Win to the Wild
Group Blog
 
 
มกราคม 2557
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
30 มกราคม 2557
 
All Blogs
 
Road trip in USA 2months 21 states. 2011(ตอนที1และ1.5)

 สิบปีก่อนผมถูกปฏิเสธวีซ่าเข้าอเมริกา เนื่องจากเป็นคนสถานภาพไม่มั่นคง สิบปีผ่านมาผมก็ยังคงสถานะนั้น
แต่คราวนี้มีเอกสารเกินพอ สำหรับการได้รับวีซ่า แล้วก็ได้เป็นวีซ่าสิบปีมาเลย
ผมนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพมหานครไปเปลี่ยนเครื่องที่เกาหลีใต้ ต้องรอเวลาเปลี่ยนเครื่องสิบสองชั่วโมงเต็ม
แล้วผมจะไปอยู่ทำไมล่ะครับที่สนามบิน ก็ออกร่อนสิครับ

     เริ่ม จากไปซื้อทัวร์ เขาเรียกว่าทรานซิสทัวร์สำหรับคนที่ไม่อยากรออยู่ในสนามบิน
มีไกด์นำเที่ยวเป็นสาวเกาหลีหน้าตาออริจินัลมาก ไม่เหมือนพวกวอนเดอร์เกิรล

     ในภาพโฆษณาที่ตึกด้านบน เหมือนจงใจให้เด็กในภาพกระโดดลงแม่น้ำ

     ไกด์พาเราไปดูแม่น้ำฮัน ไปดูพระราชวัง...ผมจำชื่อภาษาเกาหลีไม่ได้ ออกเสียงก็ไม่ถูก เจอแต่คนไทยถ่ายรูปชูสองนิ้ว
บางคนคิดว่าผมมากะทัวร์เค้ามั้ง ขอให้ช่วยถ่ายรูปบ้างก็มี ความรู้สึกของผมตอนนั้นเหมือนกับตอนไปเที่ยวชมวัดพระแก้วเลย ฟีลเดียวกัน
จากนั้นไกด์ก็พาไปกินอาหารกลางวัน ร้านรวงต่างๆตามซอกตึกดูน่ารักมีเสน่ห์และลึกลับน่าค้นหา เหมือนร้านในตำนานอะไรอย่างนั้น
ผมสั่งบุลโกกิ บุลโกกิที่นี่ไม่เหมือนที่ผมเคยกินที่บ้านเรา ที่นี่ของเขาดีจริง อร่อยกลมกล่อมจริง


     หลังจากทานอาหารก็มีเวลาเดินเล่นไปตามถนนคนเดิน ร้านสองข้างทางขายของที่ระลึกที่ดูน่าซื้อไปเสียทุกอย่าง
ไม่เหมือนที่เชียงใหม่ มีแต่ของซ้ำกัน แย่งกันขาย แย่งกันเดิน เบียดกันไป เบียดกันมา ไร้สเปซ
     วันที่ผมไปนั้นเหมือนจะเป็นวันสำคัญอะไรบางอย่าง มีซุ้มแสดงงานฝีมือ งานหัตถกรรม โชว์เกี่ยวกับศิลปะวัฒนธรรมของเขา
ผมตัดสินใจไม่ได้ซื้อสิ่งใดติดไม้ติดมือมา แล้วก็กลับไปนอนรอในสนามบิน




     นั่งเครื่องไปลงที่ซีแอทเดิล รัฐวอชิงดัน สหรัฐอเมริกา เครื่องที่นั่งมาจากเกาหลีเป็นเครื่องใหญ่กว่าที่นั่งมาจากประเทศไทย
มีเบาะเอนได้สบายๆ มีจอภาพส่วนตัวเอาไว้ดูหนังฟังเพลง ผมใช้เวลาทั้งหมดไปกับการกินอาหารและดูหนัง
     มาถึงสนามบินซีแอทเดิล ผมเป็นชายไทยคนเดียวที่ออกมาจากเครื่องบินลำนั้น ผมเดินทางเข้าประเทศนี้เป็นครั้งแรก
จึงถูกส่งไปหาเจ้าหน้าที่...เรียกยังไงดี เจ้าหน้าที่สืบสวนหรืออะไรนี่แหละ พร้อมกับอาหมวยสองคน ถูกเจ้าหน้าที่ซักอยู่นาน
ทั้งโทรศัพท์ไปหาคนที่เราบอกว่าเรารู้จัก ถามเจ้าของบ้านทุกที่ที่เราบอกว่าเราจะไป จนแน่ใจว่าเราไม่ได้ลักลอบกระทำการผิดกฏหมาย
เขาจึงปล่อยให้ผ่านออกมา แล้วผมก็ขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยให้มาถึงอย่างปลอดภัย ประตูสู่อเมริกาเปิดรออยู่ข้างหน้า


