* * Dialogue In the Dark * *




บทสนทนาที่คุณไม่เคยมองเห็น


ความ....สว่างอยู่หนใดใครรู้บ้าง
มืด....มัวจนหมดหนทางใครมองเห็น
สี....ใบไม้ปุยเมฆงามสายน้ำเย็น
ขาว....หรือดำใครขีดเส้นจินตนาการ

ก้าว....มาดูโลกของฉันกันบ้างไหม
ไป....สัมผัสหัวใจอันห้าวหาญ
เปิด....ประตูสู่โลกใหม่ให้พบพาน
ใจ....ประสานสื่อถึงกัน...ฉัน...'เห็น'...คุณ.

* * Dialogue In the Dark * *



heal-117-1heal-117-1



+ + + + 

วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม 2554

เป็นวันที่ท้องฟ้าอากาศเป็นใจ ไม่ร้อนเกินไปแม้จะย่างเข้าเดือนเมษา 
แต่กับอากาศเย็นเยียบและฝนโปรยปราย มองในแง่ร้ายก็ช่างแปรปรวนเหลือแสน 
เหมือนจะขยับเข้าใกล้วันสิ้นโลกขึ้นทุกที แล้วเราจะทำอย่างไรกันดีนะ :)

ฉันขับรถจากที่พักซึ่งไม่ห่างจากทะเลมากนัก เข้ากรุงเทพ
เพื่อไปงานสัปดาห์หนังสือ(ซึ่งก็หลงทางมาแล้วหลายหน :p~)
เขาจัดงานที ก็โผล่ไปเดินเล่น ไปแจกลายเซ็นเสียวันหนึ่ง
โชคดีของฉัน โชคดีของหนังสือ ที่ได้อยู่กับสำนักพิมพ์ที่ดี
มีพื้นที่วางที่พอเหมาะพอดีทุกปีที่ฉันไปถึง
แม้ยอดขายไม่หวือหวา แต่ฉันยังยิ้มได้ทุกเวลา
ที่เห็นเธอถูกยื่นจากมือหนึ่งไปสู่อีกมือหนึ่ง :)

เมื่อเสร็จธุระตามที่ตั้งใจ (ได้ซื้อ ได้เซ็น ได้ขาย ได้บริจาค ฯลฯ)
ฉันก็นึกขึ้นได้ว่า พอมุดสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินลงไป อีกไม่กี่สถานีเท่านั้น
ก็จะเป็นสถานีสามย่าน แค่โผล่ขึ้นฝั่งตรงข้ามวัดหัวลำโพง
ก็จะเป็นจัตุรัสจามจุรี และเดินอีกไม่กี่ก้าวก็ถึงนิทรรศการ Dialogue In the Dark แล้ว
มันคือนิทรรศการอะไร จะมีประโยชน์กับนิยายเรื่องใหม่
ที่ฉันกำลังเขียนถึงนางเอกซึ่งเป็นผู้หญิงตาบอดคนหนึ่งไหม

ต้องลองดู :)


 


heal-117-2


:: ข้อมูลพื้นฐาน ::

นิทรรศการ บทเรียนในความมืด Dialogue in the Dark
เวลาที่จัด 15 ต.ค. 2553 - ต.ค. 2554 (โดยประมาณระยะเวลา 1 ปี) | 11.00 -17.00 น. 
สถานที่ จัตุรัสวิทยาศาสตร์  อพวช.  ชั้น 4  อาคารจามจุรีสแควร์
ค่าบัตรเข้าชม 90 บาท ใช้เวลาในการเข้าชมประมาณ 1 ชั่วโมง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-5779999 ต่อ 1829-1830

