บริหาร การจัดการ การตลาด พัฒนาตนเอง พัฒนาความคิด กลยุทธ์ ธรรมะ จักรราศี ฯลฯ
จัดตั้งธุรกิจ ปรับปรุงกิจการ | ไขความลับสมองเงินล้าน | การเขียนแผนธุรกิจ | บริหารคน บริหารงาน | พัฒนาความคิด
พระไตรปิฎกฉบับหลวง | แด่องค์กรที่แสนรัก | สุขใจกับเด็กสมาธิสั้น
Group Blog
 
<<
กันยายน 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
28 กันยายน 2548
 
All Blogs
 
ต้องการเงินเก็บ หรือ ธุรกิจ หลังเกษียณ

ต้องการเงินเก็บ หรือ ธุรกิจ หลังเกษียณ


จากเมล์ที่ได้รับ


เงินเก็บหลังเกษียณ

สิ่งแรกที่คุณจะต้องทราบ และให้เห็นข้อเท็จจริงก็คือ เงินเก็บจากการทำงานที่คุณได้ทำอยู่ในขณะนี้ เพื่อเก็บไว้ใช้ ยามที่คุณเกษียณอายุ ควรมีเท่าไร

สมมุติว่าคุณเกษียณตอนคุณมีอายุ 60 ปี หากคุณต้องการเงินเก็บไว้ใช้หลังเกษียณ อีก 20 ปี

คิดเป็นเดือน คือ 20 ปี x 12 เดือน = 240 เดือน

ดังนั้น หากคุณจะต้องการเงินไว้ใช้หลังเกษียณ เดือนละ 5,000 บาท

คุณจะต้องเก็บเงินก่อนที่คุณเกษียณ 5,000 x 240 = 1,200,000 บาท

และ หากว่าคุณต้องการเงินไว้ใช้หลังเกษียณ เดือนละ 10,000 บาท

คุณจะต้องเก็บเงินก่อนที่คุณเกษียณ 10,000 x 240 = 2,400,000 บาท

ถ้าให้คุณเริ่มทำงาน และมีเงินเก็บตั้งแต่อายุ 25 ปี กว่าคุณจะเกษียณอายุ คุณสามารถทำงานได้อีก 35 ปี
คำนวณเป็นเดือนได้ 420 เดือน

ดังนั้น หากคุณต้องการเงินไว้ใช้หลังเกษียณ เดือนละ 5,000 บาท
คุณจะต้องเก็บเงินทุกๆเดือน ตั้งแต่อายุ 25 จนถึงอายุ 60 ทุกๆเดือน เดือนละ 1,200,000 / 420 = 2,857 บาท

และ หากว่าคุณต้องการเงินไว้ใช้หลังเกษียณ เดือนละ 10,000 บาท
คุณจะต้องเก็บเงินทุกๆเดือน ตั้งแต่อายุ 25 จนถึงอายุ 60 ทุกๆเดือน เดือนละ 2,400,000 / 420 = 5,714 บาท

แล้วทุกวันนี้คุณเก็บเงินได้เท่าไรแล้ว หรือยังดิ้นรนอยู่ เดือนชนเดือน ชักหน้าไม่ถึงหลัง รายละเอียดการเก็บเงินข้างต้น เป็นเพียงเก็บไว้ใช้หลังเกษียณ ยังไม่รวมถึง เงินที่ต้องจ่ายในการผ่อนบ้าน ผ่อนรถ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ภายในบ้าน ซึ่งเราควรจะมีรายได้ที่มากกว่านี้

ตามสถิติของคนไทย ส่วนใหญ่มีเงินสะสมเฉลี่ยตามช่วงอายุคน เป็นดังนี้

ช่วงอายุ 35-45 ปี มีเงินเก็บเฉลี่ยอยู่ที่ 30,000 บาท
ช่วงอายุ 45-55 ปี มีเงินเก็บเฉลี่ยอยู่ที่ 110,000 บาท
ช่วงอายุ 55-65 ปี มีเงินเก็บเฉลี่ยอยู่ที่ 250,000 บาท

