ให้ดาวอยู่บนฟ้า....ให้ปลาอยู่ในน้ำ....ปล่อยให้ความรักเป็นเพียงแค่ฝัน...........
 
ตุลาคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
1 ตุลาคม 2552

เที่ยวละไม ไกลโลด โคโรราโด ฉากที่ 1 กับ 1 เดือนเต็มๆ ณ อเมริกา.....ฟลุ๊คมากมายที่ได้ไป

<font color='#9900FF'>สืบเนื่องจากอดีตแฟนไปอบรมที่อเมริกานานหลายเดือน ( 11 เดือน )
เราได้ตั๋วเครื่องบินไป-กลับฟรี จากบริษัทของอดีตแฟนออกให้

ตอนแรกเราซื้อตัวเอง โดยใช้ไมล์สะสมของอดีตแฟน
ที่มีแต้มมากพอที่จะซื้อตั๋วเครื่องบินไป-กลับอเมริกาได้
เนื่องจากอดีตแฟนของเราบินไป-กลับต่างประเทศ หลายรอบ

แต่พอหัวหน้าอดีตแฟนรู้เรื่อง
ว่าเราจะบินไปหาอดีตแฟนของเราที่...เมกาโน่น
เพราะต้องแจ้งบริษัทขอให้เราไปพักด้วย
และเราต้องมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง...มิฉะนั้นวีซ่าจะไม่ผ่าน

หัวหน้าอดีตแฟนก็เลยบอกให้เราเอาตั๋วไปคืน
แล้วมาเอาตั๋วที่บริษัทอดีตแฟนซื้อมาให้เราแทน
เราตื่นเต้นมาก เนื่องจากเราสื่อสารภาษาอังกฤษได้แย่มากกกกก
และต้องเดินทางไปคนเดียว

เราเริ่มเก็บของ.....เอาแต่เสื้อผ้าไปไม่กี่ชิ้น และขาตั้งกล้อง
ขออธิบายหน่อย ก็เพราะไอ้ขาตั้งกล้องเนี่ยทำให้เรามีน้ำโห
เพราะอะไร....เพราะอดีตแฟนเราเพิ่งจะส่งกลับมาจากเมกาได้ไม่กี่วัน
ให้เราแบกกลับไปเมกาอีก ส่งมากับตู้คอนเทนเนอร์
ที่บริษัทจัดหาให้เฉพาะพนักงานที่ไปอยู่หลายเดือน

ซึ่งเค้าซื้อของเยอะแยะมากมาย เช่น จักรยาน 2 คัน
กระติกขนาดใหญ่ อันนี้ไม่เสียใจเพราะเมืองไทยราคา 7,000 บาท
เต๊นท์ค้างแรม 2-3 หลัง
เก้าอี้สนาม เอ้า...เรียกว่าอุปกรณ์แค้มปิ้งครบชุดดีกว่า
และข้าวของเครื่องใช้ ของกิน และของฝากมายมาย
หม้อรามชามไห ก็ยังซื้อมา 555

ที่พูดมาเนี่ยคือของที่แพ็คมากับตู้คอนเทนเนอร์ครั้งที่ 1

ยัง...ยังไม่หมดแค่นั้น ยังมีตู้ที่ 2 อีก...อ่านต่อไป

ณ วันเดินทาง...เราตื่นตั้งแต่ตีสอง
เพื่อไปดอนเมือง ต้อง check-in ก่อน 6 โมงเช้า

รอคิว check-in นานมาก เนื่องจากผู้โดยสารเยอะ
เพราะใกล้สิ้นปี และเป็นช่วง thank giving ของเมกา
นักท่องเที่ยวพากันเดินทางกลับบ้านเพื่อสังสรรค์กับญาติสนิท มิตรสหาย

เมื่อถึงคิวเราตรวจเอกสาร
เรายื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่ถามเราว่าเคยเดินทางคนเดียวหรือเปล่า

เราบอก...ไม่เคยค่ะ เจ้าหน้าที่ก็เลยพาเราไปถ่ายรูป
และบอกเราว่า ที่ถ่ายไว้เพราะหากคุณหายไป จะได้มีรูปถ่ายไว้ตามหา
ซึ่งเราก็ขออย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย.....สาธุ

เมื่อตรวจเอกสารเป็นที่เรียบร้อย
เราก็เข้านั่งรอข้างในส่วนที่จัดไว้สำหรับรอขึ้นเครื่อง

เมื่อเครื่องบินจอดเทียบชานชาลา
เจ้าหน้าที่เรียกให้ทุกคนเข้าแถว โดยเรียงตามชั้น
โดยเริ่มจาก first class ก่อนและ ชั้นธุรกิจตามด้วยชั้นประหยัดอย่างเรา

