ปฎิรูป-ถอยอย่างไรไม่ให้ล้ม*** WHITESPACE.CO.LTD

whitespace
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




เมื่อไม่มีสิ่งใดจริง จึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
.....อ่านเรื่องพุทธบารมี
.....ลีลาสมเด็จพุฒาจารย์โต
.....ปฏิปัตติปุจฉาวิสัชนา-หลวงปู่มั่น

Google..
.....................พ่อของแผ่นดิน...
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
5 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add whitespace's blog to your web]
Links
 

 

ตอน9 เทพคุ้มครอง



เรื่องชุด เทวดาประจำกาย / ศรีจันทารา
ตอน 9 เทพคุ้มครอง



จริงอยู่.. ท้องฟ้าก็เป็นท้องฟ้า แต่ทำไมถึงมีคนเห็นเจ้าแม่กวนอิมยืนอยู่บนนั้น วิไลเอามือกอดตัวเอง มองไกลไปถึงรอยหยักบนผิวไอน้ำฉ่ำเย็นของกลุ่มเมฆต่างๆ แต่ให้รู้สึกเหมือนปุยนุ่นมากกว่าที่จะเป็นละอองน้ำ สำหรับการมองด้วยสายตา แต่ละกลุ่มก้อนกลายเป็นรูปร่างชวนอัศจรรย์ใจ

กองคาราวานกลุ่มเมฆ กำลังเดินทางไกลไปอย่างช้าๆ บางกลุ่มดูเหมือนมังกร เหมือนปราสาทราชวัง เหมือนคลื่นทะเลและเทพแห่งท้องทะเลที่มุ่งไปเบื้องหน้า เหมือนยักษ์ เหมือนอาณาจักรของสถานอันลึกลับที่ราวมีผู้คนขวักไขว่อยู่ในนั้น ฝนคงกำลังก่อตัว กองคาราวานเหมือนเพิ่มอัตราความเร็วในการเร่งเดินทางอีกเล็กน้อย เคลื่อนขับไปไม่หยุด จนไปสมทบเป็นกลุ่มหนาที่ขอบฟ้าสีอึมทึม จากขาวเป็นเทาเข้ม ถ้าลมพัดแรงมากฝนคงไปตกที่ไกล แต่ลมแทบไม่มี อากาศก็อุดอู้ ฝนคงจะลงเม็ดในไม่ช้า

ฟ้าครึ้ม ประจุไฟฟ้าบวกลบภายในแต่ละขั้วเรียกหากันอยู่แปลบปลาบ เสียงเปาะแปะของหยดน้ำบนฟ้าค่อยๆ ร่วงลงกระทบกับสิ่งรองรับต่างๆ บนโลก เสียงครืนๆ อึงอลไปทั่ว ผู้คนทยอยวิ่งเข้าตัวอาคารหรือที่กำบังใกล้ตัว มีแต่วิไลเดินใจลอยไปตามทางยาว หลายคนผลุบหายเข้าไปในร้านรวง เธอเองก็ต้องตัดสินใจ เพราะเม็ดฝนเพิ่มความหนาตัวและหนักขึ้นเรื่อยๆ

ร้านกาแฟโบราณในอาคารพาณิชย์เต็มเอี๊ยดโดยอัตโนมัติ เสียงเอ็ดอึงน่ารำคาญ รวมทั้งเสียงฝนตกแรงและอากาศร้อนชื้นที่ชวนอับ ค่อยคลายตัวแล้วบ้าง อากาศรอบตัวเริ่มเย็นลง ผู้คนที่เซ็งแซ่ก็เรียงรายเข้าสู่ความสงบรำงับ การเบียดเสียดเพื่อหาที่กำบังชะลอตัวยุติ ฝูงชนบนท้องถนนแยกย้ายหายไปอยู่ตามที่ต่างๆ วิไลเองเลือกร้านนี้ เธออิ่มท้องจากขนมปังสังขยา และกำลังละเลียดกาแฟโบราณอย่างใจลอย

