"อดทน+เข้มแข็ง" ท่ามกลางมรสุมกีฬาสี

จดหมายถึงคุณตาบนสวรรค์

คุณตาที่เคารพของหลาน ช่วงนี้หลานเศร้าใจนัก แม้จะเพียรพยายาม
วางอุเบกขา ทำใจให้นิ่งแล้วก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วหลานก็ยังทำใจ
ให้ยอมรับกับเหตุการณ์ที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้


ต้องยอมรับว่าวิทยายุทธ์ของหลานนั้นยังอ่อนด้อยนัก ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเป็น
เหตุการณ์ที่บางเบา เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของสงครามกลางเมืองที่อ้าง
ความรักชาติ รักสถาบัน รักสันติ สิทธิเสรีภาพ เป็นความชอบธรรม
ในการลุกขึ้นมาฆ่ากันเอง


เหตุการณ์เมื่อคืนเป็นอีกเครื่องยืนยันว่าสิ่งที่หลานคาดการณ์ไว้มันจะ
ต้องเกิดขึ้น...อาจเร็วเกินกว่าที่หลานจะตั้งหลัก ทำใจได้

เหตุผลในการรวมตัวกันบนถนนเพื่อแสดงพลังของกลุ่มต่างๆ ล้วน
คล้ายคลึงกัน คือ เรียกร้องสิทธิเสรีภาพ เรียกร้องประชาธิปไตย
ความชอบธรรม การแสดงออกบนถนน มองให้ลึกลงไปแต่ละกลุ่ม
ก็คล้ายๆ กัน คือ บอกว่าเป็นการชุมนุมโดยสันติ แต่แท้จริงแล้วก็ใช้
ความรุนแรงทางอารมณ์ ทางวาจา ทางความคิดที่มองว่าฝ่ายที่ไม่ใช่
พวกตนนั้น “โง่งม เบาปัญญา ต่ำต้อย ไร้อารยะ” ซึ่งสุดท้ายเมื่อควบคุม
ความโกรธ ความเกลียดในใจไม่ได้ ผีม็อบเข้าสิงก็พร้อมฟาดฟันกัน
ด้วยกำลัง


เปิดทีวีดูแล้วก็เศร้าใจนัก นี่คือคนไทยด้วยกันหรือเปล่า????
มองให้ลึกไปกว่านั้น ที่ฟาดฟันกัน ศัตรูของเขาคือ “คน” คือ “มนุษย์”
มีเลือดเนื้อ มีชีวิตเหมือนๆ กับตัวเองหรือไม่

















หลายคนอาจจะบอกว่า หลานกำลังหนีปัญหา แทนที่จะลุกขึ้นมาสู้กับ
“สิ่งที่คือปัญหา”

แต่สำหรับหลาน “สิ่งที่คือปัญหา” ไม่ใช่คน ที่อยู่บนถนน
การกำจัดคนด้วยการใช้กำลัง การสลายการชุมนุม การฆ่าแกนนำ???
ไม่ใช่ทางแก้ปัญหา เพราะมันจะ “ตายสิบ เกิดเป็นแสน” ยิ่งตียิ่งโต


หลานคนอาจจะบอกว่า หลานขี้ขลาด หวาดกลัวจึงหดหัวอยู่ในกะลาของ
ตัวเอง ไม่ออกมาสู่สนามรบ มาเรียกร้อง มาปกป้องสิทธิของตัวเอง
ทั้งที่ผ่านมาหลานการชุมนุมไม่ว่าของสีไหนก็ล้วนกระทบต่อการดำรงชีวิต
ที่ต้องวนเวียนกับจุดยุทธศาสตร์กลางกรุง กลางม็อบตลอดเวลา

วีรกรรมของม๊อบมากมายที่หลานไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรง
แกนนำม็อบหลายคนที่หลานรังเกียจ ไม่อยากอยู่รวมในสังคมด้วย

แต่หลานเลือกจะอยู่เงียบๆ นิ่งๆ พยายามทำใจให้สงบ
ตั้งสติไม่ให้ความโกรธ ความเกลียดครอบงำ
ปล่อยให้กระบวนการที่แต่ละฝ่าย "เดินหมาก" ดำเนินต่อไป


