ฮ่องกงเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เด็กอ้วนหลังห้องเขาชอบขอไปทุกปี ชอบในวัฒนธรรม การกิน การอยู่ ของผู้คนที่นี้ เจอตั๋วราคาเป็นที่พอใจเมื่อใดนางจองทันทีค่ะ และแล้วนางก้ได้ตั๋วมาค่ะ


รอบนี้เราจองผ่าน Expedia ค่ะ สายการบิน ฮ่องกง แอร์ไลน์ส ไป-กลับ ต่อคนราคาอยู่ที่ 5,710 บาทค่ะ

-ขาไปเราเลือกบินดึกเกือบๆเช้า 555 ถึงฮ่องกงประมาณ 8 โมงเช้า
-ขากลับเราเลือกบินดึกค่ะจะได้มีเวลาเดินเล่นทั้งวัน


เมื่อได้ตั๋วเรียบร้อยก้วางแผนเที่ยวค่ะ รอบนี้เราตั้งใจอยากไปวัดกังหันค่ะ ส่วนคุณชายขอไปกินราเมงข้อสอบกับช้อปรองเท้าค่ะ 555+++ (ไปทั้งทีขอแค่เนี้ย)


สิ่งสำคัญที่ห้ามลืม

-เอกสารตั๋วเครื่องบิน/รร.ที่พัก
-passport
-เงิน (นิดหน่อย)
-ปลั๊กไฟ
-อุปกรณ์เก็บภาพ 555 (iPhone 6s plus กับ iPhone 5 เอาอยู่ค่ะ)


สายการบินฮ่องกง แอร์ไลน์สเราต้องไปขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิค่ะ เราไปถึงสนามบินตอนประมาณเกือบๆตีสองค่ะ เมื่อเช็คอิน โหลดกระเป๋าเรียบร้อยก้อไปเดินเล่น หาไรกินรอเวลาค่ะ (ฮ่องกง แอร์ไลน์สมีน้ำหนักให้)

จากกรุงเทพไปฮ่องกงใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งค่ะ…..
ถึงแล้วๆๆๆ สว่างพอดีค่ะหลังจากสนทนากับพระอินทร์มาเกือบ 2 ชั่วโมง หุหุ


เมื่อถึงแล้วเราก้ต้องไปผ่าน ตม กันก่อนค่ะก่อนเข้าไปเที่ยวประเทศเขา ตม ที่นี่ไม่เข้มเท่าไรค่ะ พอไหวๆๆ อิอิ

ที่ฮ่องกงจะมี 2 Terminal ค่ะ เครื่องส่วนใหญ่ จะไปลงที่ Terminal 2 เราต้องไปผ่าน ตม ที่ Terminal 1 ค่ะ ซึ่งมีรถไฟ รับ-ส่งฟรีค่ะ
เมื่อลงจากเครื่องเราก้เดินตามป้าย immigration ไปเรื่อยๆค่ะ เพื่อไปขึ้นรถไฟไป Terminal 1



ถึงละ..รอรถไฟแพร๊บบค่ะ



นั่งรถไฟมา 2 สถานีค่ะ เมื่อออกมาจากรถไฟจะมีบันไดเลื่อนขึ้นไปด้านบน ขึ้นไปเลยค่ะ go go


เมื่อขึ้นบันไดเลื่อนมาก้เดินตามป้าย immigration ไปเรื่อยๆค่ะจะเจอห้องโถงกว้างๆตามภาพด้านล่างค่ะ


ให้เดินไปทางซ้ายมือจะเจอป้ายบอกทางไป ตม ค่ะ เดินไปอีกนิดนึงด้านขวามือจะเจอคนยืนต่อแถวกันเยอะๆๆ เราก้เขาไปต่อแถวกันได้เลยค่ะ



เมื่อผ่าน ตม เรียบร้อยออกมาก้จะเจอสายพานกระเป๋าค่ะมารอรับกระเป๋ากันตรงนี้ได้เลยค่ะ



หลังจากรับกระเป๋าเรียบร้อยเราก้ไปลุยเกาะฮ่องกงกันค่ะ

แต่ก่อนอื่นเราไปหาซื้อบัตรเงินสดสำหรับใช้จ่ายซื้อของและเดินทางกันก่อนค่ะ เจ้าบัตรนี้คือ Octopus ค่ะบัตรปลาหมึก 555++ เป็นบัตรเงินสดแบบเติมเงิน สามารถใช้ซื้อของร้านสะดวกซื้อและโดยสาร รถไฟ รถบัส ได้ค่ะ (การเดินทางในฮ่องกงรถไฟเป็นตัวเลือกที่ดีและสะดวกสุดๆสำหรับเราค่ะ)


