The intersection
<<
พฤษภาคม 2548
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
15 พฤษภาคม 2548

ความเห็นส่วนตัวกับการรับน้อง

ก่อนอื่นเลย
ใครที่ยังไม่เคยรับน้องในมหาวิทยาลัย

อย่าเพิ่งอ่าน
คุณอาจจะไม่ได้รับความประทับใจบางอย่างจากการรู้ก่อน
คุณอาจคิดอะไรบางอย่างโดยถูกชี้นำไป

รอจนคุณได้ประสบ แล้วมีความคิดเป็นของตัวเอง แล้วค่อยอ่านก็ยังทัน ซึ่งมันก็คงจะไม่เหมือนกันหรอก

ถ้าคิดดีแล้ว เลื่อนลงไปข้างล่างเลย

(ที่เขียนก็คิดว่าคงไม่มีใครหลงเข้ามาเท่าไรหรอก ตัวเลขคนอ่านบน Blog มันก็เป็นตัวเราเองไปซะเกือบๆ ครึ่งแล้วมั้ง อ่านวันละคนสองคน มีรุ่นน้องๆ มาอ่านก็คงไม่เป็นไร ถ้าอ่านแล้วก็อย่าเพิ่งบอกใครให้มาอ่านชี้นำความคิดแล้วกัน )

ก็คนมันอยากเขียนนี่หว่า

เรื่องการรับน้อง ห้องเชียร์
แม้ว่าห้องเชียร์ ในคณะ ที่เราอยู่ (วิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ) จะเรียกได้ว่า มีเหตุผล มากๆ แล้วก็ตาม แต่มันก็ถือเป็นห้องเชียร์ที่นาน เป็นเดือนเลย แล้วรุ่นเรา ไม่รุ้สิ ตามความรู้สึกส่วนตัว ก็ไม่เห็นจะได้รักกัน ช่วยกันทำงาน เหมือน หมอ รัฐศาสตร์ สักหน่อย เห็นเค้ารักกันดีออก ไม่เห็นเหมือนวิศวะ เลย จะทำงานอะไรกัน ก็ไม่ค่อยยักจะมีคนอยากยุ่ง ยิ่งชั้นปีสูงขึ้นก็ยิ่งเห็น
มันเกิดอะไรขึ้น
ถามว่าเรารักคณะไหม ก็รักนะ แต่เราก็อยากรักกับคณะอื่นๆ รักมหาวิทยาลัย อยากรักทุกมหาวิทยาลัย อยากให้นิสิต นักศึกษาไทย รักกัน ช่วยกันแก้ปัญหา เสียมากกว่า ดังที่มันเป็นอยู่ขณะนี้ (จริงๆ ก็อยากจะให้มันสามัคคีกันไปทั่วโลกด้วยซ้ำ)

แต่ ระบบปัจจุบัน เน้น ยึดมั่นถือมั่นซะมากเกินไปหน่อย ในบอร์ด manager ก็เห็นด่าจุฬากันตรึม (แต่คนก็ยังเข้าแฮะ)
จุฬา ก็เหยียดคนอื่นเหมือนกันแหละ ลึกๆ แล้ว
ก็มาดูตั้งแต่รับน้องหละ โดยเฉพาะไอ้ระบบห้องเชียร์ เนี่ย วิดวะ กับถาปัด ก็จะไม่ค่อยจะถูกกัน วิดวะ วิดยา ก็เหมือนกัน แต่ปัจจุบันมันก็ไม่รุนแรงนะ รักกัน มีความรู้สึกเป็นมหาวิทยาลัยเดียวกันมากขึ้น
เพราะห้องเชียร์ ก็สอนนะ วิศวะทุกสถาบันให้รักกันเข้าไว้ มีเพลง แรงเลือดหมู มั้ง ที่วิศวฯทุกสถาบัน ร้องได้ร่วมกัน แต่เนื้อหา บางอย่างก็ยังมีความยึดถืออยู่ดี เช่นใครมาหยาม ก็อย่าปล่อยให้มันทำได้ ต้องจัดการมันให้สิ้นซาก ไรทำนองนี้
แต่สิ่งเหล่านี้มันก็สืบทอดกันมา เพลงก็เหมือนแหล่งรวมจิตใจ พี่น้อง ที่กลับมาเจอกัน ร้องเพลงเดียวกัน มันเป็นอะไรที่พวกเรามีร่วมกัน

