ใครจะเชื่อว่า Project Manager งานแปล ก็ควรจะเรียนด้านนี้มาด้วย

Nicole Hawksford ซึ่งเป็นผู้จัดการโครงการในบริษัทแปลแห่งหนึ่งมาแบ่งปันความรู้ด้านนี้ให้ฟัง

นิโคลจบปริญญาโทด้านการแปลและได้รับการอบรมด้าน Project Management ระยะเวลา 12สัปดาห์ (มีใบประกาศนียบัตร)

เดิมนิโคลเป็นนักแปลแต่ไปๆ มาๆ บริษัทดึงตัวไปทำงานบริหารโครงการแปลแบบเต็มเวลา แน่นอนว่างานที่ต้องการ dedicated PM เป็นงานที่สำคัญ บริษัทที่วิทยากรทำงานอยู่คือบริษัทแปลงานทางการแพทย์โดยเฉพาะงานแปลด้านสิทธิบัตร

ถ้าใครเคยเห็นเอกสารคำขอสิทธิบัตรมันจะมีสูตรยา สาร องค์ประกอบ ผล etc มากมาย (วันนี้ลูกค้าเก่าจากต่างประเทศก็ส่งมาให้เราเสนอราคาชุดนึงตั้ง 14,000 คำ (ประมาณ 35 หน้า) ค่าแรงเกือบ70,000 บาท เราดูคร่าวๆ แล้วตอบเลยว่า “I’m not qualified.” พูดได้เต็มปาก ดันทุรังแปลมีแต่จะทำให้ลูกค้าเสียหายอย่าดีกว่า)

นิโคลบอกว่างานของ PM หลักๆ มี 3 ส่วนคือ

1. Time Management

- งานนี้ใช้เวลานานเท่าไหร่ (เช่น ลูกค้าอยากได้ใน3 วัน แต่นักแปลใช้เวลา 5 วัน)อาจต้องใช้เครื่องมือช่วย เช่น GANTT chart

- ใครทำงานนี้บ้าง (สมมติใช้นักแปล 4 คน แต่หาได้แค่ 2คน)

- ต้องวางแผนขั้นตอนไหนล่วงหน้ามั้ย (แปลเสร็จแล้วต้องทำขั้นตอนอะไรต่อ)

- ความแตกต่างด้านเวลาของลูกค้าและของนักแปล (ลูกค้าอยู่ไทยแต่นักแปลอยู่อังกฤษ ต้องคำนวณเวลาให้ดี)

- ต้องเผื่อเวลาตอบคำถามนักแปลหรือไม่ (Memo Q มันจะมี query sheet)

2.Prioritization

- อะไรด่วนที่สุด

- อะไรที่ทำให้เสร็จได้เร็วที่สุด

- จัดการคำขอพิเศษจากลูกค้ายังไง

3.Assessing the Task

- ลูกค้าขออะไร v. งานที่ทำเสร็จ

- ลูกค้าจำเป็นต้องได้งานแบบไหน (อันนี้เราเดาว่าบางทีสิ่งที่ลูกค้าขอมันไม่พอจะนำไปใช้ได้ อาจต้องทำเพิ่ม)

- วิธีไหนคุ้มทุนที่สุดที่จะทำให้ได้ตามที่ลูกค้าขอ

- ลักษณะพิเศษของงาน (เช่น บางงาน ต้องใช้ editor เฉพาะทางที่อาจจะหาคิวไม่ค่อยได้)

สำหรับคนที่สนใจลองอ่านเกี่ยวกับการสอบเพื่อรับใบรับรอง PMI ได้ที่นี่ https://www.blognone.com/node/57009