ปฎิรูป-ถอยอย่างไรไม่ให้ล้ม*** WHITESPACE.CO.LTD

whitespace
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




เมื่อไม่มีสิ่งใดจริง จึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
.....อ่านเรื่องพุทธบารมี
.....ลีลาสมเด็จพุฒาจารย์โต
.....ปฏิปัตติปุจฉาวิสัชนา-หลวงปู่มั่น

Google..
.....................พ่อของแผ่นดิน...
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
17 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add whitespace's blog to your web]
Links
 

 

ตอน18 ผู้ล่วงลงต่ำ



เรื่องชุด เทวดาประจำกาย / ศรีจันทารา
ตอน 18 ผู้ล่วงลงต่ำ



บรรยากาศเหงาๆ บ่งบอกฤดูหนาวย่างกรายมาเยือนบนโลกมนุษย์ ที่กลับทวีความร้อนเร่าด้วยดาราสาวร้อนแรงที่ออกมายั่วยวนทั้งในโฆษณาและมิวสิควิดิโอตั้งแต่ยังไม่หน้าร้อน

“โอโหทันสมัยสุดๆ ประภาธารา” เสียงทักทายของโอภาสฯดังเข้ามาถึงในวิมานสีคราม ซึ่งผมกำลังนอนเอกเขนกดูรายการโทรทัศน์จากทุกมุมโลก ซึ่งดารานักร้องจากหลายประเทศพยายามถีบตัวเองเข้าสู่อินเตอร์โดยยึดแกนกลางที่สหรัฐอเมริกา หากใครได้ร่วมงานกับบริษัทชื่อดังในดินแดนลุงแซมซึ่งสามารถวางการตลาดไปทั่วโลกได้ ก็ถือว่าก้าวสู่ระดับสากลที่จะได้รับการยอมรับจากประเทศตัวเองด้วย

“ติดดาวเทียมเมื่อไหร่กัน” รันตนกายีนางฟ้าคนเท่มีแซว เมื่อเดินเข้ามาพร้อมกับโอภาสฯถึงวิมานส่วนกลางที่ผมพักผ่อนอยู่ ผมกดรีโมทดูนักร้องสาวไทยที่เล่นวิดีโอประกอบเพลงของตัวเอง เสื้อผ้าน้อยชิ้นที่แปะนั่นนิดนี่หน่อย อีกทั้งลีลาการส่ายสะโพกโยกปั้นท้าย ยั่วยวนกามารมณ์มากกว่าจะเป็นเพลงที่ชำระล้างจิตใจ เนื้อเพลงก็ชวนให้กระเจิงลงสู่เบื้องต่ำเป็นหลัก

“หน้าตาสวยสะ ฐานะดี มีพรสวรรค์ ทั้งหลายทั้งปวงที่ดีพร้อมในชาตินี้ กลับถูกนำมาใช้ในด้านที่ไม่มีคุณประโยชน์ต่อชีวิตในโลกหน้า” โอภาสฯพูดราวกับคอมพิวเตอร์ซึ่งกำลังสแกนข้อมูลกรรมปัจุบันที่เห็นอยู่ด้านหน้า

“ไม่ได้ทำไปเพราะความยากจน หรือหารายได้ไปช่วยเหลือใคร แต่เพื่อความโด่งดังมีชื่อเสียง และต้องการการยอมรับในเรื่องความสามารถ แค่นั้น..!! ไม่สนใจว่าจะเกิดผลกระทบอย่างไรต่อเยาวชนของชาติ...” เพื่อนยังร่ายยาว ส่วนเจ้าของวิมานอย่างผมนอนเอกเขนกดูนักร้องในภาพที่ปรากฏบนผนังด้านหนึ่งซึ่งใช้แทนจอรับสัญญาณภาพไม่ต่างจากจอทีวีบนโลก ประกอบการบรรยายของเพื่อนอย่างสบายอารมณ์