ดังนั้น การรับน้องน่าจะมีจุดประสงค์ดังนี้ (คิดขึ้นเอง)
1. ละลายพฤติกรรมน้องๆ ที่มาจากต่างพวก ต่างสถาบัน ให้รวมเป็นหนึ่งเดียว มีความรู้จัก สนิทสนมกันมากขึ้น
2. สร้างความสามัคคีในหมู่รุ่นพี่ ที่ร่วมทำงานรับน้อง
3. สร้างสิ่งที่เป็นสิ่งยึดถือร่วมกัน ถ่ายทอด ปลูกฝัง ให้รุ่นน้องต่อๆ ไป เช่น เพลง, อุดมการณ์
(ซึ่ง ก็ควรจะสืบทอดแต่สิ่งที่ดีๆ)
4. สร้างความประทับใจ ในที่ที่ตนได้อยู่ สร้างความพึงพอใจ ในความเป็นตัวเอง (คณะ มหาวิทยาลัย)
5. ถ่ายทอดประสบการณ์จากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง เพื่อให้รุ่นน้องได้ดำเนินชีวิตต่อไปในรั้วมหาวิทยาลัย อย่างมีความสุข และ ประสิทธิภาพ
6. ส่งเสริมการมีส่วนร่วม และประชาธิปไตย ในหมู่คณะ
(คงมีอีกมากมาย)

จะพูดถึงการรับน้องทั่วๆ ไป ที่เคยเห็น ประสบ จะมีอยู่ 2 แบบ คือ
1. ค่ายรับน้อง / การสันทนาการ เต้นๆๆๆ
3. ห้องเชียร์

ลองคิดดูว่า อะไรคุ้มเหนื่อย และได้ผลดีจริงๆ หรือเปล่า
แบบแรก
จริงๆ ส่วนตัวไม่ได้ประทับใจอะไรนัก เพราะที่เจอ มันงืดๆ มีแต่เต้นๆ ไม่ได้มีการคุย พบปะ หรือละลายพฤติกรรมกันเท่าไร
แต่ จากการวิเคราะห์ ส่วนตัวอีกนั่นแหละ
มันก็มีผลดีนะ ถ้าจัดให้ มีการละลายพฤติกรรมดีๆ ให้น้องๆ รู้จักกัน
อีกทั้งสนุกสนาน อันนี้ก็คงจะเฉพาะพี่ๆ น้องๆ ก็สนุกตามสมควร
ก็บรรลุ จุดประสงค์ข้อ 1-2
แล้วยิ่งถ้ามีค่าย ได้อยู่ร่วมกัน จะทำให้น้องรู้จักกันมากขึ้น รุ่นพี่มีเวลาถ่ายทอดประสบการณ์ให้รุ่นน้อง

แต่บางที ก็เต้นๆๆๆ ไม่สนใจอะไร มากเกินไปหน่อย เน้นความสำคัญผิดส่วนบ้าง เสียเวลาบ้าง
ดังนั้นไม่ว่าจะจัดอะไร ก็คิดถึงจุดประสงค์หลักของการจัดกิจกรรม เน้นหนักหน่อย เพราะหลงประเด็นกันมาก

แบบ 2 ห้องเชียร์
ห้องเชียร์ปัจจุบัน ก็พัฒนาขึ้นเยอะแล้ว แต่ก็ความเห็นส่วนตัว ดูจะเข้าใจจุดประสงค์ ผิดไปเยอะอยู่
ปากก็พูดว่าทำเพื่อน้อง จะทำอะไร ก็จะมีการคิดมามาก เป็นการแสดงละครเรื่องนึ่ง น้องก็รู้ว่าแสดงละคร (จริงๆ ชีวิตมันก็แสดงละคร)
แต่ก็ไม่เข้าใจว่า จะมาแสดงบทร้าย คิดบทร้าย ให้ทุกคนปวดหัว คนดูปวดใจ กันทำไม ต้องเสียเวลามากมายในการทำสิ่งไร้สาระ กันทำไมตั้งเยอะแยะ
ในหนังเรื่องนึง คงไม่มีใครอยากดูบทร้ายตลอดทั้งเรื่องหรอก
คนที่ดูละครบทร้ายมากๆ ได้รับข้อมูล ไม่ดี มันก็ติด เป็นความเคยชิน เป็นความรู้สึกติดไป
ไม่งั้นทำไมเค้าถึงจะต้องรณรงค์ เรื่อง สื่อรุนแรงในทีวี ถ้ามันไม่เข้าไปจริงๆ
การแสดงความรุนแรง ปลูกฝังความคิดเลวๆ ชั่วๆ ด่าว่าคนอื่น คนอื่นทำอะไรก็ผิดไปหมด มันเข้าไปในหัวสมองของคนไทย มันไม่ใช่การมากล่าวอ้างว่าเป็นการฝึก เพราะทุกคนจะต้องเจอ แต่มันเป็นการปลูกฝังกลายๆ ให้ไปทำแบบนี้กับคนอื่นได้ต่างหาก (ก็เหมือนเห็นคนฆ่ากันในทีวี เห็นแล้วไม่อยากฆ่าคนก็มี แต่คนเห็นแล้ว รู้สึกว่าฆ่าคนเป็นเรื่องธรรมดา มันมีมากกว่าเยอะนะ)
อะไรหลายๆ อย่างที่ไม่ค่อยจะมีเหตุผล แต่ก่อนเค้าใช้กับทหาร ให้เชื่อฟังคำสั่งอย่างไม่ต้องคิดถึงเหตุผล แล้วก็เวลาสั่งคนอื่น ก็ไม่ต้องคิดถึงเหตุผลด้วย ไม่ต้องกลัวคนอื่นจะเจ็บ ทหารเค้าต้องเป็นแบบนี้ ต้องมีระเบียบวินัย ห้ามคิดนอกกรอบ เค้าก็ปลูกฝังมาอย่างนี้ ถูกของเขาแล้ว