“คุณมีเทพคุ้มครอง” สาวดรุณครุ่นคำนึงถึงคำทายทักจากสาววัยกลางคนที่แต่งตัวตามสไตล์ยิปซี เดี๋ยวนี้หมอดูก็ต้องเรียนรู้การเรียกความสนใจจากลูกค้าและรู้จักโฆษณาตัวเอง ยิ่งนำเสนอตัวเองให้เด่นชัดว่าเป็นใคร ทำอะไร เชี่ยวชาญด้านไหน การแต่งตัวรวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้โฆษณาอยู่ ก็ช่วยให้ลูกค้าไม่ต้องซักไซ้ไถ่ถามเรื่องนอกตัว เพื่อสืบค้นประวัติความเป็นมาและความน่าเชื่อถือของผู้ทำนายมากมายนัก เห็นปุ๊บเป็นอันเข้าใจกัน สาวยิปซีมีลูกแก้วขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก และเธอเพ่งลูกแก้วให้วิไลด้วย อย่างกับในหนัง วิไลคิด เพราะแม่หมอยิปซีเด็กๆ ที่วัยรุ่นยุคนี้ผันตัวมาหากินด้านนี้กันหนาตา ก็เน้นการแต่งตัวเต็มรูปแบบกันเสียมาก แต่ไม่ค่อยได้เห็นมีลูกแก้วไว้ใช้ นอกจากจะมีพอให้เห็นเอาจากในหนัง

หลังถูกทักว่าเธอมีเทพคุ้มครอง ก็นึกเดาต่อ แม่หมอคงจะทายว่าเป็นเทพทางแถบแดนภารตะ เพราะดูจากรูปพรรณการแต่งตัวของแม่หมอเอง

“เป็นหญิงสาวสวยใส่ชุดจีนยาวกรอมเท้า ในมือมีน้ำเต้าและกิ่งทับทิม” ผิดความคาดหมายไปไกลเทียว วิไลไม่ได้ตั้งใจมาดูดวงจากหมอดู แค่เห็นผู้หญิงคนนี้นั่งอยู่ข้างทาง เธอมีลูกแก้วสวยงามวางอยู่ตรงหน้า ใครหนอจะให้เธอดูโชคชะตาให้ วิไลนึกค่อนขอด การดูลูกแก้วเสี่ยงต่อการเดาร้อยทั้งร้อย แม่หมอจะพูดอะไรไปตามอยากก็ได้อยู่แล้ว ยิ่งถ้าจิตวิทยาเก่งๆ ด้วยล่ะก็ พวกจิตอ่อนที่มาดู มีแต่จะเปิดเผยเรื่องตัวเองให้เขาทั้งหมด

“คุณมีเคราะห์ แต่จะแคล้วคลาด บอกได้เท่านี้ ระวังตัวให้ดีก็แล้วกัน เรื่องสวดมนต์ หรือทำพิธีแบบจีน ฉันไม่รู้เรื่องหรอก” เธอพูดสั้น ชัดเจน ไม่เยิ่นเย้อ และเหมือนจะทายใครแบบนี้ก็ได้ ก่อนรีบเก็บข้าวของน้อยชิ้นเผ่นหนีฝนที่กำลังจะตกลงมา เธอรีบเร่งเดินจากไปทำเอาวิไลโกรธ สำคัญว่าเป็นแผนจะมาทำเป็นลึกลับชวนน่าติดตามหรืออย่างไร แต่ฉันไม่ชอบให้ใครมามีบุญคุณหรอกนะ แม้จะถูกหลอกก็เถอะ เธอรีบย่ำตามพยายามเอาเงินยัดใส่มือแม่หมอ หญิงกลางคนบอกขอบใจ ไม่ดูเงินในมือแม้แต่น้อยว่าลูกค้าให้เท่าไหร่ วิไลเองก็ต้องหาที่หลบฝนเช่นกัน เพียงแต่ไม่ตะลีตะลานแบบใครอื่น แถมยังดูใจลอยอาจเป็นเพราะผลจากการถูกทักทำให้ครุ่นคิด เธอเดินช้าๆ มองดูเมฆบนฟ้าเบื้องหน้า คลับคล้ายเห็นเจ้าแม่กวนอิมที่ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างจากเมฆ คนที่วิ่งกันหน้าตาตื่นหลบเม็ดพิรุณ พอเห็นวิไลเดินไปเรื่อยเปื่อย บางคนก็เลยหยุดวิ่ง เผลอตัวเล่นน้ำฝนด้วยขณะเดินไป