“จิตสำนึกในโลกยุควัตถุนิยม เปลี่ยนไปตามกระแสสังคมที่เห็นสิ่งไม่มีจริง อาทิ ชื่อเสียง เงินทอง อำนาจวาสนา ฯลฯ ว่าเป็นของน่าพิสมัย น้อยคนจะนึกถึงความดีงาม ที่เป็นเสบียงในโลกหน้า เพราะส่วนใหญ่ล้วนแต่ต้องการความจะมีจะเป็นในโลกนี้ ทั้งที่เป็นโลกที่มีระยะกาลเวลาสั้นๆ แทบไม่ถึงวันของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์” รัตนากายีส่งข้อมูลบ้าง

“พวกคุณจะมาสรุปอะไรกันเหรอ” ผมยานเสียง ถามนักวิเคราะห์ทั้งสองที่บุกรุกเข้ามาทำลายช่วงเวลาพักผ่อนอันสุนทรีย์ผมพังพินาศ ทำราวตัวเองเพิ่งฟื้นตื่นจากโลกแห่งความบันเทิง ท่าไม่ยี่หระอะไรนักของผมคงกวนประสาทเพื่อนพอดู

“...ตายแล้ว.. พวกนี้จะไปอยู่โลกไหนก็ช่างเค้าเถอะน่า” ผมเบ้ปากเจรจาคล้ายไม่สน ทำไงได้พวกนี้อยากโชว์กันเอง โชว์มาคนดูก็มีหน้าที่ดู กรรมใครกรรมมันช่วยกันไม่ได้

“ก็คนดูไม่ได้เป็นเหมือนประภาธาราทุกคนนี่ ดูแล้วก็คลั่งไคล้เลียนแบบ..” นางฟ้าปรายตาคมมาทางผมงอนๆ

“คุณว่าในนรกนี่ พวกอาชีพไหนที่ตายแล้ว.. ไปอยู่กันมากที่สุด” เพื่อนเทวดาแนวได้ทีกล่าวสานต่อจากสิ่งที่ผมก่อ เป็นคำถามที่เราเล่นกันออกบ่อย

“พวกนุ่งเหลืองห่มเหลืองเนี่ยเยอะสุด กินของชาวบ้านแล้วไม่ปฏิบัติธรรม นี่มีสตางค์เข้าไปฉันสุกี้ในห้างสรรพสินค้ากันแล้ว” ผมหัวเราะเอิ๊กๆ ลงลูกคอ หากทว่าตาสีน้ำทะเลของผมนิ่งสงบ

“แต่ผมว่านักการเมืองนะ ตัวเล็กตัวน้อยอยู่ในนรกกันแทบทุกขุม” เพื่อนนัยน์ตาโตออกความเห็น อ๊าว.. พูดอีกก็ถูกอีกนะท่านโอภาสฯ นี่เป็นอาชีพที่อยู่ในนรกกันล้นหลาม ตอนมีชีวิตนั้นมีเกียรติกว่าใครก็จริง ขนาดพวกเสี่ยมีอิทธิพลยังต้องมาอาศัยเส้นทางนี้ เสียดายชีวิตมนุษย์สั้นนักเลยได้เสวยสุขสั้นไปนิด แต่ในนรกนี่รับรองว่ายาวนานจนนับไม่ได้ ดูไม่คุ้มกับสิ่งที่พวกเขาพอใจจะแลกเอาเสียเลย

“พวกดารานางแบบก็คงไม่น้อยนะ โชว์กันจัง พฤติกรรมบางคนก็เลินเล่อสนุกกับตัณหาเสียจนเสียผู้เสียคน นี่เพราะหน้าตาดีไง อ๊ะ เดี๋ยวนี้นักร้องก็ใช่ย่อย ต้องร้องกันแบบโป๊เปลือยทุ่มกันทั้งตัว” นางฟ้าองค์เดียวในกลุ่มเพิ่มอาชีพนักร้องเข้าไปด้วย โอภาสฯหน้าตึงเพราะเอาอาชีพที่เขารักนักรักหนามารวมอยู่ในนรก ผมทำทีมองหน้าเพื่อนทั้งสองละไมเหมือนไม่นำพา ทั้งยังเสนอความคิดอันยากจะปฏิเสธ...

