|
|
|
|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
ประสบการณ์การปฏิบัติธรรมในอดีต...
ประสบการณ์การปฏิบัติธรรมในอดีต เมื่อประมาณปี 2549 ข้าพเจ้าเริ่มปฏิบัติธรรมแนวดูจิตเป็นครั้งแรก ยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรดี และนี่เป็นข้อความที่เคยเขียนสอบถามปัญหาธรรมะกับเหล่าเพื่อนกัลยาณมิตรทางอินเตอร์เนต ลองอ่านดูซิ จะเห็นว่าปฏิบัติแบบล้มลุกคลุกคลาน ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
*************************************** ผมได้อ่านกระทู้ของคุณ เรื่อง สอบอารมณ์ในสติปัฏฐานสี่ แล้วรู้สึกว่าคุณกำลังฝึกปฏิบัติทางสายนี้อยู่เช่นเดียวกับผมเลย ผมฝึกสติปัฏฐานสี่มาได้เกือบปีกว่า ที่จริงผมลองมาหลากหลายสำนักแล้ว แบบว่าลองมาหมด ไม่ว่าจะสายมโนฯ สายธรรมกาย สายพุทธโธ เริ่มปฏิบัติธรรมมาเกือบสิบปี แต่ไม่สำเร็จสักอย่าง.. แบบว่าไม่ค่อยเอาจริงด้วยมั้ง.. แต่พอได้มาลองสายนี้ มหาสติฯ รู้สึกว่าจะถูกจริตมาก ฝึกง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก เจริญสติตลอดเวลา 24 ชั่วโมง ดูจิตตลอดเวลา มีหลงบ้างเป็นบางครั้ง ผมเลยอยากทราบการปฏิบัติของคุณว่า เป็นอย่างไรบ้าง เจริญก้าวหน้าไปแค่ไหน คุณดีจังเลยนะที่มีครูบาอาจารย์อยู่ใกล้ชิดตลอดเมื่อมีปัญหา แต่ผมซิไม่มีครูบาอาจารย์กับเขา ครูบาอาจารย์ที่ผมไปรับวิชามานั้น ตอนนี้ผมนับถึงพระพุทธ พระธรรม พระอริยะสงฆ์ คือ พระรัตนไตร เท่านั้นที่เป็นครูบาอาจารย์ แต่ก็นะ ... ผมพยายามไม่ยึดติดกับของพวกนั้น ห่วงจิตของตัวเองดีกว่า ยังจะเอาตัวเอาไม่รอดเลย.. ยังไงก็ขอความคิดเห็นของคุณด้วยละกันครับ สวัสดีครับ *************************************** ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ หนุ่มทิพย์ *************************************** ฝันจะมีแบบชัด กับไม่ชัดด้วยน๊ะลองสังเกตุดู...ขึ้นอยู่กับสมาธิเรา บางครั้งจะเหมือนจริงมาก บางครั้งก็เลือนลางจำไม่ค่อยได้ แบบนี้น่าจะฝึกให้รู้จิต มีสติเยอะๆ ตามจิตตัวเองให้ทัน แล้วก็ฝึกให้จิตนิ่งๆ อยู่ที่กาย รู้จิตรู้กาย สักพักนึง จะเบื่อๆ สิ่งที่เห็นเองล่ะค่ะ เมื่อนั้น ถ้าสมาธิจิตยังดีอยู่จะเห็นเฉพาะที่สำคัญๆ เท่านั้น
ถ้าสติดีๆ ตามจิตได้ใหม่ๆ จะเห็นกายทิพย์ตัวเองเข้าๆ ออกๆ จะสนุกดี แต่นานจะเริ่มเบื่อๆ มองเห็นว่า ก็อย่างงั้นๆล่ะค่ะ เหมือนไปเที่ยวเดี๋ยวก็กลับมา... ถ้าไม่ได้วิปัสนา อาจจะสนุกไปอีกสักพักนึง *************************************** ตามที่คุณศุกร์ บอกมาข้างต้นนั้น.. ผมอยากสอบถามคุณว่ามีวิธีฝึกให้มี "สติดีๆ ตามจิตได้ใหม่ๆ" นั้น จะฝึกแบบใด? ใช้ระยะเวลามากน้อยแค่ไหน? เพราะปัจจุบันผมก็กำลังฝึกสติตามแนวสติปัฏฐานสี่อยู่ คือ ให้มีสติรู้อยู่กับกายตลอดเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง ถ้าเผลอไปก็ให้เริ่มใหม่ ทำแบบนี้ดีไหมครับ... และการดูจิตตามแนวทางที่คุณศุกร์ปฏิบัตินั้น เป็นแบบใดผมใคร่ขอคำแนะนำด้วย.. จักเป็นพระคุณยิ่ง
ขอบคุณครับ หนุ่มทิพย์ ******************************************* หลวงปู่เจือท่านเคยสอนว่า "ฌานก็ไม่ใช่ของๆเรา"
สิ่งที่เราทำได้ไม่ได้หมายความว่าจะครองได้ตลอด ค่ะ เอาเป็นว่า ถ้าต้องการศึกษาสภาะวะแบบไหนก็ศึกษาแบบนั้นน๊ะ ^^ ...ประสบการณ์ที่เคยได้... 1. มองดวงจันทร์ จนถอดจิต เห็นทุกอย่างชัดเจน อันนี้ได้ตั้งแต่เด็กๆเลย
2. ทำสมาธิโดยเพ่ง ลูกแก้วจนเป็นนิมิติติดตา จนลูกแก้วเป็นประกายพฤกษ์เอง เมื่อนิมิตหายไปจิตจะรวมไว้ที่หน้าผาก สมาธิจิตจน เป็นอัตโนมัติ เอง เมื่อต้องการถอดก็สมาธิ ปิดตาแล้วมองที่หน้าผากจนเป้นสีหมุนวน แล้วอีกกายก็วูบ...ฟึ๊บบ..หลุดออกไปเป็นอีกกายนึง **ถ้าทำได้แบบนี้ แล้วสมาธิไว้บ่อยๆ ตลอดเวลา จะสามารถตามรู้ เข้าออกได้แบบอัตโนมัติ (ตอนนี้ไม่ได้ทำแบบนี้แล้ว) ที่ทำจริงๆ ใช้เวลา ประมาณ ไม่น่าจะเกิน 2 สัปดาห์ (จริงๆ แล้วแต่ว่า นิมิตจะติดตาเมื่อไหร่)
3. ปัจจุบัน ทำสมาธิด้วยวิธีหลวงปู่เจือ ศุภโร แต่ ทำแบบครึ่งนึงคือ สมาธิไว้ที่จิตเฉยๆ ทำตลอดที่มีสติ และยังไม่เป็นอัตโนมัติ การมองเห็นโลกทิพย์จะไม่ชัดแบบกสิน แต่รู้ได้ เมื่อมีมากระทบ สมาธิปัจจุบันคือ ให้สมาธิอยู่ที่จิตและกาย เท่าที่มีสติ จะมีพลังคนละแบบกับกสิน แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นแบบอัตโนมัติเหมือนตอนได้กสินน๊ะค่ะ จะนำมาใช้เป็นบางเวลาเท่านั้น
***อนาคตเราจะนำสองสิ่งนี้มารวมกัน แต่สภาวะแวดล้อมเรายังไม่อำนวย แต่ก็อธิษฐานจิตไว้แล้ว เดี๋ยวจะมีมาเอง ทั้งหมดนั้นก็ต้องแล้วแต่ อำนาจจิต หรือพลังบางอย่างมาหนุน ให้เรารู้ด้วยค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่เบื้องบนจะบอกเป็นหัวข้อ ไม่มีรายละเอียด ทำให้เราต้องงมๆ ไปหลายอย่างเหมือนกันค่ะ ^^
มีสิ่งนึงที่ยากมากๆ คือ คนส่วนใหญ่ ฝึกมานานมากแต่ไม่เคยรู้จิต ไม่เห็นจิต ทำให้ดูจิตไม่เป็นค่ะ อันนี้ต้องลองอธิษฐานตามบุญบารที่ทำมาด้วยน๊ะค่ะ แต่ถ้าเห็นแล้วก็โชคดี เพราะฌานคือความรู้ที่นำมา ทำอะไรบางอย่างเท่านั้นค่ะ สุดท้าย เมื่อได้...จิตจะมีปัญญาที่เป็นอัตโนมัติด้วยตัวของตัวเอง ***********************************
