The intersection
<<
สิงหาคม 2548
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
28 สิงหาคม 2548

อัพหละ หลังจากดองเค็ม blog มาเกือบเดือน- ไปทริปกรุ๊ปมาหละ

จริงๆ ก็ไม่ได้อยากเขียนไรมาก
แต่ ขี้เกียจทำงานหวะ
แล้วก็ มีเรื่องให้เขียน

จริงๆ ช่วงก่อนหน้านี้มีเรื่องมากมายเลย แต่จำไม่ค่อยได้หละ วุ่นวาย ความจำสั้นมาก
(ลืมกระเป๋าถือไว้ mac อีก ดีนะ มีคนเก็บคืน ไม่งั้นซวย)

ก่อนหน้านี้ไปแสดง Robot ที่ impact โคตรเหนื่อยเลย
โดดเรียน ติดต่อกันเยอะที่สุด (รวยยอด ทั้งเพราะงาน และ ขี้เกียจ)

ก่อนหน้านี้ก็สอบๆ และงานยุ่งสุดๆ ติดต่อกันเป็นประวัติการณ์

วันพฤหัสตอนกลางคืน ตัดสินใจว่าจะไปทริปหลังจากคิดๆ มา 2 วัน
เพราะบาสเลื่อนแข่งพอดี

ไม่ได้ไปซ้อมบาส ไม่รู้เมจุกงอนหรือเปล่าเนี่ย

ปฏิเสธนัท ว่าขี้เกียจไปแจ่ม เพราะตั้งใจแล้วว่าจะไม่ไปหละ เพราะเราไปแล้วไม่เคยหนุกเลย เพราะเราคงไม่หนุกกับอะไรอย่างนี้อยู่แล้วหละมั่ง
มันดูงอน และ โกรธแน่เลย มันบอกว่าทำไมที่แตงโมยังไปได้เลย
บอกว่าให้ไปที่อื่นดิ นั่ง chill ๆ ก็มันบอกว่าก็วันเกิดมันจะไปแบบที่มันชอบ ก็ถูกของมันนะ วันเกิดมัน
ช่วงนี้ดูเราจะไม่ค่อยคิดถึงคนอื่นเลย รู้สึกแอบเลว แต่ก็ขี้เกียจอะ พยายามจะตัดสิ่งรอบตัว ให้เราอยู่กับตัวเองได้เหมือนกัน
ทำตัวเป็นเต่า ไม่สนใจใคร ก็ไม่เห็นจะมีใครว่าอะไร แถมมีคนเล่นด้วยตลอดอีก
(เต่าคือฉายาเพื่อนคนนึง)

ที่ไม่ไปหนะ ก็พอพวกแกไปสนุกกัน เราก็พยาม ทำตัวเองให้หนุกแล้วนะ แต่ 2-3 ครั้ง มันไม่สำเร็จหวะ เลิกดีกว่า
พอสนุกกัน ก็ลืมกรูเหอะ เคยคิดถึงกันบ้างไหมเนี่ย กรูเซ็งๆ สนจายกันบ้างไหม (เหอะ แต่ก็ไม่บอกและไม่แสดงออก พยายามทำตัวให้สนุกตามเองหละนะ)
ไปแบบนี้ คุยก็ไม่ได้คุย โดนรมควันอีก มะหวายๆ

รู้สึกไม่อยากทำตัวเป็นคนเรียกร้องความสนใจ (แต่มันก็แอบอยุ่ในใจลึกๆ แต่ไม่เคยทำ)
วันนั้น ... มาดิ้นๆ ใกล้ๆ เรา (กรูทำตัวไม่ถูก) ตอนนั้นขี้เกียจขยับตัวอยู่ เหนื่อย
แล้ว ... ก็ไปดิ้นๆ ใกล้ๆ แมว แทน ให้แมวสนใจ
เห็นแบบนั้นแล้ว เราคงไม่คิดจะทำอะไรแบบนั้นเด็ดขาดเลยหวะ (อนาถตัวเองอะ รับไม่ได้ มันไม่ใช่เรา)
(ไม่ได้ว่าคนอื่นนะ มันขึ้นกับพื้นฐานของแต่ละคน)

