๛ ภูษาโยง ๛ (บทที่ 17 : คนละภาษา)


ขอบคุณภาพจาก //footage.shutterstock.com

...

...

...

เพียะ !

ใบหน้าของนักนินหันไปตามแรงตบของอีกฝ่าย ทันทีที่ร่างของเกนโซหายเข้าไปในห้องผ่าตัดเพื่อให้แพทย์ทำการผ่าเอากระสุนที่ฝังในออก หญิงสาวสองคนที่ยืนรออยู่ด้านนอกได้หันไปคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง นักนินก้มหน้าขอโทษ และพอเงยหน้าขึ้น ฮานาโกะก็ตวัดมือใส่ใบหน้านวลเข้าอย่างจัง

เพียะ ! เพียะ ! เพียะ !

การตบครั้งที่สอง สาม และสี่ ตามมา แต่ละครั้งคือสุดแรงเงื้อและฟาดลงบนแก้มบางอย่างไม่การตบครั้งที่สอง สาม และสี่ ตามมา แต่ละครั้งคือสุดแรงเงื้อและฟาดลงบนแก้มบางอย่างไม่ปรานีปราศรัย แม้ผู้ถูกกระทำจะไม่หลบและไม่ถอยหนี แต่แรงตบครั้งหลังๆ ก็ทำให้นักนินเซทรุด และในที่สุดก็เข่าอ่อนยวบลงไปกองกับพื้นตรงทางเดิน ฮานาโกะเอียงหน้ามองพร้อมกับโน้มตัวลงและเงื้อมือหมายจะลงแรงอีก

“พอได้แล้วมั้งครับ”

นพพรคว้าข้อมือเล็กนั้นไว้ ฮานาโกะหันไปตวัดตามองอีกฝ่ายแล้วพูดอยู่ในลำคอ

“余計なお世話。[i]”

นพพรไม่เข้าใจสิ่งที่หญิงสาวพูด แต่มองจากสายตาแดงก่ำและใบหน้าฉุนเฉียวนั้น เขาเองก็พอจะเดาได้ว่าเธอกำลังไม่พอใจที่เขาเข้ามายุ่มย่าม

“เธอเป็นต่างชาติน่ะค่ะ แล้วฉันก็ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ”

นักนินยันตัวลุกขึ้นพร้อมกับเดินไปโอบและลูบหลังฮานาโกะเบาๆ หญิงสาวจึงค่อยๆ ลดมือลงและสะอื้นฮั่กๆ นพพรถอยฉากออกไปอย่างไม่เข้าใจอารมณ์ผู้หญิง แต่หลังจากผละออกมาได้ไม่ไกล ฮานาโกะก็ผลักนันนินออกอย่างแรงจนกระเด็นไปติดกับผนังตึก หญิงสาวขยี้เท้าอย่างไม่พอใจก่อนจะสะบัดหน้าแล้วเดินเช็ดน้ำตาออกไปตามทางเดินโดยไม่รู้จุดหมาย เธอรู้แต่ว่า ต้องพาตัวเองออกไปให้ไกลๆ ก่อนจะทนไม่ไหวและลงมือลงไม้กับนักนินอีกครั้งหนึ่ง

“เดี๋ยวก่อนฮานาโกะ”

นักนินหันไปร้องเรียกและหมายจะเดินตาม แต่ทันใดนั้นเธอก็สัมผัสได้ถึงของเหลวอุ่นๆ ที่ไหลออกจากจมูกและหยดแหมะลงบนพื้นเป็นคราบสีแดง เลือดกำเดาของเธอนั่นเอง นักนินถอยไปนั่งตรงเก้าอี้ตรงริมทางเดินและเอามือเช็ดเลือดที่ไหลออกมาไม่มากนัก สักครู่หนึ่งก็หายไป

“ผ้าเย็นครับ”

นพพรเดินเข้ามาหาพร้อมกับส่งผ้าเย็นที่ไปขอมาจากพยาบาลยื่นให้นักนินที่จริงเขาตั้งใจให้มันช่วยประคบรอยแดงเป็นรูปนิ้วมือที่ประทับอยู่บนใบหน้าของหญิงสาวแต่ตอนนี้คงใช้ซับเลือดชั่วคราวก่อน