“ก็ลองคิดดูเถอะ.. บนโลกมนุษย์ซึ่งไม่ได้อยู่ด้วยการเสวยบุญบาปเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ด้วยกฎโลกของการแข่งขัน มนุษย์หลายคนสนุกกับโอกาสทางโลกตามกระแสนิยม ความสุขแบบโลกๆ จนไม่คิดว่าจะมีดินแดนคู่ขนานอื่นๆ ที่รอคนตายมาบังเกิดไปตามกรรมใหม่ที่สร้างกันไปตามความหลง ดังนั้น.. ถ้าหากใครเกิดมามีรูปร่างหน้าตาดีหรือมีฐานะดีแล้วไม่หลงล่ะก็.. ให้มันรู้ไป..” พูดไปสลับยักคิ้วหลิ่วตาไป ทำนองต่อให้เป็นผม โอภาสฯ รัตนกายี หรือใครก็ตาม หากไปเกิดด้วยความพรั่งพร้อมบนโลกล้วนมีโอกาสหลงกันทั้งสิ้น

“เอ๊ะ ประภาธารานี่ วันนี้มาแปลก!!” ทั้งสองแทบอุทานเป็นเสียงเดียว ไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นผมอารมณ์ดีจนขวางพวกเขาเกินเหตุ ประหนึ่งว่าใครอยากชั่วก็ชั่วก็หลงกันไปซิ ไม่ใช่กงการอันใดของผมสักหน่อย แต่ก็หาได้หลอกนางฟ้าเจ้าปัญญาไปได้นาน...

“ฮั่นแน่.. อย่าบอกนะ ว่างานใหม่ของคุณมันหนักหนาสาหัส ขนาดต้องหาทางออกด้วยการออกอาการปานประหนึ่งไม่แยแสโลก..หึหึ..” รัตนกายีเอียงคอครุ่นคิดที่มาของอารมณ์ผมขณะนี้ คาดเดาไปโน่นเลย.. แต่เข้าเป้าเป๊ะ ที่จริง ผมกำลังจะทำความหนักใจของตัวเองไม่ให้หนัก หน้าที่ประจำกายคนซึ่งมีของเก่ามาดีพร้อมทุกอย่าง แต่บุญเก่ากลับสร้างความหลงให้ในชาตินี้เพราะขาดความรู้ตัวและระลึกชอบแท้ๆ แต่ก็โทษกันยากนะ เพราะบางคนแค่ได้ดีขึ้นมาหน่อยยังถึงกลับลืมตัวเอาได้ทันทีเหมือนกัน ประสาอะไรกับคนดีพร้อมมาแต่เกิด

“ผมไม่แปลกใจล่ะ ที่พวกโยคีสมัยพุทธกาลสาบแช่งคนที่เกลียดเหมือนให้พร เล่นแช่งให้ไปเกิดในที่ดีๆ ให้สวยให้รวยให้หล่อ จะได้เห็นทุกข์ได้ยากๆ หลงได้ง่ายๆ บางคนหลงขนาดตกไปในภูมิต่ำด้วยกรรมหนักอีกระลอก” ละเมอเสียงเบา ผมไม่ทำท่าสบายอารมณ์อีก

“ก็ขาดสติสัมปชัญญะกันเมื่อไหร่ หนทางเสื่อมมาจ่อรอตรงปลายจมูกทันที” เพื่อนนางฟ้าพลอยรำพึงรำพันไปด้วย

“โธ่ ที่แท้ก็เครียดเรื่องงานนี่เอง ปล่อยวางซะบ้างนะประภาธารา” โอภาสฯจับไต๋ผมได้อีกคน คราวนี้.. เลยกลับตาลปัตรกลายเป็นผมเสียเองที่เป็นกังวล ส่วนสององค์นั่นได้ที ทำหน้าตาลอยชายยียวนกวนผมกลับบ้าง ยืนดูสาวนักร้องเต้นโยกย้ายชะเวิบชะวาบบนผนังวิมานที่รับสัญญาณภาพคมชัดจัดจ้านจากทุกมุมโลกราวอยู่ในเหตุการณ์ด้วยตัวเอง

“อืม เก่งๆ” เพื่อนทั้งสองปรบมือเอ่ยชมนักร้องสาว เอ๋า..!! สองเทพพูดจาเหน็บมนุษย์ก็เป็นนะ

