อักษรภาพ ประดิษฐ์เอง ตำนานกำเนิดสรรพสิ่งแต่งเอง และอะไรๆ ที่ไม่น่าเชื่อแต่ก็ทำได้เองนะคร้าบ
<<
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
7 ธันวาคม 2553

นิทานธรรมะ ตำนานกำเนิดคนไต

นิทานธรรมะ ตำนานกำเนิดคนไต

“คนไต” เป็นคำเรียกชนกลุ่มน้อยที่ประกาศอิสรภาพจากการปกครองของฮ่องเต้จีน แล้วอพยพมาหาแผ่นดินใหม่เป็นคำที่ใช้เรียกตัวเองของคนกลุ่มนั้นมาแต่ยุคสมัยฉินซีฮ่องเต้ นับจากนั้นมา ก็มีคนจีนอพยพหนีออกจากการปกครองของฮ่องเต้มาเป็นระยะ จึงมีคนไตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วเรียกเสียงเพี้ยนไปว่า “คนไท” ในที่สุด ดังจะเล่าเป็นนิทานต่อไปนี้

จักรพรรดิฉินซี ผู้มีความโหดร้ายมากเกินไป ประชาชนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาต้องทุกข์ยาก ขุนนางไม่อาจทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนได้ “ฉวีฝู” จึงได้ออกอุบายว่าหากฮ่องเต้นั้นประสงค์จะได้ยาอายุวัฒนะ จะต้องแลกด้วยการบูชายัญด้วยคนเป็นๆ เป็นชายและหญิงอย่างละห้าร้อยคน (รวมพันคน) จึงจะได้ยาอายุวัฒนะ และต้องบูชาเทพที่ภูเขาในทะเล จากนั้น ฉินซีฮ่องเต้หลงกล จึงมอบเรือให้หนึ่งลำพร้อมคนพันคนและทรัพย์สินเงินทองอีกจำนวนหนึ่ง ฉวีฝู จึงพาคนลงเรือแล้วไปสู่แผ่นดินใหม่ ก็คือ ประเทศญี่ปุ่นในปัจจุบัน จึงตั้งรกรากที่นั่น ประกาศอิสรภาพจากการปกครองของฮ่องเต้ผู้ดุร้าย เรียกกลุ่มของตนว่า “คนไต” หรือ “ชาวไต” เพื่อหลอมรวมใจ, รวมศรัทธา ทำให้เกิดความสามัคคี สร้างแผ่นดินของตนเองขึ้นมาใหม่ จากนั้นมา เมื่อใดที่ฮ่องเต้ดุร้ายปกครองไม่ดี ก็จะมีคนจีนเอาอย่างบ้าง ต่างอพยพหนีออกจากประเทศจีนมาตั้งรกรากอยู่เองในแผ่นดินใหม่เรื่อยๆ จนเกิดเป็นคนไตหลายกลุ่มด้วยกัน แล้วออกเสียงเรียกเพี้ยนไปเป็นคำว่า “คนไท” เช่น คนไทเป, คนไต้หวัน, คนไททรงดำ, คนไทลื้อ ฯลฯ เป็นต้น ในจำนวนคนไตทั้งหลายนี้ มีคนไตบางกลุ่มได้ครองแผ่นดินใหม่ คือ ได้ก่อตั้งอาณาจักรของตนเองขึ้นใหม่ก็มี เช่น อาณาจักรสุโขทัย ก็เกิดจากคนไท ซึ่งอพยพมาจากทางตอนใต้ของจีน นับจากราชวงศ์สุโขทัยเป็นต้นมา คนจีนก็อพยพตามๆ กันมาเรื่อยๆ หรือแม้แต่ในสมัยกรุงธนบุรี พระเจ้าตากสิน ก็นับว่าเป็นคนไตเหมือนกัน คือ มีเชื้อสายคนไตที่อพยพมาจากประเทศจีน