ดูเหมือนก็ไม่ค่อยมีใครสนใจเราเท่าไร เพราะเราก็ไม่เคยเป็นอะไรแบบจริงๆ จังๆ ไม่เคยต้องให้ใครมาตามดูแล อยู่เป็นเพื่อน ก็ไม่อยากจะรบกวนเพื่อนๆ หรอก
แต่ก็ไม่ค่อยมีใครอยู่ด้วยเท่าไรหวะ นอกจากงานๆ
จริงๆ ก็ ok นะ ตอนนี้มันยุ่งๆ ไม่ค่อยมีเวลาคิดมาก ช่างมันเหอะ (เหอๆ เป็นอะไรที่อยากพูดเล็กๆ แต่คิดแล้วไม่พูดดีกว่า เลยมาพูดให้ blog ฟัง)

นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะ ไปทริป เราได้นั่งชิวๆ คุยกันกับเพื่อน เรียกว่าไม่สนิทมาก 4 คน ท่ามกลางทะเล ใต้แสงจันทร์ (โคตรสวยเลย)
ไอ้การคุยๆ แบบนี้แหละ เราชอบหวะ ไม่ชอบวงที่นั่งร้องเพลงอย่างเดียว ไม่ได้คุย
ครั้งนี้ไม่มีเหล้าด้วยนะ กินกันคนละนิดๆ หน่อยๆ ชิวๆ
ไอ้ตี้ เป็นคนเปิดประเด็นเรื่องแบบนี้เก่งดี ชอบหวะ
ครั้งนึงก็ที่คอนโดโมหละ ชอบๆ บรรยากาศแบบนี้อะ
แต่ความคิดมันกับเราไม่ค่อยตรงกันหลายๆ อย่าง แต่เราวันนี้ก็ไม่ค่อยพูด เพราะขี้เกียจพูด (ประเมินจากบุคลิกของผู้ฟังและลักษณะการพูดของเรา คงจะคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ เลย เลยไม่พูดดีกว่า)
แต่เราก็ยอมรับความเห็นมันนะ
ฟังแล้วรู้ได้เลย คนเรามันมีความคิดต่างกันหลากหลายมากๆ
เราไม่เคยคุยเรื่องทำนองนี้กับ ผู้ชาย อืม ทำนอง ความเห็นต่อชีวิต ทำนองนี้หนะ

ผู้ชายมันก็คิดต่างกันไปเยอะเหมือนกันนะ
แต่เพื่อนทั้ง 3 ที่นั่งคุย ดูแบบ เป็นคนดีได้มากๆ เลยอะ
จนเราอาย รู้สึกเราเห็นแก่ตัวจัง
จากเรื่องข้างบน เรามัวแต่คิดให้คนอื่นสนใจ
แต่เพื่อนเรา มันเสียใจที่มีคนต้องมาเดือดร้อน ตอนมันแย่ๆ เสียใจที่เพื่อนต้องมาดูแล (ทั้งๆ ที่เพื่อนก็เต็มใจหละ)
ประมาณ พอเลิกเสียใจไรงี้หนะ มันก็รู้สึกแย่
อืม เรา ถ้าคิดได้อย่างนี้ก็คงจะไม่เป็นทุกข์ร้อนอะไร กับเรื่องข้างบน
แต่เราก็ไม่เคยจะแย่ๆ มากมายเท่าไร
แล้วก็อีกหลายเรื่อง