หน้าตาบัตรก้ประมาณนี้ค่ะ ค่าบัตร 150 เหรียญ แบ่งเป็นค่ามัดจำบัตร 50 เหรียญ(ได้คืนตอนเอาบัตรไปคืน) ที่เหลือ 100 เหรียญเราสามารถใช้เดินทาง และซื้อของได้ค่ะ

**บัตร Octopus สามารถหาซื้อได้ที่เค้าเตอร์ MRT ที่สนามบิน หรือตามสถานีรถไฟ MTR และร้านสะดวกซื้อทั่วไปค่ะ ถ้าเงินในบัตรหมดก้สามารถเติมที่ตู้เติมเงินในสถานี MTR ได้เลยค่ะ

ไปค่ะเข้าเมืองกัน…การเดินทางเข้าเมืองก้มีหลายวิธีค่ะ ทั้ง รถไฟ รถบัส หรือแท็คซี่ เราเลือกรถไฟค่ะเพราะเป็นวิธีที่สะดวกสุด รถไฟที่นั่งเข้าเมืองคือ Airport Express (AE) ค่ะ ซึ่งเราสามารถซื้อตั๋ว AE ได้ที่เค้าเตอร์ที่สนามบินได้เลยค่ะ ออกจาก ตม มาก้เจอเลยหน้าตาตามด้านล่าง ซึ่งเราสามารถซื้อทั้ง Octopus และ ตั๋ว AE ได้ที่เค้าเตอร์นี้ค่ะ…




**อันนี้เผื่อใครอยากลองเล่นตู้ อิอิ เราก้ซื้อตั๋ว AE จากตู้ได้เช่นกันค่ะ ราคาก้อยู่ที่คนละ 60 เหรียญ (ลงสถานี ซิงยี่(Tsing Yi Station)) ตู้จะอยู่ด้านขวาของเค้าเตอร์ค่ะ


ตั๋วก้หน้าตาแบบนี้ค่ะ


เมื่อได้ตั๋วเรียบร้อยไปค่ะไปขึ้นรถไฟเข้าเมืองกัน สถานีจะอยู่หลังเค้าเตอร์ที่เราซื้อ Octopus ค่ะเดินเข้าไปได้เลยค่ะ

**ปกติ AE (สีเขียวเข้ม) จากสนามบินเข้าเมืองจะแวะจอดเพียง 3 สถานีที่สามารถเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟใต้ดิน MTR ค่ะ คือ
-ซิงยี่(Tsing Yi Station)
-เกาลูน(Kowloon Station)
-ฮ่องกง(Hong Kong Station)

ใครพักแถวไหนก้ลองดูว่าจะไปลงสถานีไหนค่ะ (รถไฟจะออกทุก ๆ 10 นาที เวลาทำการ 05:50 – 01:15 ทุกวัน)


ราคาตั๋วแต่ละสถานีตามด้านล่างค่ะ

//www.mtr.com.hk/en/customer/tickets/tf_index.html

รอแปร้บบบรถไฟกำลังมาค่ะ….


สภาพภายในรถไฟค่ะ


บนรถไฟมีปลั๊กให้เราชาร์จแบตด้วย นอกจากนี้ยังมีบริการ Free WiFi บนรถด้วยค่ะ


**แนะนำแอฟนี้ค่ะไว้ดูสายรถไฟค่ะ


เราตั้งใจเลือกไฟล์ทที่ไปถึงฮ่องกงเช้าเพื่อจะได้เที่ยวเลยเราจะได้มีเวลาเดินเล่น และประหยัดค่าที่พักไป 1 คืนค่ะ โปรแกรมวันแรกวันนี้เราตั้งใจจะไปเดินเล่นหาโจ๊กร้อนๆกินและไหว้พระขอพรค่ะ แล้วค่อยไป check in ค่ะ

วันแรกที่เกาะฮ่องกง 19 Feb 2017
-HKG airport
-กินโจ๊กๆๆๆ มงก๊ก
-ไหว้พระวัดหว่องไท่ซิน (Wong Tai Sin)
-ไหว้พระวัดกังหัน หรือ วัดแชกงหมิว (Che Kung Temple)
-แวะเดินเล่นย่านจิมซาจุ่ย(Tsim Sha Tsui)
-check in JJ Hotel (Wan Chai)
-พักแปปออกไปเดินเล่นแถวมงก๊กอีกรอบ

ไปค่ะไปๆๆๆๆๆ หิวแล้ว ไปกินโจ๊กกันค่ะ….