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สภาพศพลูกชายเสี่ยแท่นพร้อมผู้ติดตามรวมสี่ศพถูกนำมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัด มีประชาชนตลอดจนข้าราชการชั้นผู้น้อยถึงชั้นผู้ใหญ่รวมถึงนักการเมืองมารดน้ำศพกันแน่นขนัด ค่าที่คนตายเป็นถึงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของผู้มีอิทธิพลกว้างขวาง และอยู่เบื้องหลังของส.ส.หลายจังหวัดตั้งแต่ภาคเหนือไปถึงจังหวัดอื่น เพราะเสี่ยแท่นเป็นผู้ค้าไม้รายใหญ่ แถมยังเทคโอเวอร์กิจการค้าไม้ของเสี่ยรายอื่นๆ มาอยู่ในความครอบครองหลายกิจการ กิจการค้าไม้แปรรูป โรงเลื่อยตามจังหวัดต่างๆ เกือบทุกสาขาของประเทศ ทั้งเลย เพชรบูรณ์ ชัยภูมิ กาญจนบุรี รวมไปถึงภาคกลางและอิสาน สร้างศัตรูคู่แข่งไว้ไม่น้อย

หาญกล้า เกียรติชัยภูมิ ลูกชายเสี่ยแท่นเศรษฐีพันล้าน เมื่อครั้งยังมีชีวิตเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาหมดจด จบปริญญาตรีจากอเมริกา ก่อนกลับมาศึกษาต่อโทในไทยเพราะพ่อของเขาต้องการให้ลูกชายคุ้นกับสภาพแวดล้อมและเพื่อนๆ คนไทย ซึ่งที่จริงเขาก็คุ้นดีเสียยิ่งกว่าดีกับคนไทยตั้งแต่อยู่ต่างประเทศ เพราะไม่ใช่เด็กเรียนที่ไร้เพื่อนแต่เป็นนักเที่ยวในหมู่เด็กไทยไฮโซที่นั่น ความที่เป็นหนุ่มเจ้าสำอางทำเอาสาวติดเกลียว มีบริวารเป็นเพื่อนกินเพื่อนดื่มไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นลูกคนที่รวยน้อยกว่าหรือพวกรสนิยมสูงรายได้ต่ำ เขาไม่ใช่คนโง่แต่ค่อนข้างจัดเจน

ผมนั่งอยู่ด้านหน้าศาลาวัด เฝ้าดูผู้คนที่ทยอยมาในงานเพื่อร่วมพิธีรดน้ำศพ ฟังถ้อยคำจากผู้มาในงานกล่าวอโหสิกรรมและภาวนาให้วิญญาณผู้ตายไปสู่สุคติ ทว่าคำอธิษฐานประการหลังยากจะมีผลใดๆ ต่อวิญญาณนัก เพราะสถานที่ที่พวกเขาต้องไปคงเป็นไปตามแรงกรรมซึ่งทำไว้ในขณะมีชีวิตมากกว่า แล้วประสาอะไรกับพวกวิญญาณทั้งสี่ที่ยังไม่ถึงที่ตาย ซ้ำไม่ได้สำเหนียกต่อคำขอขมาลาโทษหรือคำสวดใดๆ ที่ให้สติต่อพวกเขาอีกด้วย

วิญญาณทั้งสี่คือหาญกล้าและลูกน้องติดตามอีกสามคนเกาะกลุ่มกันอยู่หน้าวัด พูดจาแทะโลมหยอกล้อสาวๆ ที่เข้ามาในงานอย่างสนุกสนานแม้จะไม่มีใครเห็น บ้างเข้าไปขี่คอเกาะหลังเอาเถิดเสียกับแขกบางคนซึ่งมาในงาน คนที่มีบารมีก็จะมีรังสีบุญแผ่ออกมาหรือมีเทพคุ้มกายจนพวกนี้ไม่กล้าเข้าใกล้เพราะร้อน แต่ใครดวงตกก็ถูกพวกนี้เข้ากลั่นแกล้งตามสันดานคะนองที่ยังไม่สำนึกบาปบุญคุณโทษจนแขกเหรื่อพิศวงไปตามๆ กัน เมื่อมีอาการหนักไหล่บ้างเหมือนถูกผลักบ้าง ผมนั่งมองพวกนั้นอย่างปลงสังเวช ยิ่งกว่าปลงศพของพวกเขาที่น่าอเนจอนาถเสียอีก แต่ยังไม่ถึงเวลาไปสนใจพวกนี้นัก รอเวลาที่ใครบางคนจะมาปรากฏในงานเสียก่อน

