เปิดบันทึก ′ดร.ป๋วย′...ใครเห็นแสงสว่างบ้างในอนาคต โปรดบอก ภาค2

@ การปลุกระดมมวลชน และกฎหมู่

12. ฝ่ายยานเกราะและสถานีวิทยุในเครือของยานเกราะก็ระดมปลุกปั่น
ให้ผู้ฟังเคียดแค้นนิสิตนักศึกษาประชาชน ที่ประท้วงอยู่ในธรรมศาสตร์
ตลอดเวลา โดยอ้างว่าจะทำลายล้างสถาบันพระมหากษัตริย์
โดยระดม
หน่วยกระทิงแดง นวพล และลูกเสือชาวบ้านให้กระทำการ2 อย่าง คือ
(1) ทำลายพวก “คอมมิวนิสต์” ที่อยู่ในธรรมศาสตร์ (2) ประท้วงรัฐบาล
ที่จัดตั้งรัฐบาลใหม่โดยไม่ให้นายสมัคร สุนทรเวช และนายสมบุญ ศิริธร
ได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

การทำลายพวก “คอมมิวนิสต์” ในธรรมศาสตร์นั้นได้ใช้ให้กระทิงแดง
และอันธพาล ใช้อาวุธยิงเข้าไปในธรรมศาสตร์ตั้งแต่เที่ยงคืนจนรุ่งขึ้น
ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม ฝ่ายทางธรรมศาสตร์ก็ได้ใช้อาวุธปีนยิงตอบโต้
เป็นครั้งคราว


13. การปลุกระดมของยานเกราะได้ผล ทางด้านรัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์
ปราโมช ได้เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นการด่วนในตอนดึกของ
วันอังคารที่ 5 ตุลาคม และได้มีมติให้นำตัวหัวหน้านักศึกษาและ
นายอภินันท์ ผู้แสดงละคอนแขวนคอมาสอบสวน

พอเช้าตรู่ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม นายสุธรรม เลขาธิการศูนย์กลางนิสิต
นักศึกษา พร้อมด้วยผู้นำนักศึกษาจำนวนหนึ่งกับนายอภินันท์นักแสดง
ละคอนแขวนคอ ได้ไปแสดงความบริสุทธิ์ใจที่บ้านนายกรัฐมนตรี
เผอิญนายกรัฐมนตรีออกจากบ้านไปทำเนียบเสียก่อน นายกรัฐมนตรี
จึงได้โทรศัพท์แจ้งให้อธิบดีกรมตำรวจคุมตัวนายสุธรรม นายอภินันท์
และพวกไปสอบสวน ผู้เขียนบันทึกในขณะนี้ยังไม่ทราบผลของการสอบสวนดังกล่าว


14. การบุกมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์โดยตำรวจ ตามคำสั่งของ
นายกรัฐมนตรีนั้น เป็นการกระทำของรัฐบาลโดยเอกเทศมิได้มีการหารือ
กับอธิการบดีเลย แม้ว่าในตอนดึกของวันอังคารที่ 5 ตุลาคม อธิการบดี
จะได้พูดโทรศัพท์กับ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีก็ตาม
นายกรัฐมนตรีมิได้แจ้ง ให้อธิการทราบว่ารัฐบาลจะเรียกตัวหัวหน้านิสิต
นักศึกษาหรือนายอภินันท์มาสอบสวน ถ้านายกรัฐมนตรีประสงค์เช่นนั้น
ก็มีวิธีที่จะเรียกตัวได้ ให้มาสอบสวนโดยสันติไม่ต้องใช้กำลังรุนแรงจน
ควบคุมมิได้ และจนเกินกว่าเหตุ


15. การโจมตีนักศึกษาประชาชนที่ธรรมศาสตร์ ซึ่งเริ่มตั้งแต่เที่ยงคืน
โดยมีการยิงเข้าไปในมหาวิทยาลัยจากภายนอกนั้น ได้ใช้กำลังตำรวจ
ล้อมมหาวิทยาลัยตั้งแต่ 03.00 น. และได้เริ่มยิงเข้าไปอย่างรุนแรงโดย
ตำรวจตั้งแต่เวลา 05.00 น ผู้ที่อยู่ในธรรมศาสตร์ขอให้ตำรวจหยุดชั่วคราว
เพื่อให้ผู้หญิงที่อยู่ในมหาวิทยาลัยได้มีโอกาสออกไป ตำรวจก็ไม่ฟัง


