ยินดีต้อนรับสู่ WOANGVARIS 's Blog
Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2552
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
23 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 

ตอนที่ 4 ...เกิดแต่กรรม



พระอาทิตย์หัวเหน่งเปล่งแสงแสบตาแต่เช้า แม้นอนคลุมโปงโก่งก้นก็หารอดพ้นแสงที่เสนอหน้าเข้ามาแยงตาถึงในผ้าห่มไม่โอ..พระเจ้า.นี่หรือวันหยุด

“วันหยุดสุดเซ็ง”
มาด หรือ ไอ้มาด รำพึงกับตัวเอง หลายเดือนแล้วที่ต้องตกงานนอนแอ้งแม้งชีวิตไร้ค่าแบบนี้ พิษเศรษฐกิจทำให้ชาวบ้านผู้ไม่มีทางเลือกมากนักอย่างเขาต้องพลอยลำบากไปด้วย พวกนักการเมืองที่เลือกเข้าไปเป็นปากเสียงของประชาชนก็มัวแต่โต้คารมกันไปวันๆ ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาให้กับบ้านเมืองอย่างจริงจังเสียที

“แง........แอ๊ะ....ๆๆๆ”
“โอ๊ย !! มึงจะร้องอะไรกันนักกันหนาห๊า....กูรำคาญ !!”
เผียะ !!! เผียะ !!! เผียะ !!! ง๊ากกกกกกกกกกก....................
ว่าจะนอนให้เต็มอิ่มซะหน่อยเสียงยายทองสุขข้างบ้านก็ตีลูกดังรบกวนโสตประสาทเสียเหลือเกิน ...ยัยคนนี้ซาดิสก์...เลี้ยงลูกด้วยลำแข้งของแกเองจริงๆ อยากตะโกนบอกว่า “ฆ่ามันเลยเป็นไงยายทองสุข” ก็กลัวว่าแกจะฆ่าซะจริงๆ บาปกรรมคนบอกเปล่าๆ เฮ้อ…แต่ว่าไอ้แดงน้อยลูกแกมันก็น่าฆ่าทิ้งจริงๆ นะ ร้องได้ร้องดีไม่มีลิมิทชีวิตเกินร้อยกันเลยทีเดียว

“เดินหางานต่อดีกว่าเราวันนี้”
หยิบแปรงสีฟันขนฟูคู่ชีพบีบลมของยาสีฟันลงไป ฟู่....มีแต่เสียงลมเนื้อยาสีฟันหมดแล้ว ยังไม่มีเงินซื้อตกงานอยู่ อุเหม่..สภาพของแปรงสีฟันก็เหมือนแปรงขัดส้วมไม่มีผิดเพี้ยน ผ้าขนหนูผืนเก่าที่นุ่งทีไรก็ตูดขาดทุกที ไม่เป็นไร…คนรูปหล่อทำไรก็ไม่น่าเกลียดอยู่แล้ว ไอ้มาดยิ้มกับตัวเองด้วยความภูมิใจ ดีนะที่เกิดมาหน้าตาดียังพอมีสิ่งที่จะเร้าใจสาวๆ แถวนี้อยู่บ้าง

“หวัดดีรูปหล่อ สบายดีมั้ยวันนี้” เก๊กหน้าหล่อกับกระจกใบเก่าทิ่ติดอยู่บนผนังห้องน้ำขณะแปรงฟัน เอียงซ้ายเลิกคิ้วขวา เอียงขวาเลิกคิ้วซ้าย หล่อขนาด.... แล้วมันจะเก๊กทำไมวะในห้องน้ำเนี่ย
“สู้ต่อไปรูปหล่อ ขอเพียงไม่ย่อท้อและหวั่นไหว ชัยชนะต้องเป็นของเจ้า ฮื่อๆๆ ฮ่าๆๆ” ให้กำลังใจกับตัวเองก่อนจะรีบอาบน้ำด้วยสบู่ที่เหลือก้อนกระจึ๋งเดียว สบู่มีน้อยใช้สอยอย่างประหยัด

“ทำไมมันหายากหาเย็นยังงี้วะงานเนี่ย ความหล่อไม่เห็นช่วยได้เลย เฮ้อ....” ไอ้มาดบ่นพึมพำกับตัวเองหลังจากตระเวนสมัครงานมาแล้วหลายที่ เด็กเสิร์ฟบ้าง พนักงานขนของบ้าง แต่ก็ไม่มีตำแหน่งว่างสำหรับคนรูปหล่ออย่างมันเลย
เดินมายี่สิบซอยแล้วงานก็ไม่มี หิวก็หิวเงินก็ไม่มีสักแดงเดียว ...ทำไงดีน้าาาา... โอยยยหิวจนตาลาย มองหาใครที่รู้จักสักคนก็หามีไม่ ทำไงดี ทำไงดี
จ่อกกกกก...จ่อกกกกก..... เสียงพยาธิในท้องของไอ้มาดส่งเสียงประท้วงกันดังระงม พลันสายตาคมกริบทว่าแฝงไว้ด้วยความหิวโหยและยากจนก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่ทำให้ชีวิตนี้ยังมีหวัง อา….ได้การล่ะ เจอเด็กตัวน้อยๆ นั่งกินไอศกรีมอยู่คนเดียว ไอศกรีมโคนรสวานิลลาเย็นเจี๊ยบ สังเกตได้จากไอละอองความเย็นที่อ้อยอิ่งละเหยอยู่รอบๆ โคน

“ง่า....แผล่บ......งั่มๆๆๆ ง่า...แผล่บ.....งั่มๆๆๆ” เจ้าเด็กน้อยบรรจงเลียไอศกรีมสุดเลิฟอย่างเอร็ดอร่อยและไม่รู้ชะตากรรมของตนเอง
“เสร็จเรา !!”ไอ้มาดเหลียวซ้ายแลขวา…ไม่มีใคร โอกาสทองมาถึงแล้ว เด็กอายุสองขวบจะช่วยเหลือตัวเองได้ยังไงกับการจู่โจมของมัน มาดตรงลิ่วเข้าหาเด็กน้อยอย่างอุกอาจ ในมือถือท่อนไม้อันเขื่องที่หยิบมาจากป้ายรถเมล์ ใครกันนะช่างเตรียมไว้ให้เสร็จสรรพ เงื้อมสุดแขนฟาดผั๊วะๆๆ


เลือดสีแดงไหลนองพื้นส่งกลิ่นคาวคลุ้งไปทั่วบริเวณ อา..ไอ้มาดทำอะไรลงไป….

ร่างน้อยๆ ของเขียดเหยียดขิ้งนิ่ง นี่แหละที่เขาเรียกตายหยังเขียด เอ๊ะ.. เลือดเขียดสีแดงรึเปล่านะ เด็กน้อยอ้าปากค้างด้วยความตกใจกลัวสุดขีด คิดไม่ถึงโลกนี้จะมีคนที่โหดร้ายขนาดไอ้มาดได้ มือน้อยเผลอปล่อยโคนไอศกรีมสุดรักร่วงลงจนเกือบจะตกถึงพื้นอยู่แล้ว ไอ้มาดไม่รอช้า..พลาดโอกาสนี้คงรอไปอีกนาน สวมวิญญาณผู้รักษาประตูเก่าแห่งทีมโรงเรียนโคกกระเซ็น กระโดดรับโคนไอศกรีมโดยไม่หกสักหยด อะฮ๊า…..เสร็จเรา คงพอประทังชีวิตไปได้ชั่วคราว

ไอ้มาดสุดหล่อเดินเลียไอศกรีมหนีไปอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่สนใจเสียงด่าทอจากเด็กสองขวบที่นึกเสียดายขึ้นมาเพราะมันไม่โดนพื้น ปากจัดจริงๆ เด็กคนนี้สงสัยพ่อแม่ไม่สั่งสอน ไอ้มาดคิดในใจ



“อ้าว..มาดไปไหนมาจ๊ะ???”
เสียงหวานหูที่คุ้นเคยแว่วมาแต่ไกลทักทายอย่างกันเองที่สุด
“ทำงานมาครับ”ไอ้มาดเก๊กเสียงให้หล่อใกล้เคียงกับใบหน้าของตัวเอง ใช่แล้ว...จะบอก สมหมาย แม่ยอดยาหยีของมันได้ยังไงว่าตกงานอยู่ อายเธอตายเลย สมหมาย เธอเป็นพยาบาลสาวสวยที่รู้จักกันมานานแล้วด้วยความบังเอิญ เธอพาร่างเล็กอ้อนแอ้นของเธอเดินผ่านทุกวันให้ไอ้มาดรู้สึกว่าโลกนี้ยังสวยงามคู่ควรกับการมีชีวิตอยู่ต่อไป ดวงตาเรียวเล็กหางตาเชิดทว่าอ่อนโยนปากนิดจมูกหน่อยแก้มอิ่มเป็นสีชมพูระเรื่อ เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนถูกรวบไว้ข้างหลังอย่างเรียบร้อย โอ้..นางฟ้าของไอ้มาด นึกแล้วก็อยากจะเอาปืนไปยิงหัวพ่อเธอให้กระจุยที่ตั้งชื่อแบบไม่นึกถึงภาพพจน์ของลูกสาวเลยสักนิด “สมหมาย” คิดได้ยังไงกัน

“ไปนะจ๊า แล้ววันหลังเจอกัน” ทักทายกันพอหอมปากหอมคอสาวเจ้าก็ขอตัว
“คร๊าบบบผม” ไอ้มาดฉีกยิ้มถึงรูหูมองตามหลัง “สมหมาย” แม่พยาบาลหวานใจด้วยสายตาเคลิบเคลิ้มไม่ลืมที่จะมองต่ำลงถึงบั้นท้ายอันงอนเช้งของหล่อน อะจึ๊ยๆๆ “ไอ้บ้า! มองเธอแบบนั้นได้ยังไงกัน” มันบอกกับตัวเอง แต่ก็งอนจริงๆนี่หว่า นะ…..ว่าแต่ว่าเมื่อตะกี้เธอจะเห็นท่ารับไอศกรีมอันน่าประทับใจของมันรึเปล่าหว่า

...............................