เมื่อถึงคิวชั้นประหยัดอย่างเรา
เรารีบเข้าคิวก่อน อันนี้บอกไว้เผื่อใครไป
เพราะไม่งั้น.....จะไม่มีที่บนศรีษะให้เราใส่ของ

เพราะหนึ่งคนอาจมีของหลายชิ้น
สัมพาระเราอาจต้องไปใส่ช่องอื่นที่ไกลจากเรา
ทีนี้ผู้โดยสารคนอื่นๆก็จะเดินเข้ามาเรื่อยๆ
เกิดการจราจรแออัด เสียดสีกันโดยตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ อันนี้ชอบบบ 555

เมื่อจัดการหาที่นั่งให้ตัวเองได้เรียบร้อยแล้ว
นึกออกมะชั้นประหยัดแถวริมนั่ง 3 คน กลาง 5 คน
เราจองแถวริมติดหน้าต่าง

เนื่องจากเราได้บอกทางบริษัทของอดีตแฟน
ว่าให้หาที่นั่งติดหน้าต่างให้เราด้วย เราอยากชมวิวบนที่ที่สูงกว่าใครๆ

เก้าอี่ที่เรานั่ง นั่งเต็ม 3 คนเลย อึดอัดมาก
เพราะมีผู้ชายคนอินเดียหรือปากีไม่รู้มานั่งคั่นกลาง
ระหว่างเรากับบิ๊กมาม่า เหมือนพวกจาไมก้าผู้หญิงตัวใหญ่ๆ
ที่ชอบใส่เสื้อผ้าสีสดๆ อ่ะ
คนอินเดียหลังจากที่คิดว่าตัวเองเป็นแซนวิชแน่นอน
ก็เลยย้ายไปนั่งที่อื่น เข้าทางเราพอดี

ทีนี้เหลือเราสองคน เค้ายิ้มให้เรา เราก็ยิ้มให้เค้า ผูกมิตรไว้ก่อน 555
แต่กลัวมาก กลัวว่าเค้าจะหันมาสนทนากับเรา

สักพักนึงเราคิดว่า เราควรจะนอนดีกว่าหลังจากที่มองไม่เห็นอะไรแล้ว
นอกจากชั้นบรรยากาศที่มีแต่สีขาว
เราพยายามมองหาเทวดา...นางฟ้า....จะมีจริงไหมน๊า
เผื่อเค้าจะมาทักเราบ้าง 555
แต่ถ้าเค้าทักสิ เราคงแย่ เพราะนั่นหมายถึงเครื่องบินคงตกไปแล้ว 555
เมื่อถึงเวลาเสริฟอาหาร
สายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลด์
พนักงานเข็นอาหารเข้ามาถามเราว่า...เราจะรับอะไร
เราจำได้ว่าอดีตแฟนเราบอกว่าเค้าจะมีแค่ เนื้อ ไก่ หมู
และน้ำถ้าไม่อยากพูดมากให้บอกว่า เป๊ปซี่ หรือ น้ำผลไม้

เราบอกพนักงานว่าเราเอา chicken-ไก่ เทอริยากิ แต่เราพูดเสียงเบา
บิ๊กมาม่าที่นั่งข้างๆเรา ก็เลยตอบให้แทนว่าเราเอาข้าวหน้าไก่เทอริยากิ
และเอาน้ำ เป็ปซี่ กินเสร็จ เรา...เรอเอิ้ก... ออกมาเรยยย น่าอายจัง 555
บิ๊กมาม่าหันมามองเราแล้วยิ้ม....แต่เราอายอ่ะดิ

เราขำอย่างนึงในความหูฝาดของตัวเอง
พนักงานถามเราว่าจะรับ กรีนที ไม๊
เราได้ยินว่า...ลิ้นจี่...อะไรนี่ มีน้ำลิ้นจี่ให้กินด้วยเหรอ 5555

จากนั้นเราหลับต่อเพื่อป้องกันการสนทนา...zzzzzzyyyyy

เมื่อถึงสนามบินนาริตะตอนบ่าย 3 โดยประมาณ
เราพยามดูบอร์ดที่บอกเวลาและหมายเลขเครื่อง
และเดินไปตาม gate ประตู ที่เขาบอก แต่ต้องหมั่นดู
เพราะเครื่องอาจมาช้า หรือมาเร็วก็เป็นได้

ถึงตอนนี้เราสบายๆ เพราะมีประสบการณ์แล้วนิดหน่อย 555
แต่อากาศหนาวนะที่นาริตะ เพราะช่วงเดือนตุลาคม
เป็นหน้าหนาวพอดีเลย

ต่อจากนั้นเราบินจากนาริตะไปซีแอดเทิ่ล ผ่านกลางคืนและมหาสมุทรมั๊ง
ไม่รู้สิ มองไม่เห็นอ่ะ 555