“ขอบคุณค่ะ”

“นั่นไม่เจ็บหรือ”

ชายสูงวัยชี้ที่แก้มตัวเองนักนินก็ลูบแก้มตัวเองบ้าง พบว่ามันกำลังร้อนผ่าว

“เจ็บค่ะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ”

นักนินบังคับเสียงตัวเองให้เป็นปรกติ ทั้งที่ความจริงแล้วเธอก็ตกใจกลัวจนมือไม้สั่น ตั้งแต่ตอนที่โดนพัลลภขู่กรรโชกจนกระทั่งเกนโซมาถึงและพลัดหลงโดนยิง แต่ก็ต้องควบคุมสติของตนเองเอาไว้ ไม่ให้แตกกระเจิงไปเหมือนฮานาโกะที่พอถึงโรงพยาบาลแล้วหมอบอกว่ากระสุนฝังใน ต้องพาเกนโซเข้าห้องผ่าตัดโดยด่วน เธอช็อคไปครู่หนึ่ง พอได้สติก็หันมาจ้องมองนักนิน หญิงสาวที่จู่ๆ ก็เข้ามาในชีวิตของพี่ชายและทำให้เกนโซต้องมาประสบเคราะห์กรรมโดยใช่เหตุ

“ทำไมถึงยอมให้เขาตบเอาๆล่ะ ทำเป็นนางเอกหนังไทยไปได้”

นพพรพยายามปล่อยมุกซึ่งไม่ได้ผลเท่าใดนัก แต่นักนินฝืนยิ้มแล้วตอบ

“ฉัน เอ้อ หนู”

นักนินเปลี่ยนสรรพนามเรียกตนเองเมื่อพิจารณาอายุของอีกฝ่ายซึ่งน่าจะห่างกันร่วมยี่สิบปี

“หนูผิดเองค่ะ หนูบอกว่าถ้าเธอโกรธคนที่ยิง ก็ให้มาลงกับหนูแทน”

นั่นเพราะนักนินคิดว่าเธอเองเป็นต้นเหตุทั้งหมด การลงโทษของฮานาโกะยังน้อยไปด้วยซ้ำกับความผิดที่เธอสมควรได้รับ ส่วนฮานาโกะคิดว่าหญิงสาวปกป้องคนผิดเพราะฝ่ายนั้นเป็นญาติของคนรักเก่า สรุปคือไม่ว่าจะมองมุมไหน นักนินก็ผิดทั้งขึ้นทั้งล่อง หญิงสาวกำผ้าเย็นเปื้อนเลือดเอาไว้และบังคับมือไม่ให้สั่นก่อนจะเช็ดเลือดออกจากจมูก และหันด้านที่ไม่เปื้อนมาประคบสองแก้มที่ร้อนผ่าว จากนั้นจึงค่อยๆ หันมาพึมพำเบาๆ กับคนที่ทรุดตัวลงมานั่งด้วย

“หนูจำคุณได้ คุณเป็นคนช่วยชีวิตพวกเราในอุบัติเหตุคราวนั้นใช่ไหมคะ”

นพพรพยักหน้า นาฬิกาฝังเพชรของภาคิมอยู่ในกระเป๋ากางเกง เขายังไม่ได้หยิบมันออกมา สภาพคู่กรณีในเวลานี้ช่างดูย่ำแย่พอกันทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ภาคิมนอนนิ่งไม่กระดิกตัวอยู่ในห้องไอซียู ส่วนนักนินก็ดูอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด

“ดีจังค่ะ ที่ได้เจอ คุณอาจจะช่วยบอกหนูได้ ว่าจะไปตามหาครอบครัวของคนที่โดนรถชนตายได้ที่ไหน”

หลังจากผ่านเรื่องร้ายมามาก นักนินคิดว่าตัวเองเข้มแข็งพอที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งที่ตามมาได้ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเสียงของตนเองจึงแผ่วลงและแผ่วลง โถงทางเดินเบื้องหน้าช่างดูโคลงเคลงและพื้นดินดูอ่อนยวบ

“อย่าเพิ่งไปไหนนะคะ อย่าเพิ่งไป...”