นักร้องสาวชื่อดังที่เคยปรากฏภาพบนผนังวิมานของผมมาถึงในงานแล้ว เธอแต่งกายมิดชิดใส่วิกผมสวมแว่นตาจนไม่เหลือเค้าเดิมให้จดจำ ทันทีที่เหยียบเข้าถึงหน้าวัด หาญกล้ากลับจำเธอได้ เขาเหมือนแสดงความดีใจพยายามเข้าไปโอบเธอแต่ไม่เป็นผล

ทั้งคู่เคยเป็นแฟนกันตั้งแต่เรียนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา บุญเก่าของทั้งคู่นั้นสร้างมาไม่น้อย นอกจากพราวตาจะเกิดมาด้วยรูปร่างหน้าตาสวยงาม ยังมีพรสวรรค์ด้านการร้องเพลงอย่างดี เป็นลูกสาวของผู้มีอันจะกินโดยฐานะไม่น้อยหน้าใครในสังคมโลกซึ่งนับถือกันที่เม็ดเงิน ทั้งเขาและเธอตกหลุมรักกันอย่างรวดเร็วแต่เป็นความรักในยุคบริโภคนิยม ที่บริโภคกันอย่างสิ้นเปลือง บ้านหลายหลัง รถหลายคัน แม้กระทั่งคนรักหลายคน จึงต่างมีกิ๊กอีกมากตามสมัยที่ความอยากได้รับการตอบสนองอย่างไม่มีขอบเขต ผมเห็นภาพอดีตของคนทั้งสองแล้วอดเสียดายไม่ได้

ก่อนมาเกิดเป็นมนุษย์ พราวตาเป็นพรายน้ำที่ชื่นชอบการร้องรำทำเพลง ส่วนหาญกล้าเป็นรุกขเทวดาที่อาศัยอยู่ในต้นไม้ใหญ่ข้างริมน้ำ ทั้งคู่รักกันมานานขนาดสัญญาว่าจะรักกันไปทุกชาติภพ จะว่าไปทั้งสองเป็นเทพชั้นจตุมหาราชิกที่อาศัยอยู่บนโลกมนุษย์ ต่างหอบบุญเก่ากันมาไม่น้อยเมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ หรือจะโทษว่าพวกเขามาเกิดผิดยุคดี เพราะดันเป็นช่วงเวลาที่เจริญทางด้านวัตถุจนยากแก่การครองสติให้อยู่ในความสันโดษมักน้อยอย่างยิ่ง ไม่ใช่ยุคของการแสวงหาทางหลุดพ้นเหมือนเมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีที่แล้ว

“ไม่ต้องเข้าไปในงานหรอกพราว..” หาญกล้าพยายามตะโกนบอก แต่เธอไม่ได้ยิน

พราวตาตรงไปถึงที่วางศพหาญกล้า ดวงตาแม้ไร้แววเสียใจหากแต่ดูเลื่อนลอย เธอรดน้ำศพเงียบๆ ไม่ได้กล่าวคำใดๆ ออกมาก่อนรีบออกจากงานไป สร้างความงุนงงให้หาญกล้าเป็นกำลัง

เขารีบตามเธอและเข้าไปนั่งรอในรถ พราวตาสตาร์ทเครื่องขับกลับไปยังคอนโดหรูที่ซื้อไว้ย่านใจกลางเมือง ตึกตระหง่านสไตล์ยุโรปหลายสิบชั้นถูกตบแต่งไว้ด้วยแมกไม้หลากสีสันที่ชั้นกราวน์ ชายหนุ่มต้องหยุดอยู่หน้าทางเข้าไม่อาจตามเธอขึ้นไปที่ห้องเพราะถูกเจ้าที่ที่ออกมาสกัดตัวเขาไว้