ถ้วยกาแฟถูกยกขึ้นจรดริมฝีปากบาง กาแฟเคยร้อนเปลี่ยนเป็นเย็นชืดตามกฎของการถ่ายเทความร้อน วิไลกลืนกาแฟเย็นชืดลงไปตามลำคอยาว ขณะมือซึ่งถือถ้วยกาแฟกำลังจะวางมันลงบนจานรอง เธอรู้สึกสงบ ชัดเจนทั้งความรู้สึกที่น้ำกาแฟค่อยๆ ลื่นไหลไปตามลำคอลงสู่กระเพาะอาหาร ชัดเจนทั้งความรู้สึกของมือถือถ้วยซึ่งกำลังค่อยๆ เคลื่อนตัวลงไปใกล้ๆ จานรองแก้ว รอบตัวตอนนี้แจ่มชัดไปทุกอิริยาบถ อาจเป็นเพราะจิตใจไม่ได้ถูกดึงไปจมอยู่กับความคิดใดๆ ไกลตัวอีกแล้ว มันจึงมาจับอาการของร่างกายได้ไปเสียหมด

เสียงกิ๊ก.. เบาๆ เมื่อถ้วยกระทบจานรอง ทว่าเธอได้ยินมันดังสนั่น วิไลเข้าสู่สมาธิโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นการเผลอตัวเข้าสู่ความว่างแบบอัตโนมัติ คล้ายโลกสะเทือนเลื่อนลั่น แต่ประดุจจิตใจเธอสั่นไหวไม่มาก มันตกใจแค่เพียงน้อยกับสิ่งที่ไม่คุ้นเคยเท่านั้น สภาวะของจิตมีกำลังเข้มแข็งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มั่นคงแม้ยังหวั่นไหวอยู่บ้างเล็กๆ หญิงสาวสวยใส่ชุดจีนยาวกรอมเท้า ในมือมีน้ำเต้าและถือกิ่งทับทิม มายืนประทับอยู่เบื้องหน้า สะบัดกิ่งทับทิมเบาๆ ก็มีน้ำหยาดเล็กๆ เป็นฝอยกระจายความสดชื่นไปทุกอณูความรู้สึก ประทานพรให้เธอด้วยคำสวดมนต์จีน แม้ฟังไม่ออก แต่กลับเข้าใจความหมายที่สัมผัสได้ ขนตามตัวลุกขึ้นชูชนด้วยความอิ่มเอิบ หยาดน้ำตาไหลพร่า คลื่นยิบๆ เต้นถี่อยู่ตามใต้ผิวกาย ตัวเธอสั่นไหวยากต่อการควบคุม จิตใจเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ยินดียิ่ง ทำให้จิตไหวสะเทือนคลายกำลังสมาธิลงเห็นได้ชัด ภาพนั้นจึงค่อยๆ จางหายไป

นี่คงไม่ใช่ความฝัน คงไม่ใช่แค่ไอเย็นของอากาศหลังฝนตกเข้ามากระทบผิวตัว คงไม่ใช่สิ่งที่คิดไปเอง เพราะภาพที่ชัดราวฉายจากวีดีโอ ยังคงชัดเจนอยู่ในห้วงความทรงจำที่เพิ่งผ่านไปสดๆ ร้อนๆ

