พระธรรมเทศนาของพระครูสุทธิธรรมรังษี
หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม
ต.คลองควาย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี เรื่อง การพิจารณากาย แสดงไว้เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๔
ถอดความจากบันทึกเสียงเทศน์
โดยรับฟังเสียงเทศนาได้ที่
//www.fungdham.com/sound/popup-sou ... jie04.htmlต้องการฟังธรรมเทศนาอื่นๆของพระอาจารย์เจี๊ยะ จุนฺโท
//www.fungdham.com/sound/jie.html นโม ตสฺสส ภควโต อรหโต สมฺมา สมฺพุทฺธสฺส
นโม ตสฺสส ภควโต อรหโต สมฺมา สมฺพุทฺธสฺส
นโม ตสฺสส ภควโต อรหโต สมฺมา สมฺพุทฺธสฺสลำดับต่อไปจะได้บรรยายธรรมะอันเป็นแนวทางปฏิบัติของบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย
วันนี้บังเอิญฝนตก คนก็น้อย กัณฑ์เทศน์ก็ไม่ค่อยมี เสียงมันก็ไม่ค่อยขึ้น (หัวเราะ)
การแสดงธรรมเป็นสิ่งที่ยาก ไม่เหมือนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ท่านรู้วาระ รู้จิตใจของบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย
เพราะฉะนั้นการเทศน์ก็ยังเข้าไปสู่จิตใจของบุคคลผู้นั้นให้เห็นเหตุเห็นผล
ได้บรรลุธรรมวิเศษเกิดขึ้นในขณะที่ฟังธรรมก็มีจำนวนมากๆ เป็นเช่นนั้นเพราะว่าเป็นสัพพัญญู รู้แจ้งของใจของมนุษย์ทั้งหลาย
อย่างบรรดาเราก็เหมือนกัน ฟังๆ ไปอย่างนั้น
ผู้เทศน์ก็ไม่สันทัด ผู้ฟังบางทีก็สันทัด ไม่สันทัดก็มี
ก็ว่าตามความจริงอย่างนั้น
การปฏิบัติ..ว่าแล้วก็ว่าซ้ำๆซากๆน่าเบื่อน่าหน่าย
การปฏิบัติหัวใจก็ต้องมีความเข้มแข็ง ถ้าขาดความเข้มแข็ง ความอุตสาหะ ความพยายาม ความพากความเพียรอย่างนี้
เหมือนไฟที่มันอยู่ในศีรษะเราอย่างนี้
เพราะหัวใจอย่างนั้นไม่เห็นภัยไม่เห็นสิ่งที่ทุกข์
เดือดร้อนเหมือนอย่างไฟที่ติดในหัวเรานั้นเหมือนกัน
บางคนก็ทนอยู่อย่างนั้น ไม่รู้จักวิธีดับไฟที่ไหม้อยู่บนหัวเรา
ก็มีแต่วันที่จะตายจมลงไปอยู่ตลอดเวลาเพราะไม่มีอุบายที่จะแก้ไข อันนี้เป็นสิ่งที่ลำบาก
การแก้หัวใจที่ไม่สงบก็ต้องใช้ความพยายามแก้ไขดัดแปลงมากๆ
ไม่ใช่จะนิ่งเพ่งดูจำเพาะหัวใจอันนั้นอันเดียวอย่างนั้น
การเพ่งอย่างนั้นก็ใช้ได้เหมือนกันแต่สำหรับผู้ที่มีกำลัง
ถ้าผู้ที่ไม่มีกำลังแล้ว นีวรณธรรมก็เข้ามาทับ
หรือเรียกว่า อารมณ์ทั้งหลายเข้ามาชิงความดีของเราที่จะตั้งอยู่ไม่ได้
มันคอยให้ส่ายออกไปโน้มน้าวหาอารมณ์เข้ามาป้อนใจอยู่ตลอดเวลา
สมาธิก็ไม่สามารถจะตั้งได้เพราะฉะนั้นการปฏิบัติมันก็จะต้องดูเล่ห์ดูเหลี่ยมคูของใจเรา
ใครจะพูดขนาดไหนมันก็ไม่เข้าใจเรา เราต้องดูเอาเอง ดูที่หัวใจลงไป
ในขณะที่บำเพ็ญอย่างนั้นใจมันไม่สงบ ใจมันไปคิดวุ่นวายสิ่งใดอย่างนี้เราก็จะต้องหาวิธีแก้ไข
อย่างก็เคยพูดให้ฟังอยู่บ่อยๆแล้วว่า ต้องใช้การบริกรรมเหมือนอย่างคนเราที่ตกลงไปกลางทะเลอย่างนี้
ไม่มีเรือ ไม่มีแพ ไม่มีสิ่งใดที่จะเป็นภาชนะ
