อักษรภาพ ประดิษฐ์เอง ตำนานกำเนิดสรรพสิ่งแต่งเอง และอะไรๆ ที่ไม่น่าเชื่อแต่ก็ทำได้เองนะคร้าบ
<<
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
11 ตุลาคม 2553

นิทานธรรมะ ตำนานกำเนิดเอตทัคคะ

ตำนานกำเนิดเอตทัคคะ

“เอตทัคคะ” หมายถึง พระอรหันต์ผู้เป็นเลิศในด้านต่างๆ ซึ่งพระอรหันต์ผู้เป็นเลิศเหล่านี้ เป็นผู้บำเพ็ญบารมีมามากไว้ก่อนแต่หนหลัง และมีความปรารถนาความเป็นเลิศอยู่ในใจ หากไม่ได้ตำแหน่ง “ผู้เป็นเลิศ” ให้ด้านนั้นๆ ก็จะไม่สมปรารถนา และไม่อาจนิพพานได้ ก็จะบำเพ็ญบารมีต่อไปเพื่อให้ตนได้สมความปรารถนา คือ ได้เป็นเลิศในด้านนั้นๆ ที่ตนต้องการ จึงจะสมความปรารถนาแล้วนิพพานได้ในที่สุด แต่กว่าจะได้เป็นเอตทัคคะหรือผู้ที่พระพุทธเจ้ายังทรงยกย่องว่าเป็นเลิศ, เป็นหนึ่ง ในด้านนั้นๆ ท่านเหล่านี้ ต้องบำเพ็ญบารมีมาอย่างไร ขอเล่าเป็น “นิทานธรรมะ” ให้ท่านทั้งหลายฟังเล่นๆ กันต่อไป ณ บัดนี้

๑) เอตทัคคะขั้นต้น
เอตทัคคะ ขั้นต้น คือ พระอรหันต์ผู้เป็นเลิศในด้านใดด้านหนึ่ง โดยอาศัยเพียงบารมีต้น ไม่ต้องบำเพ็ญให้มากเกินกว่านี้ คือ อย่างน้อยที่สุด ต้องบำเพ็ญบารมีให้ได้เท่านี้ จึงสมความปรารถนาได้ คือ ต้องบำเพ็ญบารมีให้ได้ถึงกายโพธิสัตว์ “มัญชุศรี” ผู้เป็นเลิศทางปัญญาเป็นอย่างน้อย ซึ่งเทียบบารมีได้ประมาณ ๘ อสงไขย พึงทราบว่า แม้พระสาวกจะมีบารมีมากถึง ๘ อสงไขย มากกว่าพระพุทธเจ้าปัญญาธิกะที่มีบารมีเพียง ๔ อสงไขยก็จริงอยู่ แต่การเป็นพระพุทธเจ้าไม่ใช่เพียงทำบารมีให้ได้มาก แต่ต้องครบถ้วนและไม่ผิดทางด้วย ดังนั้น ถึงแม้บารมีจะมากก็อาจไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ อนึ่ง พระอรหัตสาวก ที่ไม่มีบารมีถึงโพธิสัตว์ ไม่อาจมีฐานะ “เอตทัคคะ” ได้ บุญบารมีของพระอรหันตสาวกผู้ไม่ถึงความเป็นโพธิสัตว์ จะได้เพียงอรหันต์เท่านั้น แล้วอยู่อย่างผู้น้อย (สาวก) เท่านั้น

