Buri Tara

เพื่อนเรียนสมัย ป.โท นัดทานข้าวก่อนปีใหม่เพื่อจะได้ไม่ชนกับงานเลี้ยงส่วนตัวจึงลงเอ๋ยกันวันที่ 30/12/06 ณ.ร้าน Buri Tara ที่ตั้งตัวอยู่ริมน้ำเจ้าพระยาฝั่งตรงข้ามของร้านก็คือฝั่งพระประแดง ที่ถูกมองว่าเป็นปอดของกรุงเทพ บริเวณนั้นถ้ามองจากมุมสูงจะคล้ายกระเพาะหมู ร้านตั้งอยู่ในบริเวณจตุจักร พระราม 3 มีส่วนบริการทั้ง indoor and outdoor วันนี้พวกเราเลือกที่จะนั่งด้านนอก เพราะอากาศเป็นใจ ปีนี้เป็นปีที่คนกรุงเทพดีใจมีโอกาสนำเสื้อกันหนาวที่เก็บมาหลายปี เอาออกมาใส่อวดกันสักครั้ง หรือบ้างคนซื้อมาอาจจไม่เคยได้ใช้เลย



ที่นั่งด้านนอกมีสองแบบ คือแบบที่นั่งแบบร้านอาหารทั่วไป โดยจะอยู่ส่วนที่ริมน้ำเป็นหลัก และเข้ามาส่วนในที่ไม่ติดริมแม่น้ำนั้นจะเป็นที่นั่งลักษณะ คล้ายห้องรับแขกที่มีชุดรับแขกใว้บริการ ให้นั่งแต่ถ้าใครมาเป็นคู่ต้องการจะนั่งแบบใกล้ชิดก็ต้องเลือกให้ดีแล้วกันครับ เพราะบางโต๊ะไม่สามารถนั่งใกล้ชิดกันได้ เดี่ยวจะทำให้เสียบรรยากาศหมด



และที่จัดว่าทำได้น่าสนใจคือการนำโคมไฟมาตกแต่งบริเวณโดยรอบของร้าน และยังนำรูปแบบการส่องสว่างทางเดินแบบบ้านโบราณที่ใช้ไม้ไผ่มาปักลงบนข้างทางเดินแล้วน้ำตะเกียงน้ำมันก๊าซ แต่ที่ใช้เป็นเที่ยนใส่ในแก้วใส่ มาวางแทน แม้จะไม่ให้แสงสว่างที่ดีพอ แต่ก็พอเพียงที่รู้จักการใช้ Lighting มาทำให้บริเวณบรรยากาศร้านยามค่ำคืนแสนจะสวยงามไปอีกแบบ จะว่า Romance ก็ไม่น่าจะผิดครับ



เริ่มมาถึงพร้อมนำเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมาเอง Red Wine จากฝรั่งเศล นามว่า Les Graves de Lavand แต่เนื่องจากทางร้านไม่ได้ทำการสอนพนักงานในการเปิด wine ให้ จึงมีการผิดพลาดนิดหน่อย โดยพนักงานนำ Foil ด้านบนของขวดออกจนหมด แล้วมาบอกผมว่าเนื่องจาก wine ของผมที่นำมานั้นไม่ได้นำเข้ามาอย่างถูกต้องเลยต้องทำแบบนี้ ผมเลยจัดการต่อว่าเล็กน้อย บอกว่าถ้าตำรวจมาตรวจผมก็จะบอกว่าหิ้วมาจากต่างประเทศเองและทางร้านคุณไม่ได้ขายให้ผม เพราะผมมีสิทธิ์ที่จะนำมาตามกฏหมายอนุญาติ กัปตันเลยออกมาขอโทษ พร้อมบอกว่าจะลดค่าเปิด Wine ให้ แต่ที่นี้อย่างหนึ่งครับ แก้ว wine ถือว่าทำการบ้านมาดีพอควรเพราะใชแก้วเฉพาะที่เป็นทรงทิวลิป แบบปากบาง ใครเคยไปทาน Wine แล้วใช้แก้ว Wine แบบคล้ายแก้วน้ำตามโรงแรม และขอบแก้วหนาๆจะรู้สึกว่าการดื่มไวน์ครั้งนั้นไม่ได้อารมณ์



