แม้เจ็บกายแต่ใจเย็นคัดลอกจากหนังสือเรื่อง
วิธีการของพระพุทธเจ้า (หัวข้อ แม้เจ็บกายแต่ใจเย็น)
นิพนธ์ในเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร (สุวฑฺฒนมหาเถระ)พิมพ์น้อมถวายเป็นวิทยาทานโดยมหามงกุฏราชวิทยาลัย
ปีพุทธศักราช ๒๕๓๒ หน้า ๕๗-๕๘
สมัยเมื่อพระพุทธเจ้าประทับอยู่บนยอดเขาคิชฌกูฏ
(มียอดเหมือนหัวแร้ง) ใกล้กรุงราชคฤห์ นครหลวงแห่งมคธรัฐ
วันหนึ่งเสด็จไปบิณฑบาต ขณะเสด็จพระพุทธดำเนินอยู่ตอนล่าง
พระเทวทัตขึ้นไปผลักหินก้อนใหญ่ให้กลิ้งลงมา
เพื่อจะให้ทับพระองค์ให้แหลกลาญ
หินก้อนใหญ่นั้นกลิ้งลงมากระทบแง่หิน ๒ ก้อน ติดอยู่ไม่ถึงพระองค์
แต่สะเก็ดหินที่แตกเพราะแรงกระทบ
กระเด็นไปต้องพระบาทเพียงให้เกิดอาการห้อพระโลหิต เกิดเวทนากล้า
พวกภิกษุได้นำเสด็จไปยังสวนมะม่วงของชีวกโกมารภัจ
แพทย์หลวงผู้มีชื่อเสียงในเวลานั้นนายแพทย์ชีวกได้ถวายยาพอกอย่างแรงตรงที่ห้อพระโลหิต
ได้กราบทูลลากลับเข้าไปเยี่ยมไข้ในเมือง
เสร็จธุระแล้วได้รีบมาที่ประตูเพื่อออกจากเมือง
แต่ไม่ทันเวลาเพราะประตูเมืองปิดเสียก่อน
จึงคิดเสียใจว่า ได้พอกยาอย่างแรงที่พระบาทของพระพุทธเจ้า
ทิ้งไว้เหมือนพระองค์เป็นบุคคลสามัญ
เวลานี้ก็เป็นเวลาที่จะแกะยาพอกออกได้แล้ว
เมื่อไม่แกะออกก็จักเกิดความเร่าร้อนในพระวรกายตลอดคืน
ในขณะนั้น พระพุทธเจ้าได้ตรัสสั่งให้พระอานนท์แกะยาพอกออก
ตรงกับเวลาที่หมอชีวกคิดอยู่นั้น
แผลช้ำเลือดที่พระบาท ได้หายเรียบร้อยดังปลิดทิ้ง
รุ่งเช้า พอประตูเมืองเปิดก่อนอรุณ นายแพทย์ชีวกรีบออกมาเฝ้า
กราบทูลถามว่า ได้ทรงมีอาการเร่าร้อนในพระวรกายอย่างไร
พระพุทธเจ้าได้ตรัสตอบว่า
"ความเร่าร้อนทั้งหมดของตถาคตสงบสิ้นแล้วที่ต้นโพธิในวันตรัสรู้"และได้ตรัสแปลคาถาแปลความว่า
"ความเร่าร้อนไม่มีแก่ผู้ที่เดินทางสิ้นสุด
หายโศก หลุดพ้นทุกสถาน เครื่องร้อยรัดหมดทุกอย่าง"ตามพระพุทธประวัติ เมื่อพระพุทธเจ้าประชวร
บางคราวทรงรักษาเองด้วยอำนาจขันติหรือจิตตานุภาพ
บางคราวทรงให้หมอรักษาเหมือนบุคคลทั่วๆ ไป
เพราะพระกายก็ต้องมีเกิด แก่ เจ็บ ตายเหมือนอย่างร่างกายของทุกๆ คน
เมื่อเจ็บก็ต้องมีเวทนาเหมือนกัน
แต่คนเจ็บทั่วไปมีใจไปผูกพันอยู่กับเจ็บ กลัวเจ็บ กลัวตาย
ใจจึงพลอยเจ็บ เร่าร้อนทุรนทุราย
ส่วนพระพุทธเจ้าไม่ทรงผูกพันพระจิตอยู่กับความเจ็บ
ไม่ทรงกลัวเจ็บกลัวตาย ปล่อยวางความเจ็บไว้ที่กาย
เป็นเรื่องของกาย เป็นเรื่องของหมอจะรักษาไปอย่างไร
จึงทรงเป็นผู้หลุดพ้นไม่มีความเร่าร้อน
เพระทรงดับเสียได้เด็ดขาดแล้วตั้งแต่เวลาที่ตรัสรู้
ณ โพธิพฤกษ์ นี้แล คือ ทุกขนิโรธ ความดับทุกข์เมื่อเจ็บป่วยน่าจะใช้คาถากันเจ็บของพระพุทธเจ้า
บทที่แปลไว้ข้างบนนี้ดูบ้าง
แต่ต้องใช้ปฏิบัติให้ได้ดั่งคาถาเป็นเครื่องรักษาทางใจ
ช่วยกับหมอที่รักษาทางกาย