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของคุณศุกร์ เท่าที่ผมได้อ่านประวัติการปฏิบัติของคุณมา คิดว่าคุณศุกร์คงมีของเก่าติดตัวมาเยอะ ถึงได้มีประสบการณ์มหัศจรรย์ของจิตอย่างดียิ่ง อนุโมทนาด้วยครับ ... สำหรับผมแล้วคงมีของเก่าติดตัวมาน้อยมาก เลยไม่มีประสบการณ์มหัศจรรย์อย่างของคุณศุกร์ ผมได้ทดลองมาหลายสายหลายแบบ ก็ไม่เกิดผลอะไรทั้งสิ้นจนถึงตอนนี้ถึงได้รู้สภาวะแนวทางเดินการฝึกปฏิบัติ ว่าเหมาะกับทางใด และคิดว่าทางการเจริญสติปัฏฐานสี่นี่แหละมาถูกทางแล้ว ประโยคที่คุณศุกร์บอกไว้ว่า "มีสิ่งนึงที่ยากมากๆ คือ คนส่วนใหญ่ ฝึกมานานมากแต่ไม่เคยรู้จิต ไม่เห็นจิต ทำให้ดูจิตไม่" ตรงนี้แหละครับที่ผมติดอย่างมากคือการดูจิตยังดูจิตไม่เป็นหาจิตไม่พบ นั่งสมาธิก็สักแต่นั่งไปแต่ไม่เกิดผลอะไรทั้งสิ้น บางครั้งเกิดอาการฟุ้งซ่านมาก บางครั้งไม่มีกำลังใจในการปฏิบัติ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี สมาธิไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร แต่บางครั้งบางวันมีอารมณ์อยากนั่งสมาธิก็นั่งได้นานมากสมาธิแนบแน่น ดิ่งจนชนิดที่ว่าลมหายใจหายไปไม่มีเลยก็มี... ก็เป็นแบบนี้ เท่าที่ได้อ่านๆจากหนังสือตำราจากอาจารย์ต่างๆที่สอนมานั้น ได้ลองปฏิบัติตามแนวทางเจริญสติในการดูกาย ให้รู้อาการของกายตลอดเวลา ผมอยากทราบว่ามันมีประโยชน์ตรงไหนครับถ้าเราดูกายของเราพิจารณากาย.. ขอคุณศุกร์ช่วยแนะนำด้วย...
ขอบคุณครับ ...
Free TextEditor
Create Date : 05 มกราคม 2553 |
Last Update : 5 มกราคม 2553 21:40:52 น. |
|
4 comments
|
Counter : 1250 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: นฤมล IP: 202.91.19.201 วันที่: 18 พฤษภาคม 2553 เวลา:2:09:51 น. |
|
โดย: วินัย เจริญมี IP: 223.207.109.77 วันที่: 27 ตุลาคม 2553 เวลา:12:10:51 น. |
|
โดย: ชัย IP: 110.168.113.7 วันที่: 14 สิงหาคม 2555 เวลา:15:51:29 น. |
|
| |
|
หนุ่มทิพย์ |
|
|
Location :
เชียงใหม่ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
เว็บบล็อคแห่งนี้ เป็นสถานที่สำหรับบันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่ได้จากประสบการณ์การศึกษาปฏิบัติธรรมตามแนวสติปัฏฐานสี่ ของข้าพเจ้า...
|
|
|
|
ต้องไปฝักบ้างแล้ว เนี่ยๆ จิตจะได้สงบๆลงบ้าง