ความคลุมเครือของคำทำนายว่าเธอมีเคราะห์แต่จะแคล้วคลาดเพราะมีเทพปกปักรักษาของหญิงยิปซีวัยกลางคนนั้น ทำให้ความอยากจะดีใจปนเปไปด้วยความหวาดวิตก รวมทั้งอยากจะคิดว่าช่างเป็นการหากินของหมอดูลึกลับที่แสนไร้สาระ และทั้งหมดคงจะถูกลืมเลือนไปในไม่ช้า หากเธอไม่พบเจอกับภาพจินตนาการที่เหมือนจริง ของผู้หญิงงามสง่าท่วงท่าเมตตาและมีอำนาจปรากฏขึ้น ในมโนจิตกระซิบบอกว่าต้องเป็นเจ้าแม่กวนอิมแน่ แถมดันมีรายละเอียดไปพ่วงกับกับที่สาวยิบซีทัก ทั้งที่หมอดูนั่นท่าทางจะไม่รู้จักท่าน คล้ายตอกย้ำเรื่องชวนพิศวงทั้งหลายให้ชัดเจนราวจิ๊กซอว์ต่อกัน นี่คงไม่ใช่เพียงฝันกลางวันของเธอ? มันเป็นครั้งแรกที่วิไลต้องเข้ามาประสบกับความลี้ลับบางประการ

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ใต้สะพานพุทธยามเย็นจวนค่ำ บูธหรือแผงริมถนนต่างๆ ถูกจับจองโดยแม่ค้าพ่อค้าตามสะดวก มีขนาดเล็กใหญ่หรือออกแบบตามอำเภอใจ บ้างแบกับดินริมทางเท้า โดยไม่ถูกต่อว่าต่อขานว่าขาดความร่วมมือจนทำลายเอกภาพและภาพพจน์ของโซนร้านค้าริมฟุตบาธย่านนี้ มันก็สวยงามไปอีกแบบ ผู้คนคราคร่ำไปตามทาง ซึ่งกำลังจะมากขึ้นๆ ไฟต่างๆ ตามร้านและไฟริมถนนถูกเปิดขึ้นแทนฟ้าที่ปิดแสงแล้ว

โอภาสฯเทวดามาดเซอร์ ผู้มีปีกสีม่วงอ่อนๆ หล่อตามแบบฉบับอันแบบบาง ยืนเล่นกีตาร์คู่กับนางฟ้าปีกแก้วรัตนกายี ที่ผมเห็นเธอแอบไปฝึกฝนเล่นไวโอลินชนิดเอาเป็นเอาตาย เลียนแบบนักไวโอลินชื่อดังบนโลกผู้มีนาม วาเนสซ่า เมย์ สาวลูกครึ่งไทยสิงคโปร์ เทพสององค์ซึ่งไม่ค่อยจะลงรอยเมื่อแรกเจอ ดูจะเข้าขากันมากโดยเฉพาะงานนี้ ผมเดินมาหยอดเหรียญสิบลงไปสามเหรียญบนกล่องกีตาร์เปล่าที่วางไว้ริมทาง ก่อนถอยออกมายืนดูเทพทั้งสองเล่นประสานกันราวเป็นนักดนตรีที่ไม่สนใจเรื่องใดๆ ในสามโลกนี้(นรก โลก สวรรค์)อีกแล้ว เด็กเล็กๆ หญิงชายยืนเคียงข้างผู้เป็นมารดามองดูพวกเขาด้วยนัยน์ตากลมโต ผมสันนิษฐานว่าคงไม่ใช่เพราะสองเทพนี่เล่นฉกาจฉกรรจ์ แต่คงจ้องไปที่ปีกสวยๆ ของเทวดานางฟ้าคู่นี้มากกว่า

