What so ever will do...
 
ธันวาคม 2553
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
9 ธันวาคม 2553

Pathological Liar โรคโกหกตัวเอง





 โรคโกหกตัวเอง (Pathological Liar) มีรากภาษาละตินว่า Pseudologia fantastica หมายถึงภาวะการโกหกที่ควบคุมไม่ได้ โดยนิยามของ วิกิพีเดียให้ไว้ว่า


“โรคโกหกตัวเอง มีลักษณะของการบิดเบือนของน้ำหนักมุมมองข้อเท็จจริง โรคนี้อาจมีขอบเขตที่กว้างและซับซ้อน ผู้โกหกตัวเองอาจติดอยู่ในวังวนนี้เป็นเวลาหลายปีหรือกระทั่งตลอดชีวิต”


“Pathological lying is falsification entirely disproportionate to any discernible end in view, may be extensive and very complicated, and may manifest over a period of years or even a lifetime."[1]


 สมมุติฐานที่มาของโรค


 การโกหกตัวเองเป็นการหนีปัญหารูปแบบหนึ่งและแต่งเติมสิ่งที่ขาดด้วยการจินตนาการสภาพที่อยากเป็น ผู้ป่วยโรคโกหกตัวเอง อาจมีลักษณะต่อต้าน หรือขาดสังคม ความเชื่อมั่นในตนเองต่ำ ล้มเหลวในชีวิต ทั้งนี้ในงานวิจัย มีบ่งชี้ว่า โรคโกหกตัวเอง อาจมีความสัมพันธ์ไปถึงความผิดปรกติของสมอง โดยพบว่าผู้ที่ป่วยเป็นโรคโกหกตัวเองมีปริมาณเนื้อสมองส่วน White Matter สูงกว่าคนปรกติ 26%[1][2] 


 ข้อแตกต่างของโรคโกหกตัวเอง กับโรคโกหกเป็นนิสัย 


  แม้ว่าโรคโกหกตัวเองจะคล้ายกับการโกหกเป็นนิสัย (Compulsive Liar) แต่การโกหกเป็นนิสัยเป็นการลวง หรือให้ความบิดเบือนต่อผู้อื่นซึ่งเจ้าตัวยังรู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร แต่ถ้าเป็นโรคโกหกตัวเองแล้วเขาจะหลอกแม้แต่ความทรงจำของตัวเอง ถ้าเปรียบเทียบแล้ว จะคล้ายกับตัวละคร “โจ๊กเกอร์” จากเรื่อง Batman โจ๊กเกอร์จะไม่มีบุคลิกที่แน่นอน โจ๊กเกอร์มีการสร้างเรื่องราวใหม่ตลอดเวลาและตัวเองก็เชื่อตามนั้น ถึงเอาไปผ่านเครื่องจับเท็จก็ไม่สามารถพิสูจน์ออกมาได้เพราะเขาหรือเธอเขียนความทรงจำใหม่ทับความเป็นจริงไปแล้ว

 ส่วนโรคโกหกเป็นนิสัยถ้าเทียบก็คงเหมือนพิน็อคคิโอ หรือ อุซบ ใน One Pieces บุคคลเหล่านี้ ยังรู้ว่าความจริงและความเท็จต่างกันอย่างไร เขาอาจโกหกเพื่อเอาตัวรอดง่ายๆ หรือเพื่อจะรวยง่ายๆ แต่เขายังสามารถบ่งชี้แยกแยะสิ่งที่เป็นจริงกับเรื่องที่โกหกได้ โรคโกหกเป็นนิสัยยังนับว่าเป็นระดับที่เบากว่าโรคโกหกตัวเองมาก 

 


 การบ่งชี้ผู้ป่วยเป็นโรคโกหกตัวเอง 


การบ่งชี้พวกที่เป็นโรคโกหกตัวเอง บล็อคของรินจัง [3] ได้แปลบทความจาก [4] ไว้ค่อนข้างดี



  • They change their story all the time : พวกนี้เปลี่ยนเนื้อเรื่องตลอดเวลา

  • They will exaggerate and lie about everything, the smallest and easiest things to tell the truth about and the big serious things : พวกนี้จะชอบโม้ และโกหกตลอดเวลา แม้แต่เรื่องเล็กๆ และไม่น่ายากที่จะบอกความจริง ไปจนถึงเรื่องยากๆ

  • What ever you do, they can do it better : ไม่ว่าคุณจะทำอะไร พวกนี้สามารถทำได้ดีกว่า

  • They often don’t value the truth, and can often live in their own type of reality : พวกนี้มักจะไม่เห็นคุณค่าของความจริง และชอบที่จะอยู่กับสิ่งที่ตัวเองคิดว่าจริง