สามเดือนที่แล้ว....
“เฮ้ออออ...กลุ้มเว้ยเกิดมาหล่อ” ขณะที่ไอ้มาดกำลังเดินทอดความหล่อกินกล้วยหอมลูกยาวอยู่ริมฟุตบาทอย่างเอร็ดอร่อย ปลอก..งาบ....ปลอก..งาบ อยู่นั้น

“ซ่อยแหน่ค่ะ ซ่อยแหน่........” เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังแว่วมาแต่ไกล ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งกระหืดกระหอบตรงมาทางที่ไอ้มาดยืนอยู่ แต่คงจะไม่ใช่เสียงของชายผู้นี้กระมัง ดูจากองค์ประกอบบนใบหน้า กระเดือกที่ลำคอ และความกำยำล่ำสันของร่างกายแล้วไม่น่าจะมีเสียงเล็กหวานแบบนี้ได้แม้ในเวลาทื่ตื่นเต้นและหวาดกลัวก็ตาม

“ซ่อยแหน่ค่า..ซ่อยแหน่...คนกระซากกระเป๋า” อ้อว่าแล้วเชียวเป็นเสียงของพยาบาลสาวสวยที่กำลังวิ่งตามมาไม่ไกลเหนื่อยจนลิ้นห้อยคนนั้นนั่นเอง อารามตกใจต่อมกระตุ้นสำนึกรักบ้านเกิดของเธอก็เลยทำงาน

“ซ่อยแหน่ค่า..ซ่อยแหน่....” น่าแปลกใจที่ผู้คนรอบข้างได้แต่ยืนมองและคอยลุ้นด้วยความตื่นเต้นเท่านั้นไม่มีใครหรือสุภาพบุรุษคนไหนยื่นมือเข้าไปช่วยเธอเลย โถ..แม่สาวน้อย เห็นทีไอ้มาดต้องออกโรงเองเสียแล้ว ไอ้มาดยืนแอบเสาไฟฟ้าด้วยมาดอันสุดเท่ ประหนึ่งร้อยตำรวจเอกปลอมตัวมา สายตาคมเข้มทว่ายากจนจ้องเขม็งไปที่ “ผู้ร้าย”รอจังหวะอันเหมาะเหม็งเพื่อจัดการให้สิ้นซาก

ตึ่กๆๆๆ เจ้าวายร้ายวิ่งตรงมาทางไอ้มาดอย่างไม่ทันระวังตัว หวังเพียงว่าสาวเจ้าของกระเป๋าจะเหนื่อยก่อนมัน และเลิกวิ่งตามเสียที มันงั้นตัวมันเองนั่นแหละที่จะต้องยอมแพ้หมดลาย ไอ้มาดรูปหล่อกระเดือกกล้วยหอมยาวลูกสุดท้าย และเตรียมเผด็จศึก หนึ่ง ส่อง สั้ม !!

“เหวออออ.....” ผลั่กกกก!!!!.....
ใช่แล้ว ฝีมือพ่อมาดรูปหล่อนั่นเอง เจ้าวายร้ายลื่นเปลือกกล้วยหอมยาวที่เขาบรรจงเล็งอย่างเหมาะเหม็งกับจุดที่เท้าของมันจะสัมผัสพื้น และลื่นล้มกลิ้งโค่โร่ และตำรวจก็มาเคลียร์สถานการณ์ตามระเบียบของหนังไทย


“ขอบคุณมากนะคะพี่ แฮ่กๆๆ”
เมื่อเหตุการณ์สงบลงจิตสำนึกรักบ้านเกิดก็กลับเข้าที่เดิม
“ไม่เป็นไรคร๊าบบบ...” ไอ้มาดบอกกับสาวเจ้าหันใบหน้ามุมที่หล่อที่สุดให้กับเธอ และเมื่อมีโอกาสยลโฉมของเธอใกล้ๆ ก็ทำให้ไอ้มาดได้รู้ว่านี่คือยอดหญิงที่สวรรค์ประทานมาเพื่อคนรูปหล่ออย่างมันแน่นอน
“คราวหลังระวังตัวด้วยนะครับ คงไม่โชคดีแบบนี้บ่อยนัก”
“ขอบคุณมากเลยค่ะ เอางี้ดีมั้ยคะ หมายยังไม่ได้ทานข้าว เราไปหาอะไรทานกันดีมั้ยคะ หมายจะได้เลี้ยงขอบคุณพี่ยังไงล่ะคะ” เธออาสาเลี้ยงข้าวเป็นการขอบคุณที่ได้ช่วยเธอไว้ในวันนี้
“นะคะๆ” เธอคะยั้นคะยอเมื่อเห็นไอ้มาดลังเล พร้อมเอื้อมมือมาจับแขนเขย่าเบาๆ
“ฮี่ๆๆ ยังงี้ก็สวยเซ่...” ได้มาดนึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ เจอกันวันแรกก็แต๊ะอั๋งเราซะแล้วเว้ย
แบบนี้ต่อให้ไล่ก็ไม่เลิก ต้องจีบเธอมาเป็นแฟนให้ได้


“เชิญตามสบายเลยนะคะไม่ต้องเกรงใจหมายค่ะ” เธอเชื้อเชิญอย่างมีไมตรีเมื่อส้มตำปูปลาร้า ไก่ย่างไม้โตผักและอาหารอีกสองสามอย่างวางพร้อมแล้วเรียบร้อยบนโต๊ะ ว๊าววว...ส้มตำปูปลาร้าส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายดีแท้ จากการสนทนาขณะนั่งรอส้มตำไอ้มาดพอรวบรวมข้อมูลของเธอได้เล็กน้อย เธอชื่อ หมาย หรือ “สมหมาย” เป็นพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลของรัฐใกล้ๆ นี้เอง เธอเป็นคนกาฬสินธุ์ และเมื่อเรียนจบพยาบาลเธอก็เริ่มทำงานที่นี่โดยพักอยู่ที่บ้านพักพยาบาลใกล้ๆ นี้เองเช่นกัน ทุกๆ วันเธอจะต้องเดินผ่านทางนี้เป็นประจำ เธอรู้สึกยินดีที่ได้รู้จักกับผู้ชายกล้าหาญและมีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เช่นเขา ส่วนไอ้มาดนั้นไม่ต้องส่งสัยว่ายินดีเพียงไร ยิ้มปากแทบฉีกถึงรูหูกันเลยทีเดียวเชียวแหละ

“โอ้...ส้มตำร้านนี้รสเด็ดจริงๆ ค่ะ แซ่บคักๆ” เธอยกนิ้วโป้งเป็นการยืนยันว่าไม่ผิดหวังเลยที่แวะร้านนี้ ไอ้มาดกระมิดกระเมี้ยน หิวก็หิวน้ำลายสอเต็มปาก
“เอาสิคะพี่ เชิญเลยๆ แซ่บๆๆ” พูดพลางเปิบส้มตำเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยสุดๆ
“งั้นไม่เกรงใจแล้วนะครับ” ไอ้มาดพูดจาเอียงอายก่อนจะเริ่มลงมือปฏิบัติการอย่างเอร็ดอร่อยเช่นกัน
“โอ้ววววว...คักๆ แซ่บๆ จริงๆ ด้วยครับ ฮ่าๆๆๆ งั่มๆ แง่มๆ จ้วบๆ ซู้ดดดดด....”


และนั่นคือความหลังครั้งเก่าที่ทำให้ มาด กับ หมาย ได้รู้จักกัน

............................

ไอ้มาดย่องกึ่งวิ่งแอบลัดเลาะมาตามสุมทุมพุ่มไม้สนามหญ้าหน้าบ้านของ “สมหมาย”แม่ยอดยาหยีของมันอย่างระแวดระวังสุดชีวิตกลัวคนเห็น เอ๊ะจะทำอะไรนะทำไมต้องกลัวคนเห็นด้วยล่ะ...

“ตื่นเต้นวุ้ยตื่นเต้นๆๆ ฮี่ๆๆ” หันซ้ายหันขวา ระวังทั้งคนและต้องระวัง..ขี้หมา..ศัตรูคู่อาฆาตตลอดกาลของมันเจอที่ไหนไม่ได้ต้องเหยียบให้แบนตลอดไม่รู้ทำไม ยิ่งเป็นขี้เปียกด้วยแล้วไม่เคยพลาด
“เอ..ไอ้ทุเรียนจะมาวางระเบิดไว้แถวนี้รึเปล่าหว่า” คิดพลางย่องพลาง เสียงซาวด์แทรค 007ดังแว่วอยู่ในใจอันเต้นระทึกของไอ้มาด ตึ่งๆๆ ตึงตึ๊งตึ่ง...นี่แน๊..นี่แหน่...


“ว๊าว...แง้มหน้าต่างเอาไว้เสียด้วย สงสัยรู้ว่าเราจะมา หึหึหึ” ไอ้มาดกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ
“เมื่อสาวเจ้ามีใจเช่นนี้จะรอช้าอยู่ใยล่ะมาดเอ๋ย หึหึหึ อึ้บ!!!” ไอ้มาดคิดว่าด้วยแรงส่งจากการวิ่งระยะใกล้ๆ และพลังแห่งความหนุ่มแน่นของมันจะทำให้สามารถกระโดดขึ้นทางหน้าต่างได้อย่างสบายๆ แต่....