ผ้าเย็นในมือร่วงหล่นลงกับพื้น หญิงสาวสลบซบกับบ่าของชายในชุดซาฟารีของหน่วยกู้ภัย นพพรขยับร่างบางนั้นให้เอนลงบนตักเขาอย่างนุ่มนวลที่สุด ในเวลานี้หญิงสาวไม่ควรได้รับความกระทบกระเทือนใดๆ มากไปกว่านี้อีก

ภาพที่ปรากฏในสายตาของคนเดินผ่านไปมาในโรงพยาบาลไม่ขัดขัดตาเท่าใดนัก ดูไปคล้ายกับภาพของลูกสาวนอนพักกับตักพ่อในช่วงที่รอผลการผ่าตัด

นพพรถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วนึกตำหนิตัวเอง

เนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอเสียแล้วสินะ...


*•..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• ** •..,..,..• *


หงุนส่องกระจกในห้องน้ำของโรงพยาบาลแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองเท่เหลือกำลัง

เสื้อยืดคอวีสีขาวตราห่านคู่ สวมทับด้วยแจ็คเก็ตเข้ารูปสีดำ บวกกับกางเกงยีนส์ขาเดฟทรงทันสมัยที่เขาซื้อมาจากตลาดเมื่อเช้า เพิ่งลองสวมได้ไม่ทันไร นพพรก็โทรหา ให้ไปรับรถจากโรงพยาบาลไปคืนมูลนิธิ เพราะเจ้าตัวคงจะยังไม่กลับในเวลาอันใกล้ ครั้นจะจอดรถทิ้งไว้ก็เกรงว่าจะมีอุบัติเหตุอื่นแล้วรถของมูลนิธิจะไม่พอใช้กัน และที่จริงคืนนี้ไม่ใช่เวรของเขา แต่หงุนก็ว่างอยู่เรื่อยๆ ตามประสานักศึกษาอาชีวะปีสุดท้ายที่ไม่ค่อยมีอะไรทำ เขากระโดดขึ้นรถเมล์มาเพราะค่าแท็กซี่ดูท่าจะไม่พอจ่าย แต่พอถึงโรงพยาบาลก็ยังพอวางมาดได้ เพราะชุดยังไม่ยับเกินไปนัก

“รถจอดอยู่ประตูสี่มีกุญแจสำรองใช่ไหม ฝากขับไปคืนแปะซ้งด้วยนะ”

นพพรสั่งมาทางโทรศัพท์สั้นๆ ตั้งใจให้หงุนนแวะมาเอารถแต่เพียงอย่างเดียว แต่ด้วยความที่นั่งรถเมล์มาหลายป้าย ทำให้ถูกข้าศึกโจมตีจนต้องแวะเข้าห้องน้ำของรพ.เสียก่อน

ครืดดดดด!!!

เสียงล้วงกระดาษทิชชู่และกดอุปกรณ์ชำระดังฟืดฟาดกึงกังอย่างคนใช้สุขภัณฑ์ไม่เป็น ดังมาจากห้องน้ำหญิงในฝั่งตรงกันข้าม หงุนแอบนึกในใจว่าคงจะเป็นคุณป้าแก่ๆ จากต่างจังหวัดมาเยี่ยมหลาน ดูท่าทางจะงกๆ เงิ่นๆ น่าดู ถึงขนาดเฟอะฟะ ปึงปัง จนทำให้เสียงอุปกรณ์ครวญครางดังมาถึงห้องน้ำชายได้

ชายหนุ่มทำธุระเสร็จในช่วงเวลาเดียวกับคุณป้าในห้องน้ำอีกฟากทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงเดินกระทบพื้นกระเบื้องดังก๊อกๆ แก๊กๆพร้อมด้วยเสียงสูดน้ำมูกฟึดฟัดระหว่างเจ้าตัวเดินออกมาจากห้องน้ำ

หงุนชะโงกหน้าออกจากฝั่งของตัวเอง เมื่อคล้อยหลังเสียงรองเท้าส้นสูง เขาเห็นแค่แผ่นหลังสะโอดสะองของหญิงสาวนางหนึ่งเดินเปะปะไปตามทางเดิน และดูเหมือนจะมีเรื่องกลัดกลุ้มใจอะไรบางอย่างจึงก้มหน้าก้มตาเช็ดน้ำมูกน้ำตาอยู่เป็นระวิง