สำหรับอาหารจานแรกที่ผมขอเพื่อนสั่งเพราะเป็นของโปรดผมเลย ขาหมูเยอรมันทอด หนังกรอบๆเนื้อในนุ่มๆทานกับมัสตาส โดยเฉพาะ มัสตาสแบบฝรั่งเศลมิใช่แบบอเมริกัน แต่ขาหมูทอดที่ดีต้องมีมันที่อยู่ระหว่างหนังกับเนื้อให้น้อยที่สุด ถึงจะอร่อย ทานแล้วไม่อ้วนไปกว่านี้



กลัวจะอ้วนน้อยไปนิดสำหรับมือนี้ตอนแรกสั่งหอยเชลผัดเนย แต่ของในครัวไม่มีเราเลยต้องเปลี่ยนแปลงเมนูนี้นิดหน่อย ไปเป็นหอยแมงภู่นิวซีแลนด์ผอบกระเทียมเนยแทน หอยตัวใหญ่ๆอ้วนๆทานแบบทั้งตัวเต็มคำเต็มปาก พร้อมจิบไวน์ตามลงไปสักนิดจะได้ทั้งกลิ่นหอมของเนยและกลิ่นเทนนิน
ของไวน์แดง ดื่มแล้วสุขใจเสียนี้กระไร



หลังจากสองจานแรกที่ต้องบอกว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่งถ้าทานบ่อย เพราะโรคตอนนี้ที่กำลังอินเทรนก็คือโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน แต่เราก็พยายามบอกตนเองว่าการดื่ม ไวน์จะช่วยลดโอกาศการเป็นโรคนี้ลงมาได้ ย้อมใจกันหน่อย เราเลยสั่งจานที่สามมาเป็นแบบนี้ครับ ผักโขมอบชีส ที่ผมว่าน่าทานพอใช้ได้ครับ แต่ไม่ทราบของน้อยหรือว่าผมเอาแต่ถ่ายรูปเลยได้ทานนิดเดียวไม่เป็นไรครั้งต่อไปจะไม่ถ่ายรูปเยอะอีกแล้ว เพราะเพื่อนไม่รอเลยทานเกือบหมดเหลือให้ผมนิดเดียว



เมื่อกลัวโรคหัวใจถามหาเราเลยต้องสั่งไวน์แดงจากอิตาลีมาเปิดอีกหนึ่งขวด โดยเลือกเจ้าตัวนี้ PLACIDO ที่คอไวน์เรียกไวน์ที่นี้ว่ากบฏไวน์ ตอนแรกเราเข้าใจว่าต้องทำการเปิดขวดให้เธอหายอกหายใจเพื่อให้ไวน์ตื่นสักครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมงแต่แล้วเพียงสิบห้านาที สาวเจ้าก็ตื่นจากหลับใหลเสียแล้ว แต่เรื่องกลิ่น Body นั้นผมว่ามันไม่หนักแน่นตามพันธุ์องุ่นที่นำมาทำ และการจากไปของกลิ่น และ Body ของ ไวน์นั้นไปเร็วไปหน่อย พวกเราลงความเห็นว่า น่าจะมากันเป็นกลุ่มใหญ่ๆที่ประเภทดื่มกันคนล่ะแก้วจะดีเยี่ยมมากครับ แต่ผมว่าราคาไม่เหมาะสมกับราคาที่ทางร้านตั้งใว้ คือ 1650 บาท คืนนั้นพวกเราไม่น่าพลาดในการเลือกไวน์มาดื่มต่อกันเลย



