วิด-วิ้ววว (มาผิวปากวิดวิ้วววกันเถอะ)

หัวใจไข้ขึ้น
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ยานพาหนะของผม
...........
..........
ถ้ามันเป็นเหมือนรองเท้าของเมอร์คิวรีก็ดีสิ....
.....

เนอะ....
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
 
15 กุมภาพันธ์ 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หัวใจไข้ขึ้น's blog to your web]
Links
 

 
เก็บข้าวที่บางแก้ว

วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2549
มีคนจำนวนนึงย้อนรอยความหลัง
นั่งรถไฟไปเก็บข้าวที่บางแก้ว....



หน้าตาของทีมครับ
เด็กเมืองเป็นส่วนมาก
ส่วนอีกหลายคนเป็นผู้สูงวัยที่เป็นคนเมือง
ทั้งๆ ที่มีอดีตเป็นคนบ้านนอก
กับบางคน
เป็นเจ้าถิ่น
อันหลังนี้ส่วนใหญ่อยู่ทางขวาของเราครับ


"บางแก้ว"
เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดพัทลุง
เป็นแหล่งผลิตข้าวเลี้ยงคนลุ่มทะเลสาบสงขลามาเนิ่นนาน
เมื่อมีทางรถไฟ ชาวนาบางแก้วก็ขนข้าวขึ้นรถไฟ
มาขายคนหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
เพราะเป็นเมืองที่คึกคักกว่า
มีคนอยู่มากกว่า
หาดใหญ่อาศัยข้าวบางแก้วเลี้ยงท้องอยู่หลายปี
จนกระทั่งมีทางรถยนต์....





สาวน้อยสาวใหญ่หน้าใส กับหนุ่มๆ หน้าตาขี้เหร่เป็นส่วนใหญ่ยกเว้นผม
หอบสัมภาระปุเลงๆ ขึ้นรถไฟเมื่อตอนหกโมงครึ่ง
ที่สถานีชุมทางหาดใหญ่
ขณะยังอยู่ในภาวะเมาขี้ตา

ชมลมชมฝนอยู่ชั่วโมงครึ่งก็ลุถึงสถานีบางแก้ว
และก็ถ่ายรูปยืนยันว่าถึงแล้วจริงๆ นา....
(คล้ายๆ มันไม่มีอะไรจะถ่ายเลยเนาะ)





คุณโต เจ้าของโครงการ
หนุ่มน้อยร่างบาง ปริญญาโทมหิดล
และเป็นเจ้าของนาในกลุ่มที่ร่วมโครงการด้วย
ตอนนี้กะลังโม้กล่อมเด็กเมืองที่หลงผิดมาลงนาเก็บข้าว





โครงการนี้เริ่มต้นตรงที่
คุณโต มีนาสมบัติแม่อยู่ผืนนึง
และมีเพื่อนชาวนาที่ใกล้กันซึ่งกำลังจะเลิกทำนาอยู่แล้ว
ด้วยปัจจัยหลายประการ
จน - อันนี้แน่นอน (ชาติหน้าขอเป็นชาวนาญี่ปุ่นเทอะ ซ้าธุ)
วีถีเปลี่ยน นาไถควายเหล็ก, ใส่ปุ๋ยวิทย์, ใส่ยาฆ่าทุกชีวิตยกเว้นข้าว (ฆ่าคนด้วย), เกี่ยวด้วยเครื่อง
มันไม่ใช่นาข้าวที่พวกเค้ารู้จักเสียแล้ว
เลยคิดเลิก

คุณโตเลยรวบรวมสมาชิกเหล่านี้มา ถามว่า
"ยังอยากทำนาอยู่มั้ย?"

อยากสิ โคตรตระกูลฉันทำมาอย่างนี้
ใครจะอยากทิ้งนา
แต่ถ้าเป็นอย่างที่ผ่านมาก็ไม่ไหว
ขายข้าวถังละไม่กี่บาท
แต่ซื้อข้าวแพงตายโหง (สำนวนแถวนี้)

งั้นเอาใหม่
ไถควายเหล็กได้ - เพราะขายวัวไปหมดแล้ว
ปุ๋ยไม่ต้องใส่ ถ้าอยากใส่ไปขนมายา (ขี้ค้างคาว) มาใส่
ยาฆ่าเวร......อะไรก็ไม่ต้อง
เก็บข้าวด้วยมือ - อ๊ะ ๆ อย่าเพิ่งเถียง
เก็บจริงๆ ไม่ใช่เกี่ยว

แล้วขายให้แพง กิโลฯ ละเก้าสิบเลย เอ้า!!!