พลั่กกก!!! “ตั๊กแก๊ !!!....”
อูย...ไม่น่าพลาดขนาดนี้ ไอ้มาดจูบฝาบ้านอย่างแรงจนปากเจ่อก่อนจะรูดร่วงลงสู่พื้นอย่างนุ่มนวล เจ็บสุดเจ็บแต่ด้วยจรรยาบรรณของนักย่องเบารูปหล่อ ไอ้มาดรีบวิ่งออกไปจากบริเวณบ้านด้วยสีหน้าเจ็บปวดและเก็บกดสุดๆ

“อุ๊บ อะฮุ๊บ อะฮึ่ย.....” จนมั่นใจว่าออกมาไกลพอที่น้องสมหมายจะไม่ได้ยินและไม่เป็นการรบกวนชาวบ้านละแวกนั้นแล้ว
“ว้ากกกกกก !!!!...เจ็บโว้ยยยยยย !!!!” ร้องออกมาอย่างสุดกลั้น โอ..ใบหน้าอันหล่อเหลาจะไม่ต้องเสียโฉมคราวนี้หรือเนี่ยไอ้มาดคิดอย่างกังวล


“เอาใหม่วุ้ย..คราวนี้ไม่พลาดแน่ ฮี่ๆๆ” แบกบันไดไปด้วย โห..ความตั้งใจสูง
“นี่แน่ะพาดขอบหน้าต่างซะเลย...” แล้วไอ้มาดก็ค่อยๆ ปีนขึ้นไป โอ..เธอนอนหลับแล้ว ท่านอนช่างน่ารักน่าชังเหลือเกิน ยิ้มน้อยๆ แบบนี้คงฝันถึงเรากระมังไอ้มาดคิดในใจ
“มาแล้วจ้ะน้องสมหมายจ๋า” ย่องเข้าไปจนถึงตัวแต่เธอยังหลับปุ๋ยอยู่เลย โธ่..นี่ถ้าไม่ใช่ไอ้มาดไม่โดนปู้ยี่ปู้ยำแล้วเหรอเนี่ย ไอ้มาดคิดในใจยังกับว่าถ้าเป็นมันจะไม่โดนยังงั้นแหละ
ค่อยๆ แง้มผ้าแพรผืนบางที่กลุ่มตัวเธอออก แน่ะ..ยังไม่ตื่นอีก อา...ไอ้มาดมองปากชมพูจิ้มลิ้มแก้มอิ่มแดงระเรื่ออย่างหลงใหล ดวงตายังหลับพริ้ม เธอห่อปากเล็กน้อยทำท่าเหมือนจะจูจุ๊บ โอ..ฝันหวานอยู่...ต้องเป็นเราแน่ๆ ปลุกเธอเลย...ไม่งั้นเหมือนไม่ได้ใช้ความสามารถ ใช่ปลุกเลย


"พี่วิลลี่"
อ้าว!ไม่ได้ฝันถึงไอ้มาดหรอกรึนี่ ไอ้มาดหน้าจ๋อย ไม่ใช่เราที่อยู่ในฝันเธอแต่เป็น วิลหลี แมงอินตอส “บัดซบ!ขอให้เป็นแค่ฝันไปเท่านั้นเถอะ” ไอ้มาดทนไม่ได้ที่จะเห็นหวานใจที่นอนอยู่ตรงหน้าละเมอถึงคนอื่น
“โอ้ไม่ รับไม่ได้ นี่คือฝันร้าย” ไอ้มาดหมดอารมณ์ แต่ก่อนจะจากไปขอหอมให้ชื่นใจสักทีเถอะ
“แง่มๆ แจ่บๆ พี่วิลลี่..”
อ้าว เธอนอนคว่ำซะแล้ว โก่งตูดเสียด้วยตายล่ะเสียภาพพจน์พยาบาลสาวสวยรึเปล่าเนี่ย


ปู๊ดดดดดด!!
โห......นางเอกของได้มาดทำไมกลิ่นแรงขนาดนี้แถมกลิ่นคุ้นๆด้วย

“เฮ้ย ! เป็นไรอีกวะไอ้บ้า”
ป๊าบบบบ!!! โดนเพื่อนเลิฟถีบกระเด็นจนตื่นจากการพร่ำเพ้อละเมอฝัน ก็ดันละเมอไปมุดผ้าห่มแถมทำท่าจะจูจุ๊บๆ เอ..ถ้ายังงั้นเมื่อตะกี้ตดก็ของเพื่อนเลิฟน่ะสินะ ... เฮ้อออออ...ไอ้มาดถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่กลิ่นหอมบัดซบเหมือนช้างตายนั้นเป็นแค่ฝันร้าย ไม่ใช่ของน้องสมหมายพยาบาลหวานใจที่ใฝ่ฝันมานาน

“โอ้ สมหมายยอดรัก” ไอ้มาดรำพันแววตาปรือเยิ้ม นอนถอดเสื้อโชว์พุงที่มีตัวเลข 7 5 3 ลักษณะคล้ายรูปปุ่มกดบนโทรศัพท์มือถือที่ปรากฏเพิ่มขึ้นมาทีละตัวๆ ในทุกๆ ครั้งที่มันทำความดี ซึ่งตัวมันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

.............................


ณ ใจกลางมะงุมะงิมหานคร
“พ่อไม่เข้าใจตุ้ม...พ่อไม่เข้าใจตุ้มมมมม !!”

น้องตุ้ม ดีดดิ้นสะบัดสะบิ้งกับ ลุงโหมก ผู้เป็นพ่อก่อนจะเดินตูดบิดกระแทกเท้าตึงๆ เข้าห้องและปิดประตูดังปัง !! สร้างความงุนงงให้กับ “สมหวีด” ผู้เป็นแม่ยิ่งนัก

“ไอ้ตุ้มมันเป็นอะไรของมันพี่โหมก” มองตามลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแล้วหันมาหาคำตอบเอากับผู้เป็นสามี
“ก็เป็นกระเทยไงเล่า เฮ้อ !!” ลุงโหมก ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะนั่งลงที่แคร่หน้าบ้านส่ายหน้ากับลูกชายอย่างเอือมระอา อันที่จริงต้องเรียกว่าลูกสาวจึงจะถูก เพราะเด็กชายตุ้มไม่ได้ภูมิใจในความเป็นชายมานานแล้วและนับวันจะยิ่งหนักข้อยิ่งขึ้น

ลุงโหมก เป็นเจ้าของค่ายมวยชื่อดังในมะงุมะงิมหานครแห่งนี้ ด้วยความที่อยากให้เจ้าตุ้มผู้เป็นลูกชายแต่เพียงผู้เดียวนั้นสืบทอดกิจการค่ายมวยที่แกรักยิ่งชีพ แกจึงเคี่ยวเข็ญให้เจ้าตุ้มเป็นนักมวยให้ได้ ถึงเจ้าตุ้มจะไม่ค่อยเต็มใจนักแต่ก็ไม่อยากจะขัดใจพ่อ จึงฝึกมวยและขึ้นเวทีชกตามคำสั่งของพ่อเสมอมา แต่บางครั้งเขาก็อยากทำอะไรตามใจตัวเองบ้าง


เช่น..เมื่อวานนี้.....

“ต่อไปเป็นนักมวยคู่เอกของรายการประจำวันนี้”
ผู้ประกาศประจำสนามมวยประกาศก้องถึงคู่ชกที่กำลังจะมาสร้างความมันและความสนุกสนานให้กับผู้ชม
“ฝ่ายแดง เป็นนักชกฝีมือดีชกมาห้าสิบครั้งไม่เคยแพ้ใคร เขาคือ ยอดชายน้อย ส. สิงคะนองนา” ผู้ชมรอบเวทีปรบมือกันเกรียว นักชกรูปหล่อผู้นี้เป็นขวัญใจแฟนๆ โดยเฉพาะสาวแก่แม่หม้าย เพราะเขานั้นหล่อล่ำ พวงแขนกล้ามเป็นมัดๆ แหมน่าจะกัดแขนเล่นเบาๆ อยากกระซิบเบียดกายกระแซะแล้ววางมือแหมะไว้บนหัวเข่า

“สู้เขานะ พ่อรูปหล่อ กรี๊ดๆๆๆๆ” เสียงแฟนมวยเชียร์กันใหญ่
“และฝ่ายน้ำเงินของเราในวันนี้ ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าของค่ายมวยชื่อดัง ชกมาแล้วห้าสิบกว่าครั้งไม่เคยแพ้ใครเช่นกัน ตุ้มเม้ง ส.โหมกศักดิ์” เสียงปรบมือเกรียวกราวเช่นกันโดยเฉพาะแฟนมวยหนุ่มๆ เป็นอันรู้กันดีว่า ตุ้มเม้ง ส.โหมกศักดิ์นั้นเป็นกระเทยที่มาเอาดีทางชกมวย ซึ่งก็ทำได้ดีเสียด้วย


แก๊งงงงง !!
“เอาละครับไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลง” สิ้นเสียงระฆังนักมวยทั้งสองก็เดินเข้าหากันอย่างไม่มีใครเกรงกลัวศักดิ์ศรีของใครทั้งนั้น” ผู้บรรยายก็บรรยายไปเรื่อยเพื่อให้มวยน่าสนุก

“ฝ่ายแดงเป็นฝ่ายเปิดหมัดเข้าหาก่อน ฝ่ายน้ำเงินหลบฉากไปได้ ไม่ธรรมดาจริงๆ ครับคู่นี้ เป็นคู่เอกเสียด้วย ดังนั้นต้องชกให้สมศักดิ์ศรีละครับ น้ำเงินเตะซ้าย ฝ่ายแดงจับขาได้และทุ่มลงไปครับ ไม่เป็นไร..ยังลุกขึ้นมาได้สบายๆ แค่หยั่งเชิงคู่ต่อสู้เฉยๆ” ว่าไปเรื่อยจริงๆ

“วันนี้ถ้าสามารถชนะน๊อคเตะปลายคาง แกงปลาซิวมอบห้าพันบาท ต้องลองชมลองลุ้นกันละครับว่าจะมีใครได้ห้าพันบาทจากแกงปลาซิวรึเปล่าครับวันนี้ นักมวยทั้งสองยังจดๆ จ้องๆ กันอยู่ ฝ่ายน้ำเงินเป็นฝ่ายเดินเข้าหาแล้วครับ ตุ้มเม้ง ส.โหมกศักดิ์รอไม่ไหวไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วตายเป็นตายละครับ เดินเข้าหา เตะซ้าย ต่อยขวา เตะซ้าย ต่อยขวา ”

