นิทานธรรมะ ตำนานกำเนิดปฐมกษัตริย์
นิทานธรรมะ ตำนานกำเนิดปฐมกษัตริย์
การบำเพ็ญบารมีจนเป็นปฐมกษัตริย์นั้นแตกต่างจากการบำเพ็ญบารมีเป็นพระจักรพรรดิ กล่าวคือ กิจของพระจักรพรรดิคือ ขยายอาณาเขต ในขณะที่กิจของปฐมกษัตริย์คือ ก่อ ตั้งอาณาจักรใหม่ ดังนั้น การบำเพ็ญบารมีของทั้งสององค์จึงแตกต่างกัน สำหรับการจะขึ้นเป็นพระเจ้าจักรพรรดินั้นมีตำรากล่าวไว้เรื่องสมบัติพระจักรพรรดิทั้ง ๗ ซึ่งมิใช่จะได้ มาด้วยการ นั่งรอบุญมาเกย ก็หาไม่ แต่ได้มาด้วยการกระทำการ บำเพ็ญบารมี จนได้สมบัติทั้ง ๗ มาครอง จะอาศัยแต่บุญมาเกยไม่ได้ ตัวอย่างการบำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นพระเจ้าจักรพรรดินี้ ดูได้จาก พ่อขุนรามฯ, บุเรงนอง และเจ้าเมืองยักษ์ในนิทานวัดเกาะที่มีชื่อเรื่องว่า ตุ๊กตาทอง แต่การบำเพ็ญบารมีขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์จะแตกต่างกันกล่าวคือ เมื่อไม่มีการแผ่ขยายอิทธิพลจะมุ่งแต่การ ตั้งหลักปักฐานให้มั่นคง มากกว่า ดังนี้ การบำเพ็ญบารมีจึงครองสมบัติทิพย์แตกต่างกัน เช่น แทนที่จะครองจักรแก้ว, แก้วมณี อาจเปลี่ยนเป็น คทาทิพย์ กับ สังข์ แทนก็มี บางองค์ก็ครอง ตรีทิพย์ กับ พระขรรค์ แทน นอกจากนี้ การบำเพ็ญบารมีเป็นปฐมกษัตริย์ ยังมีหน้าที่สำคัญ คือ การสร้างเทพประจำเมือง เพื่อให้บ้านเมืองมั่นคงในระยะยาว ซึ่งมักเป็นพ่อแม่, หรือพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยง ของตนที่มีความรักความผูกพันกับตนและยึดติดกับผืนแผ่นดินเป็นสำคัญ เฉกเช่น สมัยพ่อขุนรามฯ ที่มี แม่ย่า หรือ พระขพุงผี ช่วยดูแลบ้านเมืองฉะนั้น จึงจะมั่นคนได้
อนึ่ง จิตวิญญาณ (เทพหรือผีก็ดี) ที่จะดูแลบ้านเมืองอยู่กับผืนแผ่นดินได้นั้น จะต้องเป็นจิตวิญญาณที่ยังไม่กลับสู่สวรรค์ จะเป็นจิตวิญญาณชั้นสูงไม่ได้ เพราะเทพเทวดา หมดภาระทางโลก ตายแล้วต้องตัดขาดจากทางโลกเสียเพื่อไปเกิดใหม่ในชาติภพใหม่ เป็นชีวิตใหม่ไปเลย แต่สำหรับจิตวิญญาณที่จะเฝ้าผืนแผ่นดินได้ ต้องเป็นจิตวิญญาณที่ไม่อาจกลับคืนสู่สวรรค์นั่นเอง เช่น แม่ธรณี, แม่คงคา, แม่วาโย, แม่เตโช สี่องค์นี้ จะลงมาประจำอยู่ภาคพื้นโลก โดยเฉพาะแม่ธรณีกับแม่คงคาจะอยู่ที่ภาคพื้นดินตลอดไม่ได้กลับสู่พรหมโลกเลยจนกว่าจะสำเร็จกิจจากภาคพื้นดิน ส่วนแม่วาโยและแม่เตโชนั้น