XXIII. ทิพยวิมาน

เวรย่อมไม่ระงับเพราะการก่อเวรตอบกัน
นอกจากจะเป็นการส่งเสริมเวรให้ทวีรุนแรงยิ่งขึ้นถ่ายเดียว
นี่แลเวรที่ก่อกันขึ้นด้วยการทำชั่วตอบกัน จึงไม่มีวันสิ้นสุดยุติลงได้
ถ้าต่างให้อภัยกัน อดกลั้น ขันติต่อกัน
ความโกรธแค้นต่างๆ ที่เกิดขึ้นชั่วขณะก็ย่อมดับลงเอง
เพราะไม่มีเครื่องส่งเสริมให้กำเริบได้อีก เรื่องก็เลิกแล้วกันไป
ทีท่านทีเราย่อมมีทางพลั้งเผลอได้ด้วยกัน เพราะเป็นมนุษย์ปุถุชนด้วยกัน
เมื่อต่างให้อภัยกัน ต่างก็อยู่ด้วยกันเป็นผาสุก


หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน


ฟ้าใสรู้สึกเหมือนถูกหมักอยู่ในโคลนเหนียวเหนอะหนะ พยายามดิ้นรนจนชูศีรษะโผล่พ้นโคลนขึ้นมาหายใจได้ก็ตะเกียกตะกายเอาตัวไต่ขึ้นจากขอบสระ ข้างบนฝั่งยังมืดมิด เมฆหมอกรอบตัวลงจัด บรรยากาศหนาวเหน็บนั้นทำให้หญิงสาวต้องทรุดลงกอดเข่าตัวสั่น จากนั้นพลันได้ยินเสียงที่เคยคุ้น

“ฟ้าใส...มาทางนี้”

ในความมืดที่มองไม่เห็นทาง ได้แต่คลานและคลำเปะปะไปตามเสียง

“ไม่...ไม่ใช่อย่างนั้น อย่าคิดว่าตัวเองกำลังซมซานอยู่ในภพมืด ตั้งจิตให้ดี...ลุกขึ้นยืน...ค่อยๆลืมตา นั่นล่ะ...แล้วค่อยๆเดินมาหาเค้า... ถูกแล้ว... เดินมาทางนี้”

น้ำเสียงอบอุ่นและปลอบประโลมใจนั้น ขจัดความหนาวเหน็บรอบกาย ให้ฟ้าใสมีกำลังลุกขึ้นยืนและเดินไปตามทางที่เสียงเรียก จากนั้นแสงสว่างนวลก็ฉายเข้ามากระทบเปลือกตา ฟ้าใสลืมตาขึ้น สายตายังไม่เคยชินกับภาพตรงหน้า แต่แม้สิ่งที่เห็นจะปรากฏแค่รางเลือน แต่หญิงสาวก็พอคาดเดาได้

“รสา...”

พอเดินเข้าไปใกล้และปรับภาพให้ขัดขึ้น ฟ้าใสก็เหมือนเห็นตัวเองในกระจก แต่บุคคลตรงข้ามมีรอยยิ้มตรึงตรา แววตาสดใส เนื้อตัวขาวสะอาด สวมใส่ด้วยเสื้อผ้าที่ดูแล้วสบายตา เดินเข้ามาจับมือเธอไว้หลวมๆ แล้วเธอเล่า ฟ้าใสก้มลงมองตัวเอง รสาเห็นปฏิกิริยาของฝาแฝดตนแล้วพอเข้าใจได้

“อยากทำความสะอาดเนื้อตัวไหม... เอ้า หลับตา... แล้วตั้งใจนึกถึงเสื้อผ้าสวยๆที่ฟ้าชอบไว้นะ”

แม้จะไม่เข้าใจนัก แต่ฟ้าใสก็ทำตามอย่างว่าง่าย...หลับตาและนึกถึงชุดที่สวยที่สุดที่เคยอยากได้ เพียงครู่เดียวก็รู้สึกเหมือนมีน้ำทิพย์มาชโลมกาย ละอองของน้ำที่พร่างพรมลงมานั้นฉ่ำเย็น แต่ไม่เปียก ด้วยหยดน้ำนั้นไม่เกาะติดตามผิว ทั้งยังไม่ร่วงหล่นลงไปเปียกพื้น

ฟ้าใสก้มลงมองพื้นที่เธอยืนอยู่ ก็พื้นหญ้าธรรมดา แต่เขียวชอุ่มเย็น เงยหน้ามองรอบบริเวณเป็นพื้นที่โล่ง ตรงกลางมีต้นมณฑาต้นหนึ่งยืนเด่นเป็นสง่า

แล้วเราโผล่มาได้ยังไง ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น...