@ อาวุธในธรรมศาสตร์

16. ในการบุกธรรมศาสตร์นั้น วิทยุยานเกราะประโคมว่าภายในธรรมศาสตร์
มีอาวุธร้ายแรง เช่น ลูกระเบิด ปืนกลหนักและอาวุธร้ายแรงอื่นๆ ข้อนี้เป็น
การกล่าวหาโดยปราศจากความจริงตั้งแต่ 2517 มาแล้ว แต่เมื่อมีเหตุการณ์
ที่จะพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้แต่ละครั้ง เช่น เมื่อกระทิงแดงบุกในเดือนสิงหาคม
2518 หรือเมื่อตำรวจเข้าไปกวาดล้าง หลังจากการชุมนุมประท้วงจอมพล
ประภาส ก็มิได้มีหลักฐานประการใดว่าได้มีอาวุธสะสมไว้ในธรรมศาสตร์

ถึงคราวนี้ก็ดี สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำมาแสดงว่าเป็นอาวุธที่จับได้ใน
ธรรมศาสตร์ก็มีแต่ปืนยาวสองกระบอก ปืนพกและลูกระเบิด หาได้มี
อาวุธร้ายแรงขนาดปืนกลไม่ เป็นเรื่องที่สร้างข้อกล่าวหาจาก
อากาศธาตุทั้งสิ้น



ตั้งแต่ปลายปี 2517 เป็นต้นมา นักการเมือง และหัวหน้านักศึกษาบางคน
มีความจำเป็นต้องพกอาวุธไว้ป้องกันตัว เพราะหน่วยกระทิงแดง และตำรวจ
ทหาร ฆาตกรมักจะทำร้ายหัวหน้ากรรมกร หัวหน้าชาวนาชาวไร่ หัวหน้า
นักศึกษา และนักการเมืองอยู่เนืองๆ และการฆ่าบุคคลเหล่านี้ทางตำรวจ
ไม่เคยหาตัวคนร้ายได้ (ขณะเดียวกัน ถ้าตำรวจฆ่าตำรวจ หรือมีผู้
พยายามฆ่านักการเมืองฝ่ายรัฐบาล ตำรวจจับคนร้ายได้โดยไม่ชักช้า)

พูดไปแล้ว การมีอาวุธไว้ป้องกันตัว ในเมื่อรู้ว่าจะเสี่ยงต่ออันตรายก็มี
เหตุผลพอสมควร


ระหว่างคืนวันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม จนถึงเช้าวันพุธที่ 6 ตุลาคมนั้น
นักศึกษาและประชาชนที่เข้ามาชุมนุมในธรรมศาสตร์ มีโอกาสที่จะ
นำอาวุธเหล่านั้น เข้าไปในมหาวิทยาลัยตลอดเวลา น่าเสียดายที่
เจ้าหน้าที่ตำรวจมิได้ตั้งด่านสกัดค้นอาวุธทั้งทางด้านผู้ชุมนุมประท้วง
และฝ่ายกระทิงแดงเสียแต่ต้นมือ และเท่าที่ปรากฏเป็นข้อเท็จจริง
ตลอดมา ฝ่ายกระทิงแดงได้พกอาวุธร้ายในที่สาธารณะเนืองๆ
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่กล้าห้ามหรือตรวจค้น


ถึงกระนั้นก็ดี ผู้เขียนบันทึกนี้เห็นว่าการชุมนุมประท้วงทางการเมือง
ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็ตาม ต้องกระทำโดยสันติและปราศจากอาวุธ
ซึ่งเป็นการชุมนุมที่ชอบด้วยกฎหมาย และรับรองโดยรัฐธรรมนูญ


17. จากการ “สอบสวน” และ “สืบสวน” ของตำรวจและทางการ เท่าที่
ปรากฏในเวลาที่เขียนบันทึกนี้มีข้อกล่าวหาว่าในธรรมศาสตร์มีอุโมงค์อยู่
หลายแห่ง แต่เจ้าหน้าที่ก็มิได้แสดงภาพของอุโมงค์ให้ดูเป็นหลักฐาน
เป็นการปั้นน้ำเป็นตัวสร้างข่าวขึ้นแท้ๆ
คุณดำรง ชลวิจารณ์ อธิบดีกรม
โยธาธิการและประธานกรรมการสำรวจความเสียหายมหาวิทยาลัย
ธรรมศาสตร์ ชี้แจงเมื่อกลางเดือนตุลาคมว่า ไม่พบอุโมงค์ในธรรมศาสตร์
เลย และย้ำว่าไม่มี เป็นข่าวลือทั้งนั้น