จากสนามบินเรานั่ง AE ไปลงที่สถานี ซิงยี่(Tsing Yi) แล้วไปต่อ MTR สายสีส้ม ไปลงสถานี Lai King เพื่อไปเปลี่ยนขึ้นสายสีแดงไปลง Mong Kok ค่ะ


ออก exit A1 ไปทาง Nathan Road เดินไปตาม Nathan Road เลี้ยวเข้า Mong Kok Road จะเป็นย่านที่มีร้านโจ๊กตามข้างทางให้เลือกกินตามใจชอบค่ะ (เราไม่ได้กินร้านที่มีรีวิวเยอะๆนะค่ะ เพราะคนเยอะขี้เกียจรอค่ะ) เจอร้านไหนว่างก้กินมันร้านนั้นหละ 555 สำหรับเราไม่ถนัดเรื่องโจ๊กๆเท่าไร เลยแยกไม่ค่อยออกว่าร้านทั่วไปกับร้านที่มีรีวิวรสชาติมันต่างกันไหม 555++ ก้โจ๊กๆๆ


มื้อเช้ามื้อแรกของทริปนี้ค่ะ…..


หลังจากเอร็ดอร่อยกับมื้อเช้าแล้วก้ยังเช้าอยู่เลยยังไม่มีร้านเปิดให้เราได้เดินช้อปแถวนี้ เลยพากันไปไหว้พระก่อนเพราะช่วงเช้าคนน่าจะยังไม่มาก…เลยตัดสินใจไปไหว้พระที่วัดหว่องไท่ซิน (Wong Tai Sin) กันก่อนค่ะ

จากมงก๊ก เรานั่ง MTR สายสีเขียวอ่อนไปลงสถานี Wong Tai Sin exit B3





ออกมาจากตัวอาคารจะเห็นบันไดขึ้นไปบริเวณวัดอยู่ทางขวามือค่ะ เดินขึ้นไปเลยค่ะ….


ด้านหน้าทางเข้าวัดค่ะ


ที่วัดนี้จะมีจุดให้เราไหว้ขอพรกับอยู่ 3 จุดหลักๆ ค่ะแต่ละจุดก้จะมีป้ายหมายเลขกำกับการไหว้บอกไว้ชัดเจนค่ะ

จุดแรกคือ หน้าศาลเทพเจ้าหวังต้าเซ๊ยนค่ะ ให้เราขอพรด้านสุขภาพค่ะ



จุดที่ 2 คือศาลเจ้าแม่กวนอิมค่ะ


จุดที่ 3 คือท่านเจ้าที่ค่ะ


อีกจุดไหว้ที่สำคัญสำหรับคนไร้คู่ อิอิ คือท่านเทพเจ้าหยุคโหลว หรือเทพแห่งความรัก จุดนี้จะมีรูปปั้นเจ้าบ่าว เจ้าสาวถือด้ายแดง จะมีป้ายบอกวิธีการไหว้และการขอพรไว้ให้ค่ะ โดยเราจะต้องทำมือ ทำนิ้วให้เป็นสัญลักษณ์ตามที่ป้ายกำกับไว้ เมื่อเราทำมือได้ตามรูปแล้วก็ให้เราเดินไปหยิบด้ายสีแดงมาวางไว้ตามรูปค่ะ


ผู้หญิง: ไหว้ที่องค์ท่านเทพ 3 ครั้ง แล้วเดินไปทางรูปปั้นเจ้าสาว อธิษฐานขอคู่ เมื่อเสร็จแล้วให้ไหว้ 3 ครั้ง แล้วเดินไปที่รูปปั้นเจ้าบ่าว ลูบที่เท้าเจ้าบ่าว 3 ครั้ง มือที่ทำเป็นรูปตามป้ายห้ามคลายเด็ดขาด หลังจากนั้นให้ปล่อยมือออกได้ แล้วใช้ด้ายแดงผูกไว้ที่เชือก