“มานั่งนี่มา”

รสาเข้ามาจูงมือฟ้าใสไปนั่งบนหินอ่อน จับมือของฟ้าใสวางบนตักแล้วบีบให้เบาๆ

“ที่นี่ที่ไหน แล้วเค้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
ฟ้าใสยังคงหันไปรอบๆระหว่างที่เอ่ยปากถาม

“เค้าก็ไม่รู้เหมือนกัน น่าจะเป็นเพราะต้นมณฑาวิเศษต้นนี้นะ”
รสาชี้ไปที่ต้นมณฑาต้นนั้น ฟ้าใสมองตาม

“อยู่ในนี้...แค่กำหนดจิตให้ดี รวบรวมสติ ทำสมาธิให้ตั้งมั่น เราก็อยู่อย่างมีความสุขได้ด้วยกายทิพย์ ไม่หิว ไม่ร้อน ไม่หนาว วันไหนนึกอยากจะแต่งตัวแบบไหน แค่คิด รูปกายก็เปลี่ยนไปตามนั้น แล้วถ้าคนที่เรากำลังคิดถึง เขากำลังขาดสติและยังมีความผูกพันกับเราอยู่ เราก็พาเข้ามาหาได้ เหมือนที่เค้าเรียกฟ้าตอนนี้ไง”

“อ้อ...”

ฟ้าใสเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ เธอมีอาการประสาทหลอนจากฤทธิ์ของฝิ่นในน้ำที่โจรจับกรอก จากนั้นแม้จะพยายามเรียกสติคืนมาก็โดนตบจนหมดสติลงไปอีก ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ เธอก็กำลังมาอยู่ในเขตของวิญญาณอีกครั้ง แต่ไม่ได้เร่ร่อนหรืออาศัยอยู่ในร่างของคนอื่นอย่างคราวก่อน

...นี่เรามาปรากฏตัวในที่พำนักพักอาศัยของรสา เป็นรโหฐานชั้นดีราวกับอยู่ในสวรรค์ เอ...หรือนี่คือสวรรค์จริงๆอย่างที่เคยมีคนกล่าวอ้าง...


...ร่างทิพย์...อิ่มทิพย์...ตาทิพย์...
นี่รสาได้ของวิเศษขนาดนี้เลยหรือ?


“เออ แล้วนี่ จะให้เค้ากลับออกไปยังไงล่ะ”

ฟ้าใสทำเป็นเกรงใจ ที่จริงต้องการถามให้ได้ข้อมูลลึกลงไปอีก

“อย่ากลับไปเลย ตัวโดนจับไปไม่ใช่เหรอ รู้ไหม ว่าเขาจะทำอะไรกับร่างของเราบ้าง”
ฟ้าใสฟังแล้วอึกอัก ตอบไม่ถูก


“ไม่... ไม่รู้เหมือนกัน”
“เข้าร่างไป ก็คงโดนเขาจับไปทรมานนะ อยู่ที่นี่ก่อน ให้ร่างเราปลอดภัยแล้วค่อยกลับไปนะ คุณวินทร์กำลังจะไปช่วย”

“คุณวินทร์กำลังจะไปช่วย? นี่รู้เรื่องกันตอนไหน?”
“อืมม์ อย่าเพิ่งถามเลย เค้าว่าตัวพักก่อนดีกว่า”

แสดงว่า วินทร์เคยมาที่นี่แล้ว? แล้วทำไมไม่เล่า? ฟ้าใสออกอาการอิจฉาตาร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“ตลกดี…”
ฟ้าใสพูดพลางหัวเราะเบาๆ

“หืมม์?”
รสาเลิกคิ้วแทนคำถามว่าตลกเรื่องอะไร


“รู้แล้วใช่มั้ย ว่าเค้าต้องตายเพราะใคร”
ฟ้าใสพูดทั้งที่หน้ายิ้ม แต่แววตาดุดัน

“รู้แล้วใช่มั้ย ว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
น้ำเสียงนั้นตะคอกแรงขึ้น