อุทิศ นาคสวัสดิ์ กล่าวในโทรทัศน์ถึงห้องแอร์และส้วมที่อยู่บนเพดานตึก
คงจะหมายถึงชั้นบนสุดของตึกโดม ซึ่งก็ไม่มีอะไรเร้นลับประการใด และ
ใครเล่านอกจากอุทิศ นาคสวัสดิ์จะไปใช้ส้วมบนเพดานตึก นอกจากนั้น
อุทิศยังอุตส่าห์พูดว่า บรรดาผู้ที่ไปชุมนุมในธรรมศาสตร์นั้นใช้รองเท้าแตะ
เป็นจำนวนมากแสดงว่าเป็นผู้ก่อการร้าย เพราะผู้ก่อการร้ายใช้รองเท้าแตะ
ถ้าเป็นเช่นนี้คนในเมืองไทย 40 ล้านคน ซึ่งใช้รองเท้าแตะก็เป็นผู้ก่อการ
ร้ายหมด

ที่กล่าวถึงอุทิศ นาคสวัสดิ์นั้น เป็นตัวอย่างของโฆษกฝ่ายยานเกราะ
เพียงคนเดียวคนอื่นและข้อใส่ร้ายอย่างอื่นทำนองเดียวกันยังมีอีกมาก
ที่ใช้ความเท็จกล่าวหาปรปักษ์อย่างไม่มีความละอาย


@ กฎหมู่ทำลายประชาธิปไตย

18. ข้อเรียกร้องอีกข้อหนึ่งของยานเกราะและผู้ที่อยู่เบื้องหลังยานเกราะ
คือเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งนายสมัครและนายสมบุญเป็นรัฐมนตรี
มหาดไทยและให้ขับไล่รัฐมนตรี “ฝ่ายซ้าย” 3 คน ออก คือ นายสุรินทร์
มาศดิตถ์ นายชวน หลีกภัย และนายดำรง ลัทธพิพัฒน์

เรื่องนี้ยานเกราะเจ็บใจนักเพราะเมื่อ ม.ร.ว.เสนีย์ ลาออกในเดือนกันยายน
นั้น สถานีวิทยุยานเกราะได้ระดมจ้างและวานชาวบ้าน มาออกอากาศเป็น
เชิงว่าเป็นมติมหาชน คนที่จ้างและวานมาให้พูดนั้นพูดเกือบเป็นเสียงเดียว
กันว่าให้ ม.ร.ว.เสนีย์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป แต่ให้กำจัดรัฐมนตรีที่ชั่ว
และเลวออก การกลับกลายเป็นว่า ม.ร.ว.เสนีย์ นายกรัฐมนตรีกลับเอา
นายสมัคร และนายสมบุญ ออกไป เป็นเชิงว่านายสมัครและนายสมบุญ
ซึ่งเป็นพรรคพวกกันยานเกราะนั้นเป็นคนเลวไป


19. ยานเกราะระดมกำลังเรียกร้องให้ลูกเสือชาวบ้าน นวพล กระทิงแดง
และกลุ่มอื่น ๆ ในเครือ ชุมนุมกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อเรียกร้อง
เรื่องการจัดตั้งรัฐบาล การเรียกร้องกระทำตลอดคืนวันอังคารที่ 5 คาบเช้า
วันพุธที่ 6 แล้วก็สามารถระดมพลเพื่อการเรียกร้องจัดตั้งรัฐบาลใหม่ต่อไป
จนถึงเวลาบ่าย ม.ร.ว.เสนีย์จึงยอมจำนน และรับว่าจะคิดจัดตั้งรัฐบาลขึ้น
ใหม่ตามคำเรียกร้อง

ต่อมาอีกประมาณ 1 หรือ 2 ชั่วโมงก็มีการยึดอำนาจกระทำรัฐประหารขึ้นใน
เวลา 18 น.