นอกจากนี้คนไตหรือคนไทยังอพยพไปอยู่ในอีกหลายประเทศเช่น พม่า, ลาว, เวียดนาม เป็นต้น แต่ประเทศเหล่านี้ ประชากรเดิมมีความรู้ความสามารถจึงเป็นใหญ่อยู่ คนไทก็ไม่อาจยึดครองประเทศเหล่านี้ได้ จะมีเพียงประเทศไทย, ไต้หวัน, สิงคโปร์, ไทเป, ฮ่องกง เป็นต้น ที่คนไทได้ยึดครองอำนาจทางการปกครอง เป็นใหญ่ในแผ่นดินนั้นได้ เนื่องจากบางประเทศคนพื้นเพดั้งเดิมมีความรู้ทางการเมืองน้อย, เชื่อคนง่าย, อ่อนแอ และไม่อาจรักษาอำนาจของตนเองไว้ได้ นั่นเอง ในประเทศไทยนี้ แต่เดิมเป็นของชาว “สุวรรณภูมิ” ซึ่งประกอบด้วยชนสี่จำพวก หรือวรรณะทั้งสี่ ได้แก่ ชนชั้นปกครอง ก็คือ กษัตริย์และขุนนาง, ชนชั้นนักบวช ก็คือ พราหมณ์, ชนชั้นไพร่ ก็คือ ชาวนาชาวไร่, ชนชั้นทาส ก็คือ ผู้ที่ต้องขายตัวเป็นทาสผู้อื่น รวมสี่วรรณะ อนึ่ง ระบบทาสนี้ยังคงนำมาใช้อีกครั้งในยุคสมัยอยุธยา จวบจนถึงรัตนโกสินในรัชกาลที่สี่ ซึ่งเป็นระบบการปกครองดั้งเดิมของแผ่นดินนี้ (ในสมัยสุโขทัยไม่มีระบบการปกครองแบบทาส) ระบบทาสหรือวรรณะศูทรนั้น จัดว่าเป็นเอกลักษณ์ของสุวรรณภูมิทีเดียว ไม่มีในอินเดีย (อินเดียไม่ได้ปกครองในระบบสี่วรรณะ) ดังนั้น การเข้าใจว่าชมพูทวีปที่มีระบบสี่วรรณะคืออินเดียนั้นจึงผิดพลาดมาก เพราะการที่เชื่อในหลักฐานที่พระเจ้าอโศกมหาราชสร้างขึ้นเองในภายหลังนั่นเอง ในประเทศอินเดียนั้น พระพุทธเจ้าทรงเดินทางออกจากสุวรรณภูมิแล้วไปศึกษาที่นั่นได้เห็นการปกครองที่ไม่ใช้ระบบสี่วรรณะ จึงได้ทรงนำมาใช้กับการปกครองหมู่สงฆ์ ซึ่งก็ขัดแย้งกับระบอบการปกครองแต่ดั้งเดิมของสุวรรณภูมินี้ แต่ก็ทรงได้รับการยอมรับจากเจ้าเมืองต่างๆ ต่อมาจึงเกิดการล่มสลายของระบบการปกครองแบบสี่วรรณะนี้ขึ้นสุวรรณภูมิอ่อนแอลง จนกระทั่งคนไทที่อพยพมาจากตอนใต้ของจีน ได้เข้ายึดครอง แล้วก่อตั้งอาณาจักรสุโขทัยขึ้น จึงใช้ระบบการปกครองใหม่ ที่เรียกว่า “ระบอบการปกครองแบบพ่อลูก” คือ ผู้ปกครองจะมีฐานะดั่งพ่อคอยดูแลบุตรและผู้อยู่ใต้การปกครองมีฐานะเหมือนลูกที่ได้รับการเลี้ยงดูจากบิดา นอกจากนี้ ยังนำวิธีการค้าขาย ซึ่งไม่มีมาก่อนในสุวรรณภูมิ เพราะคนพื้นเพที่นี่ไม่มีอาชีพค้าขายเลยมีแต่อาชีพทางการเกษตรเท่านั้นเพราะคนจีนและคนอินเดียค้าขายเป็น แต่คนสุวรรณภูมิค้าขายไม่เป็นเลย (คำว่า วรรณะแพศย์ นั้นหมายถึง ไพร่ ไม่ใช่พ่อค้า)



Create Date : 07 ธันวาคม 2553
Last Update : 7 ธันวาคม 2553 9:58:00 น. 1 comments
Counter : 285 Pageviews.  

 


โดย: นาฬิกาสีชมพู วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:10:25:39 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ฉันนะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add ฉันนะ's blog to your web]