า ไม่ต้องไปหรอก ไม่ได้ไป ก็ไม่ตาย แป่ว ตอบได้ดีมาก

ทีนี้ลองไปคุยกับเพื่อนฝรั่งที่เคยไป มันบอกว่า เป็นที่ที่หาความงาม และความสงบไม่ได้เลย คนเยอะมาก นักท่องเที่ยวเต็มไปหมด อันนี้ช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเยอะเลย

เลยได้มาที่นี่แทน แต่ว่าที่แถวๆ นี้ถ้าเป็นหน้าร้อนก็คงไม่มีอะไรน่าสนใจเหมือนกัน แต่ถ้ามีหิมะ ก็สวยถูกใจเรา

สภาพของเมือง Sion ดูไม่มีอะไรเลยจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของ Wallis

ตอนนี้ลงมาถึงเมือง Sion แล้ว แต่ว่าอยู่นอกเมือง แวะเติมน้ำมันแล้วก็เข้าห้องน้ำที่ปั๊ม แล้วก็จะออกเดินทางต่อไปยังเมือง Saas Fee

รูปแถวๆ ปั๊มน้ำมัน

รูปบนถนนระหว่างเดินทางไป Saas Fee ถ่ายจากในรถ

มาถึงเมือง Saas Fee แล้ว เมืองนี้เป็นเมืองที่อยู่แถวๆ เมือง Zermatt แต่ว่าแยกออกมาก่อนที่จะถึง Zermatt เป็นเมืองเล่นสกี

อีกรูปเป็นรูปแนวนอนค่ะ ที่เห็นเป็นน้ำๆ นั่น คือลำธาร แต่ว่าตอนนี้เหลือน้ำอยู่แค่นี้เอง ส่วนพื้นที่ข้างลำธารแคบๆ นั่น ก็เป็นที่เล่นสกี เห็นมีคนจอดรถขนสกีมาไถๆ อยู่เหมือนกัน ตรงนี้เล่นฟรี ไม่เสียตังค์

จริงๆ แล้วรูปในความคิดเห็นสองอันก่อนหน้านี้เป็นรูปเมือง Saas Grund  ส่วนเมือง Saas Fee ต้องขับรถไต่เขาขึ้นมาอีก พอมาถึง ปรากฏว่า ไม่เห็นตัวเมือง เค้าให้จอดรถด้านนอก แล้วก็เดินเข้าไปในตัวเมือง สงสัยปิดเมืองสำหรับให้คนไปเล่นสกีโดยเฉพาะ เราก็เลยไม่ได้เข้าไป

ถ่ายรูปมุมสูงของเมือง Saas Grund มาให้ดูกัน

เสร็จจากเดินเล่นแถวๆ เมือง Saas Grund แล้ว เราก็ย้อนกลับมาเที่ยวที่เมือง Leukerbad ก่อน (ดูตามแผนที่) เมืองนี้ก็เป็นเมืองสำหรับเล่นสกีเหมือนกัน เป็นเมืองสกีรีสอร์ท เมืองเล็กๆ

รูปพาโนราม่าที่ดูไม่ค่อยเหมือนพาโนราม่าซักเท่าไหร่ ระหว่างทางไปเมือง Leukerbad

เรามาถึงเมือง Leukerbad ตอนเกือบๆ บ่ายสีโมงเย็น พระอาทิตย์หายไปหมดแล้ว เศร้าใจจริงๆ แต่เที่ยวหน้าหนาวก็แบบนี้แหละค่ะ ต้องทำใจ

ขับรถผ่านหมู่บ้าน Inden เห็นวิวแล้วสวยดี ก็เลยแวะจอดรถชมวิว

รูปภายในเมือง Leukerbad  แดดหุบหมด แต่นักท่องเที่ยวเยอะจริงๆ สงสัยเพิ่งเลิกจากการเล่นสกี แล้วก็ออกมาเดินเล่น หาอาหารเย็นทานกัน

เนื่องจากว่าเรามาถึงเมือง Leukerbad เย็นไปหน่อย เราก็เลยวางแผนไว้ว่า ถ้าเกิดมีเวลาเหลือ เราจะแวะมาเที่ยวที่นี่อีกรอบ

จากลา Leukerbad ด้วยรูปนี้

ระหว่างทางกลับบ้าน ออกมาจากเมือง Leukerbad มาได้ไม่เท่าไหร่ ก็เห็นมุมนี้สวยดี พระอาทิตย์กำลังตก ท้องฟ้าเป็นสีชมพูเชียว ก็เลยเอามาฝากกัน

ปิดท้ายวันแรกของทริปด้วยรูปนี้

แล้วครั้งหน้าจะมาเที่ยวเส้นทางสู่ Chamonix ในฝรั่งเศส และสกีรีสอร์ทนี่เมือง Cran Montana