แต่สังคมเรา มันไม่ใช่อย่างนั้น
ลองคิดว่าถ้าทุกคนเป็นเหมือนทหารกันหมด
มันก็คงจะดีในบางเรื่อง แต่มันก็จะแย่ในบางเรื่องเหมือนกัน
สังคมต้องการความหลากหลาย เหมือนชีววิทยาแหละ
ต้องมีการพึ่งพา ต้องมีความหลากหลายทางชีวภาพ ระบบนั้นๆ ถึงจะอยู่รอดได้

การทำแบบนี้ ที่ต้องมานั่งคิดบทด่าคนอื่น ต้องมาซ้อมๆ อะไรเนี่ย มันก็อาจจะได้บรรลุจุดประสงค์ข้อ 2
แต่ ข้ออื่นๆ หละ มันบรรลุแล้วจริงๆ เหรอ
มันไม่เห็นแต่ตัวไปหน่อยเหรอ ที่จุดประสงค์หลัก ที่จะทำเพื่อน้อง มันดันเป็นเหมือนข้อแก้ตัว ที่บอกว่าเป็นการฝึกเท่านั้น
เอาเวลาไปทำอย่างอื่นไม่ดีกว่าเหรอ เช่นนำน้องออกไปบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม (อันนี้ชอบมากเลย เรื่องค่ายวิษณุบุตร)

แล้วปลูกฝัง จิตสำนึก สาธารณะ เราอยู่ร่วมกัน ควรสร้างความรัก ความสามัคคีกันมากกว่า
ความรู้สึกที่ได้ให้ และรับความรัก มันมีความสุขกว่า มาด่าคนอื่น และถูกด่าเป็นไหนๆ แม้จะบอกว่ามีความรักอยู่เบื้องหลัง (จริงหรือเปล่า)

การที่บอกว่า เป็นการฝึกความอดทน มีวันสองวัน หรือครั้งสองครั้งก็พอแล้ว ไม่ต้องทั้งเดือน

ส่วนเรื่องการสอน และการถ่ายทอดประสบการณ์นั้น
ส่วนตัวเห็นว่า ควรจะเคลียร์ ความขุ่นเคือง อคติ ออกจากใจเด็กเสียก่อน อาจจะให้มีการสงบนิ่ง นึกถึงสิ่งที่ยึดถือร่วมกัน เป็นการทำสมาธิ เปิดให้ แล้วสอน
ไม่ใช่ ด่าๆๆ แล้วสอน ใครเค้าจะไปฟัง ไม่มีหรอก มนุษย์ปุถุชนธรรมดา

แล้วก็สร้างความประทับใจ อาจจะเหนื่อยด้วยกัน ผจญกับความไม่รู้ด้วยกัน สร้างความรู้สึกที่ว่า อยากเข้ามาร่วม ไม่ใช่ ความรู้สึกที่ถูกบังคับร่วม
การที่เค้าจะอยากเข้ามาร่วม ก็คือเค้ามีความสุข ที่ได้มาร่วม ได้ประโยชน์ที่ได้มาร่วม ก็อาจจะบังคับกันบ้างเพราะคงไม่ได้มีความสุขกันทุกคน
แต่การที่เราจะทำให้มีความสุข มันก็ทำได้ ในกุศโลบายต่างๆ มันดีกว่า ที่จะบังคับให้เค้ามาทำอะไรที่ไม่มีความสุข

