ตอนที่แล้ว ค่ะ
อรุณสวัสดิ์สายหมอกเช้านี้สายหมอกลอยลงต่ำมาให้เราเห็นจากหน้าบ้าน ชวนให้เราคลานออกจากผ้าห่มแสนอุ่นออกมาสะบัดตัวขี้เกียจ แต่คงเป็นเพราะธรรมชาติที่เห็นเบื้องหน้า ตัวขี้เกียจเลยหนีหายหมด สายหมอกที่ค่อยๆเคลื่อนตัวผ่านยอดดอยตัดกับความเขียวขจีของ ต้นไม้ที่แลดูสดชื่นหลังจากที่ฝนโปรยปรายตลอดทั้งคืน
เสียงไก่ขันแทนนาฬิกาที่แสนน่ารำคาญปลุกให้ผู้คนที่นี้เตรียมพร้อมสำหรับวันใหม่คุณลุงชาวบ้านเดินขึ้นมาทักทาย เหมือนกับว่าเราไม่ใช่ต่างถิ่นจนเราต้องมองกลับไปว่า
หาก ณตอนนี้เป็นวันทำงาน ช่วงเวลาเร่งด่วนแบบนี้เราคงแทบเดินชนกันจนหลงลืมคำว่า "สวัสดี" ด้วยซ้ำ แต่ด้วยวันนี้เราไม่ได้รีบร้อนอะไรนัก จึงต่างคนต่างชมวิวกันได้เต็มที่ แต่มีบางคนไม่ตื่นซะที
ที่นี่มีอากาศธรรมชาติที่หนาวเย็นเหมือนกับที่เราเปิดแอร์เลยจะต่างกันตรงที่เราควบคุมความเย็นมันไม่ได้เลย อ่อ อากาศสดชื่นกว่าด้วย
ในบางครั้นเราอาจมีสิ่งอำนวยมากมายจนหลงลืมว่าธรรมชาติล้วนสร้างสรรมาให้เราแล้วทั้งนัั้นเพียงแต่วันเวลาและความเจริญเข้ามาแทนที่รวมถึงปัจจัยหลายๆอย่างทำให้การใช้ชีวิตเราต่างกันแต่เราสามารถที่จะปล่อยวางชีวิตให้เราได้พัก ได้กลับมาสู่อ้อมกอดของธรรมชาติบ้างว่าแล้วก้อขอสูดหายใจให้เต็มสักที ก่อนไปกินข้าวต้มหมูที่แฟนพี่นิคมจัดเตรียมไว้ให้พวกเรา ข้าวต้มร้อนๆ กาแฟหอมๆ เช้านี้บอกได้เลยว่าหลายๆคนต้องอิจฉาเราแน่ๆ^^
ก่อนกลับจากธรรมชาติที่พวกเราถ่ายภาพกันเป็นที่ระลึกกับขุนเขาและสายหมอก คราวหน้ามีโอกาศเรลจะกลับมาใหม่หาเวลากลับไปหาธรรมชาติกันบ้างนะคะ ตอนหน้า เราจะไปทานข้าวกลางวันกัน ที่ ม่อนแจ่ม ค่ะ