เอาสิทีนี้ สนุกละ





คุณโตเล่าวิถีท้องถิ่นคนนาข้าวบางแก้วให้ฟัง
เด็กเมืองได้ยินอ้าปากหวอ.......
ไม่ใช่อินหรอกนะ

งงซะมากกว่า
ไม่เป็นไรน้อง
มาบ่อยๆ เด๋วก็หายงง



เจ้าคนคิ้วขมวดกำหมวกแดงนี่ชื่อ "โจ้"
โจ้ซ่ามากกกกก
แต่พ่อเค้าเก่ง
เลี้ยงลูกรู้เรื่องรู้ความทุกคน แม้จะซนไปนิด
เจ้าคนนี้ตอนมาดำนา สงสัยจะเข้าใจอะไรผิด
เพราะพ่อดำข้าวไป ดันดำน้ำในนาไปอีกต่างหาก
น้ำลึกแค่หัวเข่า ดำเอ๊า ดำเอา



ที่นาของคนบางแก้ว มีทั้งนาที่ลุ่มและนาที่ดอน
ถ้าดูภาพแผนที่เดินทางประกอบ
จะเห็นว่าบางแก้วนั้นตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบสงขลา
ห่างมาแค่เกือบสิบกิโลฯ เท่านั้น
ถัดจากทะเลสาบก็เป็นทะเลอ่าวไทยของจังหวัดสงขลา
ฟากซ้ายของทางรถไฟ เป็นแหล่งต้นน้ำ
ภาคใต้ของไทยเราถ้ามองเป็นรูปตัดขวาง
โดยเราหันหน้าไปทางทิศเหนือ
ก็จะเห็นภูเขาสูงอยู่กลางแผ่นดิน
ฟากซ้ายเป็นฝั่งอันดามัน - ลาดชันสูง ไหล่ทวีปแคบ ทะเลลึก
ส่วนฟากขวาเป็นทะเลอ่าวไทย ลาดชันน้อยกว่า และทะเลตื้น
เรือแล่นมา ปลาว่ายไป คลื่นมาลูกใหญ่ๆ ก็ตีตะกอนขุ่นขึ้นมาได้ง่ายๆ
ไม่รู้เกี่ยวกันรึเปล่า แต่น้ำบ้านผมไม่ใสเป็นช่วงยาวๆ เท่าอันดามันครับ

น่าจะเพราะความลาดชันที่ต่างกันนี่เอง
ที่ทำให้ฝั่งตะวันออกซึ่งมีที่ราบและที่ลุ่มมากกว่า
เหมาะแก่การปลูกข้าวทำนา
ขณะที่ฝั่งตะวันตกจะรุ่งทางสวนผลไม้
เพราะให้ผลดีในพื้นที่ลาดชันน้ำขังยากแบบนั้น


ได้ยินเรื่องน้ำท่วมภาคใต้บ่อยใช่มั้ยครับ?
ฟังดูแย่เนาะ เดี๋ยวก็ท่วม เดี๋ยวก็ท่วม
โดยเฉพาะพัทลุงนี่ ท่วมทู้กกก ปี

ความจริงไม่แย่ยังงั้นหรอกครับ
ถ้าคนพัทลุงยังยอมให้เมืองเป็นเมืองข้าวปลาเหมือนครั้งกระโน้น
เพราะพัทลุงมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นราบไล่ลาดเอียงสู่ทะเลสาบ - อ้อ
พัทลุงไม่มีทะเลเค็มนะครับ เพราะไม่ติดอ่าวไทยเลย
มีแต่เกือบเค็มกับจืดเท่านั้นเอง

กลางแผ่นดินที่ราบบ้างลุ่มบ้างนั้น
มีภูเขาหินปูนกระจายอยู่ทั่วไป
เป็นเทือกทิวบ้าง
โด่เด่คล้ายเขาพระศิวะเรื่องเพชรพระอุมาบ้าง
เขาหินปูนเหล่านี้มีสิ่งโดดเด่นอยู่หลายประการ
จันทน์ผา ที่เอาแก่นมาเป็นเครื่องยา มีมากที่นี่
กล้วยไม้รองเท้านารีบางพันธุ์ก็พบเห็นที่นี่แห่งแรกในโลก
และที่สำคัญ
ต้นทางความสมบูรณ์ของนาข้าวพัทลุง

"ค้างคาว"

ก็พำนักอยู่ที่เขาหินปูนเหมือนกันครับผม


เขาหินปูนทุกแห่งเต็มไปด้วยโพรงเพิง ชะโงกช่องผา
มีถ้ำใหญ่น้อยยุบยั่บ
ทุกถ้ำโพรงที่กว้างพอมักเป็นแหล่งอาศัยของค้างคาว
ไม่เว้นแม้แต่ชะง่อนผาที่เปิดโล่ง
ฝนมากมายในแต่ละปีที่ทั้งตกนานและตกแรง
ชะเอาขี้ค้างคาวจากทุกตีนเขา
ไหลเคล้ากับน้ำช่วงเดือนพฤศจิกาฯ ธันวาฯ
บ่าท่วมทุ่งนาจนกลายเป็นทุ่งน้ำในแทบทุกฝน
เกลี่ยอาหารทุกอย่างที่ต้นข้าวต้องการลงในเนื้อดินพัทลุง
ให้เป็นดินที่แสนเอร็ดอร่อยของธัญพืชตลอดมา

นั่นหมายถึงถ้ายังทำนา
น้ำท่วมที่ว่านี้ย่อมเป็นคุณ.....



ที่เห็นข้างบนนี้คือ "แกะ" เครื่องมือเก็บข้าวที่คุณ lasiP IP เคยใช้ครับ
คนที่อื่นๆ เขาเกี่ยวข้าวด้วยเคียว เกี่ยวเป็นกำๆ
คนบ้านผม "เก็บ" ข้าวเป็นรวงๆ
ทีละรวง ทีละรวง


ข้าวทั้งนา - นาหลายๆ แปลงเนี่ยนะ เก็บทีละรวง!!!!!!