“ไม่เอาน่า...ฟ้า”

รสาพยายามโอบไหล่ฟ้าใสเข้ามากอด น้องสาวฝาแฝดเบี่ยงตัวออก

“เค้าตาย แต่รสากลับได้เรียนจนจบ ได้พบคนรักดีๆ ขณะที่เค้าถูกควักหัวใจออกไป ระเหเร่ร่อนไปอยู่ในร่างคนอื่น เค้าทำผิดอะไร รสาต่างหาก ทำไมจะต้องไปบริจาคอวัยวะบ้าบออะไรก่อนหน้านั้น?”

“ฟ้า...”

รสากลายเป็นฝ่ายพูดไม่ออก ไม่นึกว่าฟ้าใสเก็บมาคิดแค้นจนถึงเวลานี้ แล้วทีตอนที่ฟ้าใสแย่งร่างของเธอไปเล่า..

“พอเค้าเข้าไปอยู่ในร่างของตัว ก็โดนพวกผู้ร้ายมันจับไปทรมาน ขณะที่ตัวมาเสวยสุขอยู่ในทิพย์วิมานอะไรนี่”

“ฟ้า...มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ”

รสาละล่ำละลักบอก พยายามจับมือฟ้าใส อ้าปากจะเล่าถึงตอนที่ตัวเองก็ตกอยู่ในความทุกข์ทรมานไม่ต่างกัน ก็ถูกฟ้าใสปัดมือออกพร้อมตวาดเสียงดังลั่น

“เพราะตัวนั่นแหละรสา เพราะตัวคนเดียว”
“เค้าขอโทษ... ฟ้า... เค้าขอโทษ”
รสาบอกเสียงสั่น ไม่รู้จะหาคำไหนมาแก้ไขสถานการณ์ได้ดีกว่านั้น

“เค้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ฟ้าเป็นแบบนี้ เค้าถึงได้พยายามช่วยฟ้านี่ไงล่ะ”

“ช่วย? ช่วยตรงไหน ด้วยการนั่งมองเค้าถูกต่อย ถูกตบ จากทิพย์วิมานเนี่ยนะ”

“โธ่... มันไม่ใช่อย่างนั้นฟ้า อย่าโกรธสิ จะให้เค้าทำยังไงล่ะ ฟ้าถึงจะยอมอภัยให้”

“พิสูจน์สิ”
ฟ้าใสเค้นเสียงหนัก

“กลับไปอยู่ในร่างของตัว เค้าจะเฝ้าทิพยวิมานนี่ให้”

ฟ้าใสสั่ง ทั้งที่ขณะก่อนสติสัมปชัญญะจะหายไป เจ้าตัวยังรู้สึกได้ ว่าถูกอุ้มไปวางกับพื้นกระเบื้องเย็น เสื้อผ้าค่อยๆถูกจับถอดออกทั้งหมด ฟ้าใสอยากรู้ว่า ถ้ารสาเข้าไปอยู่ในร่างของตนและฟื้นขึ้นในสภาพนั้นบ้าง เจ้าตัวจะรู้สึกอย่างไร? จะยังตีหน้าเห็นอกเห็นใจ ทำตัวเป็นนางฟ้าเต็มไปด้วยความเมตตาปรานีอย่างตอนนี้ออกไหม?


รสาเริ่มหน้าถอดสี ส่ายหน้าลังเล

“กลัวอะไรเล่า? ไหนว่าจะทำอะไรก็ได้ ให้เค้ายอมอภัยให้”
ฟ้าใสกระตุกยิ้ม ขอร้องแกมบังคับ

“ไปสิ... ถ้าตัวโดนทำร้ายจนทนไม่ไหว เค้าก็จะพาตัวกลับมาเองแหละ”

ฟ้าใสจูงมือรสาไปจนสุดเขตต้นมณฑา รสาพยายามยื้อยุดดึงมือกลับ น้องสาวฝาแฝดก็ฉุดกระชากจนพากันมาถึงที่ปลายขอบเป็นบึงมืด ฟ้าใสดันตัวรสาออกไปยืนตรงขอบสระ เบื้องล่างเป็นโคลนสีดำส่งกลิ่นเน่าคละคลุ้ง รสาก้มมองแล้วเบือนหน้าหนี หันมาหาฟ้าใส ตั้งใจจะเจรจา

“ฟ้า...”