     เอาเป็นว่ามาถึงอเมริกาแล้ว เป็นสภาพแวดล้อมใหม่ของผมที่ไม่มีภาษาอื่น ไม่มีตัวช่วย คว้ากระเป๋าเดินดุ่มๆไปตามป้ายบอกทาง
ซึ่งมีอยู่ช่องทางทางเดียวเมื่อออกจากจุดตรวจคนเข้าเมือง ขึ้นไปนั่งรถรางใต้ดินตามคนส่วนมาก เวลานั้นยังไม่รู้เลยว่ารถรางนี่จะพาไปที่ไหน ฟังเสียงภาษาอังกฤษไม่เข้าใจ(เสียงเหมือนคนประกาศตามห้าง สำเนียงอย่างนั้น)  รถรางวิ่งมาจอดที่เกทอะไรไม่ทราบ
ตัดสินใจว่าจะลงที่เกทนี้ละกัน ผิดก็หาทางใหม่
     ตอนนั้นมีแฟนเป็นฝรั่ง ตอนนี้ถูกเขาทิ้งไปแล้ว เนื่องจากมีสถานภาพไม่มั่นคง คนประเทศนี้คงมีประโยคให้พูดแบบเดียวกัน
นอกจาก "ไฮ,ฮาวอายู" แล้วก็ "คุณมีสถานภาพไม่มั่นคง" นี่แหละ คนเราจะต้องมั่นคงอะไรมากมาย.. ตอนนั้นเธอขับรถมารับที่สนามบิน
พอเจอหน้าผมก็ดีอกดีใจใหญ่ คือเธอไม่คิดว่าสถานภาพอย่างผมจะผ่านมาได้ถึงขนาดนี้  
     ที่ซีแอทเดิลอยู่ในช่วง ฤดูร้อน อากาศแจ่มใส่ แต่ปกติฝนจะตกเกือบทุกวัน ผมก็ไม่รู้ถือว่าได้มาถึงในวันที่ดี
อากาศเหมือนตอนเช้าหน้าหนาวที่เชียงใหม่ แต่มีลมจากทะเลพัดเข้ามาอยู่ตลอด มลพิษน้อย ธรรมชาติสวยงาม ภูเขาสวย แม่น้ำใส
หญ้าบริเวณเกาะกลางถนนพลิ้วไปตามลมยังสวยถึงขนาดที่ว่าผมอยากจะลงไปนอนกลิ้งเลย อันนี้เขามีระบบรักษาธรรมชาติที่ดี
เพราะเรื่องนี้เขาเจ็บมาเยอะ ต่อสู้ฝ่าฟันมาเป็นร้อยๆปี พัฒนามาเรื่อยๆ 



     ผมง่วงมาก เลน่า(เกิร์ลเฟรนในตอนนั้น) บอกว่าเธอเจทแลคแล้วล่ะ ที่บ้านของเธอตอนนี้มันเป็นเวลากลางคืน เป็นเวลานอน
แม้จะง่วงมากแต่ผมก็ไม่หลับเพราะวิวสองข้างทางสวยมากจริงๆ คนที่นี่เขาอาจมองไม่เห็นความงาม เพราะแต่ละคนรีบเร่งไปไหนไม่ทราบ
ว่าแล้วก็นึกถึงเพลง nowhere man ของเดอะบีทเทิลขึ้นมา ตรงท่อนที่ว่า take your time, don't hurry.หรือเพลง I'm only sleeping ก็ผุดขึ้นมาในหัว ตรงท่อนท้ายๆ Running everywhere with such a speed. till they find, there's no need.ลองไปฟังกันดูนะครับ
แฟนๆเดอะบีทเทิ่ล..


     เมืองที่จะไปต่อจากนี้คือเมืองสโปแคน เมืองที่ผมไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน ก่อนที่จะรู้จักกับเลน่า ดูในแผนที่แล้วเหมือนเดินทางจากเชียงใหม่ไปเชียงราย แต่ด้วยสเกลที่ใหญ่โตมโหฬารของประเทศนี้ เมืองใกล้กันอย่างนี้ต้องใช้เวลาขับรถ5-6ชั่วโมง ต่างกันที่ถนนดี ขับง่าย ไม่คดเคี้ยว หรือคดโกง ใช้คำไหนดี ถนนบ้านเขาไม่คดโกง อย่างนี้จะกระทบกระเทือนอะไรใครมั้ยครับ
     ถนนบางช่วงตรงไปเป็นร้อยๆกิโลเมตร และคิดคำนึงถึงสเปซข้างทาง คำนึงถึงทัศนียภาพ สุนทรียภาพในขับรถแล้วมองออกไป
คิดขนาดนั้นกันเลยทีเดียว ทางหลวง หรือซุปเปอร์ไฮเวย์ สัตว์หรือคนไม่สามารถเข้ามาป้วนเปี้ยนได้ แต่ผมก็ยังคิดถึงหมูปิ้ง
ไก่ย่างข้างทาง ของบ้านเรานะครับ

