เฮฮาภาษางานแต่ง ตอนงานหมั้นอลหม่าน
รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะกับเพื่อนว่าวันนี้จะรีบเดินทางไปนครปฐมแต่ 8 โมงเช้าเพื่อช่วยถือของในขบวนแห่ขันหมาก พร้อมรับตัวเจ้าสาว เนื่องจากว่าเพื่อนซึ่งในที่สุดก็ได้เป็นเจ้าบ่าวกับเขาเสียทีมาได้เจ้าสาวถึงนครปฐม ทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมงานกัน ฝ่ายหญิงซึ่งครอบครัวเป็นคนนครปฐมเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา แต่หลังจากงานนี้แล้วเห็นทีจะต้องเปลี่ยนสภานะเป็นผู้บังคับบัญชาแทนที่กระมัง
เราและเพื่อนอีก 3 คนเดินทางมาถึงโรงแรมแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดนครปฐม บอกตรงๆ ว่าจำชื่อไม่แม่นเท่าไรนักคลับคล้ายคลับคลาว่าจะชื่อ Royal City หรืออะไรสักอย่าง จำได้แต่ว่าว่าที่เจ้าสาวบอกแต่ว่าอาหารอร่อย ก็เลยมั่วคิดถึงแต่เรื่องอาหาร
มาถึงเกือบ 9 โมงเพราะรถไม่ติด รออยู่สัก 5 นาทีก็เห็นรถเจ้าบ่าววิ่งเข้ามาจอดด้านหน้าโรงแรม เลยถือโอกาสสำรวจพื้นที่หน่อย ด้านประตูทางเข้านั้นติดป้ายบอกว่ามีงานหมั้นระหว่างคู่บ่าว-สาวของเรา ด้านในโรงแรมไม่มีการตกแต่งใดๆ ชัดเจน ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของโรงแรมที่อยู่ต่างจังหวัดที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เช่นนี้ ด้านหน้าของโรงแรมเป็นปั๊มน้ำมัน เข้าใจว่าเจ้าของโรงแรมคงเป็นผู้มีอันจะกิน จึงทำกิจการหลายๆ อย่างบนเนื้อที่เดียวกัน
ห้องจัดงานอยู่ชั้นลอยข้างบนเดินขึ้นบันไดก็ถึง ห้องไม่ได้ตกแต่งอะไรทั้งสิ้น มีเพียงชุดโซฟาบนเวที และเก้าอื้ที่จัดเรียงไว้สำหรับแขกและญาติ ข้างๆ มีโต๊ะจีนอยู่ประมาณ 6 - 7 โต๊ะ เจ้าหน้าที่ของโรงแรมจัดอาหารว่างไว้ด้านหลัง แต่ไม่มีญาติของฝ่ายหญิงอยู่เลย เราก็เลยไม่กล้าหยิบ
วิวาห์นี้ดูเรียบๆ แต่ไม่เงียบอย่างที่ควรจะเป็นเพราะตอนที่มาถึงยังไม่ปรากฏผู้ใดที่ดูจะเป็นแม่งานเลย มีแต่เพียงแขกหรืออาจจะเป็นญาติของฝ่ายเจ้าสาวเพียงสองสามคน เจ้าบ่าวมาพร้อมผู้ถือสินสอดของหมั้นคือพี่ชาย และญาติซึ่งถูกแนะนำว่าเป็นอาอี้ พร้อมสามี นอกจากนั้นแล้วเราก็ไม่เห็นใครอื่นอีก
เราถกเถียงกันเรื่องพิธีกันเล็กๆ น้อยๆ เนื่องจากว่าวันนี้ทำพิธีหมั้นและรับตัวเจ้าสาวเลย ทำให้ไม่มีพ่อแม่ของฝ่ายชายมาด้วย อีกทั้งเจ้าบ่าวนั้นเป็นลูกชายคนแรกของครอบครัวที่แต่งงาน ยิ่งทำให้ฝ่ายเจ้าบ่าวออกอาการทำอะไรไม่ถูก ได้แต่พูดว่า "ยังไงก็ได้" เพื่อนคนหนึ่งที่ไปด้วยกันเป็นผู้มีประสบการณ์แล้วจึงได้แต่บอกว่าควรทำอย่างไร แต่เวลาก็ไม่อำนวยให้จัดขบวนหมั้น 1 รอบ และจัดขบวนอีกครั้งเพื่อทำพิธีรับตัว เพราะขณะนี้นั้นข้าวของเครื่องใช้สำหรับยกในขบวนก็ยังมาไม่ถึงสักชิ้นเดียว
เราถามเจ้าบ่าวว่าของในขบวนอยู่ไหน เจ้าบ่าวตอบเพียงสั้นๆ ว่าให้ฝ่ายเจ้าสาวจัดให้ทั้งหมด เขามีหน้าที่มาดูเมื่อคืนนี้แล้วก็จ่ายเงิน อกอีแป้นจะแตก ไม่รู้ว่ามันตื่นเต้นหรืออะไรกันเนี่ยเลยทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ขนาดเราเองไม่เคยมีประสบการณ์ตรงยังรู้อะไรมากกว่ามันเสียอีก พอจะจับความได้แต่ว่า "เราอะไรก็ได้" อยู่คำเดียว
สักพักเห็นคนแบกต้นกล้วยกับต้นอ้อยมาก็พอจะใจชื้นขึ้นเพราะจวนได้เวลาแล้ว รออีกเกือบ 10 นาทีจึงเห็นญาติๆ ฝ่ายเจ้าสาว รวมถึงแม่เจ้าสาวเดินขึ้นมาพร้อมพนักงานโรงแรมยกของเครื่องใช้ในขบวนมากันเพียบ เสร็จแล้วก็จับโยนๆ พร้อมตะโกนเสียงดังเรียกพี่สาวของเจ้าสาวซึ่งยืนอยู่ระยะไม่ห่างจากเราเท่าไรนักมาจัดการของ ดูคุณแม่เจ้าสาวจะออกอาการหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย คงจะเหนื่อยเพราะฝ่ายเจ้าบ่าวมอบหน้าที่ให้เกือบหมด มาแต่ตัวพร้อมสินสอดเท่านั้นจริงๆ
การตั้งขบวนตะกุกตะกักตลอดเวลา ไม่ว่าจะเรื่องถาดที่เตรียมมาไม่พอ ถ้วยชามไม่พอ คนไม่พอ เรียกใช้บริกรก็ตามหาไม่เจอ ดูเหมือนบริกรเองก็ไม่รู้หน้าที่ว่าจะต้องจัดอะไรให้บ้าง ต้องลงไปข้างล่างเพื่อแจ้งคนละทีสองที กว่าบริกรจะนำของมาก็นานเสียเหลือเกิน
พอจัดของแล้ว พวกเรารู้สึกแปลกใจที่เห็นต้นชุงเฉ้า หรือต้นเมียหลวงมาอยู่ในขบวนขันหมากของเจ้าบ่าว ทำให้เราแย้งไปนิดๆ แต่ทางคุณแม่เจ้าสาวที่ดูเหมือนกำลังหงุดหงิดกับอะไรสักอย่าง ตอบกลับมาว่าอยู่ในขบวนด้วยนั้นแหละ เราแอบกระซิบบอกเพื่อนเราว่า "ช่างเถอะ ไม่ใช่งานของเรา เขาเป็นคนจัดหาของมาน่าจะรู้ดีกว่า บางทีพิธีอาจจะไม่เหมือนกัน" แต่เพื่อนเคยผ่านพิธีมาแล้วนั้นกลับไม่ยอมง่ายๆ ถึงกับไปฟ้องอาอี้ให้จัดการไปคุยกับพี่สาวของเจ้าสาว เพราะดูจะคุยรู้เรื่องกว่า ท้ายสุดต้นเมียหลวงที่ควรอยู่กับเมียหลวงก็ได้ไปอยู่ในที่ของมัน
กว่าจะเริ่มพิธีได้ก็อลเวงกันสุดๆ เพราะเจ้าเพื่อนบ่าวของเรานั้นจัดเพื่อนมาพอดิบพอดีคือ 12 คน (แถมเพื่อนมากันจริงๆ ไม่ถึง 10 คน) เพื่อถือของในขบวน แต่ปรากฏว่าของที่จัดมาให้ถือนั้นมีถึง 19 คู่ ไม่รวมต้นกล้วยต้นอ้อย และอื่นๆ จิปาถะ งานนี้ต้องขอใช้ญาติฝ่ายเจ้าสาวแปรพรรคมาอยู่ในขบวนด้วย
เมื่อขบวนยกเข้าไปแล้วนั้นต้องผ่านด่านอยู่หลายประตู เล่นเอาเราที่เลือกถาดของที่เบาที่สุดก็ต้องถือพิงพุงตัวเองอยู่นาน จนพ้นหน้าประตูได้รู้สึกโล่งใจ
เจ้าสาวซึ่งอยู่ในชุดสีชมพูยาวบานๆ แบบเรียบๆ แต่งหน้าทำผมด้วยช่างจากสตูดิโอถ่ายรูปได้ถูกเชิญให้ขึ้นเวที พร้อมเจ้าบ่าวในชุดสูททักฯ สีเข้ม ทราบว่าทั้งสองชุดนั้นอยู่ในแพ็คเก็จของสตูดิโอ ดูโดยรวมแล้วจัดว่าใช้ได้ ทั้งคู่นั่งลงบนโซฟาที่ดูเหมือนว่าจะใช้มานานจนไม่เหลือฟองน้ำรองรับน้ำหนัก เพราะพอเจ้าบ่าวนั่งลงถึงก็ทรุดจมลงหายไปในบรรดล