รสาหันมาไม่ถึงครึ่งตัว ฟ้าใสก็ผลักร่างนั้นอย่างแรงจนเซถลา รสากระเด็นไปสะดุดตอไม้และลื่นล้มลงไปในบึง ร่างนั้นร่วงหล่นกระแทกพื้นโคลนอย่างแรงและจมมิดลงไปในเวลาอันสั้น

“ฮึ... ฮิๆๆ ฮ่าๆๆๆ”

ฟ้าใสหัวเราะเสียงเล็กแหลม มองตามร่างที่จมลงไปด้วยความสาแก่ใจก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปทิศเดิม

ต้นมณฑาดูเหมือนจะอยู่ห่างออกไปไกลกว่าเดิมหน่อย ไม่เป็นไรหรอก ค่อยๆเดินไป เดี๋ยวก็ถึง... ฟ้าใสหันหลังผละจากบ่อโคลนโดยไม่เหลียวกลับไปมองอีก ยิ้มพลางสาวเท้าเดินเข้าเขตสวรรค์ซึ่งยังปรากฏอยู่ต่อหน้าต่อตา

ฟ้าใสกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ
นี่ก็จะเป็นอีกชิ้น ที่เธอแย่งมันมาจากรสาได้อีกคราหนึ่ง...


•.,¸,.•*¯`•.,¸,.•*


ไตรรัตน์ไม่ได้ก้มลงมองเรือนร่างของหญิงสาว...

สายตาเขาสอดส่ายมองหาอาวุธ มีดผ่าตัดที่จัดเตรียมไว้ยังอยู่ในซอง มันถูกวางแผ่ไว้ที่ขอบอ่างอาบน้ำอีกด้าน พอมือหนึ่งประคองหน้าหญิงสาวขึ้นมาและโน้มตัวลงใช้ปากประทับพวงแก้ม ไอ้เพ้งก็ขยับเข้ามาใกล้เพื่อถ่ายให้ชัดขึ้น มืออีกข้างหนึ่งไตรรัตน์คว้าเอามีดด้ามเล็กปลายตัดเป็นสามเหลี่ยมคว้าจับไว้ถนัดมือ จากนั้นปล่อยร่างรสาแล้วหันตัวกลับในฉับพลัน ไอ้เพ้งไม่ทันได้ตั้งตัวได้แต่ยืนตาค้าง

ร่างของรสาจมลงไปในอ่างน้ำ...

ไตรรัตน์เสียบมีดปักต้นคอใต้กกหูซ้ายจนมิดด้าม ปลายมีดปักทะลุไปหาต้นคออีกด้าน มีดตัดเส้นเลือดใหญ่ในลำคอ พอไตรรัตน์ดึงมีดออกเลือดก็ทะลักออกมาเหมือนน้ำก๊อก

“อ่อก!”

เพ้งพยายามเปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือแต่เลือดก็ท่วมคอ กล่องเสียงพลอยถูกปาดไปครึ่งท่อน มันทรุดตัวล้มพับโดยแทบไม่มีอาการทุรนทุราย กล้องวิดีโอหล่นจากมือ ไตรรัตน์คว้าไว้ทันและนำไปวางกับโต๊ะเครื่องมือ แต่ร่างไอ้เพ้งที่ล้มลงชนกับเก้าอี้ไม่วายส่งเสียงปังครั้งหนึ่ง ไตรรัตน์คว้าร่างไร้วิญญาณของมันเอนนั่งพิงผนัง เอาเศษผ้าพันคอหยุดเลือดไม่ให้ไหลนองลงกับพื้น ซ้งกับเดชาที่อยู่ข้างนอกได้ยินเสียงผิดปกติแต่แล้วก็เงียบลง


“คงกำลังเข้าที่มั้งเฮีย ปัดโน่นปัดนี่ล้มเป็นเรื่องธรรมชาติ”
ไอ้ซ้งสันนิษฐานหลังจากชะโงกหน้ามอง ไม่เห็นอะไรผิดปกติ

“เออ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เอ็งก็เข้าไปดูมันหน่อย จะร่วมวงด้วยก็ได้ แต่ระวัง อย่าให้หน้าเข้ากล้อง”

