นิทานธรรมะ ตำนานกำเนิดผีเรือน
นิทานธรรมะ ตำนานกำเนิดผีเรือน
ผีบ้านผีเรือน คือ ผีที่อยู่ประจำบ้านเรือนของมนุษย์ คอยดูแลให้ความร่มเย็นและทำให้คนติดบ้าน อยู่บ้านได้ รักที่อยู่อาศัย ไม่ออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่นอกบ้าน ทำให้บ้านมั่นคงและยั่งยืน อยู่กันได้ยืดยาว อดทนและผูกพันกับบ้านนั้นๆ ไม่ละทิ้งบ้านไปง่ายๆ ไม่ขายที่ๆ ปลูกบ้านนั้นไป ดังนั้น คนโบราณจึงนิยมกราบไหว้บูชาผีบ้านผีเรือนด้วย และการได้ มาซึ่งผีบ้านผีเรือนนั้นจะต้องมาด้วยบารมี เช่น เลี้ยงดูพ่อแม่จนตายในบ้าน ดังจะอธิบาย
ผีบ้านผีเรือนต้องมีลักษณะอย่างไร
๑) ตายในบ้าน คนที่ตายนอกบ้านไม่อาจมาเป็นผีบ้านผีเรือนได้ ผู้ตายในบ้านเท่านั้นสามารถเป็นผีบ้านผีเรือนได้ ปกติงานศพจะไม่ตั้งศพในบ้านยกเว้นจะเชิญผู้ตายนั้นมาเป็น ผีบ้านผีเรือน จึงจะจัดงานศพในบ้าน สำหรับผู้ป่วยที่ร้องขอให้ตนอยู่แต่บ้านแล้ว แต่ญาติไม่ยอมได้นำไปส่งโรงพยาบาลจนตายในนั้น ญาติต้องร้องขอศพมาตั้งทำพิธีบนบ้าน จึงจะเป็นผีบ้านได้
๒) ผูกพันกับบ้าน มักเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับบ้านนั้น เช่น เป็นญาติผู้ใหญ่, พ่อแม่, ปู่ย่า หรือผู้สร้างบ้านนั้นขึ้น จึงมีความผูกพันกับบ้าน เมื่อตายแล้วจิตวิญญาณบางดวงไม่จุติไปหมดยังภพภูมิอื่น ก็จะกลายเป็น ผีบ้านผีเรือน ได้ อนึ่ง ผีบ้านผีเรือนนี้ ยังไม่ใช่พระภูมิ คำว่าพระภูมินั้น ต้องได้รับตำแหน่งจาก ท้าวจตุโลกบาล ก่อน แต่ผีบ้านผีเรือนเป็นได้ด้วยลูกหลานเชื้อเชิญ
๓) เจ้าของบ้านเชิญ เจ้าของบ้านได้ทำพิธีกรรมอันแสดงออกได้ว่าได้เชื้อเชิญให้ผู้ตาย ได้สถิตอยู่ในบ้านนั้นได้ต่อไป เช่น การตั้งศพไว้ในบ้าน ให้ศพอยู่บ้านอย่างน้อย ๓ วัน หรือ ๗ วัน จึงค่อยนำ ไปฌาปนกิจ แต่ถ้าเจ้าของบ้านไม่ได้เชิญ ด้วยอาการใดๆ วิญญาณผู้ตาย ก็ไม่อาจสถิตอยู่ในบ้านนั้นได้ หากไม่มีภพภูมิอื่นที่ไป ก็จะต้องกลายเป็น สัมภเวสี ต้องเร่ร่อนต่อไป
ทุกๆ สถานที่ที่ได้รับการจัดสรรแล้วปลูกอาคารขึ้น หากไม่มีจิตวิญญาณที่คอยคุ้มครองก็จะถูกรบกวนด้วยจิตวิญญาณต่างๆ มากมาย ทำให้ผู้อยู่อาศัยไม่อาจอยู่ได้นานต้องจรไป เช่น อาคารที่ทำงาน ถ้าไม่มีจิตวิญญาณดูแลเลย จะถูกจิตวิญญาณเร่ร่อนรบกวน และจะนำพาผู้คนที่ทำงานในที่นั้น จรออกไป, อยู่ไม่ยืดยาว พนักงานมักลาออกได้ง่าย จึงไม่มีความมั่นคง แต่หากอาคารใดมีจิตวิญญาณดูแลอยู่ ก็จะคอยป้องกันไม่ให้จิตวิญญาณอื่นมารบกวนผู้คนที่อยู่อาศัยในอาคารนั้นได้ นอกจากตัวอาคารแล้ว ยังต้องมีจิตวิญญาณที่ดูแลพื้นที่ดินอีก ซึ่งก็คือ พระภูมิหรือเจ้าที่ อย่างใดอย่างหนึ่ง ที่ดินนั้นจึงจะมั่นคง ไม่ถูกขายให้ผู้อื่น, ไม่ถูกกลั่นแกล้งแย่งไป ฯลฯ ดังนี้ พระภูมิเจ้าที่ และ ผีบ้านผีเรือน จึงมีบทบาทสำคัญในการทำให้คนอยู่ติดบ้าน ซึ่งดีต่อทางโลก ทำให้ทางโลกสงบสุขได้ในระดับหนึ่ง แต่ในทางธรรมแล้ว จะละความยึดมั่นในสถานที่, ที่ดิน หรือแม้แต่อาคารที่อยู่เสีย เพราะการยึดติดนั้น อาจส่งผลให้จิตวิญญาณไม่หลุดพ้นไปไหนต้องกลายเป็นผีเฝ้าอาคารหรือสถานที่นั้นๆ ไป แทนที่จะได้ขึ้นสวรรค์ที่ดีกว่านี้ ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงทรงให้ภิกษุจาริกไปเรื่อยๆ คือ การธุดงค์เป็นปกติวิสัยไม่ยึดมั่นถือมั่นสถานที่ใดๆ จึงหลุดพ้นได้
สำหรับประโยชน์ในทางโลกและทางธรรมนี้ต่างกัน ในทางโลกมักมีพราหมณ์ช่วยในการทำพิธีกรรมต่างๆ ให้ เพื่อให้ได้มาซึ่งผีบ้านผีเรือน, พระภูมิเจ้าที่ต่างๆ ซึ่งทำให้ลูกหลานอยู่ในอาคารหรือสถานที่นั้นๆ ต่อไปได้ร่มเย็นยาวนาน แต่ในทางธรรม, พระพุทธศาสนาสอนให้ละวางความยึดมั่นถือมั่นในอาคารสถานที่เสีย แม้ไม่มีจิตวิญญาณยึดครองอาคารหรือสถานที่ไว้ และต้องเสื่อมสลายลงไปตามกาลเวลา ก็ไม่มีปัญหา เพราะเป็นเรื่องปกติธรรมดาของโลกที่ไม่จีรังยั่งยืนอยู่แล้ว สำหรับนิทานกำเนิดผีเรือน ขอจบลงเพียงเท่านี้
Create Date : 06 มกราคม 2554 |
Last Update : 6 มกราคม 2554 9:23:21 น. |
|
0 comments
|
Counter : 356 Pageviews. |
|
|
|
|
| |