heal-117-1heal-117-1

ฉันไปถึงอพวช.ที่ชั้น 4 จัตุรัสจามจุรี เวลา 15.55 น.
เป็นเวลาที่เหมาะ เพราะรอบต่อไปเริ่ม 16.00 น.พอดี
และต้องใช้เวลาประมาณ 15 นาทีในการแนะนำความรู้เบื้องต้น
เช่น ที่มาของนิทรรศการ  ซึ่งเริ่มจัดครั้งแรกเมื่อ 10 ปีก่อนในเมืองฮัมบูร์ก 
ประเทศเยอรมนี มีผู้ก่อตั้งคือ Andreas Heinecke 
จากนั้นมีการขยายการจัดแสดงนิทรรศการนี้ไป 15 เมืองทั่วโลก
ไม่ว่าจะเป็น ฮัมบูร์ก แฟรงค์เฟิร์ต มิวนิค เวียนนา มิลาน แอตแลนตา
เม็กซิโกซิตี ไนโรบี เซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง โตเกียว โซล สิงคโปร์ บาร์เซโลน่า 
และมาเป็นกรุงเทพที่จัตุรัสจามจุรีในปัจจุบัน

ฉันเข้านิทรรศการพร้อมกับพ่อลูกคู่หนึ่ง คุณพ่อบอกเจ้าหน้าที่ว่า
จริงๆก่อนจะมาตั้งถาวรที่จัตุรัสจามจุรี คุณพ่อและลูกสาวเคยไปเยี่ยมชม
นิทรรศการชั่วคราวที่บางนามาก่อนและติดใจ เลยตามมาที่นี่ :)

นอกจากนั้น นิทรรศการนี้ยังมีวิธีปฏิบัติบางประการที่ต้องทำความเข้าใจกันก่อน
ข้าวของที่นำติดตัวมาจะมีตู้ล็อกเกอร์พร้อมกุญแจให้เก็บของ 
เนื่องจากห้ามนำเข้าอุปกรณ์ที่ให้แสงสว่าง ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ 
กล้องถ่ายรูป หรืออุปกรณ์ใดๆ ที่เป็นต้นกำเนิดของแสงและเสียง
จากนั้นก็มีเวลาสั้นๆ เพื่อเรียนการจับไม้เท้า การลุก การนั่ง ไม่ให้ไม้เท้าไปโดนใครเข้า
จากนั้น ก็พากันเดินไปตามทางเดินสู่ความมืดสนิท 
โดยมีไกด์ซึ่งเป็นคนตาบอดจริงๆรอนำทางให้อยู่ด้านในค่ะ :)


 


heal-117-3


ข้างในนั้น มีด่านอยู่ทั้งหมด 7 ด่านให้เราค่อยๆคลำทางเข้าไปสัมผัส


ด่านแรก เป็นห้องรับรอง ด่านนี้เหมือนเราเข้าไปนั่งในห้อง
และเริ่มใช้ชีวิตแบบคนตาบอดจริงๆค่ะ มีอุปกรณ์เหมือนอยู่ในบ้าน
ให้จับโต๊ะ ตู้ โทรศัพท์ ข้าวของในลิ้นชัก และลองเดาดูว่าอะไรเป็นอะไร


ด่านที่สอง เป็นสวนค่ะ ด่านนี้ไกด์ก็จะพาเราชมสวน
จับต้นโน้นต้นนี้ และลองทายว่าเป็นต้นอะไร
ทานกันไม่ค่อยถูกหรอกค่ะ :) ยังตื่นเต้นกันอยู่


ด่านที่สาม เป็นย่านชุมชนค่ะ ไกด์เริ่มพาเราออกไปข้างนอก
ได้ยินเสียงผู้คน มีมอเตอร์ไซค์ มีรถเข็น มีการขายของข้างทาง

ด่านที่สี่ เป็นตลาดผักและผลไม้ มีผลไม้ให้ลองคลำดูและเดาว่า
เป็นผักชนิดไหน ผลไม้อะไรด้วยค่ะ เริ่มทายกันถูกแล้ว ชักชิน :)

ด่านที่ห้า การเดินทาง ไกด์พาเกาะราวจับ พาเดินขึ้นทางต่างระดับ
พาข้ามถนน และขึ้นรถตุ๊กๆด้วยค่ะ ตื่นเต้นดี :)

ด่านที่หก ห้องฟังเพลง คุณพ่อกับคุณลูกที่บังเอิญเจอกันบอกว่า
เพิ่งเคยฟังเพลงได้ไพเราะที่สุดก็คราวนี้ เพราะไม่ต้องใช้สายตามองอย่างอื่น
มีแต่ความมืดและหูฟังเสียงเพลงได้ไพเราะจับใจดี :)