  • They will act defensively when questioned or challenged, they see their lies as not hurting anyone : พวกนี้จะแสดงอาการต่อต้านเมื่อถูกตั้งคำถามหรือท้าทาย พวกนี้คิดว่าการโกหกของพวกเขาไม่ได้ทำให้ใครเดือนร้อน

  • They lie for sympathy or to seem better : พวกนี้โกหกเพื่อได้รับความเห็นใจ หรือทำให้รู้สึกดีขึ้น

  • They usually never own up to the lies : พวกนี้มักไม่เคยยอมรับเรื่องที่โกหกไว้

  • They contradict what they say, they lose track of the many lies told : พวกนี้จะพูดขัดแย้งกับตัวเอง เพราะเขาโกหกจนไม่รู้แล้วว่าเขาได้แต่งเรื่องอะไรไปบ้าง

  • They lie because they are insecure : พวกนี้โกหกเพราะรู้สึกตัวเองไม่ปลอดภัย


การรักษา 







แม้ในทางทฤษฏีเราต้องการให้ผู้ป่วยโรคนี้ยอมรับปัญหาของตัวเอง แต่ในแง่ปฏิบัติ ยังไม่มีวิธีการที่ชัดเจน วิธีการบางอย่างอาจใช้ได้กับคนๆหนึ่งแต่ไม่สามารถใช้ได้กับอีกคนหนึ่ง การรักษาด้วย Talk Therapy ให้ผู้ป่วยระบายออกและวิเคราะห์ อาจไม่ได้ผลเพราะผู้ป่วยอาจสร้างเรื่องโกหกไปตลอดและเสียค่า Session ฟรีๆ และได้ผลลัพธ์เลวร้ายกว่าเดิมด้วยซ้ำ[5][6] พวกผู้ป่วยโรคโกหกตัวเองถ้าไปหาจิตแพทย์เขามักต้องการหาวิธีการเอาตัวรอดจากผู้ล่าในสังคมเสียมากกว่าต้องการรักษาโรคหลอกตัวเอง โรคนี้จึงต้องมีการพิจารณา Case by Case ไป มี Review เกี่ยวกับการรักษาโรคหลอกตัวเองอื่นๆรวบรวมไว้ที่ [7] สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาเพิ่มเติม


การปฏิบัติต่อผู้ป่วยโรคหลอกตัวเอง


ควรรู้ว่าผู้ป่วยโรคหลอกตัวเองไม่ได้โกหกเพื่อทำร้ายคนอื่น แต่เขาโกหกเพื่อปกป้องตนเอง การเข้าไปไล่จับผิดให้จนมุมนั้น อาจใช้ได้กับพวกโกหกเป็นนิสัย แต่จะกลับจะเป็นการเร่งปัญหาให้หนักหนาสาหัสยิ่งกว่าเดิมสำหรับผู้ป่วยโรคหลอกตัวเอง ซึ่งผู้ป่วยที่ถูกไล่ต้อนนี้ อาจแสดงพฤติกรรมตั้งแต่ฟูมฟาย ร้องไห้น้อยใจ ทำร้ายตนเอง จนถึงพยายามฆ่าตัวตาย เพราะข้อมูลในสมองเขาขัดแย้งกับข้อเท็จจริงเป็นที่เรียบร้อยจึงไม่สามารถมีจุดอ้างอิงใดๆที่จะบอกว่าที่คุณกล่าวหรือต้อนนั้นถูก ผู้ป่วยสามารถรับรู้ได้แค่ว่าเขากำลังถูกรุมรังแกเท่านั้น ต่อให้คุณหวังดีกับเขาก็ตาม


ทั้งนี้ ในแง่การรักษาเราต้องการให้ผู้ป่วยรู้สึกตัว ให้เห็นความผิดปรกติที่เขามี ไม่ใช่การไล่ต้อนให้จนมุม 




ผู้ล่าในสังคม โดยเฉพาะในไทย เป็นพฤติกรรมการรังแกทางสังคมต่อผู้ที่ด้อยกว่า อาจแสดงออกเป็นพฤติกรรมล้อเลียนหรือล่าแม่มด

ผู้ป่วยโรคหลอกตัวเองในหลายๆครั้งก็ถูกฉกฉวยโอกาสโดยกับดักง่ายๆ ถ้าผู้ป่วยโกหกตัวเองเพราะโหยหาสถานภาพทางสังคม ก็จะถูกหลอกให้จับจ่ายซื้อของได้จนหมดตัว การจะช่วยนั้น ถ้าเกินความสามารถจะช่วย ก็ควรได้ไปปรึกษาแพทย์ และถ้าคุณผู้อ่านเห็นว่าตัวเองมีลักษณะตามเกณฑ์ของโรคโกหกตัวเอง ขอให้ยอมรับว่า คุณกำลังมีปัญหาขนาดหนัก และ ต้องได้รับความช่วยเหลือ[4]