เพราะหลานยึดมั่นที่จะยืนอยู่ภายใต้หลัก “นิติรัฐ”
แม้หลานจะเจ็บปวดกับการบิดเบี้ยวกฎหมายเพื่อรับใช้ผู้มีอำนาจ
เพื่อสนองความต้องการโดยไม่คำนึงถึงความมั่นคงของกฎหมายก็ตาม
แต่ถ้าหลานเลือกจะละทิ้งบทบัญญัติของกฎหมาย

หลานก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ออกมาเรียกร้องสิทธิของตัวเอง
โดยสร้างความปั่นป่วนให้กับประเทศชาติ
และละเมิดสิทธิเสรีภาพของคนอื่นๆ ซึ่งเท่ากับซ้ำเติมประเทศชาติ


และหากทำแบบนั้นหลานคงเสียชาติเกิด
เพราะหลานถูกปลูกฝังมาเสมอว่า

เสรีภาพทางความคิด และสิทธิการแสดงออก ความคิดการกระทำจะแรง
แค่ไหนก็ได้ ตราบเท่าที่ยังเคารพในความเป็นคน ความเป็นมนุษย์ของ
ตนเองและผู้อื่น


“ที่สำคัญหากจะต้องลุกขึ้นมาฟาดฟันกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็น “คนไทย”
เหมือนกัน จงคิดให้หนัก ทบทวนให้ถี่ถ้วน เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้น
เจ้าจักไม่มีปัญญารับผิดชอบ”



แรกๆ เมื่อหลานเห็นภาพการตีกันเองของคนไทย จึงยากจะทำใจยอมรับ
เพราะมองข้ามไปถึงอนาคตว่า แม้ฝ่ายไหนจะชนะก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
ปัญหาก็ยังคงอยู่ การนองเลือดก็จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ


แต่เมื่อวันก่อน หลานได้ฟังอนุกรรมาธิการทหาร เล่าให้ฟังถึงมุมมองพี่น้อง
ชาว 3 จังหวัดชายแดนใต้บางคนเกี่ยวกับเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. 53
โดยบอกว่า


“คนกรุงเทพไม่เคยเชื่อหรอกว่า คนในพื้นนี้ต้องถูกกดขี่ ได้รับการปฏิบัติ
แบบ 2 มาตรฐาน ดูซิ พวกเราชาวบ้านไปชุมนุมหน้าที่ว่าการอำเภอตากใบ
ไม่ถึง 24 ชั่วโมง เราถูกปราบปราม ระหว่างการขนย้ายผู้ต้องหา มีคนตาย
ไป 80 กว่าคน แต่เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องในกรณีนี้ไม่มีใครผิดสักคน

แต่พอพวกเสื้อเหลืองไปยึดทำเนียบ 180 วัน ตำรวจที่เข้าไปจัดการสลาย
ถูกตัดสินว่าทำผิดวินัยร้ายแรง ต้องโทษกันทั่วหน้า แล้วนี่เมื่อวันเสาร์ที่
10 เมษา ชาวสยามด้วยกันเองออกมาเรียกร้องทางการเมือง
ยังถูกยิงถูกฆ่า แล้วชาวมลายูแบบเรา ก็คงเป็นเรื่องปกติแล้วที่ถูกทำ
แบบนี้ ตอนนี้คนกรุงเทพคงได้รู้สึกเสียที”




หลังจากสิ้นเสียงนี้ หลานรู้สึกนิ่งขึ้น...
ความทุกข์แบบนี้ ความเจ็บแค้นในจิตใจของคนในประเทศนี้มีมากแล้ว
และแทบไม่ได้ทำให้อะไรๆ ดีขึ้น

การคร่ำครวญก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเช่นกัน
ด้วยสติปัญญาที่อ่อนด้อยของหลาน ณ ยามนี้คงทำได้แค่ฝึกจิต
ตั้งสติให้มั่น ปรับใจเตรียมรับมือกับความทุกข์ที่จะเกิดจาก
ความเปลี่ยนแปลงให้ได้

เพราะคำติดปากคนไทยอย่าง “ไม่เป็นไรๆ” การให้อภัยแบบนี้
กำลังจะหายไปจากสังคมที่วนเวียนอยู่รอบตัวหลาน


แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...ชีวิตก็ยังต้องเดินต่อไป
ยิ่งต้องเดินท่ามกลางการฟาดฟัน ในสงครามกลางเมือง
ถ้าหน่วยเล็กๆ ในสังคมสามารถประคองสติไปได้
เราก็จะมีก้อน "สติ" ก้อนใหญ่ๆ เกิดขึ้นในสังคม



ขอบุญบารมีของคุณตา ดลบันดาลให้หลาน “อดทนและเข้มแข็ง”




 

Create Date : 22 เมษายน 2553
5 comments
Last Update : 22 เมษายน 2553 18:46:22 น.
Counter : 707 Pageviews.