แหม! เพื่อนเราช่างใจกล้าไม่ถอดปีก ผมแอบชมความซ่าส์ของเพื่อนรัก ไม่มีใครให้ความสนใจในการจับผิดมากนัก คงเป็นเพราะยุคทันสมัยที่ใครๆ ก็กล้าแต่งตัวแถมทำได้แนบเนียนสวยงาม ชุดแปลกประหลาดกลายเป็นชุดธรรมดาซึ่งใครๆ ก็กล้าใส่ ไม่นับชุดเปิดตูดเปิดนมหกของพวกวัยรุ่นที่วัยดึกบางคนก็พยายามใส่ตาม เพิ่มความน่ารักน่าชังไปตามอารมณ์ของผู้พบเห็น ใครหุ่นทุเรศผิวทุเรศแถมมีขนอันทุเรศโผล่มา ก็ชวนให้อ้วกได้ง่ายๆ แม้เจ้าตัวคนใส่จะคิดว่าตัวเองสวยเริ่ดเต็มประดา

ทั้งสองเทพวันนี้มาในชุดผ้าเนื้อหยาบยาวกรอมเท้ามีเส้นผ้ายาวคล้ายเชือกคาดเอวเหมือนเทวดาฝรั่ง ซึ่งแค่ถูกมองว่าเพื่อดึงดูดความน่าสนใจประกอบการเล่นดนตรีข้างถนนเพื่อหารายได้ แต่มนุษย์หน้าไหนล่ะจะเล่นได้ไพเราะขนาดนี้ หลังจากสองเทพนี่ไปซุ่มซ้อมเล่นกีตาร์กับไวโอลินชนิดทุ่มสุดตัว ผมว่าคงมาเปิดโชว์กันเล่นๆ บนโลก ก็เพื่อยั่วให้ผมอิจฉาอยากหาเครื่องดนตรีสักหนึ่งชิ้นมาเล่นบ้าง ดูเถอะ ไม่เว้นแม้กระทั่งลงมาทำเก๋แกล้งกันให้หวั่นไหว ทั้งที่ขณะนี้ผมกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่

ผมปรบมือแปะๆ หลังทั้งสองเล่นจบ เขาและเธอค้อมคำนับคนดูที่ต้องทยอยจากไปอย่างเสียดาย เพราะกำลังมันส์ได้ที่กับเพลงที่เล่นได้รวดเร็วกระแทกกระทั้นได้ล้ำลึกหลังอ้อยอิ่งนิ่งเรียบสงบราวอยู่บนสรวงสวรรค์ ทุกคนตบมือเกรียว และงุนงงที่นักแสดงข้างถนนจบการแสดงเอาดื้อๆ คล้อยหลังคนดูที่เดินลับหาย นักดนตรีคู่หูริมทางหันมายิ้มยั่วผม คงอยากให้ผมเอ่ยปากบอก “ผมอยากเล่นด้วยจังเลย ขอให้ผมได้แจมวงกับคุณหน่อยนะ” ก่อนหายตัวจากไป พร้อมกล่องกีตาร์ที่ค่อยๆ อัตรธานหายไปด้วย ทิ้งเงินและเศษเงินกองไว้บนทางเท้า ไม่น่าเชื่อว่าคนจะให้เงินสองเทพนั่นตั้งเยอะ อาจประทับใจสุดกลั้น

“ใจกล้ากันจริงๆ“ ผมส่ายหน้ายิ้มส่ง หันไปเห็นเด็กน้อยทั้งสองที่แม่จูงมือคนละข้างเหลียวกลับมามองร่างของโอภาสฯกับรัตนกายีขณะกำลังจางหายด้วยอาการตาโต ผมแย้มยิ้ม โบกมือให้พ่อหนูน้อยกับแม่หนูน้อย ก่อนหันกลับมาเจอวิไลมองผมอยู่ด้วยตาที่โตไม่แพ้เด็กทั้งสอง ทำผมยิ้มหุบ นิ่งไปด้วยอาการช็อคชั่วครู่