คงมีบางคนที่คุ้นเคยกับเคียว ฟังแล้วรู้สึกว่า
"โห แล้วทำไมไม่ใช้เคียวละคร้าบ เหล็กมันหายากนักรึไงปักษ์ใต้เนียะ?"


แล้วคนที่คิดแบบนี้ก็มีจริงๆ ซะด้วยสิครับ!






ในเอกสารชื่อ

“เอกสารมณฑลนครศรีธรรมราชในสมัยที่เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) เป็นข้าหลวงเทศาภิบาล รศ.115-125 (พ.ศ.2439-2449)”

เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) ในเวลานั้น ท่านยังเป็นพระยาอยู่ บรรดาศักดิ์และราชทินนามคือ “พระยาสุขุมนัยวินิจ”
ตำแหน่งข้าหลวงพิเศษตรวจราชการเมืองสงขลาและพัทลุง
ท่านมาตรวจราชการแถวๆ นี้ เมื่อ รศ. 114 (ปี 2438)
ตรวจเสร็จก็เขียนรายงานทูลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระยศขณะนั้นทรงเป็น พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดี (รัฐมนตรี) กระทรวงมหาดไทยในขณะนั้นด้วย

ด้วยความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง
พอพระยาสุขุมนัยวินิจมาเห็นการเก็บข้าวของชาวบ้านย่านนี้
ท่านก็เขียนรายงานส่วนหนึ่งว่าอย่างนี้ครับ


“...นาปีนี้บริบูรณ์ทั่วกันหมดถึงแก่เก็บไม่ทัน ต้องขายเข้าในก็มีบ้าง มากที่แขวงเมืองนคร เมืองพัทลุงก็เหมือนกัน แต่ข้าพระพุทธเจ้ามีความเสียดายอยู่อีกอย่างหนึ่งซึ่งราษฎรชาวเมืองสงขลา เมืองนคร เมืองพัทลุง มาพากันนิยมในการเก็บเข้า ไม่เกี่ยวเหมือนแถบข้างเหนือ ข้าพระพุทธเจ้าได้ไปยืนดูเขาเก็บออกรำคาญในตาเปนล้นเกล้าฯ เสมือนยืนดูคนมีท้าวบริบูรณ์ดีอยู่แต่ไม่เดิน ใช้คลานหรือคุกเข่าไปตามถนนก็เช่นกัน ถ้าได้เดินดูเข้าไร่หนึ่งฝีมือเก็บเร็วๆ อยู่ใน ๔ วัน ๕ วันจึงจะแล้ว ถ้าเกี่ยววันเดียวหรือวันครึ่งก็แล้วเสร็จ...”

..........
..........
หนังสือฉบับนี้ถวายข้อสรุปและความเห็นในประเด็นนี้ว่า
น่าจะแจกเคียวและออกระเบียบให้ชาวบ้านใช้เคียวแทนแกะ!!!!!

สงสัยมั้ยครับ
ว่าพระวินิจฉัยของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ ทรงเป็นอย่างไร?



(ไม่ว่างเท่าไร แต่เกรงใจคนบ่น เลยมาโม้ต่อ อิ อิ)



ทรงวินิจฉัยโดยใจความว่า
จารีตประเพณีหรือวิถีชาวบ้านที่ดำเนินมาเนิ่นนานย่อมต้องมีเหตุผล
ที่ราษฎรไม่ใช้เคียวคงไม่ใช่เพราะไม่รู้จักใช้
แต่คงเพราะเหตุอะไรบางอย่าง
และทรงไม่เห็นด้วยกับที่จะบังคับให้ราษฎรใช้เคียว
อานิสงส์ที่มีเสนาบดีผู้ทรงรอบรู้รอบคอบและละเอียดอ่อนครั้งนั้น
ทำให้เด็กจำนวนนึงมีโอกาสเห็นและสัมผัส
"แกะ"
ในกิจกรรมเก็บข้าววันนี้




วันหน้าถ้าไม่ลืมจะอธิบายวิธีเก็บข้าวด้วยแกะให้ฟัง
พร้อมภาพประกอบ

แต่สงสัยจะลืมนะ
เพราะเป็นคนขี้ลืม
อิ อิ





ข้างบนนี่คือ "ครกสี" ครับ
เทคโนโลยีเดียวกับ "โม่หิน" ที่ใช้โม่แป้งทำขนม ขนมจีนสมัยก่อน
คือใช้ระบบหมุน เบียด เสียดสี
แยกเปลือกออกจากข้าว
ข้าวที่ได้จากขั้นตอนนี้เรียก "ข้าวกล้อง"
รำ จมูก กากต่างๆ อยู่ครบ วิตามินล้นหลาม
แต่ต้องคนกินข้าวรุ่นตัวจริงถึงจะถูกคอ
เพราะค่อนข้างแข็งและกากเยอะ
แถมกระด้างลิ้นหน่อยๆ ตอนกินเสร็จใหม่ๆ
มือสมัครเล่นในรูปหมุนโม่ครกสีกันเอวเคล็ดเอวยอก
ความจริงถ้าคล่องแล้ว
จะเป็นการออกกำลังกายแอโรบิกสมบูรณ์แบบมากแบบนึง

เอ้า
วั้น แอนด์ อะ ทู้ แอนด์ อะ ทรี้
ฮึบ ฮื่ย.....ยะ



ถ้าอยากกินที่นิ่มกว่าข้าวกล้องก็ต้องนี่
"ข้าวซ้อมมือ"
กางเกงชมพูนั่นข่าวว่าเป็น สมาชิก อบต. แถวบางแก้วเชียวนะครับ
คงเขินมัง เอาสากบังหน้าอีกต่างหาก.....