20. เป็นที่น่าสังเกตว่า ตั้งแต่ 14 ตุลาคม 2516 เป็นต้นมาผู้ที่เป็นปรปักษ์
กับพลังนักศึกษา กรรมกรและชาวไร่ชาวนา พยายามกล่าวหาว่านักศึกษา
กรรมกรและชาวไร่ชาวนา “ใช้วิธีปลุกระดมมวลชน” และ “ใช้กฎหมู่บังคับ
กฎหมาย” การกระทำของยานเกราะ กระทิงแดง นวพล และลูกเสือชาว
บ้าน และกลุ่มต่าง ๆ นั้นเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ถ้าไม่ใช่วิธีปลุกระดมมวลชน
และไม่ใช่การใช้กฎหมู่บวกกับอาวุธมาทำลายกฎหมาย


เรื่องที่กล่าวมานี้มิใช่จะเริ่มเกิดขึ้นใน 2519 แต่เริ่มมาตั้งแต่ 2517
กระทิงแดงเป็นหน่วยที่ฝ่ายทหาร กอ.รมน.จัดตั้งขึ้นจากนักเรียนอาชีวะ
ซึ่งบางคนก็เรียนจบไปแล้ว บางคนก็เรียนไม่จบ บางคนก็ไม่เรียน กอ.รมน.
เป็นผู้จัดตั้งขึ้น เพื่อหักล้างพลังศึกษาตั้งแต่พวกเรากำลังร่างรัฐธรรมนูญอยู่

หนังสือพิมพ์ต่างประเทศลงข่าวอยู่เนืองๆ และระบุชื่อพันเอกสุตสาย หัสดิน
ว่าเป็นผู้สนับสนุนแต่ก็ไม่มีการปฏิเสธข่าว กอ.รมน.ไม่แต่เป็นผู้จัดตั้ง
เป็นผู้ฝึกอาวุธให้ นำอาวุธมาให้ใช้ และจ่ายเงินเลี้ยงดูให้จากเงินราชการ
ลับ และตั้งแต่กลางปี 2517 เป็นต้นมา หน่วยกระทิงแดงก็พกอาวุธปืน
และลูกระเบิดประเภทต่าง ๆ อย่างเปิดเผย ไม่มีตำรวจหรือทหารจะจับกุม
หรือห้ามปราม ไม่ว่าจะมีการประท้วงโดยสันติอย่างใดโดยนิสิตนักศึกษา
กระทิงแดงเป็นต้องใช้อาวุธขู่เข็ญเป็นการต่อต้านทุกครั้ง

นับตั้งแต่การประท้วงบทบัญญัติบางมาตราของรัฐธรรมนูญ ในปี 2517
การประท้วงฐานทัพอเมริกันใน 2517 – 2518 การบุกมหาวิทยาลัย
ธรรมศาสตร์ในเดือนสิงหาคม 2518 การประท้วงการกลับมาของจอมพล
ประภาส และจอมพลถนอม ตลอดมาแต่ละครั้งจะต้องมีผู้บาดเจ็บล้มตายเสมอ
แม้แต่ช่างภาพ หนังสือพิมพ์ที่พยายามถ่ายภาพกระทิงแดงพกอาวุธ
ก็ไม่วายถูกทำร้าย

ในการเลือกตั้งในเมษายน 2519 กระทิงแดงก็มีส่วนขู่เข็ญผู้สมัคร
รับเลือกตั้ง และในการโจมตีทำร้ายพรรคบางพรรคที่เขาเรียกกันว่า
ฝ่ายซ้าย


21. สมควรจะกล่าวถึง กอ.รมน. ในที่นี้ เพราะนอกจากจะเป็นผู้ชัก
กระทิงแดงให้ปฏิบัติการรุนแรงแล้ว ยังมีส่วนในการจัดตั้งกลุ่มและ
หน่วยอื่น ๆ เป็นประโยชน์แก่กลุ่มทหารด้วย เช่น นวพล
ทั้งนี้โดยใช้เงินงบประมาณแผ่นดินประเภทราชการลับตลอดเวลา


กอ.รมน. เดิมมีชื่อว่า บก.ปค. แปลว่ากองบัญชาการปราบคอมมิวนิสต์
ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น กอ.ปค. กองอำนวยการปราบคอมมิวนิสต์
ต่อมาเมื่อรัฐบาลมีนโยบายจะคบกับประเทศคอมมิวนิสต์ จึงเปลี่ยนชื่อ
เป็นกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ เป็นองค์กรที่
จอมพลประภาสตั้งขึ้น และเป็นมรดกตกทอดต่อมาถึงทุกวันนี้