“ฉันจะไปเก็บเงิน” เธอบอกก่อนเดินไปก้มเก็บเงินที่กองอยู่ ลังเลว่ามันเป็นของใครกันแน่ จะรอหาพระแสงอะไรเล่าครับ ผมหายตัววับไปทันที นี่ผมมาดักรอเธออยู่ ไฉนปล่อยให้เธอมาซุ่มแอบดูผมได้ สาวในเครื่องแบบทำงานขุดสีชมพู เก็บเงินขึ้นมาเสร็จสรรพกลับไม่เจอผม เธอผงะตกใจหันซ้ายขวาละล้าละลัง ผมเข้าไปจ้องหน้าเธอใกล้ๆ เห็นใจแม่สาวน้อยหน้าซีด แต่ทำไงได้ มันยังไม่ถึงเวลา งานนี้เธอทำผมตกใจก่อน และยังทำตัวเองให้ตกใจภายหลัง นี่มันไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลยนะ

“วิไล” เสียงตะโกนเรียกหาจากเพื่อนร่วมงาน ทำให้การมองหาผมของเธอยุติ หยุดขยี้นัยน์ตา เปลี่ยนเป็นตามหาเสียงเพื่อนที่เรียกเธอแทน สงสัยคงใจลอยเดินจากเพื่อนมาทางเสียงดนตรีที่เทวดานางฟ้าจำแลงลงมาเล่นบนทางเท้าโลกด้วยตัวเอง

ภาวนาให้เธอไม่เห็นอะไรเลย นอกเสียจาก พอมาถึงก็เห็นผมแล้วแค่นั้น แต่ผมก็พลาดอยู่ดี เพราะตกใจจนหายวับไปต่อหน้าต่อตาเธอ เธอวิ่งไปที่ต้นเสียงเรียก คงเป็นเพื่อนสาวซึ่งชวนกันมาเดินเที่ยวจับจ่ายในย่านแสนจะคึกคัก ตื่นตาตื่นใจ ของคนที่ไม่มีงบเวอร์พอจะต้องใช้ของแบรนด์เนมจากห้างนอกเสมอ ผมค่อยๆ ปรากฏตัวอีกครั้ง มองไล่หลังตามเธอไป

“ไล ไปไหนมา ..นี่ดูเสื้อตัวนั้นซิ ดูดูดู สวยไหม” บอกด้วยเสียงระรัวสั่น เพื่อนตื่นเต้นตาลอย ประสานมือไว้ใต้คางราวพบเจอแม่พระ ทั้งถามทั้งขอความเห็น หลังวิไลวิ่งมาตามเสียงตะโกนจนเจอพรรณรายยืนตะลึงพรึงเพริดแหงนมองเสื้อซึ่งแขวนโชว์อยู่หน้าร้านร้านหนึ่ง ท่าทางเธอไม่ต้องการรู้ว่าวิไลไปไหนมาจริง แต่ต้องการความเห็นกับเสื้อตัวนั้นจากวิไลมาก

“มันคงแพงน่าดู” พรรณรายกังวล ร้านเสื้อที่สองสาวยืนอยู่ดูดีกว่าร้านอื่นๆ อยู่หลายขุม หลังเธอเข้าไปถามราคาจากคนขายซึ่งสาละวนอยู่กับลูกค้าอีกรายก็หน้าม่อยเดินออกมา ออกตัวกับเพื่อนว่าไม่ได้ตั้งจะมาซื้อของแค่มาเดินเที่ยว เลยไม่ได้พกเงินมามากพอ ไม่คิดว่าจะได้เจอชุดถูกใจ

“มีเงินให้ยืมไหม” เพื่อนมองวิไลตาละห้อย ก่อนยิงคำถามแทบไม่ทันตั้งตัว วิไลมองมือที่ยังกำเงินที่เก็บมาจากข้างทาง ซึ่งเธอคิดว่ามันอาจเป็นของผู้ชายที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กองเงินที่ดันหายตัววับไปต่อหน้าต่อตา

“เงินเหรอ” หันกลับไปมองพรรณราย “เยอะไหม” แววตากังวล

“ก็พันห้านะ” พรรณรายกะยืมแบบมีเหลือทอนไว้ใช้อีกต่างหาก มองเห็นเงินในมือมีแบ๊งค์ร้อยหลายอยู่