 

ขออดทนและเข้มแข็งด้วยคนค่ะ...


บางสิ่งบางอย่างมากระทบอยู่ทั้งเรื่องงานและเรื่องอื่น ขอพระคุ้มครองคุณให้สุขภาพแข็งแรง น่ะค่ะ จะได้มีเรี่ยวแรงมาอดทนกันต่อ....สวัสดียามดึกค่ะ

 

โดย: aenew 22 เมษายน 2553 22:22:30 น.  

 

สงสารประเทศไทยอะ

ปัญหามันซับซ้อนมากมายจนไม่เห็นทางออก

อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดอะ

 

โดย: น้องผิง 26 เมษายน 2553 12:26:19 น.  

 

อ่านแล้วรู้สึกเศร้าใจค่ะ

ได้แต่ติดตามข่าวทางหน้าเวปต่าง ๆ รู้สึกว่าประเทศเรามีแผล ที่ทุกคนต้องช่วยกันเยียวยา

บอบช้ำกันมากพอแล้ว รอวันที่มันจะยุติและหาทางออกของตัวมันเองเหมือนกันค่ะ

ได้แต่มองดู และทำใจ บางทีดูมาก ๆ ก็ร้องไห้
เฮ้ออออ

..

แต่ยังไงก็แวะมาขอบคุณนะคะ ที่แวะไปให้กำลังใจ

ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมาก ๆ มีกำลังที่จะยืนอยู่ และสู้ต่อไปค่ะ

เข้มแข็งเหมือนกันนะคะ คนไทยรักกันค่ะ

 

โดย: BabyJoy 1 พฤษภาคม 2553 15:18:16 น.  

 

เห็นด้วยมากๆ เลย
ปล.คิดถึงความเห็นของคุณเสียงลมหนาวมากเลย ยังไงถ้าไม่รังเกียจขอแวะมาทักทายในนี้บ้างนะ

 

โดย: เด็กศิลป์ (Artiste ) 1 มิถุนายน 2553 15:44:20 น.  

 

ตามสะดวกเลยคุณ Artiste
ถ้าหน้าบล็อกไหนเปิดเสรีให้ทักทายกันได้ก็ตามสะดวก

แต่บางหน้าต้องขออภัยที่ไม่เปิดให้คอมเม้นท์ เนื่องจากมองว่า เป็นการนำเสนอบทความหรือเนื้อหาที่ป่วยการที่จะมาถกเถียงหรือหักล้างกัน

แต่ต้องการเสนอ "เพื่อทราบ" เท่านั้น (บางบทความ ท่านผู้เขียนก็ได้จากไปสู่สวรรค์แล้ว)

 

โดย: เสียงลมหนาว 3 มิถุนายน 2553 19:35:27 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


เสียงลมหนาว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




winter's voice
มุมมองของฤดูหนาวที่ยังคงอยู่
แม้อุณหภูมิจะเปลี่ยนไป

เช่นเดียวกับจิตใจคน
แม้วันเวลาจะเปลี่ยนแปลงไป
แต่แก่นแท้ในจิตใจจะยังเหมือนเดิม???


นี่จึงเป็นเหตุผลที่ฉันเลือกจะอยู่เงียบๆ ตรงนี้
ในบ้านของตัวเอง ไม่ใช่โลกสีฟ้าใบใหญ่อีกต่อไป
หลังจากนี้จะแบ่งปันอะไรคงจะอยู่ในบ้านหลังนี้
ใครอยากจะถามอะไรก็แปะไว้ก็แล้วกันนะ



ป.ล. โปรดทราบทุกอมยิ้มที่แวะเวียนมา
เป็นที่ซาบซึ้งใจยิ่งนัก แม้ไม่ได้เม้นท์ตอบ
แต่ก็แอบอมยิ้มอยู่เงียบๆเสมอ \(^O^)/



ป.ล. 2 ขออภัยที่ไม่เปิดเผยใบหน้า
เพราะอยากให้อ่านกันที่เนื้องาน
มิใช่เปลือกที่อาจจะบังเอิญได้พบเจอ




Update !!!

Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
22 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เสียงลมหนาว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.