นี่ไงตรงมั้ย

โรงนาในฟาร์มปลูกหญ้า

     ภูมิประเทศที่นี่หลากหลายมาก จากภูเขาหิมะสูง ต้นไม้สีเขียวในซีแอทเดิล เริ่มกลายเป็นทุ่งหญ้า แอ่งน้ำ
จากทุ่งหญ้าเขียว ผ่านเข้าสู่พื้นที่แห้งแล้ง คำศัพท์เฉพาะก็หากันเอาเอง ไม่ได้จบภูมิศาสตร์ จบแค่ม.6 เรียนไม่เก่งอีกต่างหาก
โง่และขี้เกียจพ่วงเข้าไปด้วย ยังไม่นับความจนที่ต้องกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อมาฮ่าเป็นประจำ ตัวจึงได้ผอมกะร่องอย่างนี้


บนยอดภูเขาแห้งๆนี้มีงานประติมากรรม ตั้งเรียงรายอยู่ เป็นเหล็กรูปม้า(ระหว่างทางจากซีแอทเดิลไปสโปแคน)

พื้นที่ แห้งแล้ง เป็นที่ราบบ้าง เป็นเนินเขาสูงต่ำ สลับทับซ้อนกันบ้าง ไม่มีต้นไม้สูงเลย และปลูกไม่ขึ้นด้วย
พื้นเป็นก้อนหินแข็ง น้ำหายาก มีแต่ไม้พุ่มเตี้ยที่ทนร้อนทนหนาวทนแมลง หรือวัชพืชอย่างต้นเซจบรัช
มีชีวิตอยู่อย่างแห้งๆอย่างนั้น ไม่แคร์ใคร ผมก็อยู่อย่างผอมแห้งอย่างนี้เลยเข้าใจ เขาเลยปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ
ให้มันเป็นไปตามอย่างของมัน สวยอย่างธรรมชาติ

ฮีเนเวอร์พั้มแก๊ส อินเดอะยูเอส

     ที่ปั้มน้ำมันข้างทาง มีฮิปปี้คนนึงงงงวยกับการที่ผมถ่ายรูปตอนเติมน้ำมัน เนื่องจากในสหรัฐอเมริกาทุกคนจะเติมน้ำมันเองเป็นเรื่องปกติ
ยกเว้นสองรัฐคือ รัฐโอเรกอน กับรัฐนิวเจอรซี่ โดยสองรัฐที่ว่านี้ส่วนมากจะมีพนักงานเติมน้ำมัน
นายฮิปปี้คนนั้นเลยดินมาถามว่าผมมาจากโอเรกอนรึไงถึงไม่เคยเติมน้ำมันเอง ผมก็บอกว่าไม่ใช่โอเรกอน แต่มาจากไทยแลนด์
นี่เป็นครั้งแรกที่เติมน้ำมันในอเมริกาเลยถ่ายรูปเป็นที่ ระลึก มันก็เดินไปบอกเพื่อนมันว่า ไอ้อินเดียนคนนั้นไม่เคยพั้มแก๊สอินเดอะยูเอส
แล้วมันก็เดินมาบอกว่า เวลคัมทูแปซิฟิกนอร์ทเวสต์บราเทอร์ เออ..ก็มีคนอัธยาศัยดีเหมือนกันนิประเทศนี้ คนชาติไหนๆก็เหมือนกันละนะผมว่า คนดีก็มี คนไม่ดีก็มีปะปนกันไป ในชีวิตของผมส่วนมากเจอแต่คนดีๆ ไปหาฟังเพลง In my life กันอีกเพลงนะครับ เป็นอีกเพลงโปรดของเดอะบีทเทิลอีกเหมือนเดิม


บริเวณ พื้นที่แห้งแล้งนี้ลมแรงนัก เขาก็เลยจัดการสร้างกังหันลมมาผลิตไฟฟ้าซะ ตั้งเรียงกันสวยดี คลีนเอเนอรจี ชอบ อันนึงก็สูงใหญ่มาก
ดูแล้วเพลิน ชอบ ชอบ

บ้านชาวนา ทิวทัศน์ก่อนเข้าสู่เมืองสโปแคน

ท้องฟ้าตอนสามทุ่ม
     มาถึงเมืองสโปแคนประมาณสองทุ่ม ท้องฟ้ายังสว่างอยู่ เมฆส่วนมากเป็นเมฆที่เกิดจากไอพ่นเครื่องบินล้วนๆ
มลพิษเต็มท้องฟ้าเลยเหอๆ หนีไม่พ้น





Create Date : 30 มกราคม 2557
Last Update : 30 มกราคม 2557 20:44:42 น. 0 comments
Counter : 829 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ยิปซีแห่งไบคาล
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ยิปซีแห่งไบคาล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.