“นี่ไม่ใช่เงินเรา ของเราเองมีอยู่เจ็ดแปดร้อย” เธอคำนวณเงินที่มี ขาดอีกนิดหน่อย แถมยังต้องเป็นค่ารถกลับบ้านด้วย สาวน้อยคิดหนัก เพราะใจอยากกลับไปคืนเงินที่คิดว่าเป็นของชายคนนั้น เขาคงทำหล่น “แปดร้อยได้ไหม” วิไลต่อรอง

“แปดร้อยเองเหรอ” มองเงินในมือเพื่อนตามัน

“อือ.. เงินนี่ไม่ใช่ของเราหรอก เดี๋ยวจะคืนเจ้าของถ้าหาเจอ” บางที นี่อาจเป็นการลองใจของเทวดา วิไลนึกถึงการหายลึกลับของชายคนนั้น

“คืนใคร” พรรณรายสอบถาม แปลกใจอยู่เหมือนกันที่เพื่อนเอาเงินมาถือเล่น มันไม่ใช่เงินวิไลหรอกหรือ เธอจึงได้รับฟังเรื่องประหลาดจากปากเพื่อน ว่าเจ้าของเงินทิ้งไว้ด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบ อาจถูกชนเงินตก แถมหายตัวได้ต่อหน้าต่อตาอีก แต่พรรณรายเดาว่าผู้คนอาจเดินกันขวักไขว่ จนวิไลคลาดสายตาจากเขามากกว่า

“คงไม่เจอแล้วหละ” อยากได้เงินในมือวิไลเอาการ ไม่งั้นคงชวดเสื้อตัวที่เล็งไว้ ตัวตั้งพันสอง “เธอหาเขาไม่เจอหรอก มันยากนะ” ย้ำให้มีน้ำหนัก ก่อนดึงเงินในมือเพื่อนที่ไม่ทันระวังตัวไปนับ สงสัยว่าทำไมมีแต่แบ๊งค์ย่อยเป็นส่วนใหญ่

ก่อนวิไลจะรู้อะไรเป็นอะไร เสียงวี๊ดของพรรณรายก็ก้องกังวาลแสบแก้วหู มีผู้ชายชุดดำๆ วิ่งผ่านพร้อมดึงเงินจากมือเธอไป สัญชาตญาณพาวิไลวิ่งตามอย่างลืมตัวพร้อมตะโกนว่าอย่าเอาเงินนั่นไป มันไม่ใช่ของฉัน เธอกระโดดเข้าคว้าแขนหมอนั่น แสงสะท้อนปลาบเข้าตา มีดที่มันดึงออกมาเล่มเขื่องยาวเกือบแปดนิ้ว เธอตกใจหน้าซีดเผือดเอามือป้องหน้า ไม่เห็นว่ามันจะจ้วงแทงเธอที่อก

“เงินแค่นี้ เล่นกันแรงขนาดนี้เชียว” ผมรับมีดที่จ้วงเข้ามา ผลักสาวน้อยกระเด็นออกไป พอมันเห็นผมในร่างปีศาจ ถึงกับแหกปากตระโกนลั่นปาเงินทิ้งก่อนวิ่งหนี วิไลท่าทางงุนงง เธอลุกขึ้นจับสะโพกร้องโอดโอย คงกระแทกเข้ากับพื้น ก่อนเดินเขยกเข้ามาหาผม

“คุณเอง” ท่าเหมือนเธอจะร้องไห้เพราะคงเจ็บ

“ฉันกำลังจะเอาเงินมาคืนคุณพอดี” เธอก้มลงไปเก็บกวาดเงิน แต่มองผมไม่วางตา คงกลัวผมหายตัวไปอีก อาจเพื่อยืนยันว่าตาไม่ได้ฝาดหากเห็นผมหายไปอีกครั้ง แต่ผิดคาด ผมก็ยังยืนอยู่ รอเธอเขยกเอาเงินมาส่งให้ แต่ไม่ได้รับ