“โธ่.. ผมมากับแฟน ท่านก็เห็น”

“คุณอยู่คนละโลกกับเธอแล้วนะ จะไปยุ่งเกี่ยวกับพวกมนุษย์ทำไมอีก”

ทั้งคู่ต่อล้อต่อเถียงกันอีกไม่นานหาญกล้าก็เลิกสนใจเจ้าที่ เพราะเห็นพราวตาเปลี่ยนเสื้อผ้าถอดวิกกลับมาเป็นคนเดิม เธอลงมารับชายหนุ่มที่เพิ่งขับเบนซ์ตากลมเลี้ยวเข้ามาจอดในลานจอด

“อย่าไปยุ่งกับเธออีกเลย ตัดใจเสียเถอะ” เจ้าที่เตือนเขาครั้งสุดท้ายอย่างหวังดี ก่อนหายลับไป

ลมพัดมาบางๆ ในยามค่ำ พราวตาเดินมาถึงรถเบนซ์ที่จอดเทียบในลานจอดด้านข้างอาคารซึ่งอยู่เยื้องไปไม่ไกลนัก ชายคนขับหน้าคุ้นเคยต่อวิญญาณหาญกล้าก้าวลงมาจากรถ และมันทำให้อารมณ์ของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงด้วย

“ที่แท้ก็เป็นไอ้เอกภพลูกเสี่ยเซ้ง” เสียงสบถแหบพร่า แม้หาญกล้าจะรู้ว่าพราวตายังคบเพื่อนชายอีกหลายคนเพราะเป็นคนดังมีชื่อเสียง ทั้งเขาเองก็ใจกว้างไม่ปิดกั้นเพราะมีความเป็นเพื่อนต่อกันมานาน ต่างฝ่ายต่างมีคนอื่นอีกหลายคนประสาคนมีเงินและให้โอกาสต่อกัน ทั้งยังเป็นเกมสวาทกรายๆ ที่ทำให้หึงหวงกันอย่างออกรสชาติ แต่คิดไม่ถึงขนาดว่าเธอจะกล้าคบกับเอกภพลูกชายเสี่ยเซ้งคู่ปรับตัวฉกาจของเสี่ยแท่นบิดาของเขา

“ไงที่รัก” ชายหนุ่มร่างสูงเข้าไปโอบพราวตาอย่างที่หาญกล้าทำไม่ได้

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือคะ”

“ตำรวจคิดว่าเป็นเรื่องผู้หญิง สาวมาไม่ถึงหรอก เสี่ยแท่นขาดลูกชายคนโปรดไปแบบนี้ คงถึงเวลาเข้าวัดแล้วมั๊ง นี่.. มันยุคของพ่อผมและผมแล้ว..” เขาหัวเราะลั่นดวงตาวับวาวไปด้วยความโลภหลง

“ขอบคุณนะที่อุตส่าห์นัดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเสี่ยแท่นมาให้เก็บง่ายๆ” คราวนี้เอกภพไม่พูดเปล่ารั้งนักร้องสาวเข้ามาหอมฟอดใหญ่ดุจเป็นการให้รางวัลตอบแทน

ประโยคสุดท้ายของคู่ปรับเรียกสติวิญญาณหาญกล้าให้ไพล่นึกทวนถึงวันที่ตัวเขาเสียชีวิต พราวตาโทรศัพท์เข้ามาในสายกะทันหัน บอกรู้สึกไม่ค่อยสบายให้มารับไปโรงพยาบาล โดยที่เขาเองยังไม่ได้โทรฯกลับไปบอกที่บ้านด้วยซ้ำ ลำดับภาพที่เขาลำดับคิด ทำให้ตระหนักเรื่องราวทั้งหมดได้แจ่มชัด ทุกอย่างถูกวางแผนไว้แล้วเป็นอย่างดีจากคนซึ่งเขารักมากที่สุด เขาเปลี่ยนเส้นทางจะไปทำธุระให้พ่อวกกลับมาหาแฟนสาว ก่อนถูกดักถล่มยิงเสียชีวิตพร้อมลูกน้องเคราะห์ร้ายที่ถึงคราวซวยไปด้วย

