+ + + + + + คำตอบของเธอ + + + + + + : รุริกะ (รุริกะ ft. GTW)
น้ำเสียงรอบหลังมาจากความบริสุทธิ์ใจจริงไม่มีอื่นใดเคลือบแฝง เธอยิ้มแห้งๆและถามกลับเสียงเบา คุณจะมาแสดงความจริงใจอะไร ชื่อฉัน คุณยังไม่รู้จักเลย อือ... นั่นสิครับ ปลายสายหัวเราะกลับมาเจื่อนๆ อาจเพราะเธอห่างหายจากผู้คนมานาน การได้คุยกับคนแปลกหน้าที่มีทีท่าแสดงความสนใจเธออย่างเปิดเผย ก็ทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้น แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เธอจะยอมให้เขามาพบหน้า ขอบคุณนะคะ แต่อย่าเลย ถึงคุณมา ฉันก็มองเห็นคุณไม่ได้ ถ้าเราต้องนัดไปเจอกันที่ไหน คุณเสียอีก ที่จะต้องอายเวลาเดินกับฉัน อีกฝ่ายนิ่งอึ้งไป รอบนี้เขาไม่ดื้อดึงปฏิเสธหรือหาคำมาโกหกเธออีก ผมเลยไม่รู้จะไปต่อยังไงเลย ฉันก็เหมือนกัน... เธอตอบเสียงเจื่อนพอกัน นึกเสียดายที่บทสนทนาต้องจบลงเพียงเท่านี้
เอาอย่างนี้ดีกว่า เรามารู้จักชื่อกันก่อน ขอผมแนะนำตัวนะครับ ผมชื่อสักกะ เอ่อ...จริงๆผมก็อยากบอกชื่อหรูๆอย่างที่หามาตั้งเวลาเล่นเกม อย่างลูซิเฟอร์ เคออส อะไรประมาณนั้น แต่พอเดาได้ว่าเดี๋ยวคุณก็หาว่าผมไม่จริงใจอีก เลยบอกชื่อจริงดีกว่า เขาพูดติดกันยาวพรืด สัมผัสได้ถึงน้ำเสียงอยากแก้ตัวที่ทำให้ผู้หญิงร้องไห้ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งคงเป็นนิสัยผู้ชายที่ อยากยื้อ เกมนี้ไว้ ชื่อสักกะก็ดีแล้วนี่คะ ใช่แปลว่าพระอินทร์หรือเปล่า ก็แปลกดี... เมื่อเขาแสดงความจริงใจขนาดนี้ เธอเองก็ไม่อยากวางสาย ครับ แล้วคุณล่ะ ฉันชื่อสโรชิน คุณลองทายสิคะ ว่าแปลว่าอะไร เอ... ชื่อแปลก ภาษาญี่ปุ่นหรือเปล่าครับ ลูกสาวของโอชิน อะไรประมาณนั้น ไม่ใช่เลย
เธอลากเสียง อารมณ์ดีขึ้น แปลว่าดอกบัวต่างหาก ดอกบัวที่เอาไว้ถวายพระ... เอาไว้บูชาเทวดา เทวดาทั้งหลายก็ได้แก่พระอินทร์เป็นต้น บังเอิญไปไหม เขาเพิ่งบอกว่าเธออยู่ในเกมของเขา ไปๆมาๆ ชื่อของเธอก็เป็นชื่อของดอกไม้ที่เอาไว้บูชาชื่อของเขาอีกจนได้ ชื่อดี ความหมายก็ดีนะครับ เขาพูดด้วยน้ำเสียงเจือยิ้ม ราวกับอ่านใจเธอออกบ้าง แล้วคุณมองฉันจากที่ไหนคะ ตอนนี้ ถึงจะรู้จักชื่อแล้ว แต่เธอก็ยังไม่สนิทใจที่จะใช้ชื่อเขาแทนคำว่าคุณอยู่ดี ก็ในกรุงเทพเมืองฟ้าอมรนี่แหละครับ ผมอยู่ในห้องเช่าเล็กๆชานเมือง บางวันก็นอนเปิดหน้าต่างแหงนหน้าดู Airport link ที่พาคนโดยสารไปขึ้นเครื่อง แต่บางวันเปิดประตูเดินออกไปนอกซอย ก็เจอถนนหนทางที่รถเมล์วิ่งผ่าน คนอัดแน่นโหนกันเป็นปลากระป๋อง เหลือเชื่อนะครับ บ้านเมืองเรามีพลเมืองที่ใช้ชีวิตแตกต่างกันมากขนาดนี้ ฟังน้ำเสียงพอจับใจความได้ ว่าเขาเป็นพลเมืองในชั้นหลัง แต่เธอไม่อินังขังขอบ เทียบกันแล้ว ขอให้ตามองเห็น เธอยินดีจะโหนรถเมล์ไปถึงสุไหงโกลกโดยไม่ต้องนั่งเครื่องบินก็ยอมล่ะ เอ... แต่เมื่อครู่เขาพูดถึงอะไรนะ Airport link คืออะไรคะ? เธอถามตามประสาซื่อ เพิ่งเคยได้ยินชื่อนี้จากเขานี่แหละ หือ... อะไรครับ ไม่รู้จัก Airport Link โธ่... นี่มันปี 2011 แล้วนะคุณ 2011!! ถึงจะตาบอด ถึงจะอยู่คนเดียวมานาน ไม่สนใจนับคืนและวัน แต่ก็พอคาดเดาได้ว่า เธอไม่ได้อยู่คนเดียวมานานขนาดนั้น สโรชินมือไม้อ่อน พาลจะทำโทรศัพท์ร่วงจนต้องรีบเอามืออีกข้างมาประคองไว้ เออะ! ขอโทษ ผมขอโทษ ผมทำร้ายจิตใจคุณอีกหรือเปล่า โธ่... คุณคงไม่ค่อยได้ออกไปไหน จริงๆ Airport Link มันก็เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปีที่แล้วเองแหละครับ คุณไม่รู้ก็ไม่แปลกเท่าไหร่หรอก ปะ เปล่าค่ะ คุณเล่าต่อสิคะ บ้านเมือง เอ้อ... สภาพแวดล้อมรอบๆตัวคุณเป็นยังไง คุณจะเล่าอะไร ฉันก็อยากฟังทั้งนั้น ให้ฉันจินตนาการตามไปด้วย ได้ไหมคะ คราวนี้เธอเป็นฝ่ายละล่ำละลักตอบ ด้วยความเต็มใจครับ ปลายสายตอบกลับมาอย่างแข็งขัน เขาเล่าเรื่องราวอีกสารพัด น้ำเสียงนั้นอบอุ่น เป็นมิตร และเอื้ออาทร จนเธออดใจหายไม่ได้
ก็เมื่อคืนทีวีที่เธอเปิด ยังเป็นเสียงนายกรัฐมนตรีกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวโรกาสที่ในหลวงทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี คำนวณอีกกี่ครั้ง นี่ก็เพิ่งอยู่ในปี 2006 แน่ๆ
ประหลาดดีเหมือนกันนะครับ อย่างเบอร์โทรศัพท์ที่โทรหาคุณ ก็ยาวเป็นวา ตอนแรก ผมยังสงสัยว่าตัวเองหลุดมาอยู่ในเกมสลับมิติหรือเปล่า ปลายสายปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์อีกหน ขะ... ค่ะ ไม่ใช่เกมสลับมิติหรอก นี่มันเกมพิศวง และเบอร์โทรศัพท์ที่โทรหากันข้ามเวลาได้ต่างหาก บรรยากาศบ้านเมืองที่เขาเล่ามา ก็มีแต่เรื่องที่ไม่เคยอยู่ในความคาดหมายของเธอทั้งนั้น สโรชินได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจแต่กลับไม่กล้าบอกออกมาเป็นคำพูด ผมว่า... คุณคงฟังผมจนเหนื่อย ดูสิ หน้าซีดลงไปทุกทีแล้ว เอาอย่างนี้ ผมจะไม่รบกวนแล้วก็ได้ เอาไว้ผมค่อยโทรมาใหม่วันหลังดีกว่าไหมครับ ระหว่างที่เขาผูกไมตรี เสียงเคาะประตูก็ดังสามหน เป็นจังหวะที่รู้กันเฉพาะกับเพื่อนสนิท บัวจ๋า... ถ้าได้ยินเสียงนี้ รีบมาเปิดประตูให้แจ๋นทีนะจ๊า อย่าปล่อยให้เพื่อนรอนานนักล่ะ
ค่ะ มีคนมาพอดี ถ้าคุณไม่รังเกียจฉัน เอาไว้เราคุยกันใหม่วันหลังนะคะ นึกตำหนิตัวเองที่พูดเหมือนทอดสะพาน ได้ยินเสียงเขาหัวเราะเบาๆอย่างชอบใจก่อนจะบอก ครับ ได้ครับ แล้วค่อยวางสาย
สโรชินลุกไปเปิดประตูให้เพื่อน แจ๋นโผล่หน้าเข้ามาแล้วสวมกอดเธอเบาๆ มาทำไม... จริงๆไม่ใช่คำถาม เธอรู้ว่าเพื่อนเป็นห่วงจึงแวะมาดู แต่ถึงอย่างนั้น คนตาเดียวก็ไม่ใช่ว่าจะเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกดายเสียหน่อย มาดูว่าหล่อนซ่อนผู้ชายไว้หรือเปล่า เอามาแบ่งให้เพื่อนบ้าง แจ๋นก็... คนตาบอดอย่างเรา จะเอาผู้ชายไปซุกไว้ที่ไหน โถๆๆ แจ๋นล้อเล่นน่า บัวก็... แจ๋นอยากให้บัวหายไวๆ จะได้ดูตัวเองในกระจกได้ ว่าจริงๆบัวน่ารักขนาดไหน ตกลงไม่มีอะไรใช่ไหม ที่บอกว่า เหมือนมีคนมาแอบดูน่ะ ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ ขอบใจนะ ที่เป็นห่วง แน่นะ อื้ม
ยังไม่เล่าดีกว่า สโรชินหลบสายตาที่มองไม่เห็น เขาอาจจะกำลังแอบมองเธอคุยอยู่กับเพื่อนก็ได้... แต่แจ๋นมาก็ดี บัวจะได้มีเพื่อนพาไปกินข้าว มื้อนี้ให้บัวเลี้ยงนะ จ้า จ้า แจ๋นว่าพลางเอามือเธอไปคล้องแขน และพาเธอออกไปข้างนอก สโรชินลอบถอนหายใจเมื่อปิดประตูห้องพัก ใจหนึ่งโล่งอกที่หลุดพ้นสายตาของเขามาเสียได้ แต่อีกใจหนึ่งกลับพะวักพะวงอย่างประหลาด
เธอยังอยากคุยกับเขาอีกหลายอย่าง แต่กลับลืมถามหาวิธีติดต่อเขาเสียได้!
|