“สงสัยจะป่วยเป็นโรคประสาท”

เขาพึมพำกับตัวเองแล้วถอยหนีออกมา โรงพยาบาลคงไม่ใช่สถานที่ที่เขาจะเจอสาวๆ สวยๆ ได้ง่ายนักมิสู้เอารถกลับไปส่งแล้วไปเดินเล่นตามตลาดหรือห้างสรรพสินค้า แบบนั้นความเป็นไปได้น่าจะสูงกว่าหลายเท่า

หงุนส่ายหน้าและเดินแยกจากมาทางที่จอดรถ ส่วนฮานาโกะเหลียวมองดูทางหนีไฟแล้วเกิดความคิดว่า อยากไปขึ้นไปยืนรับลมบนดาดฟ้าสักหน่อย ทั้งสองคนเดินแยกจากกันไปคนละทางเหมือนถนนคนละสายที่ไม่มีวันมาบรรจบกันได้

เว้นแต่จะมีทางลัดตัดผ่าน...


*•..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• ** •..,..,..• *


“ว.2 ว.7 ว.2 ว.7 มีผู้หญิงโทรมาที่สถานีตำรวจ บอกว่ากำลังจะฆ่าตัวตายบนดาดฟ้าโรงพยาบาล...”

หงุนชะงักกุญแจที่กำลังบิดเพื่อสตาร์ทรถค้างเติ่ง เครื่องยังไม่ทันติด เสียงจากวิทยุสื่อสารก็ตะเบ็งขึ้นมาเสียก่อน

“ว.7 ว.7 มีผู้หญิงโทรมาที่สถานีตำรวจ บอกว่ากำลังจะฆ่าตัวตายบนดาดฟ้าโรงพยาบาล... ตำรวจกำลังคุยไกล่เกลี่ย ระหว่างนี้ขออาสาสมัครที่อยู่ใกล้ถนน...กม. 14 ไปเคลียร์พื้นที่โดยด่วน”

หงุนฟังชื่อโรงพยาบาลแล้วแทบอยากเอาหัวโขกพวงมาลัย

นี่มันโรงพยาบาลที่เราเพิ่งเดินออกมาเลยนี่หว่า...

“ว.2 ศูนย์กู้ชีพปราบดาหาญ กำลังไป”

เสียงตอบจากอาสาสมัครที่สังกัดอีกมูลนิธิหนึ่งตอบเข้ามาในสาย หงุนเลยเงียบเสียงไม่กดตอบรับ

วันนี้เป็นวันพักปล่อยเขามาจัดการไปก็แล้วกัน...

นึกในใจอย่างนั้น แต่มือก็หมุนกระจกลงตัวก็ชะโงกขึ้นไปมองบนตึก

“เฮ่ย!!”

เขาเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนหันหลังอยู่บนดาดฟ้าตรงราวระเบียง ลมบนยอดตึกพัดกรูให้ผมหยิกและฟูฟ่องของหญิงสาวปลิวสยายเหมือนก้อนเมฆแตกกระจายเวลาเจอพายุหมุน

“นั่นอาซิ้มรองเท้าส้นสูงที่เจอหน้าห้องน้ำนี่นา”

หงุนหมุนกระจกลง เปิดประตู แล้วกระโดดลงจากรถ เขาปิดประตูปังโดยไม่รอฟังรายละเอียดอื่นๆในวิทยุสื่อสาร

“ไปที่ตึก 2 ชื่อตึกวชิราพรนะครับตั้งสติให้ดี เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม อย่าหลงตึก...”

หงุนไม่ได้ฟังประโยคนั้นและยังเดินตรงแหน่วไปยังตึก 1 ที่เพิ่งจากมา ชายหนุ่มวิ่งขึ้นบันไดหนีไฟจนหอบแฮ่ก อากาศร้อนสะบัดจนเหงือแตกหงุนถอดแจคเก็ตออกจนเหลือแต่เสื้อยืดสีขาวตราห่านคู่พร้อมกับถีบประตูหนีไฟตรงดาดฟ้าและตะโกนก้อง

“อาซิ่ม หยุดก่อน!!”