มีประเด็นว่าทำไมคนเราถึงไม่เท่ากัน
เราก็ไม่เคยคิดประเด็นนี้เลย เราก็ถามย้อนว่า ทำไมคนเราจะต้องเท่ากันด้วยหละ (ในความที่ไม่คิดอะไร ก็รู้สึกว่าไม่เท่ากันมันก็ธรรมดาโลกอะ)
คำตอบที่เราคิดว่าเราไม่ค่อยคิดถึงคนอื่นเท่าไรเลย คือ มันสงสารคนที่อยู่ต่ำกว่ามัน เช่น คนจนๆ แต่เป็นคนดี ขยัน สงสารเค้า คนเลวๆ แต่ทำไมมันถึงเป็นใหญ่เป็นโต ไม่รู้จักพอ
เราไม่เคยคิดเรื่องอะไรพวกนี้เลย
อย่างขอทาน หรือใครให้ซองผ้าป่าไรงี้ เราไม่ค่อยจะคิดว่าเค้าลำบากจริงๆ หนะ มักจะคิดว่ามาหลอกเรามากกว่า (นอกเสียจาก บางอย่างมีความจริงใจให้เห็น ถึงจะให้)
ไม่รู้สิ มันแบบว่า เซ้นต์มันบอก ซึ่งจริงๆ แล้วมันอาจจะถูกหรือไม่ถูกก็ได้ คนเรามันทำอะไรตามความรู้สึกอยู่แล้ว ต้องหมั่นลับความรู้สึกให้เรามีความสุข และคนอื่นมีความสุข
รู้สึกได้ว่า จิตใจตัวเอง ไม่ค่อยให้เท่าไร
เราเป็นคนไม่ค่อยให้ทานนะ เพราะรู้สึกว่าทำบุญหวังผลมันจะดีอะไร
ให้ไปตักบาตร ก็ขี้เกียจตื่น ขี้เกียจหาของ (ก็เสียดายของด้วยนิดนึง)
พวกที่มาให้ทำง่ายๆ เซนต์มันก็แบบว่า อคติสักหน่อยหนะ ไม่อยากโดนหลอก
มีไม่กี่ครั้งที่เราให้ เพราะเรารู้สึกได้ว่า มันจริงใจอะ

แต่เราพร้อมจะให้ด้วยการกระทำนะ สอนเพื่อนถ้าสอนได้ก็สอน ไม่รู้สิ เรารู้สึกได้ว่า อันนี้มันบริสุทธิ์ใจกว่ายังไงไม่รู้
เอาเป็นว่า รู้ตัวเองแล้ว เอาไว้เราก็จะพยายามฝึกใจให้ ให้มากขึ้นแล้วกัน

พื้นฐานจิตใจคนเรามันไม่เหมือนกันจริงๆ
เราเป็นคนไม่ค่อยคิดอะไรไปเลย เมื่อคุยกับเพื่อนๆ

คุยกันไปมาถึงเรื่องความตาย
เราไม่เคยกลัวความตายเลย ไม่รู้ทำไม ทั้งๆ ที่เราก็ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไงนะ เราก็ไม่นึกว่าคนอื่นจะกลัว เราก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่เราก็กลัวผีนะ แม้จะเชื่อว่าไม่มีจริง แต่ก็มักจะตกใจกลัวเวลามืดๆ และมีอะไรขยับไปมา ทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีอะไร แต่ใจมันก็กลัวในความไม่รู้ ว่ามันจะมีอะไรหรือเปล่านะ (ในเวลาที่สติไม่ค่อยสมบูรณ์)
แต่วันนี้ เรารู้สึก มีความคิดสติค่อนข้างดี เพื่อนพูดยังไง เราสามารถใช้ความคิดตามได้อย่างถูกต้อง แม้เราก็ยังไม่เปิดใจรับเท่าไร เพราะเราคิดแล้วมันไม่ตรงกับเราอะ (ไม่รู้จะคิดยังไงให้มันถูกเหมือนกัน เพราะถูกของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน)
สามารถวางความคิดให้รับฟังได้

เรื่องการตายจากไป หลายชั่วขณะเราคิดจะให้มีคนจำ มีคนคิดถึง (ก็นะ พื้นฐานเรามันก็คงแอบเรียกร้อง)
แต่เพื่อนเรา ไม่อยากให้มีใครห่วง ไม่อยากให้ใครเดือดร้อน (จริงๆ เราก็คิดนะ ในอีกมุมนึง แต่ทำไมเราคิดหลายมุม รวมทั้งมุมไม่ดีด้วยเนี่ย) อยากให้พ่อแม่สบายใจ