๒) เอตทัคคะขั้นสูง
เอตทัคคะ ขั้นสูง คือ พระอรหันต์ผู้เป็นเลิศในด้านใดด้านหนึ่ง โดยอาศัยบารมีสูง ต้องบำเพ็ญให้มากเกินกว่าเอตทัคคะขั้นต้นขึ้นไป คือ อย่างน้อยที่สุด ต้องบำเพ็ญบารมีให้ได้ถึงกายโพธิสัตว์ “สมันตภัทร” ผู้เป็นเลิศทางอภิญญา ซึ่งเทียบบารมีได้มากเกินกว่า ๑๖ อสงไขย ขึ้นไป หรือบำเพ็ญบารมีจนบรรลุในกายพุทธะ คือ สำเร็จธรรมด้วยตนเอง เป็น “พระยูไล” พระองค์หนึ่งนั่นเอง ดังนั้น ผู้ปรารถนาความเป็นเลิศหรือความเป็นหนึ่งนี้ ไม่ใช่พระพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าละได้แล้วซึ่งความอยากเป็นหนึ่ง สามารถยอมเป็นสอง รองผู้อื่น แล้วยกผู้อื่นให้เหนือตนได้ จึงจะได้ผู้มีความสามารถมาร่วมทำงานด้วยนั่นเอง) แต่ผู้ปรารถนาความเป็นเลิศมีได้ตั้งแต่ พระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีตามรอยพระมัญชุศรี, (ซึ่งจะเป็นเลิศทางสายปัญญา อาทิเช่น เป็นเลิศด้านย่อขยายความธรรม) พระโพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญบารมีตามรอยพระสมันตภัทร (ซึ่งจะเป็นเลิศทางสายอภิญญา) และผู้ที่สำเร็จธรรมขั้นยูไล (พุทธะ) มีสามแบบนี้ สำหรับผู้บำเพ็ญบารมีตามรอยพระโพธิสัตว์องค์อื่น ไม่ได้ปรารถนาความเป็นเลิศ ส่วนผู้ที่ไม่ได้บำเพ็ญบารมี ไม่มีบุญบารมีได้ถึงความเป็นโพธิสัตว์ จะได้เพียงความเป็น “พระสาวก” (มีบุญเทียบได้กับสวรรค์ชั้นที่สาม ส่วนพระโพธิสัตว์ได้ถึงสวรรค์ชั้นที่สี่) ย่อมไม่มีบุญบารมีจะได้ถึงความเป็นเลิศ (เอตทัคคะ) อนึ่ง พระยูไลมีสองแบบ แบบที่สถิตยังสุขาวดีฝั่งตะวันตกจะเป็นเลิศทางสายอภิญญา แต่พระยูไลแบบที่สถิตยังสุขาวดีฝั่งตะวันออก จะเป็นเลิศทางสายปัญญา ส่วนผู้เป็นเลิศที่มีกายเป็นโพธิสัตว์กับพระยูไลจะต่างกันตรงที่ผู้เป็นเลิศที่มีกายเป็นโพธิสัตว์ จะบรรลุธรรมเมื่อพระพุทธเจ้าทรงบอก แต่ผู้เป็นเลิศที่มีกายทิพย์เป็นพระยูไล จะบรรลุธรรมด้วยตนเองแต่หลังจากพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว เช่น พระมหากัสสปะที่บรรลุก่อนที่พระพุทธเจ้าจะทรงได้เทศนาธรรม เป็นต้น ซึ่งท่านทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนก็คือ “ผู้เป็นเลิศ” ในด้านต่างๆ ทั้งสิ้น

อนึ่ง พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ล้วนมีบุญบารมีมาก ทำไว้แต่หนหลัง อันธรรมใดที่พระสาวกธรรมดาบรรลุได้ เหตุใดพระโพธิสัตว์จะบรรลุไม่ได้ ย่อมจะไม่มีทางเป็นไปได้ ดังนั้น พระอรหันตโพธิสัตว์ย่อมมีอยู่เสมอ และพระอรหันตโพธิสัตว์เหล่านี้ นี่เอง ย่อมยังไม่นิพพาน เพราะอาศัย “ความปรารถนา” บางประการเพื่อเวียนว่ายตายเกิดต่อไป แต่พระโพธิสัตว์ก็มีความปรารถนาต่างกัน ในกลุ่มผู้ปรารถนาความเป็นเลิศ ก็ได้เล่าไว้แล้วในนิทานข้างต้น



Create Date : 11 ตุลาคม 2553
Last Update : 11 ตุลาคม 2553 9:38:19 น. 0 comments
Counter : 392 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ฉันนะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add ฉันนะ's blog to your web]