ก็จำเป็นที่จะต้องหา มีหูมีตา มีอันใดที่จะต้องใช้
ก็จะต้องเอาพยายามหาสิ่งนั้นเพื่อป้องกันชีวิต ขี้เกียจก็ต้องเป็นอย่างนั้น
ทีนี้ท่อนไม้ ท่อนต้นกล้วยหรืออันใด ไม้ไผ่ ไม้อะไรอันใดอันหนึ่ง เพื่อเกาะยังชีวิต
ให้เป็นไป ไม่ให้ถึงแก่การจมลงไปในทะเล นี่เหมือนกับการที่เราภาวนานี่อย่างนี้เหมือนกัน
ถ้าใจมันไม่สงบ ใจมันวอกแวกอยู่ตลอดเวลา ใจไม่สงบ หรือเกิดการง่วงเหงาหาวนอน
หรือเกิดความขี้เกียจขี้คร้าน เกียจคร้านจนไม่อยากนึกไม่อยากคิดนี่..นี่มันเป็นอุปสรรคทั้งนั้น
อุปสรรคสำหรับการปฏิบัติฝ่ายของหัวใจหัวใจของผู้ปฏิบัติก็จำเป็นจะต้องเข้มแข็งต่อสู้ กำจัดสิ่งเหล่านี้ให้มันออกไปจากหัวใจเรา
เมื่อกำจัดออกไปได้อย่างนั้นก็เหมือนเราที่กำลังลอยคอไปอยู่ในทะเลเจอท่อนไม้
ได้อาศัยไปถึงฝั่งได้ก็ไม่ถึงแก่ความตาย อุปมาอุปไมยก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
ใจที่พะวักพะวนมีนิวรณธรรมเข้ามาครอบงำใจเราอยุ่ตลอดเวลา
ไม่เพียงถึงหนึ่งนาทีสองนาทีอย่างนี้มันก็เอาไปกินหมด ไม่มีความดีเกิดขึ้นกับใจเรา
นี่เพราะฉะนั้นอย่างเรือแพหรือท่อนไม้ท่อนซุงอันใดก็แล้วแต่
ที่เราเกาะชีวิตไปนั่นยังชีวิตเราไม่ตาย
ก็เหมือนกับที่เราอาศัย พุทโธ ธัมโม สังโฆ อันใดอันหนึ่ง
หรือความตายความไม่เที่ยง ความเจ็บความป่วยอันใด ท่องอรหังพุทโธ อิติปิโส ภควา
บทใดบทหนึ่งอย่างให้ลงไปถึงหัวใจ อย่างนั้น แล้วให้กอดแน่นอยู่อย่างนั้น
ไม่ให้ใจพะวักพะวนไปในที่ใดอย่างนี้ นี่เรียกว่าเป็น อุบาย
เป็นที่จะประคับประคองใจของเรานั้นไม่ให้มันเข้าไปสู่ ไปส่ายไปหาอารมณ์มาป้อนใจเมื่อภาวะของใจจดจ้องอยู่อย่างนั้นแล้ว มันก็จะเกิดสงบ
ก่อนที่มันจะเกิดสงบมันก็ต้องจัด กำจัดนิวรณ์ตัวนั้นเองออกไป
เมื่อนิวรณ์มันออกไปน้อยเข้า น้อยเข้า เมื่อเราเพียรพยายามว่าอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา
ใจนั้นก็จดจ้องอยู่กับการบริกรรมตลอดเวลาต่อเป็นเรื่องกันไป ใจนั้นก็เริ่มสบาย
ใจนั้นก็นิวรณ์ก็ไม่ค่อยมีมา หรือมีมาก็ห่าง
ถ้ามันยังเห็นว่ามีห่างอยู่เราก็ต้องอย่าเพิ่งทิ้งการบริกรรมตัวนั้น
เทศน์ก็ไม่รู้จะเทศน์อย่างไร ก็ต้องเทศน์กันอย่างนี้เอง เทศน์เพื่อแนะนำพร่ำสอน
เพราฉะนั้นบางท่านบางคนก็ไม่ค่อยเข้าใจแต่เราเข้ามาในวัดอโศฯ (วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ)
ล้วนแต่บุคคลที่เคยฝึก เคยกระทำกับครูบาอาจารย์
ครูบาอาจารย์ที่ท่านเสียไปอย่างนี้ก็เคยสมาคมอยู่กับท่าน
เพราะฉะนั้นได้ยินสิ่งที่เคยเข้าอกเข้าใจน่ะแยะ
เต็มอกเต็มภูมิเต็มไปหมดจนล้นออกไปหาย หามาคืนไม่ได้ เรียกว่า ลืมของเก่า
เราจำเป็นจะไม่ต้องลืมของเก่า สิ่งใดที่จะเป็นประโยชน์แก่ใจของเราอันนี้ให้เกี่ยวเกาะให้แน่นแฟ้น
ใจของเราที่เกิดความสงบขึ้นได้อันนั้นไม่ว่าอันใดก็แล้วแต่
มันย่อมเป็นประโยชน์ที่จะตัดนิวรณธรรมของเรา