พูดถึงเรื่องพ่อแม่
เราทุกคนที่นั่งคุยกัน ไม่มีใครบอกพ่อแม่นะ ว่าเที่ยวกัน กินเหล้ากัน ดูดบุหรี่กัน (แต่เราไม่นะ)
ด้วยเหตุผล ไม่อยากให้เค้าไม่สบายใจ
แล้วก็บอกว่า พ่อแม่ชอบห่วงมากเกินไป ก็เข้าใจนะ
(แต่เด๋วนี้ไม่ค่อยห่วงหละ ปล่อย เหอๆ อันนี้เพื่อนเรา)
เราแต่ก่อนก็เป็นนะ ตอน ม.ต้น พอม.ปลาย มาอยู่หอ ในกรุงเทพฯ ก็รู้สึกว่าเค้าปล่อยแหละ เราโตแล้ว แต่นะ บางเรื่องเราก็ไม่บอก แรกๆ ก็รู้สึกไม่ค่อยดี (แต่เราก็ไม่ค่อยบอกอะไรพ่อแม่ นอกจากเรื่องที่คิดว่าควรบอกอยู่แล้ว)
แต่ก็รู้ว่าเค้าก็รักนะ แม้เราจะไม่ค่อยได้คิดอะไรมากมาย เราก็รักนะ แต่แบบว่า ให้กอด ให้บอกว่ารัก ไรเงี้ย มันน้ำเน่าอะ ไม่รู้ดิ มันไม่ใช่วิถีที่บ้านเราทำไง มันเป็นงี้มาแต่ไหนแต่ไร บอกแล้วมันดูเสแสร้งๆ แต่ก็ดูแลกัน
พูดถึง สงสัยอาทิตย์หน้าควรจะกลับบ้านนะเนี่ย ให้พ่อแม่เห็นหน้าหน่อย (แต่มีแข่งบาสด้วยอะ)

แต่เพื่อนเรามันก็ทำนอง บอกว่ารัก บอกว่ารู้สึกอยากตอบแทน แต่มันก็ชอบว่าแม่ แบบ ไม่ต้องเก็บเงินไว้ให้ก็ได้ ไม่ต้องอย่างนู้นอย่างนี้ (โยงประเด็นไปเรื่อง พอ)
แต่เรากลับคิดว่า ทำร้ายความรู้สึกพ่อแม่เหมือนกันนะนั่น เราคิดว่าไปอยู่ด้วยเค้าก็ชื่นใจหละ มีไรบอกกันไรงี้
แต่ผู้ชายมันคิดอีกอย่างมั้ง มันว่ามันอยากแอบสร้างบ้านให้พ่อแม่ (เรียนโยธา) แล้วก็ค่อยให้พ่อแม่ ย้ายเข้ามา ให้พ่อแม่ได้ภูมิใจ
ก็ถูกของมัน

เราคุยกันเยอะเรื่องนะเนี่ย ไม่น่าเชื่อ

โยงไปประเด็นว่า ทำไมคนรวยๆ มันไม่รู้จักพอ
ก็คงประมาณ กลัว เก็บไว้ให้ลูกให้หลาน (แต่มันบอกว่าถ้าเป็นมันนะ มันจะพอ ลูกจะสอนให้รู้จักหาเอง)
แต่เราว่าเรื่องความพอ ไม่พอ เป็นเรื่องของกิเลส และอำนาจ หน้าตา ศักดิ์ศรีมากกว่า
มีเท่าไรก็ไม่พอหรอก ซึ่งก็เห็นด้วยกัน (อันนี้ได้พูดสำเร็จแฮะ)