หรือหากไม่ถนัดซ้อมด้วยมือ
ก็มาซ้อมด้วยตีน
ในสไตล์ครกกระเดื่องแทน
เจ้าลิงพวกนี้โปรดครกกระเดื่องมาก
เลยต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
สากนั่นอย่าว่าแต่ข้าวเลยครับ
เอาหัวไปขวางก็ โบ๊ะ! นั่นแหละ



ซ้อมด้วยกระเดื่องจนได้ที่ ก็จะเกิดผลิตผลขึ้นมาสองอย่างคือ
"ข้าวซ้อมมือ" และ "รำข้าว"
รำข้าวนี้ประโยชน์มากมาย
ฝรั่งเอาไปอัดเม็ดมาหลอกขายเราเป็นพวก
ดูเหมือนจะเรียก วิลเบอร์ยีสต์ หรือ วีตเยอร์ม ไรทำนองนั้น
เขาว่ากินแล้วจะช่วยเรื่องความจำ

ถึงว่า....
เพราะผมกินข้าวขัดขาวตั้งแต่เล็กนี่เอง
ถึงขี้ลืมซะขนาดนี้

เจ้าโจ้อยากมีส่วนร่วมอีกแล้ว



พ่อ - ลูก คู่นี้นั่งอยู่ข้างครกกระเดื่อง น่ารักมากครับ
เนี่ยเห็นมะ ใครว่าผู้ชายไม่ช่วยเลี้ยงลูก
ส่วนไอ้หนุ่มแบ็กกราวด์ จากรูปครกกระเดื่องรูปแรก
มารูปนี้ยังมีกรวยขนมคาปากอยู่เลย
นั่นคือขนมขี้มอดครับ
ข้าวป่นคั่วหอมเจือน้ำตาล
กรอกใส่ปากทีละนิด เคี้ยวบ้างละลายเองบ้าง สุขี สุขี



สาวน้อยนัยน์ตาประกายคนนี้เป็นขวัญใจทีมเกี่ยวอาสาคราวนี้ครับ
ลูกสาวของสมาชิกกลุ่มชาวนาไร้สารพิษที่บางแก้วนี่เอง
ส่วนคนอุ้มเป็นเด็กเมืองครับ - พี่สาวนายโจ้
เด็กคนนี้มาตั้งแต่ครั้งดำนา หัดสีข้าวแต่คราวโน้น คราวนี้ก็ยังไม่ลืม
สีเก่งจนผู้ใหญ่เขินเลยละ





เมื่อคุณโตรวบรวมและหลอกล่อสมาชิกได้ก็ร่วมลงมือทำนากัน
ดูเหมือนฤดูกาลนี้จะเป็นนาที่สอง
ซึ่งแม้ไม่ใส่ปุ๋ยใดๆ ผลผลิตก็ยังคงผลิงามเป็นอย่างดี
แต่ก็เสียไปกับน้ำเดือนสิบสองบ้างเหมือนกัน
นาที่งอกเงยจากแรงคนเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์
ยกเว้นตอนไถที่ใช้ควายเหล็ก
บัดนี้งอกงามเป็นรวงอร่ามรอเกี่ยว
และเปลี่ยนเป็นธัญญาหารทรงคุณค่าแก่คนไทยตลอดมา
-คงเป็นพันปี


ข้าวที่สีแล้ว และซ้อมแล้ว
ถูกใส่ในถุงพลาสติกและห่อหุ้มด้วยบรรจุภัณฑ์งดงาม
เราเรียกของแบบนี้ว่า "สอบจูด"




คุณป้าเสื้อกรมท่าข้างบนนี่ไม่ได้ทำงานอยู่กรมท่านะครับ
ถึงจะสวมเสื้อสีกรมท่าก็เหอะ
อิ อิ

แกเป็นเจ้าของที่นาตรงนี้
ตรงที่เด็กซนผู้ใหญ่ซนมาทำกิจกรรมกันอยู่นี่ละครับ
ชื่อ "ป้าปลอด" ครับ
ป้าแกใจดี
เราดำนากล้าลอยฟ่อง แถมไม่เป็นแถวเป็นแนว
เก็บข้าวแบบเหยียบมั่งเก็บมั่ง
ข้าวล้มระเนระนาด
เดินเก็บกันไปคนละทิศละทาง
ฝัดข้าวหกเรี่ยราด
แกก็ดูเช้ย เฉย

ตาปริบๆ ด้วยความชื่นชม

อิ อิ

ความจริงแกทำใจมาแล้วน่ะครับ

สอบจูดที่ว่าใช้ใส่ข้าวนี้
คนลุ่มทะเลสาบเค้าทำมาแล้วแต่ไหนแต่ไร
แต่เป็นสอบใหญ่ๆ จุข้าวเป็นถัง
เก็บไว้กิน

จูดที่ว่าก็คือ "กระจูด"
พืชพวกหญ้า
ขึ้นริมน้ำ แบบเดียวกับกก
และใช้สานเป็นเสื่อ เป็นภาชนะเหมือนกกด้วย