จะยังอยู่บนฟ้าแต่ไม่ได้อยู่พรหมโลก (ต้องจากพรหมโลกมาอยู่โลกมนุษย์ แต่จะอยู่บนฟ้า) ดังนี้ จึงต้องมีแม่ภาคพรหมคอยหนุนให้ ส่วนแม่กาลีนั้นไม่อาจช่วยได้ตลอดไปเพราะเมื่อตายแล้วจะกลับคืนสู่พรหมโลกพร้อมรอทำกิจภาคทำลายล้างในกลียุค ผู้หญิงที่มีจิตเป็นแม่กาลีนั้นจะดูแลผืนแผ่นดินไม่ได้นาน อย่างมากก็แค่ชั่วกษัตริย์องค์เดียวเท่านั้นก็จบไป
นอกจากนี้แล้ว ยังต้องอาศัยจิตวิญญาณที่ไม่ใช่พรหมอื่นๆ ประกอบกันอีกด้วย เช่น จิตวิญญาณสัตว์กึ่งเทพ เช่น เทพวานร, เทพมังกร, เทพม้า, เทพช้าง ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งเทพเหล่านี้ไม่ได้อยู่บนสวรรค์ชั้นสูงเพราะอยู่แค่สวรรค์ชั้นหนึ่ง ซึ่งคาบเกี่ยวอาณาเขตตั้งแต่พื้นโลกสูงขึ้นไปไม่มากนัก เขาเหล่านี้จึงอยู่ใกล้กับมนุษย์มากและมักจะอยู่ร่วมกับมนุษย์หรืออยู่ในกายมนุษย์เพื่อประสานงานกันเลยก็มีซึ่งจิตวิญญาณเหล่านี้จะอยู่ในกายมนุษย์ครั้งที่มนุษย์ยังมีชีวิตอยู่และมีความจงรักภักดี, ซื่อสัตย์ และหวงแหนแผ่นดินมา นั่นเอง เมื่อมนุษย์ผู้นั้นตายแล้ว จิตวิญญาณหลักของเขา มักสถิตยังสวรรค์เพราะทำความดีเพื่อชาติบ้านเมืองมาก่อน แต่จิตวิญญาณรองที่อาศัยเขาอยู่ ที่เขาโปรดให้ช่วยชาติบ้านเมืองร่วมกันนั้น จะไม่ถึงสวรรค์เพราะเป็นแค่จิตวิญญาณเทพกึ่งสัตว์ก็จะอยู่ประจำภาคพื้นโลกต่อไป เพื่อหามนุษย์ผู้อื่นที่มีใจทำเพื่อชาติบ้านเมืองจึงอาศัยร่วมในกายนั้น แล้วประสานอยู่ด้วย ส่วนจิตวิญญาณที่อยู่บนสวรรค์ก็จะประสานพลังลงมาช่วยอีกแรง อนึ่ง นอกจากจิตวิญญาณที่ดีปกป้องบ้านเมืองแล้ว ยังมีจิตวิญญาณดุร้ายที่คอยทำลายบ้านเมืองด้วย เช่น จิตวิญญาณที่เป็นศัตรูกับพวกแรก บางครั้งจิตวิญญาณเหล่านี้จะเข้ามาแทรกอยู่ในกายสังขารของมนุษย์ที่ทำเพื่อชาติบ้านเมือง ทำให้เขาทำหน้าที่ผิดพลาดไป หลงทางไปได้ การทำให้ชาติบ้านเมืองมั่นคง จะต้องแยกกันโปรดจิตวิญญาณเหล่านี้ โดยคนที่อยู่ทางโลกจะประสานกับจิตวิญญาณที่ทำเพื่อชาติบ้านเมือง ส่วนคนที่อยู่ทางธรรมจะ ต้องยอมให้จิตวิญญาณที่จ้องทำลายบ้านเมืองเข้าแทรกในตัว เพื่อคุมไว้ หรือโปรดจนหลุดพ้น เลิกคิดทำลายบ้านเมืองตน เช่นนี้ บ้านเมืองนั้นก็จะมั่นคง, สุขสงบ, ยั่งยืนได้
Create Date : 11 ตุลาคม 2553 |
Last Update : 11 ตุลาคม 2553 9:27:18 น. |
|
0 comments
|
Counter : 276 Pageviews. |
|
|
|
|
| |