คุยไปเรื่อง กรรม ชาตินี้ ชาติหน้า
เราเคยพยายามศึกษาเรื่องนี้นะ มันมีสองขั๋ว คือ
1. ยืนยันว่ามี
2. ไม่ยืนยันว่ามี แต่ก็ไม่ยืนยันว่าไม่มี แต่ว่า มันไม่เกี่ยวอะไรกับเรา
เราเชื่อข้อ 2 นะ เราไม่เคยอ่านเรื่องที่เป็นเรื่องแบบ กรรมจากชาติก่อนเป็นอย่างนี้ แล้วชาตินี้ถึงเป็นอย่างนั้นแล้วเชื่อแบบอ้อ เลยอะ
มันก็มีแต่เล่าๆ ว่าอย่างนี้อย่างนี้
เราไม่ปิ้งว่า อ้อ เพราะอย่างนี้ ถึงเป็นอย่างนั้นเลย
เราก็เลยค่อนข้างไม่เชื่อในเรื่องนี้
แต่ส่วนใหญ่เพื่อนเราเชื่อนะ
มันอ่านหนังสือเกิดแต่กรรม แล้วก็บ้าๆ ไปพักนึง
(แต่ทำไมต้องมีหนังสือมาเปิดโปง หนังสือนี้ด้วย แสดงว่าไม่บริสุทธิ์จริง)
เราไม่เชื่อว่า ชีวิตเรามีคนกำหนดไว้ก่อนแล้ว
ชีวิตเราขึ้นกับกรรมเก่าก็จริง แต่เป็นกรรมที่เราทำขึ้นทั้งสิ้น และกรรมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีผลทั้งนั้น รวมถึงสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้ก็มีผลด้วย
ดังนั้นเราจึงเชื่อว่าเรากำหนดชีวิตเราต่อไปได้ แม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม
เราไม่เคยคิดว่าอยากให้ชาติหน้าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่รู้จะคิดทำไม
ให้ตัวเราเองตอนนี้มีความสุขที่แท้จริง ก็พอ
แต่ตัวเราก็มักลืมเสมอเมื่อสติไม่สมบูรณ์ ว่า ปัจจุบันเราทำเพื่ออะไร เราต้องอยู่เพื่อสุขของปัจจุบัน มีความสุขกับทุกขณะที่เราทำ แต่ก็ลืมเรื่อย ก็ทุกข์เรื่อย
จริงๆ เราพยายามจะบอกเพื่อนเราในความคิดนี้นะ แต่ว่ามันดูจะไม่ฟังเท่าไร ก็เลยไม่ค่อยพูดมาก
(เราพยายามจะบอกว่า แกคิดว่าแกกำหนดชีวิตตัวเองได้ แต่แกก็เชื่อเรื่องมีคนลิขิตชีวิตมาแล้ว มันขัดกันเองนะ)
เราก็เลยไม่เชื่อเรื่องดวง
แต่ เหตุผลที่เพื่อนมันว่า
เหตุการณ์บางอย่าง อะไรมันจะตรงกันเป๊ะๆ ขนาดนั้นฟะ เป็นไปได้ไง
มันเล่าเรื่องพ่อมันว่ามีวันนึงไปดูดวง เค้าเขียนคำทำนายชีวิตไว้ล่วงหน้า 10 ปี ว่าเดือนนี้เกิดอะไรๆ เดือนนี้ใครตาย อะไรหรือเปล่าไรงี้
มันว่าตรงหมดเลย แต่เราก็ยังไม่ค่อยเชื่ออะนะ
ในใจก็แอบคิดว่ามันเขียนคำกลางๆ หรือเปล่า แต่ก็เรื่องแบบนี้ช่างมันเหอะ ทุกคนมีจุดยืนในการดำรงชีวิตของตัวเอง