คุณโต เอาสอบจูดมาบรรจุข้าวโดยมีแนวคิดว่า
เป็นของที่ "คนแต่แรก" ใช้กันเป็นปกติ
และเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่ภูมิปัญญาเก่าแก่ลุ่มเลสาบ
ทั้งข้าวและจูด

ก็มีทั้งแบบกระสอบ ถุงหิ้ว และกระเป๋าหิ้ว
น่ารักทั้งนั้นเลยครับ

ความจริงเรื่องวิถีจูดก็เป็นเรื่องน่าคุย เพราะกำลังจะสูญหายเหมือนกัน
คนแก่ที่กะลังอ่านอยู่เนี่ย ต้องถอนใจกันเฮือกๆ เลยละ
อิ อิ






เสร็จจากลงนาเราไปไหว้พระที่วัดบางแก้วครับ
พัทลุงมีวัดที่มีคำว่า "บางแก้ว" อยู่สองแห่ง
วัดเขียนบางแก้วแห่งนึง ดังมาก
เป็นโบราณสถานขึ้นทะเบียนกรมศิลปากร
อายุอาจถึงยุคศรีวิชัย คือร่วมพันปี
อยู่ที่บ้านบางแก้ว อ.เขาชัยสน

ส่วนที่นี่วัดบางแก้ว
อ.บางแก้ว อายุน่าจะร่วมสอง - สามร้อยปี
ร่มรื่น เรียบง่าย
พระทั้งวัดขยัน กวาดลานวัดกันขันแข็งเชียวละ

รูปข้างบนเป็นสัมภาระของชาวคณะครับ
มาตรวจทานกันในวัดว่าครบมั้ยขาดมั้ย
กราบพระเสร็จพอเป็นมงคลก็เดินทางกลับโดยรถไฟ

ส่วนรูปล่างถ่ายมาระหว่างรอรถ
นอนรอใครที่ชานชลาก็ไม่รู้

สรุปว่าทุกคนถึงบ้านโดยสวัสดิภาพครับ
อิ่มใจ ได้ความรู้ ได้ทักษะ สนุกด้วย
ปรัชญาการศึกษาสมบูรณ์เลยนะเนี่ย
"เก่ง ดี มีสุข"

ความจริงมีรูปอีกหลายรูป แต่ฝีมือขี้ริ้วมาก
เลยไม่ได้เอามาให้ดู
งวดนี้แค่นี้ก่อนเน่อ

ขอบคุณที่ทนอ่านมานะครับ






Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 27 พฤษภาคม 2551 1:03:41 น. 32 comments
Counter : 2809 Pageviews.

 
ต่อไดเขียนจบอ่ะน้าบ่าว


โดย: lasiP IP: 203.188.2.54 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:9:47:10 น.  

 

อีกกี่ปีจะได้อ่านต่อเนี่ย

เขียนไม่เท่าไหร่ เหนื่อยซะแล้ว

ลุงหนอลุง???

หลอกให้มาอ่านแท้ๆ เลย

ไม่น่าหลงเข้ามาเลยเรา


โดย: sunny-low (sunny-low ) วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:18:04:38 น.  

 
เก็บข้าวนิ เด็กๆเคยเก็บคับ ใช้ "แกะ" ใช่มั๊ยอ่ะ ตอนเก็บน่ะเก็บได้ แต่ตอนมัดเป็น "เลียง" มัดไม่เป็น


โดย: lasiP IP: 58.9.211.84 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:20:53:36 น.  

 

แน่ะ

เด็กใต้ตัวจริงละสิเนี่ยคุณlasiP

มัดเลียงนี่ศิลปะเชี่ยวแหละ ผมว่า
เพราะบางคนมัดได้แต่ก็ไม่สวย


คุณsunny-low
ช่วยยกเท้าให้พ้นน้ำนี้ดนึง
มันราน้ำอยู่น่ะครับ......




อิ อิ



โดย: หัวใจไข้ขึ้น IP: 202.12.74.5 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:12:35:24 น.  

 
ว้ายยยยยยยยยลุงหัวใจมาว่าอะไรคุณป้าหนูเนี่ย...

ทำไมคนใต้ปากคอเราะร้ายจังน๊อ
ปากร้าย ใจร้ายป่าวนะ.......


เกี่ยวข้าว เก็บข้าว อาจพอทำไหว แต่ไม่สู้แดดน่ะจ้ะ
งานหนักสู้ไหว แต่แดดแรง อิหนูถอยยยยยฮ่ะ


รีบมาเล่าต่อเน้อเจ้า ค้าง ๆ คา ๆ ก้ำ ๆ กึ่ง ๆ ขาด ๆ เกิน ๆ
มันบ่ะดีหนา ฮู้ก่อ?????


โดย: กากีซ่าส์ วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:15:55:44 น.  

 

มาเก็บข้าวงานนี้จะลืมร้อนเชียวแหละคุณกากีซ่าส์

ลืมแก่อีกตังหาก เพราะเด็กเพียบ สนุกครับ



โดย: หัวใจไข้ขึ้น (หัวใจไข้ขึ้น ) วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:31:30 น.  

 
มีการเล่าเป็นตอน ๆ หย่อม ๆ ด้วยนะ

ก็อย่างว่า น่าเห็นใจ คนแก่แรงน้อย


โดย: กากีซ่าส์ วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:8:41:10 น.  