แล้วก็เรื่องสร้างความรู้สึกที่จะให้เกลียดรุ่นพี่ แล้วรักกันเองเนี่ย มันได้ผลจริงๆ เหรอ ทำไมไม่ให้รักกันเข้าไว้

จากการผ่านการรับน้องแบบนี้มา
รู้สึกไม่ประทับใจ
ไม่ได้เพื่อนใหม่เท่าไร (เพราะต้องนั่งเงียบ แม้แต่คนที่อยู่ด้วยกันก็ไม่ได้คุยกัน)
ไม่อยากจะยุ่งกับกิจการงานคณะ เพราะว่าวุ่นวาย อะไรก็ไม่รู้ มีคนไม่อยากยุ่งตั้งเยอะแยะ เพราะว่าการรับน้องแบบนี้แหละ

แล้วไอ้พวกเรียกรวม แล้วไม่มีอะไรให้ทำเนี่ย อยากแค่ทดสอบว่ามากันได้ไหมเนี่ย ทำ ทำไม มันเหมือนเด็กเลี้ยงแกะ เวลาจะทำอะไรจริงๆ ก็จะไม่มีคนมา เหมือนที่เป็นอยู่ในขณะนี้แหละ ไม่สามารถเรียกรวมกันได้

อีกอย่างมันเป็นการปลูกฝังความไม่เปิดเผย ความไม่มีเหตุผล ในสังคม ไม่โปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้
ทำอะไรไม่ปรึกษาคนหมู่มาก หยิ่งผยอง จองหอง
กีดกันคนภายนอก

ผลมันก็เท่าที่เห็น มีคนทำอยู่ไม่กี่คน
มีแต่คนไม่อยากยุ่ง

เราไม่ใช่คนเข้าไปทำก็ไม่รุ้หรอก ก็ยอมรับ
แต่จะมาอ้างว่า ก็ไม่ทำก็ไม่รู้หรอก ก็ไม่ได้
ก็ผลมันก็ออกมาเห็นๆ อยู่ชัดๆ ว่ามันก็ไม่ได้ดี

แล้วไอ้เรื่อง อีกหน่อยก็จะรู้เอง อยากจะบอกอะไรก็บอกไปเลย ไม่รู้เรื่องเด๋วก็จะได้ศึกษา หาความอยากรู้ ตอนนี้ไอ้อีกหน่อยน้องจะรู้เองเนี่ย ก็มานั่งเขียนอะไรแบบนี้อยู่ (แก่แล้วเหมือนกันนะ)

ส่วนเรื่องจุดประสงค์อีกอย่าง คือร้องเพลงเชียร์ เพลงคณะ เพลงมหาวิทยา เพลงร่วมหลายๆ มหาวิทยาลัยได้เนี่ย
ทำไมจะต้องหวงวิชาร้องเพลงกันด้วย ในเมื่อจุดประสงค์มันคือให้ร้องได้
ก็ฝึกให้น้องร้องอย่างมีความสุขสิ
เปิดเพลง กรอกๆ หู เด๋วก็ร้องได้ เหมือนเพลงโรงเรียนตอนมัธยม ทำไมร้องได้ ทำไมอยากร้อง

บอกว่า รุ่นต้องร้องได้ แล้วมาต่อเพลงกับพี่เองนะ ให้มาเช้าๆ นะ เหมือนเป็นการแกล้งหนะ
แกล้งได้ไม่ได้ว่า (แต่จะแกล้งทำไม)
สุดท้ายก็ควรจะให้ร้องเป็น ไม่ใช่ค้างๆ คาๆ เสียเวลา เสียจุดประสงค์กันไป

จริงๆ จะว่าไป คุยๆ กับเพื่อนที่ทำอยู่ มันก็เห็นด้วย มีอะไรก็เสนอไป แต่ ก็เห็นมันก็เป็นอยู่อย่างเดิมนั่นแหละ
คนที่ทำอะไร มันก็ผูกพัน เข้าใจ แต่ก็อย่าลืมจุดประสงค์ที่มีอยู่แล้วกัน

อีกอย่าง วงจรนี้มันก็คงจะอยู่ต่อไป เพราะคนที่เข้าไปทำ ส่วนใหญ่คือเห็นด้วย และมีความชอบเลยเข้าไปทำ (แต่ก็มี อยากเข้าไปเปลี่ยนเหมือนกัน แต่ก็โดนเปลี่ยนความคิดโดยรุ่นพี่ หรือทำไปงั้นๆ ก็เยอะ)
วงจร มันก็จะเป็นไปตามคนทำ ซึ่งก็คือคนชอบแบบนี้ คนที่มีข้อมูล แบบนั้น อยู่ในห้ว เวลาทำอะไรออกมามันก็ต้องดำเนินตามแนวทางนั้นต่อไป ช่วยไม่ได้