อีกประเด็นใหญ่
เรารู้สึกว่า ความว่างของความคิดเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา แต่เพื่อนเราก็ชอบที่จะคิด ชอบที่จะบังคับความฝัน กลัวที่จะไม่มีความคิด
ในขณะที่เราอยากจะลองดูสภาพไม่คิดจัง มันจะสบายขนาดไหน (เหมือนกับเราลองไม่คิดเหมือนตอนเวลาอยู่บนค่าย ไม่คิดเรื่องกินอยู่ไป มันก็สบายใจขึ้นโข)
จริงๆ ก็อยากบอกนะว่า ทำไมไม่คิดว่า การไม่คิดมันจะสบายบ้างนะ แต่ไม่รู้จะบอกยังไง
เพราะเราก็เคยมีช่วงนึง เราอยากคิดตลอดเวลา อยากทำอะไรตลอดเวลา มันสนุก
แต่ เราก็รู้สึกและได้เห็นว่า มัน suffer มากกว่าหวะ
มันทำให้เราที่แต่ก่อนเคยเป็นคนมีสมาธิมากนะ เด็ก ว่างๆ ก็จับลมหายใจอยู่ตลอด จนรำคาญตัวเอง แบบว่า จะคิดถึงลมหายใจไปถึงไหนฟะ จะนอนๆ
แต่ตอนนี้ จะตั้งสติให้คิดถึงลมหายใจได้ตลอดนี่ ทำไมมันยากงี้เนี่ย
ไม่น่าพลาด อยากคิดตลอดเวลา อยากตั้งคำถามตลอดเวลาเลย สร้างความเครียดให้สมองเปล่าๆ
เราอยากให้มันบวชดู มันว่า มันบวชแน่
เราอยากให้มันลองคิดดูว่า ถ้าคิดให้น้อยลงจะมีความสุขขึ้นเปล่า บวชคงได้ผลมั้ง
เรื่องนี้พูดยาก
จะว่าไปเราก็อยากบวชนะ (แต่ ญ มันย้ากยาก ไปปฎิบัติธรรมก็ได้ กะว่าปีหน้าไปสวนโมก กับ อ.มานพ ดีกว่า)

รู้สึกมีเรื่องอยากสื่อเยอะกว่านี้ แต่ก็ลืมๆ กับขี้เกียจเขียน
แค่นี้มันก็โคตรเยอะหละ

คุยไปคุยมา
ประเด็นสำคัญของผู้ชาย ที่ไม่เหมือน ผู้หญิง
เรื่อง เพื่อน กับ ผู้หญิง
เห็นหลายต่อหลายคนทะเลาะกับแฟน แล้วเลิกกันก็เพราะเรื่องแบบนี้นักต่อนักหละ
ไอ้เพื่อนทั้งสองคน + สาม เลิกกับแฟนเพราะเหตุผลนี้หมดเลยหวะ
เพราะแฟนมันต้องการมากเกินไป มันก็อยากอยู่กับเพื่อน
ไอ้รักก็รักนะ
เราก็พอเข้าใจนะ ผู้หญิงมันให้ทั้งใจอะ พอขาดไป มันก็อยู่ยาก
(ไอ้เราก็ไม่เคยมีแฟน ไม่ค่อยรุ้หรอกมั้ง)
แต่ชายมันมีเพื่อนอะ เราก็เข้าใจอะ อยู่กับเพื่อนมันก็สนุกกว่า แต่มันก็คงเบื่อ ผู้หญิงด้วยแหละ เราว่า แต่ก็นะ ชีวิตในโลกนี้มันไม่ได้มีกันแค่สองคนนี่นา

อีกเรื่อง คือ เรื่อง เพื่อน กับแฟน
ถ้าเพื่อนแย่งแฟนนี่ เป็นไง
ถ้าเพื่อน สนใจแฟน มากกว่าเพื่อน (ชาย) มันก็เดือดโกรธหนะ
แต่ ญ ไม่ค่อยนะ สองเรื่องมันไม่เกี่ยวกันอะ
ถ้า ญ เอาแต่ตามผู้ชาย ไม่สนใจเพื่อนแบบทิ้งไปเลยเนี่ยก็ เลิกคบเหอะ
ฟังๆ เรื่องแบบนี้ เพื่อนๆ ญๆ ความเห็น
ไอ้เพื่อนคนที่คิดมากๆ เนี่ย ชอบคิดแทนคนอื่นไปซะหมด แล้วคิดว่าเค้าจะเข้าใจมึง
ก็มึงไม่บอกนี่หว่า เค้าจะเข้าใจไหมอะ เข้าใจผิดกัน แล้วก็เลิกทำอะไรบางอย่างด้วยกันไปเลย เราว่ามันไม่ใช่หวะ มีไรก็บอกดิ จริงมะ
มันว่าอยากให้ไม่ต้องพูด สื่อถึงกันด้วยความคิดได้
จะว่าไป ความคิดคนมันก็สื่อถึงกันได้นะ เราเชื่อ