ด่านสุดท้าย เป็นคาเฟ่หรือบาร์ค่ะ มีการขายน้ำ มีพนักงานต้อนรับอยู่ในนี้
ซึ่งตลอดทางที่เดินมา การปรับตัวในความมืดของพวกเรา
คือการส่งเสียงร้องบอกกันเป็นระยะ ต้องให้ไกด์จูงมือ พาจับ พาหันไปให้ถูกทางบ้าง
มิตรภาพเล็กๆก่อตัวขึ้น และเมื่อได้นั่งลงดื่มน้ำในบาร์
ก็เริ่มมีบทสนทนาในความมืด ที่คนตาบอดจริงๆและคนตาบอดปลอมๆได้คุยกัน

ซึ่งบทสนทนานั้นย่อมเป็นของใครของมัน คงต้องไปลองสัมผัสและรับฟังกันเองนะคะ :)


heal-117-1heal-117-1


พอครบเจ็ดด่าน พวกเราก็ออกมาเขียนสมุดเยี่ยมกันค่ะ
ได้แอบพลิกดูคนที่เขียนก่อนหน้า พบว่าแต่ละคนก็ประทับใจกันทั้งนั้น
คนเขียนเอง ยังเขียนตำแหน่ง ชื่อ นามสกุลจริงลงไปในนั้น
เพื่อยืนยันว่า นิทรรศการนี้ดีจริงและอยากให้แสดงต่ออีกนานๆ
และยินดีบอกต่อ ให้ใครที่พอมีเวลา ได้ลองไปสัมผัสกันนะคะ heal-117-4


heal-117-5


ส่งท้ายค่ะ heal-117-6

นาทีที่ไกด์บอกว่า เดินไปอีกไม่กี่ก้าวข้างหน้า
ก็จะเป็นทางออก ไปด้านนอก ขอให้ผู้เยี่ยมชม
ค่อยๆปรับสายตาเพราะอาจจะไม่ชินนัก
เวลานั้นฉันรู้สึกหายกังวลและโล่งใจที่จะได้กลับไปมองเห็น
แต่เมื่อหันไปมองหาไกด์ที่เดินมาด้วยกันตลอดทาง
ก็พบว่าเขาไม่ตามออกมาด้วย 
และก็คงอยู่ในความมืดเช่นนั้นไปจนกว่าจะหมดวัน
แต่ไม่ใช่ด้วยความท้อแท้ หดหู่ สิ้นหวังในชีวิต
เพราะอย่างน้อย การได้พาใครๆไปสัมผัสโลกมืด
ได้สร้างมิตรภาพระหว่างทางร่วมกัน ฉันก็สัมผัสได้ 
ว่านี่คืองานที่เขารักและมีความสุขที่ได้ทำนะ 

ถ้าอยากสนับสนุนงานที่ดีอย่างนี้ 
และอยากเข้าใจชีวิตคนตาบอดมากขึ้น
ก็อยากชักชวนให้ไปเยี่ยมชมกันค่ะ :)

ขอบคุณภาพด้านบน ที่นำมาจากที่นี่นะคะ

//www.facebook.com/didthailand
heal-117-1heal-117-1

+ + + + 

เครดิต

- คุณ scottie ผู้แนะนำท่านแรกค่ะ : ขอบคุณค่ะ ^/^
- และน้องปอม ที่มาช่วยสนับสนุนว่า เป็นกิจกรรม recommended 
ที่ควรไปให้ได้เลย : ขอบใจจ้า :)

heal-117-1heal-117-1




 

Create Date : 15 เมษายน 2554
1 comments
Last Update : 15 เมษายน 2554 14:31:59 น.
Counter : 1258 Pageviews.

 

เดี๋ยววันเสาร์นี้จะไปค่ะพี่อ้อ
ตื่นเต้น ^^

 

โดย: aritsumemoon IP: 210.213.59.56 23 กันยายน 2554 9:07:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


รุริกะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




users online
pageviews
Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
15 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add รุริกะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.