|
|||
ย้อนอดีตไปกับแผ่นดินไหวที่ Kobe เมื่อวันที่ 17 มกราคม 1995 เวลา 05.46 น. มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 72 ปี ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่เกาะ Awaji และไหวอยู่นาน 20 วินาที แต่มันเป็น 20 วินาทีที่นรกมากนะ เพราะจากแค่ตรงนั้นเนี่ย ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่เลยทีเดียว คนหกพันกว่าคนเสียชีวิต และหลายคนที่ได้รับบาดเจ็บ บ้านเรือนและสิ่งก่อสร้างพังทลาย และเนื่องจากแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดในเขต Hanshin (พื้นที่ระหว่างอ่าวโอซาก้าและโกเบ) แผ่นดินไหวครั้งนี้เลยมีชื่อว่า Hanshin Earthquake หรือหลายคนก็เรียกง่าย ๆ ว่าแผ่นดินไหวโกเบ เพราะเราจะรู้จักโกเบมากกว่าฮันชิน และคนส่วนมากที่เสียชีวิตก็เป็นคนโกเบค่ะ แล้วมันอารมณ์ไหนของเราก็ไม่รู้ ไปโดนใครบิ๊วมาอีท่าไหนก็ไม่รู้อีก ทำให้อยากรู้อยากเห็นขึ้นมาอีกแล้ว... วันนั้นไม่สบายด้วยนะ แต่ดิ้นรนไปจนได้ เพราะไม่อยากผิดแผนที่วางไว้ ก็เลยหอบสังขารอันย่ำแย่ นั่งรถไฟไป The Great Hanshin-Awaji Earthquake Memorial Museum ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Disaster Reduction and Human Renovation Institution อื้อ... จะชื่อยาวไปไหน... อันนี้เป็นเว็บไซต์ของหน่วยงานนี้นะคะ //www.dri.ne.jp/english/ การเดินทาง... เรานั่ง JR ไปลงที่สถานี Sannomiya แล้วต่อรถไฟเอกชนฮันชินไปที่สถานี Iwaya ออกมาจากสถานี Iwaya มีแผนที่ของเขตนั้นตั้งอยู่เลยค่ะ ก็เลี้ยวซ้ายแล้วเดินไปประมาณ 5-10 นาที ตรงสามเหลี่ยมสีแดงคือสถานี Iwaya... และตรงดาวสีแดงคือพิพิธภัณฑ์ที่ว่าค่ะ เลี้ยวซ้ายมาจากสถานี เดินข้ามสะพานใหญ่ ๆ มาก็เห็นเด่นชัดแล้วค่ะ ตรงดาวแดง ๆ น่ะค่ะ ส่วนที่เป็นกบแดงนั่นไม่ใช่... อันนั้น Museum of Art เน้อ... มาถึงแล้วใช่มั้ย... เสียค่าเข้าชมเลยค่ะ 600 เยน... ฮ่าๆๆ... วันที่เราไปไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว เพราะเป็นวันธรรมดา... แต่เด็กตรึมฮับ... เหอะๆๆ เด็ก ๆ ไปทัศนศึกษาค่ะ เพราะจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวนี้ ทางหน่วยงานต่าง ๆ ก็เริ่มมีการให้ความรู้ที่มากขึ้น อาศัยอยู่ในประเทศที่มีแผ่นดินไหวนี่เนอะ ก็ต้องตื่นตัวกันหน่อย สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งคือการให้ความรู้กันตั้งแต่เด็กนี่แหละ ทั้งการเตรียมตัว การป้องกัน การแก้ไข เราไม่แน่ใจว่าที่นี่ให้ถ่ายรูปมั้ย แต่เพราะมีสัญลักษณ์ห้ามใช้กล้องและมือถือในบางจุด เราก็เลยไม่ได้ถ่ายมา และเพราะรอบที่เราดูมีอยู่ 3 คน... อีก 2 คนเค้าเป็นคนญี่ปุ่น เค้าไม่ถ่าย เราก็เลยไม่กล้าถ่าย... ตัวอาคารแบ่งเป็น West Building และ East Building มีทางเดินเชื่อมกันตรงชั้น 2 น่าเสียดายที่เราชมเฉพาะฝั่งเวสต์ เพราะเราไม่สบาย รู้สึกไม่ไหวแล้ว เลยกลับดีกว่า... การชม... จะชมเป็นรอบ ๆ โดยจะชมจากชั้น 4 ลงมา เราไปถึงก็พอดีถึงรอบการชมรอบถัดไป ซื้อบัตรปั๊บ ทางเจ้าหน้าที่ก็รีบร้อนกระหืดกระหอบพาเราขึ้นมาชั้น 