มวยทั้งคู่ผลัดกันรุกผลัดกันรับเรียกเสียงเชียร์จากแฟนมวยได้มากโข แต่ก็ยังไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำ จนกระทั่งนักมวยฝ่ายแดงกระหน่ำทั้งเตะทั้งต่อยบ้าง ทำให้ตุ้มเม้งมีอาการมึนๆ เขาถลาเข้าไปกอดคู่ต่อสู้ไว้เพื่อไม่ให้ออกหมัดได้สะดวก พลันสายตาดันไปสบตาคมเข้มในระยะประชิด สร้างความซาบซ่านรัญจวนใจขึ้นมากระทันหัน เขากอดคู่ต่อสู้เอาไว้แน่นจนหายใจแทบไม่ออก และเริ่มต้นสร้างความอับอายให้กับลุงโหมกผู้เป็นบิดาโดยการไซร้ซอกคอคู่ต่อสู้จนนักมวยฝ่ายแดงถึงกับต้องสะบัดตัวให้หลุดและวิ่งหนีไปรอบๆ เวที


แก๊งงงง !!!
ระฆังบอกหมดเวลายกแรก นักมวยต่างแยกกันเข้ามุมของตัวเอง ยอดชายน้อย ส. สิงห์คะนองนานั้นเหนื่อยหอบแฮ่กๆ เพราะต้องวิ่งหนีนักมวยกระเทยจอมหื่นอยู่ตลอดเวลา ส่วนตุ้มเม้งยังหายใจสบายที่เต้นตุบๆ มีเพียงหัวใจที่เต้นตามจังหวะของความรักเท่านั้น เขาทำตาเยิ้มส่งจูบข้ามมุมไปให้นักมวยฝ่ายแดงที่ทำหน้าตาผะอีดผะอม ซอกคอแดงเป็นจ้ำๆ

แก๊งงงง !!!
ยกที่สองเริ่มขึ้น ตุ้มเม้งเดินตรงเข้าหาคู่ต่อสู้อย่างหื่นกระหายและไร้รูปแบบของมวยใดๆ ทั้งสิ้น สร้างความงุนงงให้กับยอดชายน้อยยิ่งนัก และขณะที่ยอดชายน้อยกำลังยืนงงอยู่นั้น
ผวัะ !! ตุ้มเม้งสาวหมัดว่ายน้ำโดนใบหน้าของสมชายน้อยเต็มๆ จนฟันยางกระเด็นหลุดลอยไปกลางอากาศ ท่ามกลางความตกตะลึงของยอดชายน้อยและแฟนมวยทั้งสนาม ตุ้มเม้ง ส.โหมกศักดิ์คายฟันยางออกและตรงเข้าหาสมชายน้อย

จ๊วบบบบบบ...!!!!!!

อา....ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของลุงโหมก กำลังดูดปากคู่ต่อสู้อย่างเมามัน และอย่างแนบเนียนจนกรรมการไม่ทันสังเกตเพราะมัวแต่เกาอะไรสักอย่างอยู่ ยอดชายน้อย ส.สิงห์คะนองนาถึงกับเหงื่อแตกซิ่กๆ ตาเบิกโพลงให้กับความสยิวกิ้วที่มาแบบไม่ดูกาลเทศแบบนี้ มือสองข้างทุบอกผู้รุกล้ำอธิปไตยเปาะแปะๆ ประหนึ่งสาวน้อยที่เพิ่งโดตจูบครั้งแรกในชีวิตก็ไม่ปาน

“แยกๆๆ” กรรมการเตือนให้แยกเมื่อเห็นว่าทั้งคู่กอดกันนานเกินไปแล้ว

“ชก !!”

เมื่อรู้พิษสงของตุ้มเม้งแล้ว ยอดชายน้อยก็ต้องทำใจลำบาก ชกทำคะแนนได้เพียงระยะไกลเท่านั้น เข้าไปคลุกวงในไม่ได้เดี๋ยวโดนดูดปาก ทั้งคู่จดๆ จ้องๆ กันไปสักพักโดยมียอดชายน้อยเดินวนหนีตลอด และมีตุ้มเม้งที่ทำสีหน้าเย้ายวน แลบลิ้นแผล่บๆ อย่างหิวกระหาย ยอดชายน้อยถุยน้ำลายไปทั่วเวทีด้วยความสะอิดสะเอียน

“มัวทำอะไรของแกไอ้ตุ้ม ชกสิเว้ย” ลุงโหมกทนไม่ไหวที่มวยคู่เอกส่อแววว่าจะล่มเสียแล้ว
“ตายเป็นตายวะ” ยอดชายน้อย ส. สิงห์คะนองนา ตัดสินใจเด็ดขาดเดินเข้าหาหวังเผด็จศึกในครั้งเดียว เตะก้านคอมันโลดไอ้นักมวยกระเทยหื่น

“ว้ากกกกกก.!!!”
“ว้ากกกกกก !!!” ทั้งคู่พุ่งเข้าหากันด้วยความเร็วสูงแต่ต่างจุดประสงค์ ตุ้มเม้งนั้นกะจะเตะเบาๆ พอเป็นพิธีเท่านั้นที่เหลือกะจะเข้าไปหาความสุขเล็กๆ น้อยๆ พอหอมปากหอมคอ นานๆ จะมีคู่ต่อสู้ที่หล่อล่ำขนาดนี้


“ว้ากกกกกก !!!” พลั่ก !!!!
นักมวยทั้งคู่ล้มลงกลางเวทีพร้อมๆ กัน ยอดชายน้อยนอนน้ำลายฟูมปากแน่นิ่งไป เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับพี่น้อง ขณะที่ยอดชายน้อยปล่อยลำแข้งหมายก้านคอนั้น ขาอีกข้างดันลื่นน้ำลายของตัวเองที่ถุยเอาไว้ทั่วเวทีทำให้เสียหลักเล็กน้อย จังหวะเดียวกันนั้นตุ้มเม้งเองก็ลื่นน้ำลายเช่นกัน ลำแข้งที่กะจะเตะเบาๆ พอเป็นพิธีพลาดเป้าไปโดนปลายคางของสมชายน้อยเข้าอย่างจัง สภาพจึงเป็นเช่นนี้

“เอาละครับตอนนี้เกิดอะไรขึ้นครับคุณผู้ชม นักมวยทั้งสองล้มลงไปพร้อมๆ กันแล้วครับ ต้องลองดูครับว่าใครจะแข็งใจลุกขึ้นมาได้ก่อน เรามองไม่ทันจริงๆ ครับคุณผู้ชมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ได้ลุ้นครับนักมวยคู่นี้” ผู้ประกาศก็ว่าไปเรื่อยช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยว่านักมวยลื่นน้ำลายตัวเองล้ม


“โอ้วววว...ไม่นะ เค้าขอโทษ....!!!” เมื่อได้สติ ตุ้มเม้ง ส.โหมกศักดิ์ลุกขึ้นโผเข้าหายอดชายน้อยด้วยความเป็นห่วงและเสียใจ ไม่ตั้งใจจะเอาให้น๊อคขนาดนี้ซะหน่อย แฟนมวยเฮกันสนั่นหวั่นไหว ที่มีการน๊อคกันเร็วเกินคาดแบบนี้ มีเพียงผู้เดียวที่กำหมัดแน่นด้วยความเครียดจัดแบบพุ่งปรี๊ดพุ่งปรี๊ด นั่นคือลุงโหมกที่ดูอาการของลูกชายมาตลอด ไอ้นี่วอนซะแล้ว
“ไอ้ตุ้ม มานี่ !!” ลุงโหมกฉุดตุ้มเม้งลุกขึ้นจากการร้องไห้คร่ำครวญ และปล่อยหมัดของแชมป์มวยไทยเก่าหลายสมัยออกไปเต็มเหนี่ยว

พลั่กกกก !!!
ร่างของนักมวยแอ๊บแมนล้มทั้งยืน หลับกลางอากาศเพราะพิษหมัดของลุงโหมกผู้เป็นบิดา


“พี่โหมกก็ปล่อยๆ มันบ้างเถอะ สงสารลูกนะพี่” สมหวีด บอกกับสามีด้วยแววตาสมเพชระคนสงสาร เธอเองก็รู้มานานแล้วว่าแท้จริงแล้ว เจ้าตุ้มไม่ใช่ชายแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ และถ้าหากว่าเจ้าตุ้มมันไม่รักลุงโหมกผู้เป็นพ่อแล้วละก็มันคงจะไม่หันมาชกมวยตามคำสั่งของพ่อจนเป็นแชมป์หลายเวทีขนาดนี้
“ปล่อยมันเถอะนะพี่..” เธอบีบมือของสามีเบาๆ ด้วยสายตาวิงวอนบางทีอาจเกินเวลาที่จะเรียกความเป็นชายของเจ้าตุ้มให้กลับคืนมาดังเดิมแล้ว ลุงโหมกนั่งกุมขมับ บัดนี้แชมป์เก่าหลายเวทีอย่างเขาต้องกลายเป็น “โหมกศักดิ์ ส. กลุ้มจิต” ไปแล้ว
“เฮ้อ.....”


มาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กชายตุ้มจึงทำให้เขาต้องเป็นอย่างเช่นทุกวันนี้ เมื่อครั้งยังเด็กนั้น เจ้าตุ้มก็เป็นเด็กผู้ชายธรรมดา ถึงจะชอบเล่นกับเพื่อนผู้หญิงแต่นั่นก็เป็นเพราะเขาไม่ใช่เด็กผู้ชายที่ชอบเล่นซุกซนเหมือนเพื่อนผู้ชายทั่วไป เขาออกจะเป็นเด็กเรียบร้อยและนิสัยดี
“อ๊ะๆ นั่นแน่ะ มาทำสวีทหวานแหววกันอยู่นี่เอง ไอ้ตุ้ม”

บิ๊กเอ็ม ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ ผู้ใหญ่หาญ จอมอิทธิพลของหมู่บ้าน เป็นเด็กโจ๋ที่แอบปิ๊ง น้องหงืบ เพื่อนสาวของเด็กชายตุ้ม และมันช่างสร้างความมะหงุดมะหงิดหัวใจให้กับบิ๊กเอ็มเหลือเกินในทุกๆ ครั้งที่เห็นเจ้าตุ้มมาใกล้ชิดสนิทสนมกับน้องหงืบหวานใจของมัน และวันนี้มันมาพร้อมสมุนคู่ใจอีกสี่คน


“ปั๊ดถิโถๆๆ มิน่าล่ะหมู่นี้ไม่ค่อยเห็นหวานใจของบิ๊กเอ็มเลย ที่แท้มามั่วอยู่กับไอ้ตุ้มนี่เอง” พูดอย่างยั่วโมโห บ๊ะ....หญิงนี้ที่หมายปองนี่นา เจ้าบิ๊กเอ็มหันไปสบตาลูกน้องทั้งสี่อย่างมีเลศนัย
“เฮ๊ย !! จัดการมัน ใครแต้มเยอะมีรางวัลเว้ย” พูดจบก็เต้นย่อกๆ แย่กๆ ต่อยมวยลมๆแล้งๆ ประมาณว่าเขาทรายกำลังขึ้นสังเวียน บ้ารึเปล่า?

ป้าบ!! โอ๊ย!! เจ้าตุ้มร้องลั่นไม่เจ็บเท่าไหร่ แต่ตกใจ ก็ไอ้พวกนี้มันดันยิงหนังสติ๊กด้วยลูกมะเขือเทศ โดนเสื้อนักเรียนเลอะหมดเลย
“เฮ้ย...ทำไมทำยังงี้ว้า” ถามเบาๆ อย่างสุภาพๆ กลัวมันซ้ำ
“อ๊ะแน่ะไม่รู้ตัวอีก ถามมาได้ว่าทำทำไม พวกเราจัดการมัน จนกว่ามันจะสำมะนึ๊ก”
“ได้ครับ ลูกเพ่”


ตุ๊บตั๊บๆๆ ผว๊ะ เพี้ยะ ...... โอ๊ย!!
ห่ากระสุนมะเขือเทศโดนเด็กชายตุ้มจนเปียกโชกไปหมดทั้งตัว
“ฮ่าๆๆ สะใจเว้ย นี่คือบทเรียนสำหรับคนที่บังอาจมายุ่งกับน้องหงืบของบิ๊กเอ็มเว้ย ไอ้ตุ้ม คนไม่มีค่าอย่างมึงอ่ะ อย่าสะเออะ มันต้องกูเว้ย ถึงจะคู่ควรกับน้องหงืบผู้แสนหวาน บิ๊กเอ็มหนุ่มรูปหล่อ ลูกชายผู้ใหญ่หาญนี่รูปหล่อ ร่ำรวยเก่งสุดๆ ในหมู่บ้านเว้ย ฮ่าๆๆ ก๊ากๆๆๆ ” มันหัวเราะอย่างสะใจด้วยคีย์สองชั้น เอ๊ะยังไง ( ก็หัวเราะแบบเสียงต่ำและเสียงสูงไง ฮ่าๆๆๆ ฮ๊าๆๆๆๆ แบบนี้ )

“นายพูดอะไรของนายเราไม่เห็นรู้เรื่อง” เจ้าตุ้มพยายามอธิบาย
“ตุ๊บ!!!!!” โดนที่หน้าผากเต็มๆ นี่ถ้าโดนลูกตาจะเป็นยังไงนะ พวกนี้เล่นอะไรเกินไปจริงๆ
“พอได้แล้ว!! เล่นอะไรไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย รังแกคนอ่อนแอกว่าแบบนี้เหรอเรียกว่าเก่ง” น้องหงืบชักจะทนไม่ไหวแล้ว แต่เสียงประท้วงของเธอเหมือนเป็นเสียงแมลงหวี่ไร้น้ำหนัก ฟังดูคิกขุ อาโนเนะเข้าไปใหญ่สำหรับพี่บิ๊กเอ็มรูปหล่อ
“ก๊ากกกกกกกกกกๆๆๆ นี่ไอ้ตุ้มต้องให้ผู้หญิงลุกขึ้นมาปกป้องว่ะ น่าขำ ก๊ากๆๆๆ เฮ้ย!! ไอ้ขี้แพ้ ว่าไงวะ แน่จริงก็รุมพวกกูเลย อุ๊ว๊ะ ฮ่าๆๆๆๆ อุ๊ว๊ะ ฮ่าๆๆๆ”


“เรา...เป็น...เพื่อน...กัน...นะ
อุ๊กกกกกกกกกกกกก!!!!!!!” เสียงสุดท้ายนี่ตาเหลือกเลย โดนพวงไข่เต็มๆ ทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น
“เกินไปแล้วนะพวกนี้ ฮึ่มๆ ” น้องหงืบกัดฟันกรอดๆ “ทำพ่อยังพอคบทำแฟนที่เคารพคบไม่ได้ อะฮึ่ยๆๆ” โดยเฉพาะตรงนั้น ถ้าเป็นหมันไปจะทำยังไง (อันนี้คนเขียนทะลึ่งเขียนเอง)

“ห๋า!! ตะกี้น้องหงืบว่าไงนะ ฟะ ฟะ ฟะ แฟนนนนน???? ฮึ่ม ไอ้ตุ้ม อย่าอยู่เลยมึง ว้ากกกกกกกกก” เจ้าบิ๊กเอ็มทะยานเข้าหาหวังทำร้ายเด็กชายตุ้มผู้อ่อนใสขั้นเด็ดขาด โทษฐานย่ำยีหัวใจทั้งสี่ห้องที่มอบให้น้องกับน้องหงืบแต่เพียงผู้เดียว



“ว้ากกกกกกกกกกกกกกก” สโลโมชั่น
“เอาจริงเหรอลูกพี่ อย่าเลยเดี๋ยวเหนื่อย ให้น้องจัดการเอง” ยังสโลโมชั่นอยู่ มันจะห่วงลูกพี่มันเกินไปแล้วพวกนี้
“ว้ากกกกกกกกกกกก ... พลั่ก!!!!” กึ๋ยยยย...ลื่นเศษมะเขือเทศของตัวเองล้มกลิ้งโค่โร่
“อึ้ยยยยยยยยย.....แค้นเว้ยยยยยย พวกเรา เหยียบมันให้จมดินไปเลย!!” เจ็บใจหกล้มเสียฟอร์ม
“ได้เลยกร๊าบ ลูกเพ่ ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก......พลั่กๆๆ ตุ่บๆๆ ผวัะๆๆ”


“แค้นนัก ไอ้ตุ้ม...ฮึ่ม น้องหงืบทำไมทำกับพี่บิ๊กเอ็มแบบนี้”
เจ้าบิ๊กเอ็มยันตัวเองลุกขึ้นอย่างเคียดแค้นสุดๆ คงพอนึกภาพมุมเงยของผู้ร้ายที่โกรธสุดๆได้กันนะครับ
พลั่กกกก!! โอ๊ย!!! ร่างของใครคนหนึ่งกระเด็นมาตกที่แทบเท้า เจ้าบิ๊กเอ็มยกขาขึ้นและกระทืบแบบบดบี้ขยี้เท้าโดยไม่ต้องมอง เท่โคตร
“อ้ากกกกกกก ลูกพี่ ตี๋เองก๊าบบบ อั่กๆๆ กระอั่กๆๆ ลูกพี่ขยี้กล่องดวงใจตี๋ เห็นทีคงไม่มีใครสืบสกุลอีกแล้ว กระอั๊กๆๆ”
“อ้าว?? ไอ้ตี๋ โทษทีกูนึกว่าไอ้ตุ้ม”


พลั่ก!!! แอ่ก!!!
พลั่ก!!! แอ่ก!!!
พลั่ก!!! แอ่ก!!!
สามทหารเสือที่เหลือของเจ้าบิ๊กเอ็มกระเด็นไล่ตามมาติดๆ ใยเป็นเยี่ยงนี้ไปได้ อ๊ะ... น้องหงืบสาวน้อยสุดสวยกลายเป็นนักเตะทลายเจ้าโลกไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันถึงได้ซัดเจ้าพวกนี้กระเด็นกระดอนกลับมาแบบนี้

“หนอยยยยย ...น้องหงืบเป็นมวยก็ไม่บอกนะจ๊ะเนี่ย มามะ พี่บิ๊กเอ็มจะสอนให้รู้จักมวยไทย รู้จักป่ะ องค์บากน่ะองค์บากกกกกกกก” เจ้าบิ๊กเอ็มทำท่าเลียนแบบโทนี่ จา พร้อมพุ่งเข้าหาสาวน้อย หวังจะจับมาตีก้นเบาๆ เป็นการสั่งสอนที่บังอาจมาใช้ความรุนแรงกับผู้มีกำลังเหนือกว่า
“ว้ากกกกกกกกกกกกกก!!!! พลั่กกก!!”
โดนเตะก้านคอหลับกลางอากาศ เซไปคอค้ำกิ่งมะม่วงใกล้ๆ นั้น ยืนหลับห้อยต่องแต่งอยู่อย่างนั้นเอง ปั๊ดถิโถ นึกว่าจะแน่

“โอ๊ย!! เบาๆสิ เจ็บนะ”
เด็กชายตุ้มผู้บอบบางร้องครวญครางขณะน้องหงืบประคบน้ำแข็งกับใบหน้าที่บวมปูด เพราะโดนกระสุนมะเขือเทศเล่นงาน “โธ่ อดทนหน่อยสิ จะเจ็บแค่ไหนกันเป็นผู้ชายนะร้องอยู่ได้ เนี่ยดูซิทำไมปล่อยให้คนอื่นรังแกอยู่แบบนี้โดยไม่ตอบโต้อะไร ไม่เข้าใจจริงๆ” ประคบไปบ่นไปช่างไม่ได้ดั่งใจเลยผู้ชายคนนี้

“ไม่เป็นไรหรอก เพื่อนฝูงกัน ล้อกันเล่น ถึงบิ๊กเอ็มเขาจะเกเรแต่ก็แค่ตามประสา เราไม่ถือหรอกชินแล้ว”
“ไม่ได้นะ ต่อไปเธอจะมาให้ใครมารังแกแบบนี้ไม่ได้ เราจะสอนมวยให้เธอเอง” เธอทำสีหน้ามุ่งมั่น “ตายแน่ตู” เด็กชายตุ้มนึกในใจ แท้จริงแล้วน้องหงืบนั้นเป็นลูกสาวเจ้าของค่ายมวยเพื่อนรักของลุงโหมกผู้เป็นพ่อของเจ้าตุ้มนั่นเอง ถึงหน้าตาของเธอจะดูสวยหวานแต่พิษสงของเธอนั้นรอบตัวเลยทีเดียว เธอเคยบอกกับเขาว่า กุหลาบสวยก็ต้องมีหนามที่แหลมคมเป็นธรรมดา


“ยังเจ็บตรงไหนอีกมั้ยล่ะ” เธอถามอย่างเป็นห่วงด้วยแววตายิ้มขำๆ
“เอ่อ...ไม่แล้วละ” จะบอกว่าเจ็บได้ยังไงเล่า เดี๋ยวก็โดนเธอจับประคบน้ำแข็ง คงเย็นแย่เลย
“แน่นะ?? เห็นลูกสุดท้ายโดนซะทรุดฮวบขนาดนั้น ฮิๆๆ” ยังจะมาหัวเราะชอบใจ
“แล้วทำไมไม่ปล่อยให้มันฆ่าฉันซะก่อนล่ะ ค่อยคิดจะช่วยอ่ะ” แอบตัดพ้อเล็กๆ
“แหม ก็อยากรักษาภาพพจน์ของสาวน้อยอันสวยใสไร้มลพิษเอาไว้ก่อนนี่นา คิกๆๆ”
“โอ๊ย!! เบาๆ ซี่”


จากวันนั้นเด็กชายตุ้มก็ถูกเด็กหญิงหงืบบังคับให้ออกกำลังกายและซ้อมมวยด้วยกันทุกวัน อย่างน้อยก็เพื่อสุขภาพ เธอบอกกับเขาอย่างนั้น และจากการบอบช้ำของสภาไข่ในวันนั้นนั่นเองที่เป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่น้องตุ้มเป็นอยู่ทุกวันนี้



“ปล่อยลูกเถอะนะพี่โหมก” สมหวีดย้ำกับสามีอีกครั้ง
“เฮ้อ..เธอนี่ก็ตามใจจนมันเป็นแบบนี้แหละ”
ถอนหายใจอย่างระอา ก่อนส่ายหัวเดินหนีออกไปจากบ้าน

............................

“ช่วยด้วย..ช่วยด้วย....”
เสียงร้องขอความช่วยเหลือแว่วมาแต่ไกล เมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยอาชญากรรมไม่เว้นแต่ละวัน จี้ ปล้น ฉกชิงวิ่งราว เกิดขึ้นบ่อยๆ ประหนึ่งว่าพลเมืองเหล่านี้สะกดคำว่า “กฎหมาย” ไม่ถูกยังงั้นแหละ
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาผู้ซ่อนตัวอยู่ในเครื่องแบบของ “วนิพก” อ่า...อันที่จริงไม่ถึงกับจะต้องเรียกเครื่องแบบ แต่ด้วยความที่ใส่ซ้ำทุกวันจนใครๆ มองปุ๊บก็รู้ว่านี่คือวนิพก เอาน่า...ผ่านๆ เรื่องเครื่องแบบ ชายหนุ่มผู้นี้แท้จริงแล้วเขาคือซูเปอร์ฮีโร่สายพันธุ์เก่าแก่ “ซูเปอร์แหงน” ปลอมตัวมาเพื่อผดุงความยุติธรรมพิทักษ์มวลชนนั่นเอง

“ท้องฟ้าแดงฉาน เกิดเหตุนองเลือด อะเฮ่ย..” สงสัยจะดูหนังมากเกินไปจนนึกว่าตัวเองเป็นเลโกลัส พ่อหนุ่มมือธนูผมทองจากเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ เขาสลัดคราบของวนิพกยืนขึ้นอย่างสุดเท่โชว์เครื่องแบบซูเปอร์ฮีโร่ที่ทำจากผ้ายืดรัดติ้วสีน้ำเงินทั้งตัว ที่หน้าอกปักสัญลักษณ์เป็นรูปตัว “ ง.” ผ้าคลุมไหล่สีแดงโดนลมพัดโบกสะบัด และสวมกางเกงในแนบเนื้อสีแดงเอาไว้ข้างนอกและปักรูปหัวใจสีขาวอันแสดงถึงความรักอันบริสุทธิ์ที่มีต่อมวลชนเอาไว้ตรงเป้า ร่างกายกำยำล่ำบึ้ก ใบหน้าคมเข้มนั้นเชิดจนดูเหมือนแหงนหน้าอยู่ตลอดเวลา เขาเดินออกมาจากตู้โทรศัพท์ที่ใช้แปลงร่างอย่างขึงขัง

“โอ๊ย..!!!” รู้สึกได้ว่าเหยียบขาใครสักคน แต่เขาคือ ซูเปอร์แหงน ถ้าก้มลงมองมันจะผิดคอนเซ็ปต์ เขาใช้เท้าเขี่ยๆ ให้ขาใครสักคนนั้นหลีกไปให้พ้นทางก่อนจะพุ่งทะยานขึ้นสู่เบื้องบนด้วยความเร็วสูง และพุ่งตรงไปยังต้นเสียงที่ร้องขอความช่วยเหลือ

“อูยยยยย....ซี๊ดดดด....กูรู้แล้วว่าทำไมมึงชื่อซูเปอร์แหงน”


ผวะ!! เผียะ !! ตูม !! เอ้ช ๆๆ เสียงซูเปอร์ฮีโร่ต่อสู้กับเหล่าร้ายดังสนั่นหวั่นไหว เพียงผู้เดียวที่นำความอุ่นใจมาสู่พลเมืองแห่งมะงุมะงิมหานครแห่งนี้ได้ปฏิบัติการผดุงความยุติธรรมอีกครั้งแล้ว ไม่นานเขาพุ่งกลับมาเร็วปานสายฟ้าหอบทองหยองมามากมาย สีหน้าตื่นเต้นดีใจและดวงตาเป็นประกาย

“ฝากไว้หน่อย” แล้วก็พุ่งกลับไปยังที่เดิม ผวะ!! เผียะ !! ตูม !! เอ้ช ๆๆ และพุ่งกลับมาอีกครั้งเสื้อผ้าขาดวิ่น มีรอยเขียวช้ำและบวมปูดบริเวณรอบดวงตา
พรู้ดดดดด..... เขาบ้วนฟันหลายซี่ที่โดนเจ้าวายร้ายเลาะทิ้ง เปลือกตาเต้นระริกด้วยความเจ็บปวด

“ไปช่วยกันหน่อยเซ่...ลูกเพ่” เขากลับมาเพื่อร้องขอให้ใครสักไปช่วยหน่อย ตูไม่ไหวแล้ว เอ๊ะ...แล้วใครกันล่ะที่จะไปช่วยซูเปอร์ฮีโร่อย่างซูเปอร์แหงนได้ เขาผู้นั้นจะต้องมีฝืมือไม่เลวเลยทีเดียว


“เออ..ไปช่วยก็ได้ ทำอะไรไม่เคยจะสำเร็จ ต้องรบกวนพระเอกทุกที” ใช่แล้วละ เขาคือใครสักคนที่โดนเหยียบขาหน้าผ่านไปเมื่อสักครู่นั่นเอง “ขาหน้า???” ใช่แล้วขาหน้า เพราะเขาคือ “ตูบศรีมณีเด้ง” หมาตาบอดหนึ่งข้างท่าทางโรคจิต ชอบคิดว่าตัวเองเป็นมหาเทพมาเกิด และกำลังออกตามหาใครสักคน อ่า...อันที่จริงสองคน เพื่อปฏิบัติภารกิจอะไรสักอย่างที่ยังไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร คำสั่งจากเบื้องบนถูกซ่อนไว้ในที่สำคัญสุดๆ รอวันเปิดดูเมื่อถึงเวลา

หมาตัวเตี้ยขนเกรียนสีขาวสวมแว่นตาดำที่มีข้างเดียวเหมือนโจรสลัด กระโจนทะยานไปยังกลุ่มวายร้าย ยังผลให้พวกมันวิ่งหนีกันกระเจิง ด้วยสภาพที่สะบักสะบอม ไม่รู้ฤทธิ์ตูบศรีมณีเด้งเสียแล้ว หึหึหึ มันเดินกลับมาที่เดิมอย่างช้าๆ ทว่าสง่าผ่าเผย ยิ้มอย่างผู้มีชัย เศษกางเกงในลายลูกไม้สีชมพูยังติดฟันอยู่เลย อ้อ...ไปไล่งับเป้าเจ้าพวกวายร้ายมานี่เอง