ฮานาโกะซึ่งกำลังเกาะระเบียงดาดฟ้ากินลมชมวิวเพลินๆหันไปตามเสียงเรียกโดยที่เธอก็ไม่รู้ภาษา เห็นแต่หน้าตาตื่นๆ ของชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันที่กำลังหอบแฮ่กและตะโกนโหวกเหวกอะไรสักอย่าง

“あなた は 誰 ですか?[ii]”

ฮานาโกะตะโกนถามว่าเขาเป็นใครและค่อยๆถอยหลังหนีไปตรงระเบียง เธอระแวงคนแปลกหน้าอย่างหนัก ต้นเหตุมาจากพัลลภ นักนิน และเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปหยกๆ

‘ซวยล่ะ ไม่ใช่อาซิ่ม’

แถมสวยอีกต่างหาก...หงุนสบถพร้อมกับเบิ่งตาค้าง เมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าชัดๆ ใบหน้าหวานขาวละมุนผุดผ่องและดวงตาโฉบเฉี่ยวเปล่งประกาย แล้วไหนจะปากจิ้มลิ้มพริ้มเพราราวกับผลเชอรี่นั่น นึกได้ดังนั้นหงุนต้องรีบตบหน้าตัวเองพร้อมกับกางขาอ้าแขน เตรียมพร้อมเต็มที่ที่จะเข้าไปประชิดและดึงเธอออกมาจากระเบียงก่อนที่หญิงสาวจะตัดสินใจกระโดดลงไปโดยใช้เวลาให้น้อยที่สุด

“怖い[iii]”

ถึงจะแปลไม่ออก แต่หน้าเบ้ๆและสายตาที่ฮานาโกะส่งมา ให้ความหมายที่ใกล้เคียงกับ...

“คนบ้า

หญิงสาวนึกภาษาไทยที่เรียนมางูๆ ปลาๆออกแล้วรีบตะโกนใส่

“เอ้ย ผมไม่ได้บ้าสักหน่อย คุณน่ะสิบ้า”

“ไอ้บ้า! ไอ้บ้าๆๆๆ”

“นี่คุณ เป็นสาวเป็นนาง พูดจาแบบนี้ได้ยังไงที่สำคัญ อย่าคิดสั้นเลยนะ มา ออกมาเถอะ”

หงุนพยายามใช้ไม้อ่อน แต่ฮานาโกะเองยังมองเลิ่กลั่กและไม่เข้าใจที่ชายหนุ่มกล่าว เธอถอยหนีไปติดระเบียงเข้าไปใหญ่ และทันใดนั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นดาดฟ้าของตึกถัดไป ฝั่งนั้นมีหญิงสาวท่าทางตื่นกลัวและกลุ่มคนชุดฟอร์มแปลก รวมทั้งแพทย์และพยาบาลไปออกันอยู่ที่นั้น ต่างส่งเสียงร้องห้ามกันอย่างโกลาหล

‘เข้าใจล่ะ...’

ฮานาโกะพึมพำเป็นภาษาตัวเอง

‘ตาซื่อบื้อคนนี้คงจะนึกว่าเรากำลังจะกระโดดตึกตายสิท่า คนที่จะกระโดดจริงๆ น่ะ อยู่บนดาดฟ้าของตึกโน้นต่างหาก’

คิดได้แล้วก็ทำเป็นขยับซ้ายที หงุนก็ขยับตามพอเปลี่ยนไปขยับขวา หงุนก็เยื้องตัวตามอีกเช่นกันฮานาโกะเห็นท่าทางของชายหนุ่มแล้วอดหัวเราะคิกขึ้นมาไม่ได้

‘ท่าทางจะอาการหนักไม่ใช่เล่นหน้าตาก็น่ารักดี ไม่น่าคุ้มดีคุ้มร้ายเลย’

หงุนเองก็นึกอยู่ในใจและพยายามหาทางแก้ไข พร้อมกับสอดสายสายตามองว่ามีใครตามมาช่วยบ้างหรือยัง ปรากฏว่าข้างหลังก็ไม่มีข้างล่างก็ว่างเปล่า และทันใดนั้น สายตาก็ไปปะทะกับตึกข้างๆ