“ถ้าไม่ได้เธองานคงไม่สำเร็จ เพราะนายหาญกล้าเป็นคนระวังตัวทุกฝีก้าว คนไว้ใจที่สุดเท่านั้นที่จะทำร้ายกันได้” เอกภพหัวเราะร่วน พราวตาหน้าเสียผลักเขาออกจากตัว เธอไม่ชอบใจวาจาที่ซัดทอดความผิดมาให้ มันเป็นความผิดที่เธอไม่อยากรับรู้และไม่อยากคิดถึง

ส่วนบุคคลที่สามซึ่งเขากำลังกล่าวถึงยืนตะลึง ความโกรธจัดคืบคลานมาทดแทนความตื่นตะลึง มันเริ่มกระพือโหมเข้าครอบจิตใจหาญกล้าที่ไม่ใช่มนุษย์แล้ว ทำให้เขามีกำลังมากพอจะดลบันดาลให้เกิดลมบ้าพัดโหมมาแรง ณ บริเวณนั้นทั้งที่ไร้วี่แววมาก่อน ซ้ำยังพยายามรวบรวมพลังทั้งหมดเพื่อจะปรากฏกายขึ้นต่อหน้าคนทั้งสอง คงถึงเวลาที่ผมจะต้องคุ้มครองนักร้องสาวพราวเสน่ห์แล้วกระมัง

“ลมบ้าอะไรวะเนี่ย” เอกภพหงุดหงิดกับลมที่พัดตีใส่ พราวตาเอามือป้องหน้าและจับเสื้อผ้าไม่ให้ปลิดปลิวเป็นพัลวัน

“อย่าทำอย่างนั้นเลยหาญกล้า” ผมชิงปรากฏตัวต่อหน้าเขาเสียก่อน ก่อนเขาจะทันปรากฏกายต่อหน้าศัตรูเก่าและสาวคนรักซึ่งบัดนี้กลายเป็นศัตรูไปแล้วเช่นกัน

“คุณเป็นใคร” เขาผงะตกใจที่เห็นผม แต่ผมเซ็งเล็กน้อยเมื่อเหลือบเห็นเพื่อนเทพทั้งโอภาสฯและรัตนกายียืนกอดอกมองดูเหตุการณ์ซึ่งผมกำลังปฏิบัติงานผ่านภาพบนผนังวิมานของผมเองอย่างสบายอารมณ์ราวอยู่ในเหตุการณ์ด้วย จะไม่ลงมาช่วยกันจริงๆ ก็ตามใจ

“ผมเป็นเทวดาประจำกายของพราวตา” อย่างไรก็ต้องบอกเขาไปตามจริง หน้าตาของหาญกล้าบิดเบี้ยวคล้ายเจ็บปวดและไม่เข้าใจ เสมือนถ้อยคำของผมเป็นคมมีดกรีดใจเขาไม่ปาน

“คนไม่ดีแบบนั้น เทวดาโง่ที่ไหนจะมาคุ้มครอง” จากนั้นพาลโกรธใส่ผมด้วย ดวงตาแดงกล่ำตัดกับตาสีน้ำทะเลของผมโดยสิ้นเชิง วาจาเหน็บแนมทำผมสะอึก เพื่อนเทพทั้งสองหัวเราะก๊าก จนผมต้องเงยมองด้วยด้วยความช้ำใจไม่ต่างจากวิญญาณตรงหน้านัก

“ขำๆ นะ ประภาธารา” รัตนากายีส่งเสียงให้กำลังใจมา เธอคงยังจำที่ผมทำเป็นทองไม่รู้ร้อนเมื่อตอนที่เธอเข้ามาเยี่ยมถึงวิมานเมื่อสักครู่

ลมยิ่งกระหน่ำแรง เศษใบไม้เศษฝุ่นปลิวว่อน พราวตารีบวิ่งกลับไปทางคอนโดมิเนียมพร้อมเอกภพ หาญกล้าเร่งรวมพลังจนสามารถปรากฏกายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาจนได้ วิญญาณหาญกล้าในร่างน่ากลัวเลือดโทรมกายยืนขวางทั้งสองคนไว้เล่นเอาพวกนั้นจขวัญกระเจิงที่เจอผีหลอกยามดึก นี่มันเพิ่งงานศพวันที่สามเท่านั้น