หลังจากล่ำลาอภิมหาเทพบนสวรรค์เรียบร้อยแล้ว มหาเทพข้าวปุ้นก็ลงมาที่โลกมนุษย์เพื่อใช้กรรมที่ได้ทำผิดกฎเอาไว้ คิดแล้วยังเคืองไม่หายข้าวซอยเพื่อนรักไม่บอกกันสักคำว่าจะให้มาเกิดเป็นหมา แถมยังตาบอดหนึ่งข้างอีกต่างหาก นี่คือค่าตอบแทนของการช่วยชีวิตหมาตาบอดข้ามถนนในวันนั้น บางครั้ง..หลายสิ่งหลายอย่างก็สลับซับซ้อนเกินกว่าที่มนุษย์ธรรมดาจะเข้าใจได้ เมื่อชีวิตประสบปัญหาไม่ว่าจะหนักหรือเบามนุษย์ชอบวิงวอนขอร้องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยเหลือ เพราะเชื่อว่าด้วยบารมีของพวกท่านแล้วสามารถจะดลบันดาลให้เคราะห์กรรมหรือความลำบากยากแค้นที่ตนกำลังเผชิญนั้นหมดสิ้นไปได้อย่างไม่ยากเย็น แต่กรรมใดใครก่อผู้นั้นย่อมต้องเป็นผู้รับกรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มนุษย์ย่อมหลีกหนีจากผลของการกระทำในอดีตไม่ได้ แต่สิ่งที่มนุษย์จะเลือกทำนับจากนี้เพื่อวันนี้และอนาคตกาลจะได้ไม่ต้องตามมาใช้หนี้กรรมเก่าอย่างไม่มีวันจบสิ้นนั่นก็คือ ทยอยใช้กรรมเก่าและงดสร้างกรรมใหม่

กรณีของท่านมหาเทพข้าวปุ้นนั้น เป็นเพราะท่านไปช่วยรับกรรมให้กับหมาตาบอดจึงต้องโดนสวรรค์ลงโทษเช่นนี้ เรามักได้ยินคำว่า “เจ้ากรรมนายเวร” จากพระสงฆ์องค์เจ้า หรือหมอดูบ่อยๆ เขาเหล่านั้นจะต้องรบรากับ “เจ้ากรรมนายเวร” ของผู้ที่เขาได้ช่วยเหลือให้พ้นกรรมอยู่เสมออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่...สิ่งหนึ่งที่ควรยกย่องก็คือ “ความเสียสละ” ความยินดีที่จะใช้ความสามารถบางสิ่งบางอย่างที่พวกเขามีเพื่อช่วยปลดเปลื้องทุกข์ออกจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน


เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ ตูบศรีมณีเด้ง ผู้เป็นผู้เดียวที่สามารถจดจำอดีตได้ ได้ออกตามหาเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกสองคนซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าไปตกอยู่ทีไหน คงจะดีหากสวรรค์จะอนุญาตให้เขามีอิทธิฤทธิ์ดังเช่นมหาเทพได้ดังเดิม ไม่ได้ให้มีเพียงความทรงจำเหมือนดังเช่นที่เป็นอยู่ ใช่แล้วละ...ตอนนี้ท่านมหาเทพข้าวปุ้นมาอยู่ในร่างของหมาตาบอดหนึ่งข้างโดยไม่มีฤทธิ์อะไรเลย แต่สามารถจะติดต่อสื่อสารกับเทพเทวดาทั้งหลายได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องลำบากมากนักที่จะออกตามหาเทพทั้งสองให้พบ แต่นี่ก็ใช้เวลาไปยาวนานมากแล้ว

“ถึงเวลาที่เราจะต้องเดินทางต่อแล้วละ” ตูบศรีมณีเด้งบอกกับซูเปอร์แหงนที่กลับมาอยู่ในเครื่องแบบของวนิพกเหมือนเดิมแล้ว ภายใต้เสื้อผ้าอันซกมกนั้นซ่อนทองหยองเอาไว้มากมายสะท้อนแสงส่องประกายวาววับ นี่หรือคือผ้าขี้ริ้วห่อทอง

“โชคดีนะลูกเพ่ ส่วนลูกน้องจะอยู่ที่นี่เพื่อผดุงความยุติธรรมต่อไป” วนิพกบอกกับลูกพี่ด้วยสายมามาดมั่น ใส่สิ...ก็ผดุงซะทองหยองเต็มพกเต็มห่อขนาดนั้นมันก็น่าผดุงหรอกนะ แล้วตูบศรีมณีเด้งก็ออกเดินเพื่อตามหาเทพพุทโธโรล่าและเทพไข่เค็มต่อไป ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหน้าตาเป็นยังไง แต่..ข้าวซอยเพื่อนรักบอกมาอย่างนั้น


จ่อกกกก....จ่อกกกกก.... เวลาผ่านไปไร้ร่องรอย หิวก็หิว ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มานานแล้วตั้งแต่ไปเป็นมหาเทพ โลกใบเล็กๆ แต่การเดินทางด้วยเท้าเปล่าช่างแสนลำบากเสียนี่กระไร โดยเฉพาะเท้าเล็กๆ ที่ไม่มีรองเท้ามารองรับน้ำหนัก และป้องกันความสกปรก อีกทั้งความร้อนและความแหลมคมจากเศษหินก้อนเล็กๆ บนพื้นนั่นก็สร้างความรำคาญใจให้กับตูบศรีมณีเด้งได้ไม่น้อย

“โอย...เราหิวเหลือเกินท่านพระภูมิ มีอะไรให้รองร้องบ้างรึเปล่าขอรับ” ตูบศรีฯ ตะโกนถามท่านพระภูมิข้ามรั้วเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งที่ดูเหมือนของเซ่นไหว้จะเพียงพอสำหรับการแบ่งให้ผู้กำลังเดินทางสักเล็กน้อย
“เย้ย..!! หมาอะไรพูดได้วะนั่น นี่เราไม่ได้ฝันไปใช่รึเปล่า” ท่านพระภูมิรู้สึกงุนงงเล็กน้อยที่หมาตัวนี้กำลังพูดกับท่านจ้อยๆ

“เอ้า..ท่านพระภูมิ มองให้ดีๆ อีกทีซิขอรับท่าน” ตูบศรีเก๊กมาดอันเท่สุดๆ ยืนกอดอกเชิดหน้านิ่งเพื่อบอกท่านพระภูมิว่า ตูบฯไม่ใช่หมาธรรมดานะเฟ้ย ท่านพระภูมิเพิ่งพินิจพิจารณาเพียงชั่วครู่ก็ต้องเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ และหมอบคลานเข้ามาพนมมือไหว้ตูบศรีฯ ด้วยท่าทางนอบน้อม จะไม่ให้ทำเช่นนั้นได้อย่างไร เพราะด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีแล้ว เป็นเหมือนนายกรัฐมนตรีมาเยือนถึงเรือนผู้ใหญ่บ้านเลยทีเดียว


“จักเดินทางไปแห่งไหนรึขอรับท่านมหาเทพ” ท่านพระภูมิเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะดูจากสภาพของท่านมหาเทพตอนนี้แล้ว คำถามมากมายผุดบุกๆๆๆ ขึ้นมาในสมองของท่านพระภูมิ
“เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ตอนนี้ขอกินก่อนละขอรับท่าน” ท่านพระภูมิรีบจัดแจงสำรับมาถวาย
“เอ้า ตอนนี้เราอยู่ในร่างของเจ้าตูบศรีมณีเด้ง กินไม่สะดวกนักละท่านไม่มีถาดรึ” อยู่โลกมนุษย์มาพักใหญ่ๆ ทำให้คุ้นเคยกับการกินอาหารในถาดข้าวหมา

“โธ่ ท่านมหาเทพ กินยังงั้นมันจะไปได้รสชาติอะไรกันล่ะขอรับ เดี๋ยวข้าน้อยจะจัดการให้นะขอรับ” แล้วท่านพระภูมิก็เนรมิตชุดรับแขกทองคำสะท้อนแสงแดดยามเช้าเงาวับ โต๊ะอาหารสวยหรู เก้าอี้อย่างดี จีบผ้าไหมดิ้นทองสมเกียรติแขกผู้มาเยือนยิ่งนัก และที่ขาดไม่ได้ก็คือ ถาดข้าวหมาทองคำ เพราะท่านมหาเทพตอนนี้ไม่มีฤทธิ์ใดๆ นอกจากสามารถสื่อสารกับท่านได้เท่านั้น จึงไม่สามารถอิ่มทิพย์ได้ต้องใช้ปากจุ่มถาดอาหารเท่านั้นจึงจะกินได้


“รับน้ำอะไรดีขอรับท่านมหาเทพ ชา กาแฟ หรือโกโก้ ดีขอรับ” อาหารมื้อพิเศษมันก็ต้องมีเครื่องดื่มเย็นๆ จริงๆ อยู่ในฐานะที่ไม่ใช่มหาเทพตอนนี้ก็นึกอยากจะจิบเบียร์เย็นๆ สักแก้วคงจะดีไม่น้อย

“อ่า...เอาโกโก้ละกัน เย็นๆ นะท่าน” ไม่ยักกะสั่งเบียร์เย็นๆ แฮะ
“ได้เลยขอรับท่านมหาเทพ พระภูมิเจ้าที่ยินดีบริการอย่างยิ่งขอรับ โอมมมม..มะงึกมะหงือขยึกขยือ เพี้ยง” โกโก้เย็นๆ ก็ส่งถึงมือท่านมหาเทพ อ๊ะ ...มือไม่ได้สิเพราะตอนนี้ท่านมหาเทพมีขาหน้าไม่ใช่มือ
“อะ..วางไว้ตรงนี้นะขอรับท่านมหาเทพ หูบได้ตามสบายนะขอรับ” หูบ..ก็เหมือนสูบ คือการดูดอย่างเอร็ดอร่อยนั่นเอง ท่านมหาเทพสำราญกับมื้อเช้าเป็นพิเศษ โดยมีท่านพระภูมินั่งยิ้มพับเพียบอยู่บนพื้นหญ้า คอยปรนนิบัติ
“ท่านพระภูมิเคยได้ยินชื่อ “กรีนครีมทวีป” บ้างไหม มันไปทางไหนพอจะบอกเราได้หรือไม่ขอรับ” เมื่ออิ่มหนำสำราญท่านมหาเทพก็นึกถึงภารกิจขึ้นมาได้ อภิมหาเทพข้าวซอยเพื่อนรักบอกให้ไปยังกรีนครีมทวีปเพื่อปฏิบัติภารกิจ ซึ่งยังไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไรรู้แต่ว่าต้องตามหาใครอีกสองคนเพื่อเป็นเพื่อนร่วมทาง และหวังว่าจะได้พบสองคนนั้นในเร็วๆนี้ เพราะต้องทนอยู่ในสภาพเช่นนี้มานานเหลือเกินแล้ว