ก็พล่ามมาตั้งยาว จริงๆ ก็ไม่ได้อะไรมาก จะเป็นก็เป็นไร เราก็เข้าร่วม แล้วก็ผ่านไป

แต่ก็แค่อยากจะให้สังคมไทยดีขึ้นกว่านี้

ตอนนี้เพื่อนที่สนิทๆ ก็คือเพื่อนที่เล่นกีฬาด้วยกัน ทำงานด้วยกัน ทำค่ายอาสาพัฒนาด้วยกัน
ยังไม่มีเพื่อนจากกิจกรรมห้องเชียร์เลย (ไม่นับรวมกิจกรรมบางส่วน เช่นอัดบันได ห้องมืด ซึ่งตรงนั้นถือเป็นครั้งคราว และเป็นการสร้างความประทับใจร่วมกัน ไม่ใช่ห้องเชียร์ที่ทำกันทุกวันซ้ำซาก)

คนที่อยู่ด้วยกัน ทำอะไรด้วยกัน ก็จะสนิทกันอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นควรเน้นกิจกรรมที่ให้มีการมีส่วนร่วมมากๆ จะดีกว่า

พอดีกว่า
ดึกแล้ว

อย่าลืม นี่คือความเห็นส่วนตัว
แต่สามารถเถียงหรือเม้น ได้นะ ยินดี

รับน้องก็มีข้อดี ทำให้ดีๆ ก็อย่าลืมจุดประสงค์หลักของมัน

สังคมไทยจะได้ดีขึ้น ไม่ใช่แย่ลง


Create Date : 15 พฤษภาคม 2548
Last Update : 15 พฤษภาคม 2548 2:58:17 น. 6 comments
Counter : 1420 Pageviews.  

 
ลองแวะไปอ่านของเฟรชชี่คนนี้ดูนะคะ


โดย: +KikKle+ วันที่: 15 พฤษภาคม 2548 เวลา:10:51:16 น.  

 
ไปอ่านแล้วนะคะ :)


โดย: เด็กเล็ก วันที่: 15 พฤษภาคม 2548 เวลา:12:52:17 น.  

 
ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนร่วมคณะเดียวกันนะครับ

ผมเคยอยู่วิศวะจุฬาฯ รุ่น87
ขอให้ลองแวะมาอ่านบล๊อกผมดูบ้างนะ ผมมีความคิดเห็นหลายอย่างที่สอดคล้องกับคุณ

ปัจจุบันผมซิ่วมาอยู่บัญชีกำลังจะขึ้นปีสอง

อื่ม... ผมว่าผมประทับใจกับห้องเชียร์ของวิศวะนะ มันยังมีอะไรอีกเยอะที่ต้องพัฒนาต่อไป ปรับปรุงต่อไปให้ดีขึ้น แต่เมื่อผมได้มาสัมผัสกับระบบเชียร์ของบัญชีแล้ว

ผมภูมิใจ ในระบบเชียร์ที่มีเหตุผลพอจะยอมรับได้

ยังไงผมก็รักวิศวะมากกว่าบัญชี


ไว้เราคงได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอีกในอนาคตครับ :D


โดย: Intania87 IP: 203.151.140.111 วันที่: 16 พฤษภาคม 2548 เวลา:23:02:39 น.  

 
ปรากฏว่ายังไม่ได้ล๊อกอิน ^^;;


โดย: EncodeO วันที่: 16 พฤษภาคม 2548 เวลา:23:05:02 น.  

 
ปั้นปะ
เราคงรู้จักกันแล้ว
แหวนไง


โดย: เด็กเล็ก วันที่: 17 พฤษภาคม 2548 เวลา:1:17:25 น.  

 
มีความคิดหลายอย่างคล้ายกันนะ และมันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเลิกทำฝ่ายเชียร์


โดย: INTANIA IP: 161.200.207.162 วันที่: 1 กรกฎาคม 2554 เวลา:22:57:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เด็กเล็ก
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ตัวตนในอีกมุมหนึ่ง

เพื่อนๆ จ๋า แอบอ่าน บอกให้เรารู้ด้วยนา( ทิ้งเมนต์ไว้นะ )
[Add เด็กเล็ก's blog to your web]