ความสำเร็จของ กอ.รมน. วัดได้ดังนี้ เมื่อแรกตั้งประมาณ 10 ปีกว่ามาแล้ว
เงินงบประมาณสำหรับ บก.ปค.มีอยู่ประมาณ 13 ล้านบาท และเนื้อที่ใน
ประเทศไทยที่เป็นแหล่งคอมมิวนิสต์ ในการปฏิบัติงานของ บก.ปค.
มีอยู่ 3 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในปัจจุบันมี กอ.รมน.
มีงบประมาณกว่า 800 ล้านบาท และเนื้อที่ที่ประกาศเป็นแหล่ง
คอมมิวนิสต์มีอยู่เกือบทั่วราชอาณาจักรประมาณ 30 กว่าจังหวัด

การปราบคอมมิวนิสต์ของ กอ.รมน. เป็นวิธีลับ ที่ปราบคอมมิวนิสต์จริง
ก็คงมี แต่ที่ปราบคนที่ไม่ใช่คอมมิวนิสต์ก็มีมาก ตั้งแต่ก่อน 2516 มาแล้ว
เรื่องถังแดงที่พัทลุง เรื่องการรังแกชาวบ้านทุกหนทุกแห่งมีอยู่ตลอด แล้ว
ใส่ความว่าเป็นคอมมิวนิสต์ จึงทำให้ราษฎรเดือดร้อนทั่วไป และที่ทนความ
ทารุณโหดร้ายต่อไปไม่ได้ เข้าป่ากลายเป็นพวกคอมมิวนิสต์ไปก็มากมาย


รัฐสภาประชาธิปไตยในปี 2517-2518 และ 2519 ในเวลาพิจารณา
งบประมาณของ กอ.รมน.แต่ละปี ได้พยายามตัดงบประมาณออก
หรือถ้าไม่ตัดออกก็ให้ตั้งเป็นงบราชการเปิดเผย แทนที่จะเป็นงบราชการลับ
ได้ประสบความสำเร็จเพียงบางส่วน กอ.รมน. ยังสามารถใช้เงินเกือบร้อย
ล้านบาทแต่ละปีเป็นงบราชการลับ ทำการเป็นปรปักษ์ต่อระบบประชาธิปไตย
ตลอดมา


22. นวพล ถือกำเนิดจาก กอ.รมน. เช่นเดียวกับกระทิงแดง แต่เป็นหน่วย
สงครามจิตวิทยา ไม่ต้องใช้อาวุธเป็นเครื่องมือสำคัญ แต่ทำงานร่วมกับ
กระทิงแดง เป็นองค์กรที่พยายามรวบรวมคหบดี นายทุน ภิกษุที่ไม่ใคร่
อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงทางสังคมให้ร่วมกันต่อต้านพลังนิสิตนักศึกษา
และกรรมกร

วิธีการก็คือขู่ให้เกิดความหวาดกลัวว่าทรัพย์สมบัติต่าง ๆ ของตนนั้นจะ
สูญหายไปถ้ามีการเปลี่ยนแปลง แม้จะเป็นไปตามระบบประชาธิปไตย
เครื่องมือของนวพลคือ การประชุม การชุมนุม การเขียนบทความต่าง ๆ
นายวัฒนา เขียววิมล ซึ่งเป็นผู้จัดการนวพลเป็นผู้ที่พลเอกสายหยุด
ชักจูงมารับใช้ กอ.รมน. จากอเมริกา มีผู้ที่เคยหลงเข้าใจผิดว่า
นวพลจะสร้างสังคมใหม่ให้ดีขึ้นด้วยวิธีสหกรณ์ เช่น คุณสด กูรมะโรหิต
ต้องประสบความผิดหวังไป เพราะนวพลประกาศว่าจะสร้างสังคมใหม่

แต่แท้จริงต้องการสงวนสภาวะเดิมเพื่อประโยชน์ของนายทุนและขุนศึก
นั่นเอง


23. ลูกเสือชาวบ้าน ก่อตั้งขึ้นมาโดยแสดงวัตถุประสงค์ว่าจะไม่เกี่ยวข้อง
กับการเมือง แต่แท้จริงเป็นเครื่องมือทางการเมืองของกลุ่มนายทุนและ
ขุนศึก โดยเห็นได้จากการเลือกตั้งในเมษายน 2519 ลูกเสือชาวบ้านมี
ส่วนในการชักจูงให้สมาชิกและชาวบ้านทำการเลือกตั้งแบบลำเอียง