“กรีนครีมทวีป?” ท่านพระภูมิเกาศีรษะยิกๆ ไม่เคยคุ้นเลยชื่อนี้
“ไม่เคยได้ยินเลยนะขอรับท่านมหาเทพ เคยได้ยินแต่ชมพูทวีปขอรับ” บอกกับท่านมหาเทพไปแต่ก็ยังข้องใจไม่หายว่าไอ้ทวีปที่ว่านี้มันอยู่ทีไหน
“นั่นนะสิท่าน เราก็ยังไม่เคยได้ยินเหมือนกัน ฮ่ะๆๆ” พอท้องอิ่มอารมณ์สุนทรีย์ก็มาเยือนอีกครั้ง แต่...
“อุ๊ย..ผลไม้ติดฟัน” คิ้วขมวดเข้าหากันทำปากขยุกขยิกทั้งลิ้นก็ยังช่วยดุดดุนแต่ก็ไม่สำเร็จ .ใช้ไม้จิ้มฟันก็ไม่ได้เพราะนิ้วสั้นนิดเดียว


“ท่านมหาเทพอ้าปากซิขอรับ เดี๋ยวข้าน้อยจะจิ้มออกให้ขอรับ” ท่านพระภูมิอาสาด้วยความเต็มใจยิ่ง
“จะดีรึขอรับท่าน เกรงใจท่านเปล่าๆ นะ”
“ไม่เป็นไรขอรับท่าน ความสุขของท่านคือบริการของภูมิขอรับ” ท่านพระภูมิยืนยันหนักแน่น

“โอเคๆ งั้นรบกวนท่านหน่อยนะขอรับ อะ....แง่...................” ยื่นปากยาวไปหาท่านพระภูมิยิงฟันหน้าให้กับท่าน เผยอริมฝีปากออกให้มากที่สุดเพื่อการปฏิบัติหน้าที่อย่างสะดวกของท่านพระภูมิ
“อะ..เรียบร้อยแล้วขอรับท่านมหาเทพ ดีขึ้นไหมขอรับ” ผู้น้อยได้มีโอกาสปรนนิบัติผู้ใหญ่ถือว่าเป็นวาสนาแล้ว


“เฮ้อออ...วันนี้อากาศแจ่มใสดีนะขอรับท่านมหาเทพ ลมพัดกำลังดีเลยขอรับ” ลมพัดแผ่วพลิ้วนำความเย็นจากสวนหลังบ้านพัดผ่านมาทางนี้ เส้นผมน้อยนิดที่พยายามหวีปิดความเตียนโล่งบนศีรษะของท่านพระภูมิต้องเสียทรงเล็กน้อย ท่านรีบจัดทรงผมให้เข้าที่อย่างรวดเร็ว

“อะ...ลมแรงใช้ได้นะขอรับท่านพระภูมิ พัดต้นไม้ใบหญ้าซะเตียนโล่งเลย ฮ่ะๆๆ” ท่านมหาเทพกระเซ้าท่านพระภูมิเล่นๆ ด้วยรอยยิ้มอันเปี่ยมเมตตา
“ฮ่ะๆ ขี้เล่นเหมือนกันนะขอรับท่านมหาเทพ” ท่านพระภูมิตอบท่าทางเขินเล็กน้อย ปกติท่านปกปิดหัวล้านเอาไว้อย่างดีไม่ค่อยมีใครเห็นได้ง่ายๆ เลย และแรงลมได้พัดเอากระดาษวาดเขียนใบเล็กปลิวออกมาจากหลังบ้านด้วย คงเป็นกระดาษวาดเขียนของลูกชายคนเล็กเจ้าของบ้าน เด็กตัวเล็กๆ น่ารักจ้ำม่ำกำลังเรียนอยู่ชั้น ป.หนึ่ง


“นี่มันอะไรกันขอรับท่านพระภูมิ” ท่านมหาเทพใช้ขาหน้าตะครุบกระดาษนั้นไว้ และเพิ่งพินิจพิจารณา
“อ้อ...มันเป็นวงจรสีธรรมชาติน่ะขอรับ เป็นพื้นฐานทางศิลปะที่พวกมนุษย์เขากำหนดขึ้นน่ะขอรับ” ท่านพระภูมิอธิบายพลางมองดูสีต่างๆ บนวงกลมวงใหญ่ที่แบ่งออกเป็นช่องเล็กๆ กำหนดด้วยสีต่างๆ และ...
“เอ๊ะ...ข้าน้อยนึกออกแล้วขอรับท่านมหาเทพ” เงยหน้ามองท่านมหาเทพโชว์หนวดงามและสีหน้าตื่นเต้นยินดี

“คือยังงี้ขอรับท่านมหาเทพ ในวงจรสีธรรมชาติสีคู่ตรงข้ามกัน สีน้ำเงินตรงข้ามกับสีส้ม สีเหลืองตรงข้ามกับสีม่วง และสีเขียวตรงข้ามกับสีแดงขอรับ” พูดพลางชี้นิ้วให้ท่านมหาเทพดู ท่านมหาเทพพยักหน้าหงึกๆ
“แล้วไงขอรับท่าน”

“ก็ ท่านมหาเทพลองดูสีแดงกับสีเขียวนะขอรับ สีแดงเมื่อนำมาผสมสีขาวจะได้เป็นสีชมพู และสีเขียวเมื่อนำมาผสมสีขาวก็จะได้สีเขียวครีมขอรับ และนั่นน่าจะเป็นที่มาของคำว่า “กรีนครีม” ขอรับ”
“โอ้ ยอดเยี่ยมมากขอรับท่านพระภูมิ ดังนั้นทวีปกรีนครีม ก็ต้องอยู่ตรงข้ามกับชมพูทวีปใช่ไหมท่าน” ท่านมหาเทพถึงบางอ้อในสิ่งที่ท่านพระภูมิกำลังอธิบาย
“ใช่แล้วขอรับท่านมหาเทพ” ท่านพระภูมิยิ้มแก้มปริหนวดกระดิกยิกๆ ที่ได้ช่วยท่านมหาเทพคลายปริศนาที่ติดใจท่านมหาเทพมานานนมแล้ว อัจฉริยะจริงๆ ท่านพระภูมิกำมือแน่นด้วยความภาคภูมิใจ


“เอาละเห็นทีเราต้องขอลาท่านพระภูมิแล้วละ จะไปตามหากรีนครีมทวีปขอรับ ขอบคุณท่านพระภูมิมากเลยนะขอรับสำหรับมื้อเช้ามื้อนี้” ท่านมหาเทพเตรียมตัวอำลา แต่นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ถามไถ่ชื่อแซ่ของท่านพระภูมิผู้มีน้ำใจเลย

“ขอโปรดอภัยขอรับ คุยกันตั้งนาน เรายังไม่ทราบชื่อของท่านเลยขอรับ” ท่านมหาเทพกล่าว หากมีโอกาสจะได้ตอบแทนความมีน้ำใจของมหามิตรผู้มีน้ำใจบ้าง
“อ่า...แจ๊คกี้ ขอรับท่านมหาเทพ” ตอบด้วยความขวยเขิน แหม...ก็ชื่อทันสมัยขนาดนี้นี่นา
“โห..ชื่อนี้ท่านได้แต่ใดมาขอรับชื่อทันสมัยมาก” ทันสมัยจนท่านมหาเทพสงสัยว่าใครตั้งให้
“ก็ แม่ตานี บ้านใกล้ ๆ กันนี่แหละขอรับ คบหาดูใจกันอยู่ เธอชอบชื่อนี้ก็เลยต้องยอมน่ะขอรับ” นี่แหละหนอผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน ไม่เว้นแม้แต่พระภูมิเจ้าที่ ก็ยังยอมสิโรราบให้กับผู้หญิง ดังคำที่กล่าวว่า ชายชาตินักรบก็ต้องยอมแพ้แก่มารยาของอิสตรี

“เราจะจำท่านไว้ขอรับไว้วันหน้าค่อยพบกันใหม่นะขอรับ” ก่อนจากไปท่านมหาเทพได้อุทิศบุญให้กับท่านพระภูมิเป็นการตอบแทนสำหรับมื้อเช้า การอุทิศบุญสามารถทำได้ง่ายๆ โดยการกำหนดจิต หรือกล่าวด้วยปากเปล่าได้เลยโดยไม่ต้องใช้อิทธิฤทธิ์ความเป็นเทพหรือมหาเทพแต่ประการใด ข้าแต่พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ขอจงบันดาลบุญที่ข้าพเจ้าได้สร้างไว้ดีแล้วทั้งอดีตชาติและปัจจุบันให้ไปถึงท่านพระภูมิแจ๊คกี้ขอให้ท่านภาพภูมิมีความสุข อุดมไปด้วยเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มอาหารการกินมีทิพย์วิมานสวยงาม มีดวงตาเห็นธรรมและสำเร็จมรรคผลนิพพานในกาลอันใกล้นี้ด้วยเถิด สาธุ....

สิ้นเสียงประทานพรของท่านมหาเทพ ท่านพระภูมิก็รู้สึกอิ่มเอิบ อาภรณ์ของท่านเปลี่ยนเป็นชั้นที่สูงขึ้นเปล่งรัศมีแพรวพราว ที่พักอาศัยเปลี่ยนเป็นเรือนไม้สวยงามขัดพื้นเอาไว้เงาวับ อาหารการกินถูกจัดเรียงไว้สวยงาม ครอบฝาชีเอาไว้เรียบร้อย


“ขอบพระคุณในเมตตาของท่านมหาเทพอย่างยิ่งขอรับ” ท่านพระภูมิก้มลงกราบแทบขาหน้าของท่านมหาเทพ และตูบศรีมณีเด้งก็ออกเดินทางต่อไป




 

Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2552
0 comments
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2552 3:25:27 น.
Counter : 489 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


วงศ์วริศ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add วงศ์วริศ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.