“เอ้ย

หงุนเข้าใจในเวลาต่อมา ว่าเขาขึ้นมาผิดตึก ฮานาโกะกอดอกมองตาซื่อบื้อยิ้มเบี้ยวๆ เอามือเคาะและเกาหัวตัวเองแกรกๆ ก่อนจะหันหลังเตรียมเดินจากไปฮานาโกะหัวเราะคิกคักอยู่ข้างหลัง จากนั้นเดินตามมาคว้าแขนหงุนเอาไว้

“ไป ส่ง หน่อย”

“หืม”

“ช่วย ไป ส่ง หน่อย นะ คะ”

ฮานาโกะพูดภาษาไทยได้กระท่อนกระแท่นแต่ก็น่ารักน่าชังและชวนให้หัวใจอ่อนไหวพอๆ กับเต้นรัวหงุนเปลี่ยนมาจูงมือเธอแล้วพยักหน้าแรงๆ

“อื้อ”

ถึงจะต่างภาษาแต่ก็เห็นอกเห็นใจและเข้ากันได้อย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มและหญิงสาวจูงมือกันลงมาจากดาดฟ้าเพื่อจะเดินกลับไปยังห้องผ่าตัดที่มีนักนินรอดูอาการของเกนโซอยู่

...

...

...

- โปรดติดตามตอนต่อไป –



[i]余計なお世話。 อ่านว่า Yokeinaosewa. แปลว่า ไม่ใช่เรื่องของคุณสักหน่อย

[ii]あなた ですか? อ่านว่า Anata wa dare desu ka? แปลว่า คุณเป็นใครน่ะ

[iii]怖い อ่านว่า Kowai แปลว่า น่ากลัวจัง




 

Create Date : 01 มกราคม 2556
11 comments
Last Update : 4 มกราคม 2556 15:55:37 น.
Counter : 1511 Pageviews.

 

แวะมาแอบอ่านตอนเก่าๆ

 

โดย: มาโซคิส 2 มกราคม 2556 2:39:21 น.  

 

....

 

โดย: ....^.^.... IP: 110.164.68.126 3 มกราคม 2556 11:32:54 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณรุริกะ ^ ^
มาเยี่ยมบล็อกค่า

 

โดย: lovereason 5 มกราคม 2556 23:01:02 น.  

 

มารายงานตัวว่าอ่านแว้ว..ว (ตอนที่แล้วเม้นท์ไม่ได้ค่า)
ว่าแต่ "หงุน" แปลว่าอะไรคะ ^ ^

 

โดย: แจม IP: 171.7.174.82 8 มกราคม 2556 21:48:31 น.  

 

รอมาหลายทิตย์แล้วค่ะ อยากอ่านตอนต่อไปจังเลย

 

โดย: Buzzy IP: 171.98.70.211 1 กุมภาพันธ์ 2556 16:16:43 น.  

 


นั่นสิ
หลายอาทิตย์แล้ว^^

 

โดย: PSY G IP: 183.89.248.244 3 กุมภาพันธ์ 2556 7:14:41 น.  

 

 

โดย: มาโซคิส 9 กุมภาพันธ์ 2556 10:27:58 น.  

 

คุณได้ทำการแปะ ใจอวบๆ ให้กับคุณ รุริกะ เรียบร้อยแล้วนะคะ

- - - - - - - - - - - - - - -

เห็นห้องผ่าตัดแล้วเสียวๆอ่ะ

ปอมมาแปะใจใหคุณงุงิ ในวันที่อากาศดีๆนะคะ

 

โดย: กาปอมซ่า 11 กุมภาพันธ์ 2556 11:32:01 น.  

 

 

โดย: มาโซคิส 13 กุมภาพันธ์ 2556 23:21:55 น.  

 

ใจหายวาบ เพิ่งนึกได้ว่าลืมอัพบล็อกค่ะ T ^ T

 

โดย: รุริกะ 14 กุมภาพันธ์ 2556 16:38:05 น.  

 

ตามมาอ่านตอนจบแล้ว ขอบคุณมากค่ะ

 

โดย: แจม IP: 171.7.181.142 17 กุมภาพันธ์ 2556 21:32:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


รุริกะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




users online
pageviews
Group Blog
 
<<
มกราคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
1 มกราคม 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add รุริกะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.