4 อ่านโบรชัวร์ที่ได้มายังไม่จบเล้ยยย พาเข้าห้องมืด ๆ ซะอย่างงั้น เห็นแว๊บ ๆ ว่าเป็น Re-experience the Earthquake แล้วรูปในโบรชัวร์ประมาณนี้... เลยรีบถามว่าเจ้าหน้าที่ว่ามีเราคนเดียวหรือเปล่า เจ้าหน้าที่บอกเปล่า แล้วชี้ไปที่หนุ่มญี่ปุ่น 2 คน เห็นหน้าแล้ว... อื้อ... ค่อยยังชั่ว ความมืดไม่กลัวแล้ว... เอ๊ยยย... ไม่ๆๆ... ไม่ใช่ๆ... ยังกลัวอยู่... เจ้าหน้าที่ก็เปิดให้ดูหนังความยาว 7 นาที เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดในวันนั้น ใจเต้นตึก ๆ อ่ะ แอบหลับตาบางช่วง... คือไม่ไหวแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะมันมืด แล้วเรากลัวความมืด เลยลุ้นมาก หรือเพราะระบบแสงสีเสียง มันเลยเป็น 7 นาทีที่... เหนื่อย... เฮ่ออออ!!!... หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ก็พาเดินเข้าไปในถนนจำลอง ที่จำลองเหตุการณ์วันแผ่นดินไหวพอให้ได้ระทึก นอกจากการจัดสถานที่ที่เหมือนจริงแล้ว มีระบบแสงและสีที่ชวนให้นึกว่า... นี่เรามาเที่ยวบ้านผีสิงหรือป่าวหว่า... กำลังด้อม ๆ มอง ๆ เพราะ 2 หนุ่มแมนค่อด ๆ... ให้เกียรติสุภาพสตรีก่อน... ผิดเวลาไปไหม... กำลังตัดสินใจ จะเดินต่อ หรือจะกลับ ไม่ดูแล้วก็ได้ เจ้าหน้าที่ก็ปิดประตูซะงั้น ก็ต้องเดินสิคะ... ก้าวขาเดินได้ 3 ก้าว... ระบบเสียงก็ทำงาน... ดั๊นมีเสียงร้องครวญครางของผู้หญิง... สาวไทยร่างบึกบึนกว่าหนุ่มญี่ปุ่นก็ตกใจสิคะ คว้าแขนเจ้าหน้าที่หมับ ลากเจ้าหน้าที่เดินไปที่ประตูทางออกอย่างเร็ว เจ้าหน้าที่ตกใจ แต่แป๊บเดียวก็หัวเราะ หนุ่มญี่ปุ่น 2 คนนั่นก็หัวเราะ... เห้ยยย... ไม่ใช่ตัวตลกนะเฟ้ยยย... โชคดีนะนั่นที่มันเป็นแค่ทางสั้น ๆ ไม่งั้นล่ะก้อออ... จะร้องไห้กลับบ้านให้ดู๊... (แต่พอมานึกย้อนไป มันก็ตลกจริง ๆ นะ... จะกลัวอะไรมากมาย มันก็แค่การจัดฉาก... แต่เรากลัวความมืดขึ้นสมองจริง ๆ นะ ทุกวันนี้ยังเปิดไฟนอนทุกคืนอ่ะ... ) เสร็จจากถนนจำลองนั่นก็มาดูหนังสั้นอีก เราเป็นคนต่างชาติ เค้าก็มีเทปเป็นภาษาอังกฤษให้ เรื่องจะเป็นประมาณว่าเป็นชีวิตของเด็กผู้หญิงคนนึงที่อยู่ในเหตุการณ์แผ่นดินไหว ว่าเค้าผ่านเหตุการณ์ร้าย ๆ นั่นมาได้อย่างไร อันนี้ไม่น่ากลัวแล้ว... แต่ออกแนวสะเทือนใจ หลังจากนั้น ก็ลงมาชั้น 3 ก็จะเป็นภาพ และเรื่องราวต่าง ๆ ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น จะมีเจ้าหน้าที่เป็นประมาณคุณลุง คอยเล่าเรื่องและอธิบาย แต่พูดภาษาญี่ปุ่น ไม่แน่ใจนะคะ แต่เคยได้ยินมาว่าเจ้าหน้าที่บางคนที่นี่จะเป็นอาสาสมัคร เพราะเป็นผู้ที่อยุ่ในเหตุการณ์ เลยสามารถเล่าเรื่องและตอบคำถามให้กับผู้เข้าชมได้ ชั้น 2 ก็จะเป็นการป้องกันเพื่อลดความเสียหายของการเกิดแผ่นดินไหว มีอุปกรณ์ให้ทดลอง มีคอมพิวเตอร์ที่ใช้ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เห็นเด็ก ๆ สนุกกันใหญ่ เราว่าดีนะ มันเป็นเหมือนสื่อการสอนที่ดีมากอย่างนึงเลยแหละ เอาล่ะ... จบเรื่องพิพิธภัณฑ์ไว้เท่านี้ โดยรวมถามว่าดีมั้ย... ตอบได้เลยดีมาก ความรู้เพียบ แต่ีมันอาจจะไม่สนุกสำหรับหลาย ๆ คนนะคะ เพราะมันเหมือนเป็นเรื่องไกลตัวเรามาก แต่สำหรับเรา... ด้วยความที่สนใจเรื่องวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของคนแต่ละชาติ เราเลยรู้สึกว่าน่าสนใจ เลยอยากจะขอเพิ่มรูปบางรูปจากเหตุการณ์นี้ค่ะ 1 วันหลังจากเกิดแผ่นดินไหว แน่นอนต้องมีไฟไหม้ และสิ่งก่อสร้างพังทลาย ถนนหนทางพังลงมา บ้านเรือนหลายพันหลังที่ได้รับความเสียหาย หลายชีวิตที่จากไป และหลายชีวิตที่กลายเป็นผู้อพยพในทันที ระบบสาธารณูปโภคถูกทำลาย โรงเรียน สถานที่ราชการ หน่วยงานรัฐหลายแห่งกลายเป็นศูนย์อพยพ แต่การจัดการและการให้ความช่วยเหลือของหน่วยงานรัฐของเค้าดีมากนะคะ ช่วยกันทั้งประเทศ อย่างสามัคคีและรวดเร็ว การส่งเสบียง สิ่งของจำเป็นที่ลำเลียงกันมาทางอากาศ ในขณะที่อีกหลายหน่วยงานช่วยกันสร้างเมืองที่ถูกทำลายนี้ขึ้นมาใหม่ ที่สำคัญมันไม่ใช่เมืองเดียว แต่มันเป็น prefecture ทั้งแถบนั้น ทำงานกันอย่างแข็งขัน ตั้งแต่เช้าจนหลังเที่ยงคืน และแค่เดือนเดียว เค้าสามารถเก็บกวาดทุกสิ่งอย่างเพื่อเริ่มต้นใหม่ และภายใน 6 เดือน... ทางรถไฟหลายสายสามารถกลับมาใช้ได้ตามปกติ สถานที่ต่าง ๆ ถูกซ่อมแซมและเริ่มกิจกรรมต่าง ๆ กันอีกครั้ง ภายใน 1 ปี... เมืองกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ขอบคุณรูปภาพจากห้องสมุดดิจิตอลของ Kobe University ใครอยากดูรูปมากกว่านี้ไปได้ที่นี่เลยค่ะ //www.lib.kobe-u.ac.jp/eqb/e-gallery.html เราเดินออกมาจากพิพิธภัณฑ์แบบโหวง ๆ มาก มันมีทั้งความอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทึ่งกับการแก้ไขและการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เราเดินมาถึงสะพานข้ามแยก เรามองไปรอบ ๆ... ดูนี่สิ... นี่มันอะไร บ้่านเมืองที่ 18 ปีที่แล้วเละซะจนไม่นึกว่าจะเกิดขึ้นได้... ไม่เพียงแต่ตึกรามบ้านช่อง... แต่รวมถึงระบบเศรษฐกิจ และที่สำคัญ... สภาพจิตใจ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องหาวิธีซ่อมแซมและสร้างใหม่ แล้ว 18 ปีต่อมา ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เพียงแต่กลับมาเป็นเหมือนเดิม ...แต่มันกลับดีกว่าเดิม... หลายครั้งแล้วนะที่ประเทศนี้ต้องสะดุดล้ม ไม่ว่าจะเป็นการถูกทิ้งระเบิด หรือภัยธรรมชาติ แต่ทำไมเค้าฟื้นตัวได้เร็วมาก จะบอกว่าเพราะเค้าเป็นประเทศที่เก่งด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีเหรอ เราว่าแค่นั้นมันไม่ทำให้เค้าก้าวเดินได้เร็วมากเท่าไหร่หรอกนะ แต่เราว่า... เพราะทุกคน ทุกฝ่าย ทุกองค์กร จับมือกันลุกขึ้นมาและช่วยกันก้าวเดินต่อไปมากกว่า เจ๋งน่ะ... เจ๋งมาก... เรารู้สึกนับถือมาก ๆ... |
melody_bangkok
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?] ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่บางครั้งก็มีโลกส่วนตัวสูงมากมาย แต่ในบางครั้งก็พยายามจะยัดเยียดตัวเองเข้าไปในโลกส่วนตัวของคนอื่น... :P ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ... ^^ All Blog
Friends Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |