DL here

Eng Sub here

ธีมของวันนี้ คือ การทำอะไรที่ฉีกขนบ 

และเมื่อดูจบแล้วถึงเข้าใจ ว่าทำไมต้อง The End of Twerk

ฝั่งไลม่า

1. ตกลงว่า ที่อยู่ๆ ไอ้การ Twerk นี่ มันระบาดขึ้นมาก็เพราะ นายเบลนนั่นเอง ที่แอบ Twerk เองคนเดียวอยู่ในห้อง Choirroom จนโดนทีน่า( AKA ซ้อ 7 แห่ง ไลม่า) แอบอัดวีดีโอไว้แล้วเอามาแฉกลางสภาให้เพื่อนทั้งชมรมดู 

แต่ปรากฎครูชูส์ดันติดใจวุ้ย บอกว่าอะไรที่ัมันสุดลิ่มทิ่มประตูแบบนี้แหละ ถึงพอจะไปสู้กับวง Throat Explosion ได้ และมองว่า การ Twerk เป็นหนทางการแสดงออกซึ่งตัวตนที่ไม่ยอมสยบอย่างหนึ่ง เลยยกให้ทั้งสัปดาห์เป็น สัปดาห์แห่ง Twerk ไปเลยและให้เด็กGlee ทุกคนหัดเต้นกัน แถมยังไปชวนคนอื่นๆในโรงเรียนอีก

2. แต่แน่นอนว่ามีคนที่ไม่ชอบใจด้วยอย่าง Marley ที่ไม่ชอบการ Twerk นี่เลย เพราะทำไม่เป็น และไม่ชอบอะไรส่อๆแบบนี้ แต่ก็ต้องทำ เพราะเพื่อนทำทุกคน และยังมีอีกคนคือซูส์ จึงพยายามทำทุกวิธีเพื่อหยุดการ Twerk ให้ได้ แม้กระทั่งไล่ ครูวิลล์ออก แต่คราวนี้ครูวิลล์ลุกขึ้นสู้ ไปร้องขอความเป็นธรรมจากบอร์ดผู้บริหารการศึกษา ซึ่งตอนที่ครูวิลล์นำเสนอเพื่อให้กรรมการรับฟังว่า Twerk ก็เป็นแค่การเต้นสไตล์หนึ่งที่สะท้อนยุคสมัย และมันจะผ่านไปเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมดนตรี ตอนนี้มันอาจจะเป็นที่ถกเถียงถึงท่าทางที่ไม่เหมาะสม แต่ในอดีตก็มีท่าเต้นมากมายที่เคยโดนปฎิเสธมาก่อน ต่อมาก็ได้รับการยอมรับจนกลายเป็นท่าคลาสสิคไป เราชอบการนำเสนอของครูวิลล์ตอนนี้มากเลย ทีให้เด็กกลีมาเต้นท่าต่างๆให้ดู น่ารักดี เป็นฉากดีๆฉากเดียวในฝั่งไลม่าสำหรับเราเลย ..

ฮาผมนายเบลนมาก..

แต่บอกตรงๆเลยว่า เราแอบดีใจที่เคิร์ท ราเชล ซานทาน่าไม่ต้องร่วมทำอะไรพวกนี้ด้วย รอดตัวไปแล้วลูกเอ๊ย (ถึงแม้ซานทาน่าจะต้อง Twerk ได้เจ๋งกว่าใครแน่ๆ) เพราะถึงเราจะไม่ได้อะไรกับท่านี้มาก แบบว่าเวลาเห็นบียอนเซ่ทำ หรือตอนนายดาร์เรนทำเมื่อตอนเป็นพิธีกร ก็มองเพลินไปซะอีก แต่เอามา Twerk กันในโรงเรียน แล้วแม้กระทั่งโผล่เข้าไปในห้องเรียนที่เค๊ากำลังสอนกันอยู่เนี่ย ไม่ไหวอ่ะ ท่าแบบนี้มันไม่เหมาะอย่างแรงจริงๆในสายตาเรา

3 แต่พลอตที่เหลือของฝั่งไลม่า ก็ตามเดิมคือ แทบไม่มีอะไรเลย และไม่มีความก้าวหน้า ไปสู่อะไรทั้งสิ้น นอกจากว่ายัยบรีไปบอกให้มาร์ลีย์รู้ซะเองเลยว่า ตัวเองมีอะไรกับเจคแล้ว เพื่อจะหาเหตุให้มาร์ลีย์ได้ร้องเพลง Wrecking Ball ของไมลีย์ ไซรัส (โอ้.. มาร์ลีย์ร้องเพลงของไมลีย์ 55) แล้วก็เรื่องของยูนิคกับการเข้าห้องน้ำ ซึ่งเป็นเรื่องราวเดียวที่พอจะเป็นชิ้นเป็นอันสำหรับเรา

เรื่องของเรื่องคือยูนิคที่แต่งหญิง แต่สถานะที่จริงก็ยังเป็นชายอยู่ การจะต้องเลือกเข้าห้องน้ำหญิงหรือชายดี ก็เป็นประเด็นที่เราเคยแอบคิดอยู่ว่า กลีน่าจะทำแหงเลย แล้วก็ทำจริงๆ 

คืออย่างบ้านเราเนี่ย รร.มัธยมไม่มีปัญหานี้เพราะทุกคนแต่งเครื่องแบบไปเลยอ่ะเนอะ แต่มันก็เป็นปัญหาบางในมหาลัย เวลาที่นักศึกษาชายแต่งชุดนักศึกษาหญิงไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งก็มักจะเลือกเข้าห้องน้ำหญิงไปเลย แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ไม่ว่าไรเนอะ หยวนๆกันไป แต่ตัวมหาลัยเอง บางแห่งจะไม่ยอมเลย ที่แมคคินลีย์ก็เป็นปัญหาเช่นกัน ตอนที่ยูนิคโดนเด็กผู้ชายในห้องน้ำแกล้ง เราสงสารมากเลย ตอนนี้ยูนิคร้อง If I were a boy  ได้เจ๋งมากเลยอ่ะ 

และนี่แหละ ทำไมถึงเป็น the end of Twerk ได้ ก็เพราะยูนีคนี่เอง เมื่อครูวิลล์ยอมรับข้อเสนอของซูส์ ที่จะยอมให้ยูนีคใช้ห้องน้ำเจ้าหน้าที่แทน แลกกับการเลิก Twerk เพราะความเป็นเพื่อนสำคัญกว่าการแสดงออกซึ่งตัวตนซะอีก

ที่จริงวันนี้ ฝั่งนิวยอร์คก็ไม่มีเรื่องอะไรมากนัก นอกจากเคิร์ทกับราเชลที่กำลังเบื่อหน่ายกับการใช้ชีวิตที่เรียบร้อย น่าเบื่อเกินไปของตัวเอง (แล้วซานทาน่าไปไหนหว่า มีบอกไว้ไหม ไม่ทันฟังอ่า) ราเชลเห็นว่า ศิลปินควรจะต้องมีความขบถในตัว และทำอะไรนอกกรอบบ้าง แต่เอาเข้าจริงก็ไม่กล้าหลุดมาก อย่างการไปซ้อมร้องเพลง ด้วยผมสั้นเพื่อให้ผู้กำกับยอมรับว่าราเชลก็เป็นศิลปินที่เหมาะจะเป็นแฟนนี่ (ซึ่งเราว่า ผมทรงนี้น่ารักดีเหมือนกันนะเนี่ย) แต่เอาเข้าจริง ก็ไม่ได้กล้าขนาดตัดผมจริงๆ แค่ใส่วิกไป

การจากไปของฟินน์ยังมีผลต่อทั้งเคิร์ทและราเชลไม่น้อย เพราะกลายเป็นว่าทั้งคู่เลิกใช้ชีวิตแบบสนุกสนานกันไปเลย เคิร์ทเลยบอกว่า พอกันที ควรไปทำอะไรให้ชีวิตมันมีสีสัน และฉีกกรอบความเป็นตัวเองอะไรแบบนั้นดีกว่า

ซึ่งเป้าหมายของเคิร์ทคือ การไปสัก 

แม่เจ้า ดูกลีมา 5 ปี

วันนี้พวกเราได้เห็น เคิร์ทเปิดท่อนบนแล้วค่า คุณพระคุณเจ้า...

จากที่ก่อนหน้า พวกเราได้แต่บ่นกันมาตลอด ว่าเห็นแผ่นอกของผู้ชายทุกคนในเรื่องแล้ว จะมีก็แต่เคิร์ทนี่แหละ

เป็นไงล่ะ แถมเปิดกันหลายชอตชนิดสะใจกันไปข้าง คอยดูเหอะ เดี๋ยว Reaction Fic ได้ออกมาบานแน่

งานนี้ ตอนที่สร่างเมาหลังจากไปสักมาแล้ว เคิร์ทซวยมาก เพราะกลายเป็นว่าได้รอยสักที่สะกดผิดมา ซึ่งก็เป็นความผิดของเคิร์ทเอง แบบเขียนข้อความที่ต้องการให้สักตอนเมาๆ แต่เจ้าของร้านสักก็ทำให้เคิร์ทเห็นว่า คนเราไม่จำเป็นต้องมานั่งเศร้าเสียใจกับความผิดพลาด แต่สามารถหาทางแก้ไขเท่าที่จะทำได้ หรือมองมันด้วยมุมมองใหม่  แล้วสนุกไปกับมันดีกว่า

และนี่แหละค่ะ เนื้อเรื่องฝั่ง NY ที่แทบไม่มีอะไร เลยกลายเป็นเปรี้ยวจี๊ด กลบทุกฉากในเรื่องที่มีไปในทันที และฉากระหว่างเคิร์ทกับราเชลก็น่ารักตลอดได้อีก อย่างตอนผลัดกันกระดกเหล้าให้เมาเพื่อจะได้กล้าสัก แล้วตอนดูรอยสักกัน ยังอุตส่าพาดพิงไปถึงนายเบลนได้อีก เมื่อเคิร์ทจะไป Skype คุยกับเบลนเพื่อบอกเรื่อง รอยสักแถมยังไปเจาะลิ้นมาอีกด้วย ซึ่งเคิร์ทเดาว่า เบลนไม่น่าจะว่าอะไรเรื่องรอยสัก เพราะเบลนดูจะชอบมารูน ไฟว์มาก

สรุปแล้ว ตอนจบ พอเราเห็นเคิร์ทแฮปปี้และดูมั่นใจที่จะโชว์รอยสักของตัวเองให้คนอื่นดูด้วย เราก็ เออ แฮปปี้ก็ได้วะ คือยังไงก็ชอบอยู่แล้ว ที่เห็นเคิร์ทได้ทำอะไรที่มันโดดๆแบบนี้มั่ง ไม่งั้นก็ได้แต่เป็นแบคกราวด์ตลอดอ่า

รอดูอาทิตย์หน้า อย่างใจจดใจจ่อ เพราะได้ข่าวว่า เบลนกับเคิร์ทจะได้เจอกันแย้ววว...

ส่งท้าย  

Klainers อย่าลืมไปช่วยกันโหวต PCA และรางวัล Comedic Actor สำหรับ คริสหรือดาร์เรนด้วยนะคะ เราว่าโหวตผ่านแอป หรือโมบายล์เวอรชั่น หรือเฟซบุคนี่แหละ  ง่าย ชัวร์และไวสุดแล้ว ได้ข่าวว่า โหวตทางทวีตเตอร์ ตอนนี้ปัญหาเยอะมาก มีทั้งโดนแฟนด้อมอื่นแกล้งรายงานสแปมจนโดนบลอกมั่ง ถ้าเขียนเดิมๆซ้ำๆก็โดนว่าเป็นสแปมอีก สะกดผิดก็ใช้ไม่ได้อีก ปวดหัว...