“ไม่ใช่เงินผมนี่” พูดตามความจริง

“จริงเหรอ แต่ฉันไม่เห็นมีใครอยู่ใกล้เงินนี่นอกจากคุณ” คิ้วขมวดปม พยายามท้าวความ สีหน้าสลดที่ผมปฏิเสธ หรือไม่ก็เพราะคาดการณ์ผิด ดูจะลืมเรื่องร้ายๆ จากชายชุดดำไปเสียแล้ว

“ทำนายโชคชะตาด้วยลูกแก้วยิปซีไหมค้า..” เสียงร้องชำแรกมาตามสายลมยามค่ำของหมอดูที่ไหนก็ไม่เห็นตัว วิไลหันมองหา เธอคงมองเห็นหญิงสาวในชุดยาวกรอมเท้าในมือถือกิ่งทับทิมเดินหายไป ไม่ต่างไปจากผม

“เจ้าแม่กวนอิม” เธออุทาน “ท่านมาคุ้มครองให้ฉันแคล้วคลาดจากเคราะห์ครั้งนี้เหรอ?” เธอคล้ายจะร้องไห้อีก

บางทีมนุษย์ที่มาเกิดใหม่ก็ลืมเรื่องเก่าๆ เสียหมด ทั้งที่บุญบารมีเก่าก็มีอยู่พอสมควร เทพหรือนักปฏิบัติที่ชอบมาเกิดเป็นมนุษย์หลายคน บางคนยังไม่ถูกสภาพแวดล้อมใหม่ๆ หล่อหลอมก็ยังมีนิสัยเดิมๆ พวกเทวดานั้นถ้าไม่หลงระเริงไปนัก ส่วนใหญ่ก็ยังมีความละอายและเกรงกลัวต่อบาป ไม่อาจทำชั่วทั้งต่อหน้าและลับหลังใคร เหมือนเขาจะรู้ได้ว่าฟ้าดินเห็นเป็นพยาน ผมมาช่วยเธอ ใช้คืนหนี้เก่าที่เธอเคยช่วยผม ส่วนความผูกพันที่เธอมีต่อเจ้าแม่กวนอิมสมัยอยู่บนฟ้า ทำให้วิไลสาวยุคสมัยใหม่ที่ไม่เชื่อเรื่องลี้ลับกลับผูกพันต่อท่านอย่างไม่รู้คลาย

ผมคงต้องลาจากเธอตรงนี้ไปด้วยการเดินสองเท้า มันเป็นความลับของสวรรค์ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับศรัทธาของเธอ คนทำความดีโดยหวังการตอบแทนบุญที่ได้อาจไร้ค่า ผมเห็นเธอเอาเงินที่เป็นภาระก้อนนั้นไปบริจาคให้นักร้องพิการบนทางเท้าสองคน ซึ่งต่างจากรัตนกายีกับโอภาสฯ โดยสิ้นเชิง คนหนึ่งแขนขาดเล่นกีตาร์ด้วยมือข้างเดียวโดยใช้บิ๊กผูกไว้กับมือข้างที่ขาด ส่วนคนร้องมีแค่ครึ่งตัวบนนั่งอยู่บนรถเข็นไม่มีทั้งแขนและขา ทั้งสองร้องเต็มที่ แต่เงินที่ได้เป็นเพียงเศษเหรียญ ไม่ใช่แบงค์ใหญ่ที่คนฟังยินยอมแลกกับบัตรคอนเสิร์ตของนักร้องจากต่างประเทศ เด็กยุคนี้หูถึงแต่ปัญญาถึงขนาดไหนผมก็ไม่ทราบ

อย่าโวยของเก่าที่มีมากับตน เพราะมันช่วยอะไรไม่ได้กับอดีตที่ผ่านไปแล้ว มีเพียงปัจจุบัน ที่มีสิทธิ์สะสมเสบียงกรังใหม่ จะเป็นเรื่องที่ดีหรือเลว เราเท่านั้นเลือกได้





 

Create Date : 05 มิถุนายน 2551
0 comments
Last Update : 12 มิถุนายน 2551 9:48:27 น.
Counter : 605 Pageviews.

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.