เยือนลาบาสซา แมนชั่นโบราณ
เยือนลาบาสซา แมนชั่นโบราณ

เหมือนเดิม เที่ยวตามคอนเซ็ปต์ ไปที่ที่คนไทยไม่ไปกัน  (ชอบของแปลก)

Labassa แมนชั่นนี้อยู่แถบคอล์ฟิลด์ ใกล้ๆ ตัวเมืองเมลเบิร์น  จุดเด่นคือเป็นอาคารโบราณเก่าแก่ที่อยู่ท่ามกลางบ้านสมัยใหม่  สามีพาเราไปเมื่อ 18 พ.ค. 57  ตอนขับรถไปถึง ยังถามกันเลยว่า แมนชั่นนี้มันหลุดเข้ามาอยู่ในดงบ้านคนได้ยังไง  สถาปัตยกรรมไม่เข้ากันเลย


เจ้าของเดิม คือ วิลเลียม ไลอัลล์ที่สร้างแมนชั่นนี้ขึ้นในปี 1854 แล้วก็มีการเปลี่ยนมือมาจนถึงเจ้าของที่ชื่อบิลลิ่ง ซึ่งได้ขยายบ้านในปี 1873 จากเดิม 8 ห้องให้ใหญ่ขึ้นเป็น 20 ห้อง โดยฝีมือของสถาปนิกชื่อ เคราช์และวิลสัน ที่ขยายบ้านเพราะว่าบิลลิ่งประสบความสำเร็จในอาชีพทนายความและได้อยู่อาศัยที่นี่จนถึงแก่กรรมในปี 1882 (บิลลิ่งเป็นอาจารย์สอนวิชากฎหมายที่มหาวิทยาลัยวิกตอเรียด้วย)


เจ้าของคนต่อมาชื่อ อเล็กซานเดอร์ โรเบิร์ตสัน (เจ้าของ Cobb and Co. บริษัทขนส่งขนาดใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของออสเตรเลีย) ซื้อแมนชั่นนี้ในปี 1887 แล้วตั้งชื่อใหม่ว่า ออนทาริโอ จากนั้นก็ว่าจ้างสถาปนิกชาวเยอรมันให้ขยายบ้านให้ใหญ่ขึ้นอีกเป็น35 ห้อง กลายมาเป็นแมนชั่นยุคศตวรรษที่ 19 อย่างที่เห็นในปัจจุบัน จนโรเบิร์ตสันตายในปี 1896 เจ้าของใหม่ชื่อ จอห์น วัตสันเปลี่ยนชื่อแมนชั่นเป็น ลาบาสซา


NationalTrust of Australia (Victoria) ซื้อแมนชั่นนี้ในปี 1980แต่มีอยู่ช่วงนึงต้องประกาศขายเพราะค่าซ่อมแซมใช้เงินมหาศาลในขณะที่งานด้านนี้ไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล (ปัจจุบันยังไม่มีใครซื้อ)


มีอยู่ช่วงนึงที่เจ้าของใช้ลาบาสซาทำเป็นหอพักนักเรียน ขนาด 60 เตียงหรือไงเนี่ย (ถ้าจำไม่ผิด ฟังมัคคุเทศก์เล่า) แต่การตกแต่งต่างๆ สภาพยังดี ไม่มีรอยขาดวิ่น (หมายถึงในระยะที่เด็กเอื้อมถึงนะ)

ลาบาสซาแมนชั่น อย่างที่เห็นในปัจจุบันเป็นอาคาร 2 ชั้น ตกแต่งสไตล์เรเนซองส์ ผนังส่วนใหญ่จะเป็นวอลเปเปอร์พิมพ์นูน(ลองดูใกล้ๆ แล้ว เป็นกระดาษหนาพอสมควร) อาคารหลังเดียว แต่มีหลายสไตล์เพราะว่าเจ้าของแต่ละคนขยายบ้านในแบบที่ตัวเองชอบอย่างบางห้อง ประตูมีสองชั้น วงกบตบแต่งวิจตรบรรจง พอผ่านมาอีกห้องประตูเหมือนประตูปัจจุบันนี่แหละแต่มีวงกบตบแต่งเพิ่มมานิดหน่อย


จุดเด่นอีกอย่างนึงคือกระจกสีที่อยู่ตรงทางขึ้นไปชั้นสอง เด็กตรงกลางจะใส่เสื้อผ้าตามฤดู ส่วนดอกไม้ด้านข้าง ก็เป็นดอกไม้ตามฤดูด้วย


ใครสนใจใช้บริการ ที่นี่เปิดให้ใช้สถานที่จัดงานแต่งงานและจัดเลี้ยงด้วยแต่เท่าที่เราไปดูมา สวนน่ะพอได้ แต่ในบ้านนี่ มันหลอนยังไงชอบกล

(เพิ่มเติม มัคคุเทศก์เล่าว่า เดิมศูนย์กลางของรัฐวิกตอเรียอยู่ที่เมืองซอเรนโตทางใต้ของรัฐ แล้วถึงเปลี่ยนมาเป็นเมลเบิร์น)




Create Date : 25 พฤษภาคม 2557
Last Update : 25 พฤษภาคม 2557 17:32:54 น.
Counter : 833 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Natchaon
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 314 คน [?]



Sawaddee ka. My name is Nat. I am a certified translator. I have been in the translation industry since 2004.

I graduated a master degree in English-Thai translation from Chulalongkorn University, Thailand.

I have the following accreditation:
- NAATI Accreditation for EN < > TH translation (Australia)
- Court Expert Registration for EN < > TH translation (Thailand)
- Member (MCIL), Chartered Institute of Linguists (U.K.)

See details about my services here https://www.nctranslation.net
https://www.expertthai.net

For a quick quote, email your document to natchaon@yahoo.com.

รับแปลเอกสารวีซ่าออสเตรเลียพร้อมประทับตรา NAATI ปรึกษาฟรีที่ natchaon@yahoo.com หรือ Line: Natchaon.NAATI

See below my locations:
- Bangkok: 1 Dec 2018 - 12 Jan 2019

NAATI ออสเตรเลีย, NAATI เมลเบิร์น, NAATI ประเทศไทย, NAATI กรุงเทพ, แปลเอกสารพร้อมประทับตรา NAATI, แปลเอกสารโดยนักแปล NAATI, NAATI Australia, NAATI Melbourne, NAATI Thailand, NAATI Bangkok, NAATI translation, NAATI accredited translation, Australia Visa, Partner Visa, Fiance Visa, Prospective Visa, Skilled Migrant, Student Visa, Work Visa, Work and Travel Visa, Online Visa, วีซ่าออสเตรเลีย, วีซ่าแต่งงาน, วีซ่าคู่หมั้น, วีซ่าทำงาน, วีซ่านักเรียน, วีซ่าทำงานและท่องเที่ยว, วีซ่าออนไลน์
Thai – English translation, English – Thai Translation, แปลอังกฤษเป็นไทย, แปลไทยเป็นอังกฤษ

*บทความทั้งหมดในบล็อกนี้ สงวนลิขสิทธิ์ทุกประการ*
พฤษภาคม 2557

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
26
27
28
29
30
31