ถึงซีแอดเทิ่ลประมาณ 9 โมงเช้า
ที่ซีแอดเทิ่ลนี่แหละทำให้เรามีปัญหา
หลังจากลงจากเครื่องแล้ว
เค้าแจกเอกสารให้ 1 ใบ

คือการให้โดยสารรถไฟฟ้าไปยังสถานีที่จะต่อไปยังห้องโดยสารไป denver
เรา...งง...มากเลย ในใบนั้นบอกให้ไปขึ้นสถานีนั้นต่อไปสถานีนี้
แล้วขึ้นสถานีนี้ไป นี่ โน่น นั่น เยอะไปหมด

เราไม่เข้าใจ เราเลยถือใบนี้เดินไปที่เจ้าหน้าที่แถวนั้น
แล้วบอกเค้าว่า ไอ แคน น๊อต อันเดอร์สแตน ฉันไม่เข้าใจอ่ะ
เค้าถามว่าเรามาจากไหน เราบอก...ไทยแลนด์

เค้าหัวเราะใหญ่เลย..และบอกเราว่า
เมืองไทยผลไม้เยอะมาก อร่อยด้วย
คุณมีผลไม้มามั๊ยเราก็...yes yes และ no no ไปตามเรื่อง

จากนั้นเค้าก็หาผู้โดยสารที่จะไป denver เหมือนเรา
เจอสองแม่ลูก ฝากให้เราไปกับสองแม่ลูกผู้มีพระคุณ
ระหว่างที่ติดสอยห้อยตามเค้าไป
เค้าหันมามองเราตลอด กลัวเราหายมั๊ง 555

เค้าถามเราว่ามาจากไหน
เราตอบ...ไทยแลนด์ เหมือนเค้าไม่ค่อยรู้จัก

จากนั้น เราขอจบการสนทนาดีกว่า เดี๋ยวยากกกก

เค้าพาเราไปถึงที่หมายคือห้องผู้โดยสารที่รอเครื่องบิน
แล้วขอตัวแยกไป เราไม่ลืมที่จะขอบคุณเค้า thank very much

เราก็ไปเข้าห้องน้ำห้องท่า เดินสำรวจแถวๆนั้น
แต่ขอบอก... ซีแอดเทิ่ล ตอนที่เครื่องกำลังจะลงจอดสวยมากเลย
เพราะเป็นเมืองที่ติดทะเล คิดแล้วอยากไปอีกจัง....

ตอนขึ้นเครื่องเราเจอกับเค้าอีก แต่ไม่ได้นั่งด้วยกันยิ้มให้เฉยๆ
มันเป็นเครื่องบินเล็กประมาณ 100 คนมั้ง

เรานั่ง 3 คนอีก เหมือนเคย
คราวนี้ตอนกลางวัน เรานั่งติดหน้าต่างอีกแล้ว
เครื่องบิน บินไม่สูงมากนัก เราเห็นวิวสวยมากๆๆๆ
ภูเขา และหิมะที่ปกคลุมยอดเขา

ฝรั่งที่นั่งข้างๆเรา เราสังเกตุว่าตอนที่ขึ้นมา เขาไม่รู้จักกัน
แต่ทำไมพอเครื่องออก เค้าคุยกันไม่หยุดเลย
สงสัยจะกิ๊กกัน 555 แต่เราฟังไม่ออกหรอก

เรานั่งไปเรื่อยๆดูวิว
แต่เครื่องบินเรามาช้า การเดินทางเลยล่าช้าไปอีกเกือบชั่วโมง

เราใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมงกว่าจะมาถึงเมืองเดนเวอร์
อดีตแฟนเรามารับที่ เดนเวอร์ บอกว่าเป็นห่วงเรามาก
ถ้าเที่ยวนี้ยังไม่มา จะบอกเจ้าหน้าที่แล้ว
ว่าทำผู้หญิงไทยคนนี้ตกไปที่ไหนหรือเปล่า 555

จากนั้นเรานั่งรถต่อไปอีก 1 ชม.กว่าๆ
ไปยัง......โคโรราโด...... ที่ที่เราเคยได้ยินแต่ชื่อ
อะไรน๊า ทีม denver bongo
แต่ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้มาเหยียบ

ระหว่างทางเราเห็นตัวเหมือนหนูใหญ่ๆ..เค้าเรียกอะไรไม่รู้
มุดเข้า มุดออก ในรู เต็มเลย
แล้วเราก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