ผู้ชาย: ไหว้ที่องค์ท่านเทพ 3 ครั้ง แล้วเดินไปที่รูปปั่นเจ้าบ่าว อธิษฐานขอคู่ เมื่อเสร็จแล้วให้ไหว้ 3 ครั้ง แล้วเดินไปที่รูปปั้นเจ้าสาว ลูบที่เท้าเจ้าสาว 3 ครั้ง มือที่ทำเป็นรูปตามป้ายห้ามคลายเด็ดขาด หลังจากนั้นให้ปล่อยมือออกได้ แล้วใช้ด้ายแดงผูกไว้ที่เชือก

เท่านี้ก้เสร็จครบขั้นตอนค่ะ…สาธุๆๆๆขอให้ได้เจอเนื้อคู่ อิอิ
อิ่มบุญ……หรือว่าหน้าบานนนเนี่ย 555+++



ไปต่อกันค่ะ…จุดหมายต่อไปคือ เราจะไปไหว้พระที่วัดแชกงหมิว (Che Kung Temple) กันค่ะ การเดินทางไป ก็ไม่ยากค่ะ เดี๋ยวเราเดินกลับไป MTR สถานี Wong Tai Sin กันค่ะ เดี๋ยวเรานั่ง MTR จากสถานีนี้ไปลงที่สถานี Kowloon Tong แล้วเปลี่ยนไปขึ้นสายสีฟ้าอ่อน ไปลงสถานี Tai Wai เดินออกทาง Exit B ค่ะ




เดินตามป้าย Exit B มาเรื่อยๆจะเจอลานจอดรถบัสเราเดินทะลุออกไปด้านนอกตัวอาคารเลยค่ะ


มองไปทางซ้ายมือวัดกังหันจะอยู่ทางซ้ายมือค่ะ ตึกสีแดงหลังคาสีเขียวตรงตึกสูงๆค่ะ


เดินมาเรื่อยๆจะมีทางลอดข้ามถนนไปฝั่งวัดค่ะ



ถึงแล้วๆๆๆๆๆ…ไปไหว้พระหมุนกังหันกันค่ะ


ระหว่างทางก้จะมีคุณป้าเอาธูปมาขายคล้ายๆวัดบ้านเราค่ะ ใครจะซื้อด้านนอกไปก้ได้ค่ะ หรือจะไปซื้อด้านในวัดก้ได้ค่ะ (ที่ซื้อด้านนอกอยู่ที่ชุดละ 20 เหรียญ)


ไปค่ะ…ไหว้พระกัน

วิธีการไหว้ที่วัดกังหันลม….
-ให้เราหันหน้าออกจากหน้าวัด แจ้งฟ้าดินก่อนโดยบอกชื่อ ที่อยู่ อายุ และวัตถุประสงค์ที่มาทำบุญที่วัด
-ให้เราหันกลับมา
-จากนั้นปักธูปมังกรทั้ง 3 ดอก (ในชุดไหว้ที่ซื้อจะมีธูปขนาดใหญ่อยู่ 3 ดอก คือ ธูปมังกร)ไว้ที่กระถางกลาง
-จากนั้นปักธูปดอกเล็กจำนวน 3 ดอกในกระถางข้างๆทุกกระถาง
-ไหว้เจ้าที่ อยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า
-เมื่อปักธูปทุกกระถางครบแล้ว ยังมีธูปเหลืออยู่ (ให้แบ่งไว้ 3 ดอก)
-ให้เรานำธูปที่เหลือทั้งหมดไปปักในกระถางใหญ่กลางแจ้ง และธูป 3 ดอกที่แบ่งไว้เข้าไปไหว้ขอพรท่านเทพเจ้าแชกงค่ะ

หลังจากไหว้ขอพรท่านเทพเจ้าแชกงเรียบร้อยแล้วก้ไปหมุนกังหันนำโชคที่อยู่ด้านข้างเทพเจ้าแชกงค่ะ

ให้เราตั้งจิตอธิษฐานก่อนแล้วหมุนกังหันไป 3 รอบ 
(ใช้นิ้วชีหมุนกังหันตามเข็มนาฬิกา 3 รอบ)จากนั้นเดินไปตีกลอง 3 ครั้ง ดังๆ เพื่อให้พรนั้นสมดังปรารถนาค่ะ

บริเวณด้านหน้าก่อนเข้าไปไหว้ด้านใน


ท่านเทพเจ้าแชกง


หมุนกังหันนำโชค



อิ่มบุญ อิ่มใจ อิอิ….