 
คนใต้แท้ๆคับ คนพัดลุง เคยไปอยู่สงขลา 2 ปี เพราะไปเรียนที่สถาบันแห่งหนึ่ง แถวๆแหลมสมิหลา ไม่บอกว่าที่ใหน 555

พัดลุงน้ำท่วมบ่อยๆ แต่ตั้งแต่เกิดมาบ้านผมน้ำไม่เคยท่วม อย่างที่น้าบ่าวบอก "ภาคใต้ของไทยเราถ้ามองเป็นรูปตัดขวาง โดยเราหันหน้าไปทางทิศเหนือ ก็จะเห็นภูเขาสูงอยู่กลางแผ่นดิน" และ "พัทลุงมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นราบไล่ลาดเอียงสู่ทะเลสาบ" เพราะบ้านผมอยู่แถวๆเส้นแบ่งเขต ระหว่างฝั่งตะวันตก และตะวันออก เป็นพื้นที่ที่สุงที่สุดของพัดลุง ฝนตกบ้านผม น้ำก็ยังไปท่วมบ้านคนอื่น บ้านผมไม่มีนาแต่ก็ปลูกข้าวได้ เดี๋ยวนี้ไม่ปลูกกันแล้วมั้ง เพราะเป็นสวนยางหมดแล้ว


โดย: lasiP IP: 58.9.209.195 วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:17:24:24 น.  

 
ฮั่นแน่

คนตะโหมดละซีตัวเอง

ถ้าเป็นตะโหมด

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาน้ำท่วมนานะครับ

ข้าวเสียไปเยอะเลย


โดย: หัวใจไข้ขึ้น IP: 202.12.74.8 วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:20:33:25 น.  

 
หูยย ติดขอบ พัทลุง - ตรัง นู๊ คนเท่เลยนิ อิอิ


โดย: lasiP IP: 58.9.209.171 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:11:21:42 น.  

 
คนคอนค่ะ


โดย: ศาลาไทย (salathai ) วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:23:04:23 น.  

 
เอ่อ....คือว่า

เท้าเริ่มเปื่อยแล้วน่ะ

ราน้ำรอลุงแก่ๆ ที่เหนื่อยง่ายมาเล่าเรื่องให้ฟังต่อ

จนป่านนี้ พระวินิจฉัยของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ ทรงเป็นอย่างไร? ยังไม่รู้ซะที

เรื่องเล่าจะค้างปีแบบบล็อกอื่นๆ มั้ยเนี่ย

แปะภาพก็ตั้งเยอะ

กว่าจะเล่าจบ เจ้าของบล็อกอาจหัวใจวายก่อนก็ได้

ยิ่งเหนื่อยง่ายอยู่ด้วย


อิอิอิ


โดย: sunny-low (sunny-low ) วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:32:08 น.  

 
สอบจูดเท่ชะมัดเลย อยากได้ๆๆๆ


โดย: กากีซ่าส์ วันที่: 1 มีนาคม 2549 เวลา:15:14:55 น.  

 
คนใต้เหมือนกันครับ
ใต้กาฬสินธุ์ลงมานิดนึง

เห็นแล้วอยากไปเกี่ยวข้าว อยากจับเคียวแทนจับเมาส์
เกี่ยวข้าวหรือนวดข้าวนี่ชอบที่สุดก็ตอนลงแขกครับ
(อย่างอื่นก็ชอบนะลงแขกเนี่ย เช่น ดำนา เป็นต้น)



โดย: โนอาห์ วันที่: 1 มีนาคม 2549 เวลา:22:18:05 น.  

 
เข้ามาคิดถึงความหลังค่ะ

ความหลังที่ว่าคือ...เคยมีคนใกล้ตัวเป็นคนบางแก้ว
(แต่ปัจจุบันเค้าไปซะแล้ว ฮือฮือฮือ)
แล้วเคยไปสัมผัสบรรยากาศของที่นี่...น่าอยู่มากค่ะ

ไม่น่าเข้ามาที่นี่เลยช้านนน...เหมือนแผลที่ใจมันถูกสะกิด
ยังไงก็ไม่รู้


โดย: ขวัญเอ๊ยขวัญมา!!! วันที่: 2 มีนาคม 2549 เวลา:14:40:32 น.  

 
สอบจูดสวยจ้ะ ตอนไปทำงานที่พัทลุงว่าจะซื้อตะกร้าที่ทำจากจูดมาสักอัน ไว้ใส่ผ้า แต่ไม่มีปัญญาหอบน่ะ



โดย: นางสาวอาร์ต วันที่: 5 มีนาคม 2549 เวลา:11:54:25 น.  

 

ได้มีโอกาสไปร่วมด้วย สนุกดี...... น่าจะมีภาพตอนพวกเจ้าตัวเล็กลงเล่นน้ำมาดูมั่ง น้ำ กับ เด็ก นี่คู่กันจริงๆ ยังจำเจ้าตัวเล็กที่ประท้วงพ่อที่ห้ามไม่ให้เล่นน้ำได้ดีเลย "อันโน้นก็ไม่ได้ นี้ก็ไม่ได้" จนแม่ต้องอนุญาติให้เล่นเอง ตอนกลับไม่รู้เป็นไงมั่ง เพราะเสร็จงานก็จำต้องจากจรสู่แดนไกล ไปรับใช้สังคม(อื่น) ต่อ ไม่รู้เมื่อไหร่ได้มีโอกาสกลับไปรับใช้บ้านเกิดซะที อิจฉา โต ที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ และได้อยู่บ้าน


โดย: ฟ้าเวิ้ง IP: 203.152.25.85 วันที่: 8 มีนาคม 2549 เวลา:15:14:56 น.  