ตื่oมาก็ถึง โคโรราโด แล้ว เมืองที่เราอยู่ชื่อ bloder โบลเดอร์
เมืองนี้อยู่ไกล้กับเทือกเขา rocky ด้วย
มองออกจากที่พัก ด้านหน้าได้ชมวิวเทือกเขา rocky ด้วย
เห็นหิมะปกคลุมไกลๆๆ ตื่นตาตื่นใจเป็นที่สุด

สถานที่ที่อยู่ชื่อ legazy เลกาซี่ อพาร์ตเม้น มี 3 ห้องนอน
ห้องครัว และ ห้องนั่งเล่น
เราอยู่รวมกัน 5 คน บนชั้นที่ 2

ตอนแรกชั้นล่างที่จริงมีคนเช่าอยู่
แต่เค้าย้ายออกไป เพราะทนกลิ่นอาหารและตำพริกแกงไม่ไหว 555

ตกเย็นวันนั้นอดีตแฟนเราพาไปกินอาหารจีน
เป็นบุฟเฟ่ห์มีอาหารใกล้เคียงกับบ้านเรา
ใกล้ๆที่พักมีห้างหลายที่ ที่เดินถึงประมาณ 4 ที่
ทั้งเล็กและใหญ่ ร้านอาหารเยอะแยะมากมาย

คืนนั้นเราเกิดอาการ สับสนงงงวยกับเวลาที่เค้าเรียกอะไร น๊าๆๆๆ
จำไม่ได้ อ๋อ.......เจ๊ทแรค

เราตื่นมาหาอะไรกินกลางดึก ก็มันหิวนี่ กระเพาะมันเรียกร้อง 555

จบการเดินทาง.....ติดตามต่อกับฉากที่ 2




รูปนี้ที่พักเรา แต่ไม่ใช่หลังนี้หรอก 555


Create Date : 01 ตุลาคม 2552
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2552 16:42:47 น. 5 comments
Counter : 1231 Pageviews.  

 
มาเขียนต่อนะคะ จะรออ่านคะ


โดย: JBear IP: 58.185.208.238 วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:15:47:49 น.  

 
เขียนได้สนุกดีค่ะ^^


โดย: ry IP: 125.24.239.75 วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:16:05:08 น.  

 
it's the Denver Broncos and the city of Boulder krub. :)


โดย: aa IP: 125.25.200.10 วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:19:58:41 น.  

 
ขอบคุณนะครับที่แวะทักทาย

ช่วงนี้จะหน้าหนาวตอนปลายหรือเปล่านะ


โดย: venroute IP: 119.42.79.157 วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:11:16:02 น.  

 
สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่แวะไปทักทาย และคำแนะนำนะคะ

เห็นเขียนหัวข้อไว้ว่า ให้ดาวอยู่บนฟ้า ให้ปลาอยู่ในน้ำ ปล่อยให้ความรักเป็นเพียงความฝัน

...ฟ้าอยากบอกว่า ความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม และมีจริง สัมผัสได้ และการพลาดไปเพียงไม่กี่ครั้ง หรือหลายครั้ง อย่าเพิ่งถอดใจนะคะ ฟ้าเชื่อว่า พระพุทธองค์ของเรา (เพราะเราเป็นชาวพุทธ) ไม่ได้สร้างเราให้มาอยู่โดดเดี่ยว อย่างฟ้าเนี่ย มาพบรัก เอาตอนอายุ 31ปีแน่ะค่ะ และฟ้ากับสามี มีสโลแกน ประจำใจของเราว่า we believe in destiny ค่ะ

แวะไปคุยกันนะคะ ถ้าต้องการคนรับฟัง


โดย: นางฟ้าของผม วันที่: 10 เมษายน 2553 เวลา:12:45:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปลายฝนต้นธันวา
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




บอกความเป็น.....ฉัน

ฉันเป็นคนง่ายๆ ห้าวๆ ทะลึ่งนิดๆ พอให้วันทำงานในแต่ละวันผ่านไปอย่างไม่น่าเบื่อ บางคนว่าฉันบ้า กวนteen ฉันชอบพูดผิดพูดถูก ชอบทำอะไรเปิ่นๆ แต่นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้คนรอบๆข้าง ขำฉันซะมากกว่า ฉันก็ยินดีที่มันเป็นอย่างนั้น ชีวิตอย่าไปซีเรียสกับมันมากมาย แต่บางครั้งในวัยทำงานอย่างเรา การวางตัวเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำให้คนอื่นเชื่อถือ โดยในอาชีพของฉันเองด้วย บางเวลาซีเรียส บางเวลาอยากปลดปล่อยอารมณ์ให้เป็นอิสระบ้าง ฉันก็แค่ผู้หญิงบ๊องๆคนหนึ่ง ที่อยากทำอะไรก็ทำ แค่นั้น.....
[Add ปลายฝนต้นธันวา's blog to your web]