หลังสั่งไวน์เพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจแล้วก็ได้ใจกันครับ เลยขอสั่งอาหารอีกหนึ่งอย่างแล้วกันขอเป็นเห็ดเข็มทองผัดเนยมาซักจาน เอาให้มันรู้กันไปเลยกว่าจะอ้วนตาย หรือเป็นโรคหัวใจขาดเลือดหล่อเลี้ยงตายกันแน่ สามจากสี่จานมีส่วนผสมของเนย แต่จานที่ไม่มีเนยเนยส่วนผสมก็ใช่ย่อยเพราะมีไขมันเป็นตัวประกอบหลักอีกเช่นกัน
หลังจากนั่งฟังเพลงสบายๆ มีทั้งเล่นสดเป็นช่วงๆสลับปิดแผ่น ทั้งการเปิดแผ่นหรือร้องสด จะเป็นร้องเพลงประเถท easy listening ประเถท popใสๆ Jazz เบาๆ หรือบางเพลงเป็นการนำมาเรียบเรียงดนตรีใหม่ เพื่อให้เหมาะกับการฟังสบายๆ แต่มีคนบอกผมว่าในโรงแรมในกรุงเทพมีสองทีน่าไปนั่งฟังเพลงประเถทนี้คือ Conrad and Sheraton Grand สุขุมวิท ใว้มีโอกาศตั้งชวนเพื่อนร่วมก๊วนไปนั่งจิบเครื่องดื่มเย็น สำหรับผม ต้อง Gin Tonic ซักแก้วสองแก้ว พอที่จะปล่อยใจไปกับเสียงดนตรี แค่คิดก็สุขใจแล้ว แล้วแล้วจะไป หลังจากการร้องสดหยุดเล่นในประมาณสี่ทุ่มครึ่ง พวกเราก้เลยขอแยกย้ายกันกลับบ้านเพราะคิดว่าพรุ่งนี้ทุกคนก็ต้องมีงานที่ต้องไปต่อกันเลยบอกว่ารักษากายเพื่องานต่อๆไปกันดีกว่า และอีกอย่างทุกคนก็ขับรถมากัน ร่วมค่าเสียหายในคืนนี้ได้ลดค่าอาหาร 15% เพราะใช้ KTC แต่ค่าน้ำแพงไปนิด ขวดล่ะ ยี่สิบห้าบาท สิริรวมแล้วจ่ายไป 3400 บาท สบายใจไป เพราะถ้ารวมค่าไวน์ที่นำไปก็น่าจะเกินห้าพันแน่นอน และพวกเราลงความเห็นว่าครั้งต่อไปหิ้วไวน์ไปดื่มกันเองดีกว่า ถูกกว่าเปิดที่ร้าน ถูกใจของรสชาดไวน์ และได้ใวน์ที่เหมาะสมกับเราที่ดื่ม เพราะดูจาก ไวน์ลิสท์ แล้วมีแต่ปี่ 2005 เกือบทั้งร้านเลย เพราะไวน์จะเริ่มนำออกขายหลังจากปีเก็บเกี่ยวแล้วประมาณ 18-24 เดือน แต่นี้ออกจากโรงงานก็มาถึงร้านเลย ไม่มีการปล่อยให้ไวน์มีการพันาตัวเองเลย เศร้าใจจริงๆ ตอนนี้ผมกับเพื่อนบอกว่าต้องเพิ่มขนาดตู้เก็บไวน์เสียแล้ว เพราะบางตัวที่ซื้อหามาเอง ฝากเพื่อนซื้อ กว่าจะเวลาพร้อมดื่มนั้นก็อีกหลายปีครับ
พบกันครั้งต่อไปที่งาน party เพื่อนครับครั้งที่สองแล้วจะกลับมาเล่าว่ามีอะไรอร่อยบ้าง

Create Date : 31 ธันวาคม 2549		5 comments
Last Update : 31 ธันวาคม 2549 9:52:09 น.
Counter : 2718 Pageviews.
Share Tweet