“เหวอ เฮี้ยนจริงนะมึง” เอกภพเสียงหลงแต่ไม่วายยกเท้าถีบส่งป้องกันตัว แต่หาญกล้ากลับไม่สนใจศัตรูเก่าทั้งที่ถูกเอกภพวางแผนฆ่า เขาเดินไปหาพราวตาทั้งน้อยใจและแค้นเคือง ร่างของเขาชัดขึ้นเรื่อยๆ สภาพวิญญาณดูน่ากลัว ร่างเต็มไปด้วยเลือดหน้าซีดดวงตาแดงกล่ำ แม้พราวตาจะเป็นเพียงผู้สมรู้ร่วมคิด แต่ก็เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้แผนนี้สำเร็จลงอย่างง่ายดาย

“ทำไมต้องฆ่าผม” เขาถาม ไม่หยุดสาวเท้าเข้าไปหาราวจะเข้าไปบีบคอเธอ ส่วนเอกภพวิ่งหกล้มหกลุกหนีไป ไม่คิดจะหันกลับมาช่วยพราวตาแม้แต่น้อย

“สิบล้านไง ง่ายๆ แค่โทรฯเรียกแกมา” นักร้องสาวตะโกนใส่หน้าเขา เหตุผลแค่โทรศัพท์แลกกับเงินง่ายๆ “ส่วนแกจะเป็นอย่างไรไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันไม่ได้อยากฆ่าแกสักหน่อย” เธออธิบายราวกับไม่ใช่คนฆ่า เรื่องที่เขาต้องตายไม่ได้เกี่ยวกับเธอแม้แต่น้อย เหตุผลแบบนั้นไม่ใช่ทำให้หาญกล้าชะงัก ผมเองก็ชะงักงัน สับสน นี่มันเป็นวิธีคิดของคนยุคไหนกันนะ ???

“แต่เธอมีเงินมากอยู่แล้ว”

“ไม่พอหรอก เงินน่ะใช้แป๊บเดียวก็หมด” เธอเพ้อราวเสียสติ

ผมปล่อยให้หาญกล้าเดินเข้าบีบคอพราวตาจนสิ้นลมไปต่อหน้า เพราะตัดสินใจไม่ถูกว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร นี่เป็นครั้งแรกที่ผมไม่เข้าใจว่าจะมาประจำกายให้คนเสียสติไปทำไม และจะมีเวลาขนาดไหนอธิบายเรื่องเหตุผลที่ถูกควรให้เธอฟังรู้เรื่อง สังคมบริโภคล้างสมองคนยุควัตถุนิยมไปจนเกินจะเข้าใจว่าอะไรถูกอะไรผิด วิธีคิดมักง่ายและผลักเรื่องเลวออกจากตัวอย่างไร้เหตุผลสิ้นดี

เมื่อฟ้าประทานโอกาสลงมา ไฉนมนุษย์เรามักจะทำลายโอกาสที่ได้รับอยู่เสมอ บางทีอาจจะมีโชคลาภ ชื่อเสียง ตำแหน่งหน้าที่ ฯลฯ แต่แทนที่จะได้ใช้โอกาสนั้นทำอะไรที่เป็นประโยชน์ กลับหลงไปกับโอกาสนั้นด้วยเส้นทางที่ผิดแทน จนต้องกลับไปเกิดในอบายกับจิตที่ตกต่ำลงไปอีก

“เฮ้อ.. กว่าจะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ หรือภูมิที่สูงกว่า มันง่ายที่ไหนกันเล่า..” ผมสับสนและเศร้าสร้อย เสียงหัวเราะของรัตนกายีกับโอภาสฯลอยล่องลงมาสมทบ แม้มันจะขื่นปร่าอยู่สักหน่อย..




 

Create Date : 17 มิถุนายน 2551
0 comments
Last Update : 21 มิถุนายน 2551 10:37:59 น.
Counter : 383 Pageviews.

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.