 
หวัดดีค่ะพี่คนเขียน น้องอาร์มอยากรู้จังว่าพี่เป็นใครค่ะ ทำไมรู้เรื่องข้าวบางแก้วเยอะจัง เป็นเพื่อนพี่โตหรือเปล่า พอดีเป็นน้องพี่โตนะค่ะ ยังงัยก็ขอขอบคุณพี่มาก ๆ นะค่ะที่ช่วยลงข่าวข้าวบางแก้วให้ อยากฝากประชาสัมพันธ์สำหรับผู้สนใจไปออกค่ายเก็บข้าวบางแก้ว ที่จ.พัทลุง หรือต้องการจะเป็นตัวแทนจำหน่ายช่วยให้ข้าวพื้นบ้านคงอยู่กับพื้นแผ่นดินไทย ก็ติดต่อพี่โตได้เลยค่ะ หนุ่มร่างอ้วนดีใจที่สุด และไอเดียบรรเจิด 09-7330998 หรือ 05-8979378 นะค่ะ สำหรับผู้ต้องการบริโภคซ้อมมือคุณภาพ ปลอดสารพิษ 100 % ซื้อได้ที่ร้านเบิกม่าน หน้า ม. มหิดลนะค่ะ หรือร้านดอยคำ พุทธมณฑลสาย 7 ค่ะ (อ้อขอแก้ข้อมูลพี่โตนิดนะค่ะ พี่โตจบมหาบัณฑิตสาขาพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดลค่ะ บ่ใช่มหาวิทยาลัยศิลปากร)

ขอบคุณค่ะ


โดย: น้องอาร์ม IP: 202.44.136.42 วันที่: 8 มีนาคม 2549 เวลา:15:46:20 น.  

 
อืม

ชื่อน้องอาร์มนี่คุ้นๆ แฮะ


ผิดคร้าบ
ผิดแน่ๆ
ใจลอยไปหน่อย
เพราะตัวเองฝันจะเรียนศิลปากรมัง
มหิดลถูกต้องครับ
แก้เรียบร้อยแล้วครับ

ขอบคุณและขอโทษด้วยครับ


โดย: หัวใจไข้ขึ้น (หัวใจไข้ขึ้น ) วันที่: 8 มีนาคม 2549 เวลา:18:08:21 น.  

 
โต น้องรัก พี่ภูมิใจในตัวน้องจริงๆ มีอะไรให้ช่วย บอกได้ทุกเรื่อง(ยกเว้นเรื่องเงิน)5555


โดย: พี่เอ IP: 203.151.46.131 วันที่: 10 มีนาคม 2549 เวลา:11:34:59 น.  

 
ผ่านมาดูเฉยๆ อยากทำบ้างจัง แต่ไม่มีเวลาเลยจ้า


โดย: ปีเตอร์ชิต IP: 203.185.94.213 วันที่: 13 มีนาคม 2549 เวลา:12:04:45 น.  

 
ได้รับเมลมาจากพี่นันท์ส่งมาให้
ก็เลยแวะมาเยี่ยม
พี่โต / น้องอาร์ม
ยินดีด้วยนะพี่โต ที่ได้ทำตามฝันของตัวเอง
ขอให้พี่มีความสุขกับชีวิต ได้สนุกกับสิ่งที่พี่คิดและลงมือทำต่อไปนะ
(แล้วจะไปเล่าให้อะฮั้วฟัง)


โดย: มด IP: 202.47.236.239 วันที่: 14 มีนาคม 2549 เวลา:11:45:32 น.  

 
ยินดีด้วยนะคะ ที่พี่โตได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ขอให้ก้าวต่อไปเรื่อย ๆ นะคะ หากมีโอกาสมาเยี่ยมน้อง ๆ บ้างนะคะ
เจ้าพ่อ Informations


โดย: น้องน้อย IP: 61.7.140.47 วันที่: 14 มีนาคม 2549 เวลา:17:26:59 น.  

 


img src=//i31.photobucket.com/albums/c385/plzzy/dookdik1/120481_1978312.gif>ชอบสาวน้อยตาเป็นประกายใสๆมากค่ะ น่ารักมาก<

ชาวบ้านที่บางแก้วนี่ หน้าตาคล้ำลมคล้ำแดดนะคะแต่ดูมีความสุขมากๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้เห็นคนเมืองมาทำนาหรือเปล่า อาจคิดในใจว่า เหอ เหอ เหอ รู้ซะมั่งว่าจะได้ข้าวสักเม็ดเนี่ยมันลำบาก


โดย: PANDIN วันที่: 14 มีนาคม 2549 เวลา:22:30:17 น.  

 
หุ หุ ภาพข้างบนไม่ขึ้น เอาใหม่ค่ะ ...เอาใหม่


โดย: PANDIN วันที่: 14 มีนาคม 2549 เวลา:22:31:05 น.  

 
ก็อยากไปเก็บข้าวกะเขาบ้างเหมือนกัน แต่มีวิธีไหนที่จะไม่ทำให้ผิวไม่เสียบ้างมั๊ยนะ!!!!!


โดย: Honey ณ ศรีสะเกษ IP: 203.172.113.67 วันที่: 15 มีนาคม 2549 เวลา:23:08:18 น.  