“โฮะ กำลังจะขอเลยครับเฮีย ให้ผมซักยกนึงนะเฮียนะ”
ไอ้ซ้งไม่พูดเปล่าเอานิ้วโป้งกับนิ้วชี้จีบเข้าหากันแล้วยิ้มตะกละ

“เออ...แต่อย่าให้นานมาก เสร็จแล้วลากมันไปขึ้นรถ เอาไปคืนให้ลูกค้า”
เดชากำชับ

“ได้ครับเฮีย เฮ่ย ไอ้หมอ หลีกทางให้รุ่นใหญ่หน่อยซิ”

ไอ้ซ้งส่งเสียงแซวอย่างคึกคะนอง ผิวปากพลางเอามือสองข้างถอดเข็มขัดเดินเข้ามาหาห้องเล็ก ไตรรัตน์หลบอยู่ตรงริมประตู ถือมีดด้ามใหม่ด้วยมืออันสั่นเทา ร่างของรสากำลังจะจมลงทั้งตัว ศีรษะที่จัดวางพาดไว้ตรงขอบอ่างไพล่ตกและค่อยๆจมลงไปในอ่าง หากไตรรัตน์เอื้อมมือไปคว้าไว้ ไอ้ซ้งจะเดินเข้ามาเห็นร่างของไอ้เพ้งและทุกอย่างจะจบ ไตรรัตน์ต้องปล่อยให้ร่างของรสาจมลงไปทั้งอย่างนั้น

ไอ้ซ้งเดินตรงเข้ามาถึงประตูแล้ว มันคงจะเดินเข้าไปหาคมมีดถ้าไม่บังเอิญมองลอดใต้ประตูเห็นปลายเท้าไอ้เพ้งที่กำลังชักกระตุกเสียก่อน ไอ้ซ้งชะลอฝีเท้าลง ย่างสามขุมและผลักประตูเข้าไปช้าๆอย่างโจรมืออาชีพที่ชำนาญการ ขณะเดียวกันเดชาก็กำลังผิดสังเกตที่ถนนปากทางเข้าโรงนา มีรถตำรวจขับเข้ามาในเส้นทางที่รถธรรมดาแทบไม่วิ่งผ่าน ถัดจากรถตำรวจยังมีรถซีดานขนาดกลางขับตามหลังมาแต่ไกล เดชาลุกไปยืนดูตรงหน้าต่าง

ชั่ววินาทีนั้น ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ.




 

Create Date : 14 ธันวาคม 2554
4 comments
Last Update : 14 ธันวาคม 2554 7:09:41 น.
Counter : 688 Pageviews.

 

สนุกๆๆ ค่ะ
หาภาพว่าจะเอาภาพที่เดชากำลังช่วยรสา หรือเอาภาพบนทิพย์วิมานดี
สรุปเอาภาพที่ผู้คนสนใจจะดีกว่า ฮ้าๆๆๆๆ

แวะเอไปแชร์ที่กลุ่มนะคะ คุณอ้อ งิงิ

 

โดย: ณ ปลายฉัตร 14 ธันวาคม 2554 7:51:21 น.  

 

ฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เบลอเล็กน้อยค่ะ 55555555+

แง่มๆๆๆๆ

 

โดย: ณ ปลายฉัตร 14 ธันวาคม 2554 8:00:27 น.  

 

ขอบคุณคุณฉัตรค่ะ

 

โดย: รุริกะ 14 ธันวาคม 2554 20:44:56 น.  

 

สวัสดีปีใหม่ ส่งใจอวยพร
เขียนเป็นคำกลอน ให้พรสุขี
ขอให้ทุกท่าน พ้นผ่านไพรี
อยู่ดีกินดี โชคดีตลอด
มั่งมีเงินทอง ข้าวของสินสอด
รายได้ตลอด ให้ปลอดโรคภัย
เรื่องเจ็บอย่าป่วย ความซวยห่างไกล
ทุกข์เข็ญจัญไร จงไกลห่างตัว
จงสุขสำราญ เบิกบานกันทั่ว
ความเลวความชั่ว ห่างตัวห่างใจ
จงมีแต่สุข เรื่องทุกข์อย่าใกล้
โชคดีปลอดภัย คนไทยทุกคน .....



 

โดย: kruchang tossapol 3 มกราคม 2555 17:35:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


รุริกะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




users online
pageviews
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
14 ธันวาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add รุริกะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.