ภารกิจไหว้พระขอพรเราสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีค่ะ เดี๋ยวเราไป check in กันก่อนค่ะ แต่ก่อนไป check in เราแวะสำรวจย่านช้อปปิ้งแถวจิมซาจุ่ย(Tsim Sha Tsui) กันก่อนค่ะ

เดี๋ยวเราเดินย้อนกลับไปขึ้น MTR ที่สถานี Tai Wai ค่ะ
เรานั่งรถไฟสายสีฟ้าอ่อนจากสถานี Tai Wai ไปลงสุดสายที่ Hung Hom แล้วเปลี่ยนไปขึ้นสายสีม่วงไปลงสถานี East Tsim Sha Tsui ค่ะหลังจากนี้ ก้าว ก้าว ก้าว ค่ะ เดินๆๆๆๆๆๆ ไกลไหม ไกลสิค่ะ แต่เดินไปเรื่อยๆก้ได้อยู่ค่ะ

เดินไปทางออก Exit N3,N4 จะไปออกแถว K11 Mall ค่ะซึ่งบริเวณนั้นจะเป็นย่านช้อปปิ้งของจิมซาจุ่ยค่ะ ก้เลือกช้อปกันตามใจชอบได้เลยค่ะ





เดินๆๆไป…เอ๊ะๆๆๆๆ ป้ายนี้คุ้นมาก ไหนๆๆๆตามไปดู
ป้ายสีแดงๆบนตึก..อันนี้นอกโปรแกรมวันนี้ 555+++


แม่จ้าววว…ใช่เลยสิ่งที่เราตามหาแต่ไม่ใช่ที่นี่ เพิ่งรู้ว่าราเมงข้อสอบมีเปิดแถวย่านจิมซาจุ่ยด้วย…รออะไรค่ะไปสิค่ะ ไป ทำ ข้อสอบ กันค่ะ อิอิ



เอิ่ม…คิวยาวสองกิโล เด็กอ้วนบอกไม่ไหวอ่ะไว้ค่อยไปกินแถวที่พักก้ได้ นางถอดใจจากมาด้วยความอาลัย 55++


ว่าแล้วก้บ่ายแก่ค่อนไปทางเย็นละ เราไปเช็คอินกันดีกว่าค่ะ เราพักที่ JJ Hotel ย่าน Wan Chai ค่ะจองผ่าน Booking.com


คือนางโมโหหิวอ่ะค่ะ ไม่ได้ทำข้อสอบ…โอ๋ๆๆๆไม่เป็นไรนะค่ะ เด้วพาไปกินแถวโรงแรมที่เราพักนะค่ะ


จากจิมซาจุ่ย เราขึ้น MTR ไปลงสถานี Wan Chai ค่ะ


ที่พักที่จองไว้ตั้งอยู่บน Wan Chai Road ค่ะ สำหรับห้องพักเรียกว่าใช้ได้เลยทีเดียวค่ะ สะอาด กว้างพอสมควร จัดได้ว่าโอเคค่ะ



หลังจากเช็คอินเรียบร้อย นั่งๆ นอนๆพักขาแปปนึง ก้ทนไม่ได้กับเสียงท้องร้อง ต้องพาคุณชายไปทำข้อสอบก่อนค่ะ ไม่งั้นงอนถึงพรุ่งนี้แน่เลย 555+++

ข้อสอบที่ว่า คือ ราเมนข้อสอบค่ะ (Ichiran Ramen ราเมน “ข้อสอบ” ชื่อดังจากญี่ปุ่น) สาขา Causeway Bay ค่ะ ซึ่งจากที่พักเราเลือกเดินไปได้ค่ะแต่ก้แอบไกลนิดนึงค่ะ หุหุ

ที่ตั้ง : Shop H ＆ I, Ground Floor, Lockhart House, Block A, 440 Jaffe Road, Causeway Bay

เปิดบริการ : 24 ชั่วโมง

การเดินทาง ไม่ยากค่ะ สำหรับเพื่อนๆที่ไม่ชอบใช้พลังงานมากในการเดินให้นั่ง MTR มาลงสถานี Causeway Bay ทางออก C ค่ะเดินประมาณ 5 นาทีก้ถึงร้านค่ะ