โคตรยาว
มันอ่านไม่รู้เรื่อง แน่เลย เพราะเขียนแบบสั่วมาก
บันทึกความคิดอีกหละ เก็บไว้ อีกหน่อยความคิดเราก็คงเปลี่ยนไป
มีประเด็นเรื่องความเปลี่ยนไปของคนอีก
เราว่าคนมันบรรทัดฐานเปลี่ยนไปจริงๆ นะ
แต่ก่อนไม่เคยโดดเรียน เด๋วนี้กระจายเลย แต่มันก็แบบว่าไม่ใช่ตื่นไม่ได้นะ เพราะว่า ถ้าเราตั้งใจจะไปเรียนมันก็ไปได้อะ มันก็พูดงี้ ถ้าตี้ตั้งใจทำอะไร ตี้ก็ทำ
แต่เราพยายามจะบอกว่า บรรทัดฐานของไอ้ที่แกตั้งใจมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เราต้องมีภูมิคุ้มกันไอ้จุดนี้อะ

เห้อจบดีกว่า ยาว max
เขียนยาวๆ ทีไร มีประเด็นเยอะๆ ทีไร ไม่ค่อยมีใครจะ ment หนะ เพราะว่าไม่รู้จะ ment ประเด็นไหน เหอๆ ใช่มะ คนอ่าน



Create Date : 28 สิงหาคม 2548
Last Update : 28 สิงหาคม 2548 22:00:28 น. 8 comments
Counter : 656 Pageviews.  

 
เด็กกิจกรรมน่าดู


โดย: Bluejade วันที่: 29 สิงหาคม 2548 เวลา:19:35:44 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณ Bluejade
มาเป็นประจำไม่เคยขาด


โดย: เด็กเล็ก วันที่: 29 สิงหาคม 2548 เวลา:22:02:21 น.  

 
จะเม้นตรองประเด็นที่ว่ามันหลายประเด็นนี่แหละ


เรื่องการให้ทานสำหรับเรานะ เราจะให้บ้างไม่ให้บ้างตามความรู้สึกขณะนั้นเป็นหลักเลย บางทีก็ยังสงสัยอยู่ว่าจะถูกหลอกไหม แต่ก็พยายามไม่ให้คิดอะไรมาก เพราะถ้าให้แล้วเราไม่มีความสุขก็ไม่รู้จะให้ไปทำไม
ไปๆมาๆแล้ว เราให้ทานเพื่อตัวเองจะได้มีความสุขมากกว่าอยากที่จะให้คนอื่นมีความสุข ..ซะละมั้ง


โดย: ABZee IP: 158.108.251.58 วันที่: 29 สิงหาคม 2548 เวลา:22:35:16 น.  

 
หวัดดี ABZee
คือถ้าคิดได้ว่า เพื่อให้คนอื่นมีความสุขได้เนี่ย
มันจะทำให้เรามีความสุขไปด้วย

แต่ เมื่อมันคิดไม่ได้สักที ก็เลยไม่ได้ให้ซะที เหอๆ


โดย: เด็กเล็ก วันที่: 29 สิงหาคม 2548 เวลา:23:09:45 น.  

 
หืมมม์.. ทำโน่นทำนี่เยอะแยะไปหมด
ถึงว่า... ไม่ได้ซักผ้า..อิอิ
...
...
วันนี้ซักแล้วยังอะตัวเอง..


โดย: ซีบวก วันที่: 30 สิงหาคม 2548 เวลา:10:56:41 น.  

 
แวะมาเยี่ยมครับ


โดย: Bluejade วันที่: 30 สิงหาคม 2548 เวลา:19:22:52 น.  

 
เพิ่งซักเมื่อกี้เองคร้าง เหอๆ


โดย: เด็กเล็ก วันที่: 30 สิงหาคม 2548 เวลา:20:57:27 น.  

 
นักกิจกรรมดี


โดย: Bluejade วันที่: 31 สิงหาคม 2548 เวลา:20:38:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เด็กเล็ก
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ตัวตนในอีกมุมหนึ่ง

เพื่อนๆ จ๋า แอบอ่าน บอกให้เรารู้ด้วยนา( ทิ้งเมนต์ไว้นะ )
[Add เด็กเล็ก's blog to your web]