วิธีนี้เป็นวิธีที่อเมริกันเคยใช้อยู่ในเวียดนาม แต่ไม่สำเร็จ มาสำเร็จที่
เมืองไทย เพราะใช้ความเท็จเป็นเครื่องมือ ว่าเป็นการจัดตั้งเพื่อชาติ
ศาสนาและพระมหากษัตริย์ กระทรวงมหาดไทยมีส่วนสำคัญในการ
จัดตั้งลูกเสือชาวบ้านขึ้น และมักจะใช้คหบดีที่มั่งคั่งเป็นผู้ออกเงินเป็น
หัวหน้าลูกเสือ การชุมนุมทางการเมืองในวันที่ 6 ตุลาคมของลูกเสือ
ชาวบ้านเป็นหลักฐานอย่างชัด ในวัตถุประสงค์ของขบวนการนี้


24. นอกจากกระทิงแดง นวพล และลูกเสือชาวบ้าน ฝ่ายกอ.รมน.
และมหาดไทยยังใช้กลุ่มต่างๆ เรียกชื่อต่างๆ อีกหลายกลุ่ม
บางกลุ่มเป็นพวกกระทิงแดงหรือนวพลแอบแฝงมา เช่น ค้างคาวไทย
ชุมนุมแม่บ้าน ผู้พิทักษ์ชาติไทย เป็นต้น เครื่องมือการปฏิบัติงาน
ของกลุ่มเหล่านี้ได้แก่ บัตรสนเท่ห์ ใบปลิว โทรศัพท์ขู่เข็ญ เป็นต้น


25. ฆาตกรรมทางการเมืองได้เริ่มมาตั้งแต่ กลางปี 2517 โดยผู้แทน
ชาวไร่ชาวนาและกรรมกร ถูกลอบทำร้ายทีละคน สองคนต่อมาก็ถึง
นักศึกษา เช่น อมเรศ และนักการเมือง เช่น อาจารย์บุญสนอง บุณโยทยาน

แต่ละครั้งตำรวจไม่สามารถหาตัวคนร้ายได้ จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าตำรวจ
คงจะมีส่วนร่วมแน่ๆ เพราะถึงที่มีผู้ร้ายทำร้ายตำรวจ หรือนักการเมืองฝ่าย
ขวา ตำรวจจับได้โดยไม่ชักช้า


26. ในตอนที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ได้เริ่มมี
การครอบคลุมสื่อมวลชน คือหนังสือพิมพ์ วิทยุและโทรทัศน์ ทางวิทยุ
และโทรทัศน์นั้น พลตรีประมาณ อดิเรกสาร รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้า
พรรคชาติไทยเป็นผู้คุมอยู่ ผู้ที่พูดวิทยุและโทรทัศน์ได้ต้องเป็นพวกของ
ตน ถ้าไม่ใช่พวกไม่ยอมให้พูด และต้องโจมตีนักศึกษา กรรมกร
ชาวนา อาจารย์มหาวิทยาลัย

ขาประจำเรื่องนี้ได้แก่ ดุสิต ศิริวรรณ ประหยัด ศ.นาคะนาท
ธานินทร์ กรัยวิเชียร อุทิศ นาคสวัสดิ์ ทมยันตี อาคม มกรานนท์
พ.ท.อุทาร สนิทวงศ์ เป็นต้น

และการครอบคลุมเช่นนี้มีมาจนกระทั่งทุกวันนี้


27. นิสิตนักศึกษาส่วนใหญ่มีเจตนาบริสุทธิ์ ต้องการ
ประชาธิปไตย ต้องการช่วยเหลือผู้ยากจน แก้ไขความอยุติธรรมในสังคม
ฉะนั้นพลังนิสิตนักศึกษาจึงเป็นพลังที่สำคัญสำหรับประชาธิปไตย และข้อ
กล่าวหาว่านิสิตนักศึกษาทำลายชาตินั้น เป็นข้อกล่าวหาที่บิดเบือนป้ายสี
เพื่อทำลายพลังที่สำคัญนั้น