ร้านจะอยู่บน Jaffe Road ค่ะ ฝั่งตรงข้าม Jaffe Road จะเป็น Sino Plaza ค่ะ



เดินเข้าไปในซอยประมาณสัก 20 เมตรจะเจอร้านอยู่ทางซ้ายมือค่ะ จะมี 2 ร้านไม่ต้องงงนะค่ะเป็นร้านเดียวกันค่ะ ว่างร้านไหนเข้าร้านนั้นค่ะ

ถึงแล้วๆๆๆๆ ใกล้จะหมดพลังแล้ว 555


ได้เวลาเติมพลังงานกันแล้วค่ะ…ไปค่ะ


Ichiran Ramen ราเมน “ข้อสอบ” ชื่อดังจากญี่ปุ่น ด้วย concept ของร้านที่ว่า “CONCENTRATE ON THE FLAVOR” ทางร้านต้องการให้ลูกค้าใช้สมาธิในการดื่มด่ำความอร่อยของราเมน ภายในร้านจึงออกแบบโต๊ะนั่งทานราเมนที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์

นั่นก็คือ จัดให้เรานั่งแยกเดี่ยว มีผนังกัน 3 ด้าน ค่ะ (ด้านหน้า เป็นม่านไม่ไผ่ – ซ้าย และ ขวา เป็นผนังไม้)


ขั้นตอนการสั่งก้ไม่ยากค่ะที่โต๊ะจะมีใบ order ลักษณะเหมือนข้อสอบ ให้เราทำเครื่องหมายในช่องที่กำหนด ว่าเราต้องการสั่งอะไร แบบใหน รสชาติแบบไหน ค่ะ

น่าจะเป็นที่มาของคำว่า “ราเมนข้อสอบ” ค่ะ

ขั้นตอนการสั่งราเมนค่ะ
1.เมื่อมานั่งที่โต๊ะสำหรับมือใหม่ ให้มองบนค่ะ เราจะเห็นคู่มือ For-first-timers หยิบมาดูกันได้ค่ะ


2.ด้านขวามือจะมีใบ order เสียบอยู่ในกล่องหยิบมันออกมาค่ะ ในใบ order นี้จะมีข้อสอบให้เราทำหลายข้อเลยค่ะ ให้เราเลือกตามด้านล่างค่ะ

-เลือกความเข้มข้นของซุป (flavor strength)
-เลือกระดับความมัน Richness (Oiliness)
-เลือกปริมาณกระเทียม (Garlic)
-เลือกประเภมต้นหอม (Green Onion)
-เลือกว่าจะใส่หมูหรือไม่ใส่ (Sliced pork)
-เลือกระดับความเผ็ด (Ichiran’s Original red sauce)
-เลือกระดับความแข็งของเส้นราเมน (Noodle’s texture)

**เมนูด้านล่างเราสามารถเพิ่มได้ค่ะ ราคาตามในเมนูเลยค่ะ


3.เมื่อกรอกข้อมูลเรียบร้อยก้กดปุ่มเรียกพนักงานตรงกล่องสีแดงๆด้านหน้าเราได้เลยค่ะ


4.รอสักอึดใจค่ะจะมีพนักงานมารับใบออเดอร์ที่เรากรอกเพื่อนำไปส่งให้พ่อครัวปรุงค่ะ สักพักพนักงานจะกลับมาพร้อมราเมนชามโต…ทานค่ะ ทานๆๆๆๆ


พนักงานจะเอาใบออเดอร์มาเสียบคืนที่กล่องพร้อมเขียนค่าเสียหายไว้ให้ค่ะ


หลังจากเอร็ดอร่อยกับราเมนจนพุงกางแล้ว ให้เราหยิบใบออเดอร์ที่พนักงานเสียบไว้เดินไปที่ cashier ด้านหน้าร้านชำระค่าเสียหายได้เลยค่ะ (ไม่ต้องกดปุ่มเรียกพนักงานนะค่ะ)….เป็นอันเสร็จภารกิจข้อสอบในวันนี้ค่ะ



เรียบร้อยยยยยโรงเรียนคุณชายค่ะ…555+++



ระหว่างทางเดินกลับโรงแรมก้แวะเก็บไปเรื่อยๆ 555




อิ่มแล้วก้หนังตาหย่อนกันทันทีค่ะ ไว้พรุ่งนี้ลุยกันต่อนะค่ะ.......

Create Date : 13 มีนาคม 2560		1 comments
Last Update : 14 มีนาคม 2560 22:46:40 น.
Counter : 2787 Pageviews.
Share Tweet