 
ได้อ่านแล้ว...รู้สึกว่าเป็นกิจกรรมที่ยอดเยี่ยมมาก...ดีค่ะ...ทำต่อไปให้สำเร็จนะคะ แล้วจะรอติดตามตอนต่อไป...หวังว่าคงได้อ่าน พี่โตสู้ๆ ค่ะ...ไงก็รักษาสุขภาพด้วยเน้อ...ปล. ใครถ่ายภาพอ่ะ...ถ่ายได้ดีมาก สวยมาก สื่อถึงอารมณ์ความรู้สึกได้ยอดเยี่ยมมากเลย ประทับใจภาพมากๆ ฝีมือจริงๆ


โดย: Ning LCRU'9 IP: 202.28.180.201 วันที่: 16 มีนาคม 2549 เวลา:14:13:44 น.  

 
ไม่ได้ตอบใครเลยเนาะ
แย่จริง เจ้าบ้านคนนี้


ขอบคุณทุกท่านที่มาแวะชมครับ

ขอบคุณคุณฟ้าเวิ้ง
คุณน้องอาร์ม
คุณพี่เอ
คุณมด
คุณน้องน้อย
และคุณ Ning LCRU'9
แทนคุณโตด้วย
ดูเหมือนกองเชียร์จะล้นหลามนะ

เพื่อนผมครับ
เพื่อนผมเอง
ขอดังด้วยคนเน้อคุณโต

อิ อิ


คุณ PANDIN
คนกลุ่มนี้น่ารักจริงๆ ครับ
ทำเอาอยากเป็นคนบางแก้วเชียวละ

คุณฮันนี่
เก็บข้าวผิวไม่เสีย?
ถ้าให้ตอบแบบจริงจังคือ
สวมชุดให้รัดกุม
เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว
ทาซันบล็อกกันเหนียวไว้อีกชั้น
ก็ผ่านโลด


แต่ถ้าจะตอบแบบจริงจังกว่าก็คือ........
..........
.......
...


มานั่งในร่มก็ได้ครับ

แล้วผมจะตากแดดไปเก็บให้เอง


อิ อิ อิ




ส่วนคำชมของคุณหนิง (หรือนิ้งหว่า)
ขอรับไว้ด้วยความชื่นใจ
ถึงมันจะเกินจริงไปเยอะก็ตาม
ผมเหมาว่าจริงทั้งหมดครับ!

อิ (เดียว)


โดย: หัวใจไข้ขึ้น IP: 202.12.74.7 วันที่: 18 มีนาคม 2549 เวลา:19:27:37 น.  

 
เก่งจังเลยคุณลุง...
ชมพู่ไม่ได้แวะมาซะนาน


โดย: ชมพู่มะเหมี่ยว (ชมพู่มะเหมี่ยว ) วันที่: 20 มีนาคม 2549 เวลา:1:08:41 น.  

 
ถึงโตน้องรักพี่ส่งความสุขมาให้นะจ๊ะปีใหม่ของให้ประสบความสำเร็จทุก ๆ ด้านงานวิจัยท้องถิ่นไปถึงไหนแล้วจ๊ะพยายามติดต่อหาเราทั้ง 2 เบอร์ติดต่อไม่ได้เลยนะจ๊ะจะพาคนกรุงเทพฯไปดูงานที่บางแก้วน่ะถ้าพบข้อความนี้ติดต่อพี่นกด่วน 089 - 1691442/ 087 - 1649378หรือ02 - 9413756/ 02-57970044 บ้านชัยนาท 056 - 421094 หรือถ้าเพื่อนโตอ่านข้อความนี้แล้วคิดว่าสามารถติดต่อโตได้ขอความกรุณาช่วยบอกให้โตติดต่อหาพี่นกด่วนนะ ขอบใจจ๊ะ
พี่นก....ชัยนาท


โดย: พี่นก ....ชัยนาท IP: 58.8.134.242 วันที่: 4 มกราคม 2550 เวลา:10:49:04 น.  

 
ถึงโตน้องรักพี่ส่งความสุขมาให้นะจ๊ะปีใหม่ของให้ประสบความสำเร็จทุก ๆ ด้านงานวิจัยท้องถิ่นไปถึงไหนแล้วจ๊ะพยายามติดต่อหาเราทั้ง 2 เบอร์ติดต่อไม่ได้เลยนะจ๊ะจะพาคนกรุงเทพฯไปดูงานที่บางแก้วน่ะถ้าพบข้อความนี้ติดต่อพี่นกด่วน 089 - 1691442/ 087 - 1649378หรือ02 - 9413756/ 02-57970044 บ้านชัยนาท 056 - 421094 หรือถ้าเพื่อนโตอ่านข้อความนี้แล้วคิดว่าสามารถติดต่อโตได้ขอความกรุณาช่วยบอกให้โตติดต่อหาพี่นกด่วนนะ ขอบใจจ๊ะ
พี่นก....ชัยนาท


โดย: พี่นก ....ชัยนาท IP: 58.8.134.242 วันที่: 4 มกราคม 2550 เวลา:10:51:41 น.  

 

เพิ่งเข้ามาเห็นครับ

จะรีบส่งข่าวให้โตทราบด่วนครับ



โดย: หัวใจไข้ขึ้น วันที่: 17 มกราคม 2550 เวลา:12:32:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.