แต่ในสภาวการณ์ในปี 2518 – 19 ฝ่ายนิสิตนักศึกษาก็ไม่มีวิธีการผิดแผก
ไปจากตุลาคม 2516 เมื่อทำงานได้ผลใน 2516 นักการเมืองต่างๆ พากัน
ประจบนิสิตนักศึกษา อยากได้อะไรก็พยายามจัดหาให้ ถึงกับสนับสนุนให้
ออกไปตามชนบทเพื่อสอนประชาธิปไตย

ในโลกนี้ไม่มีที่ไหน ใครจะสอนประชาธิปไตยกันได้และนักศึกษาก็โอหัง
เมื่อออกไปตามชนบทก็สร้างศัตรูไว้โดยไปด่าเจ้าหน้าที่ คหบดี ชาวบ้าน
ต่างๆ

ต่อมานักศึกษาก็ยังคิดว่าพลังของตนนั้นมีพอที่จะต่อต้านองค์กรต่างๆ ใหม่ๆ
ของ กอ.รมน. มหาดไทย และนายทุนขุนศึก จับเรื่องต่างๆ ทุกเรื่องให้เป็น
เรื่องใหญ่ พร่ำเพรื่อจนประชาชนเกิดความเบื่อหน่าย


เช่น ชุมนุมกันทีไรก็ต้องมีการด่ารัฐบาล ไม่ว่ารัฐบาลไหน เรื่องการถอน
ทหารอเมริกันก็จัดชุมนุมอีก แม้ว่ารัฐบาลจะได้สัญญาว่าจะมีกำหนดถอน
ไปหมดแน่ การจัดนิทรรศการก็จัดแต่เฉพาะเป็นการโอ้อวดประเทศ
คอมมิวนิสต์ เป็นต้น ที่ที่นักศึกษาไม่มีความเกรงใจคือในมหาวิทยาลัย
ธรรมศาสตร์ ใช้มหาวิทยาลัยพร่ำเพรื่อจนเกินไป และทำให้มหาวิทยาลัย
ล่อแหลมต่ออันตรายแห่งเดียว แทนที่จะกระจายฐานของนักศึกษา
ให้แพร่หลายออกไป

ผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีเรื่องต้องขัดแย้งกับนักศึกษามากครั้ง
บ่อยที่สุด แต่ที่สำคัญที่สุดนั้นคือ ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแทนที่จะเปลี่ยน
วิธีการ ยังใช้วิธีการเดิม แทนที่จะปลูกนิยมในหมู่ประชาชน กลับนึกว่า
ประชาชนเข้าข้างตนอยู่เสมอ แทนที่จะบำรุงพลังให้กล้าแข็งขึ้น
กลับทำให้อ่อนแอลง




ต่อภาค 3



Create Date : 23 เมษายน 2553
Last Update : 23 เมษายน 2553 2:01:17 น. 0 comments
Counter : 277 Pageviews.

เสียงลมหนาว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




winter's voice
มุมมองของฤดูหนาวที่ยังคงอยู่
แม้อุณหภูมิจะเปลี่ยนไป

เช่นเดียวกับจิตใจคน
แม้วันเวลาจะเปลี่ยนแปลงไป
แต่แก่นแท้ในจิตใจจะยังเหมือนเดิม???


นี่จึงเป็นเหตุผลที่ฉันเลือกจะอยู่เงียบๆ ตรงนี้
ในบ้านของตัวเอง ไม่ใช่โลกสีฟ้าใบใหญ่อีกต่อไป
หลังจากนี้จะแบ่งปันอะไรคงจะอยู่ในบ้านหลังนี้
ใครอยากจะถามอะไรก็แปะไว้ก็แล้วกันนะ



ป.ล. โปรดทราบทุกอมยิ้มที่แวะเวียนมา
เป็นที่ซาบซึ้งใจยิ่งนัก แม้ไม่ได้เม้นท์ตอบ
แต่ก็แอบอมยิ้มอยู่เงียบๆเสมอ \(^O^)/



ป.ล. 2 ขออภัยที่ไม่เปิดเผยใบหน้า
เพราะอยากให้อ่านกันที่เนื้องาน
มิใช่เปลือกที่อาจจะบังเอิญได้พบเจอ




Update !!!

Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
23 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เสียงลมหนาว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.