 อ้างอิง

 


[1] //en.wikipedia.org/wiki/Pseudologia_fantastica

 


[2] //www.wisegeek.com/how-is-pathological-lying-treated.htm

 


[3] //shielru.exteen.com/20091123/12-pathological-liar

 


[4] //healthmad.com/mental-health/how-to-spot-a-pathological-liar/

 


[5] //pathwhisperer.wordpress.com/2010/06/13/search-pseudologia-fantastica%C2%A0treatment/

 


[6] //www.articlesbase.com/self-improvement-articles/pathological-liar-treatment-3-helpful-ways-to-treat-the-pathological-liar-1195814.html

 


[7] //www.taketreatment.com/Pathological-liar-treatment

 


 


 บทความนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลเพื่อเขียนบทความล้อเลียนนาย Mermail555 ในไร้สาระนุกรม แต่จะล้อเลียนใครมันก็ต้องมีการทำบทความต้นแบบไว้หน่อยจะได้ไม่ล้อแบบผิดๆ แม้ว่ามันอาจจะตรงกับชีวิตใครๆบ้างก็ตาม แต่ถ้ายังรู้ตัวอยู่ว่ามีการหลอกตัวเอง นั่น อาจเป็นสัญญาณที่ดีว่ายังพอมีหวังจะรักษาได้ก็เป็นได้นะครับ






Free TextEditor




 

Create Date : 09 ธันวาคม 2553
4 comments
Last Update : 9 ธันวาคม 2553 13:05:01 น.
Counter : 15579 Pageviews.

 

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ ค่ะ

 

โดย: มะระหวาน IP: 182.52.106.239 13 มีนาคม 2554 14:44:00 น.  

 

มีเพื่อนคนนึง มีอาการตรงตามนี้ทุกข้อ ตอนนี้เลิกคบเืพ่อนคนนั้นไปแล้วค่ะ ต้อนจนๆ มุมแล้วก็ยังเหมือนเดิม จนคนรอบข้างเหนื่อยใจ ตัวเค้าเองยังไม่รู้เลยว่าเค้าป่วย เหนื่อยใจด้วยจริง ๆ ค่ะ ทุกวันนี้เลยห่าง ๆ ไว้ก่อน เพระาเดือดร้อนจากการโกหกของเพื่อนคนนี้มาก

 

โดย: วันใหม่ IP: 171.98.100.167 26 เมษายน 2556 14:15:26 น.  

 

ที่แท้ เพื่อนร่วมงาน ของผมป่วยเป็นโรคนี้ นั่นเอง ไม่ใช่อาการของคนกะล่อน แต่ป่วยนั่นเอง เป็นแบบที่ว่ามานี้เลย ล้มเหลวตลอด สร้างแต่เรื่องหลอกตัวเอง เสียเวลาไปกับเรื่องทีตัวเองสร้างขึ้นเสมอ
ที่ดีก็คือ ห่างๆๆ คนเหล่านี้ไว้

 

โดย: vilat888@gmail.com IP: 171.6.196.155 3 กันยายน 2558 12:00:13 น.  

 

ไม่ได้อยากเป็นคนโกหกเลยคะ พยายามไม่โกหกแต่คนรอบข้างเขาก็ยังบอกว่าโกหกในขนาดเราพูดความจริงไปแล้ว ท้อเหนื่อยแล้วก็มาคิดว่าในเมื่อเราพูดความจริงไปแล่วเขาไม่เชื่อเราก็ไม่รู้จะพูดความจริงไปทำไมเขามองไม่เห็นความพยายามเลย

 

โดย: nice IP: 37.59.6.32 23 กันยายน 2558 14:36:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Darth Prin
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




นี่คือกรุบทความของผม ซึ่งส่วนใหญ่ก็โพสไว้แล้วในหว้ากอ

ผมเชื่อ ในมุมมองที่ไม่เป็นกลาง ใครก็ตามเวลาพูดอะไรมันก็มีเอียงซ้ายเอียงขวากันทั้งนั้น สำคัญที่สุดคือการแสดงจุดยืนที่ไม่เป็นกลางออกมา ด้วยเหตุผลทั้งหมดว่าทำไมมันควรเอียงไปด้านนั้น
[Add Darth Prin's blog to your web]