หลังจากที่ผู้ใหญ่ได้กล่าวคำสู่ขอเสร็จเรียบร้อย พร้อมส่งมอบสินสอดทองหมั้น เสียงผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวพูดออกไมค์ว่าให้แจ้งตัวเลขค่าสินสอดทองหมั้นทั้งหมดเพื่อให้รับรู้โดยทั่วกัน หลังจากจับๆ ว่างๆ เรียงๆ ให้ช่างภาพถ่ายรูป เข้าๆ ออกๆ ถุงผ้าที่ใส่สินสอดมาเกือบ 10 นาที ฝ่ายอาอี้เจ้าบ่าวคงจะงงๆ เล็กน้อย เลยปล่อยเลยตามเลย ตรงนี้เรารู้สึกสะดุดนิดหน่อย แต่บรรยายไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร
หลังจากตรงนี้แล้วมีการเสิร์ฟขนมอี้กับไข่ไก่ ขนมอี้งานนี้แปลก ไม่แน่ใจว่าคนจีนนครปฐมมีธรรมเนียมต่างจากที่อื่นหรือเปล่าเพราะขนมอี้ที่อื่นเป็นลูกกลม แต่ที่นี่ทำเป็นเส้นยาวเหมือนเส้นเกี้ยมอี๋ ช่วงนี้พิธียังดำเนินต่อไปคือเรียนเชิญญาติๆ ขึ้นมาโปรยโหงวเจ๋งจี้พร้อมอวยพรให้คู่บ่าว-สาว ตอนนี้เราหันไปเห็นคุณแม่เจ้าสาวส่งยิ้มมาให้เราเป็นครั้งแรก ดูเหมือนว่าท่านคงจะผ่อนคลายแล้วกระมัง
ระหว่างนี้ญาติๆ ของฝ่ายเจ้าสาวทยอยกันขึ้นไปถ่ายรูป เราก็ไปจับจองโต๊ะเพื่อรับประทานอาหาร อาหารที่โรงแรมนี้อร่อยใช้ได้ เราไม่ทานหูฉลามแต่ก็สังเกตุว่าหูฉลามที่นี่นั้นหูใหญ่และหนาดี ทานไปได้สักพักได้ยินเสียงช่างภาพเรียกเพื่อนๆ เจ้าบ่าวมาถ่ายรูป พวกเราก็เลยแอบไปชักภาพกัน 2 - 3 รูป ลงมาเสร็จก็กินต่อจนจบ
ฝ่ายเจ้าบ่าวเจ้าสาวนั้นต้องรีบทานให้เสร็จเพื่อออกเดินทางไปโรงแรมดุสิตธานีซึ่งเป็นที่จัดเลี้ยงฉลองงานมงคลสมรสคืนนี้ ฝ่ายพวกเรานั้นไม่รีบร้อน รอทานจนหมดคอร์สก่อน แต่ก่อนที่คู่บ่าว-สาวและญาติ 2 - 3 คนของเจ้าบ่าวจะกลับ อาอี้ที่เป็นแม่งานหันมาขอบอกขอบใจพวกเราพร้อมยื่นซองสีชมพูให้ตามธรรมเนียมคนละซอง
งานคืนนี้เราออกจะอยากเห็นเพราะว่า ดูจากงานหมั้นเช้านี้ เล่นเอาเราออกอาการงงๆ เล็กน้อย ดูเรียบง่ายแบบอลหม่านเสียจริง เรื่องนี้เป็นบทเรียนให้ตัวเราเองว่าหากคราวหน้าถึงตาตัวเองก็จงเตรียมตัวให้พร้อม ไอ้ที่บอกว่า ยังไงก็ได้ มันจะออกมาเป็น ยังไงก็ได้ไม่ดี แทนเสีย
เฮ้อ จบซะที มีเวลาจะมาเล่าให้ฟังว่างานฉลองคืนนี้จะเป็นอย่างไร ไม่บอกว่าออกหัวหรือก้อย รอไว้มาอ่านกันเองนะ
Create Date : 15 พฤศจิกายน 2548 |
|
26 comments |
Last Update : 18 กรกฎาคม 2550 22:27:26 น. |
Counter : 2738 Pageviews. |
|
|
|
ก็เป็นรูปร่างคล้ายลูกรักบี้จิ๋วๆหรือเกี้ยมอี๋ แต่ไม่ยาวขนาดเกี้ยมอี๋นะคะ เคยถามผู้ใหญ่ว่า ทำไมไม่ทำแบบกลมๆ
เหมือนขนมอี้ทั่วไป ผู้ใหญ่อธิบายว่า ที่เป็นทรงแบบนี้ บ่งความหมายว่าให้รักกันยั่งยืน เสมอต้นเสมอปลาย
มณีก็แอบสงสัยเหมือนกัน ว่าเสมอต้นเสมอปลายยังไง
แถมเวลาปั้น ก็ไม่ง่ายด้วยนะคะ
จำได้ เพราะปั้นเองกะมือ อิอิ