จากสถิติของกรมแรงงานแห่งชาติ ที่ศึกษาเกี่ยวกับฐานะทางการเงินของผู้ที่เกษียณอายุไปแล้ว โดยสุ่มตัวอย่างผู้ที่มีอายุเกิน 65 ปี และเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ25 ปี จนเกษียณอายุ พบว่ามีฐานะทางการเงิน ดังนี้

- มี 1% ที่มีฐานะร่ำรวย

- มี 4% มีเงินเก็บมากพอที่จะเกษียณตัวเอง

- มี 3% ยังคงทำงานอยู่ (ไม่มีรายได้มากพอที่จะหยุดทำงาน)

- มี 63% ต้องพึ่งพาประกันสังคม, เพื่อน, ญาติ และมูลนิธิต่างๆ


และจากสถิติโดยรวม พบว่า 95% ของคนไทยมีฐานะยากจนเมื่อยามเกษียณ หลังจากที่ทำงานมากว่า 45 ปี! ไม่ว่าจะเป็นพนักงานบริษัท หรือข้าราชการก็ตาม
แล้วคุณอยู่ในกลุ่มใด ?

อนาคตคุณจะเป็นเช่นไร บุตรหลานของคุณจะเป็นเช่นไร ?

แล้วคุณจะต้องดิ้นรนไปอีกนานแค่ไหน ?



อดีต ปัจจุบัน อนาคต

คุณลองมองย้อนไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ตอนนั้นรายได้คุณเป็นอย่างไร ฐานะครอบครัวเป็นอย่างไร มีทรัพย์สินอะไรบ้าง ชีวิตความเป็นอยู่ เป็นอย่างไร มีอิสระในการทำงานแค่ไหน

แล้วในปัจจุบัน คุณมีรายได้เท่าไร ฐานะการเงินเป็นอย่างไร มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร แตกต่างจากเมื่อ 5 ปีที่แล้วแค่ไหน หรือยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และไม่แตกต่างจาก เมื่อ 5 ปีก่อนสักเท่าไร

ในทางกลับกัน เมื่อคุณมองอนาคตไปอีก 5 ปีข้างหน้า คุณคิดว่า คุณจะมีรายได้เท่าไร จะมีฐานะอย่างไร จะมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร มีทรัพย์สินอะไรบ้าง หรือว่าก็ยังคงจะไม่แตกต่างจากปัจจุบันอีกเช่นกัน

ในอีก 10 ปีข้างหน้า จะมีอะไรแตกต่างจากวันนี้บ้าง หรือก็ยังเหมือนเดิมอีกเช่นกัน รายได้ก็เพิ่มขึ้นไม่มาก คุณพอใจกับชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบัน รายได้ในปัจจุบันแล้วหรือไม่

หากคุณพอใจในงานที่คุณได้ทำอยู่ หากว่าวันหนึ่งคุณไม่สามารถที่จะทำงานที่ทำอยู่ได้เช่นทุกวันนี้ ต้องไปต่างจังหวัดกะทันหัน 20 วัน โดยมิได้บอกใครให้ประสานงานต่อคุณคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้น ชีวิตคุณจะมีความวุ่นวายอย่างมากมายใช่ไหม นี่หรือคือวิถีชีวิตที่คุณเลือกเดิน

คุณเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า เราน่าจะมีวิถีชีวิตที่ดีกว่านี้ มีรายได้ที่ดีกว่านี้ มีค่าครองชีพที่สูงกว่านี้ มีเงินเก็บมากกว่านี้ มีอิสระในการทำงานมากกว่านี้ และมีงานที่ดีกว่านี้ ไม่ต้องดิ้นรนเช่นทุกวันนี้

“คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราสามารถกำหนดอนาคตของเราเอง และเลือกทางเดินของเราเองได้”



ลูกจ้าง

เพราะเหตุนี้ หลายคนจึงส่งลูกหลานให้เรียนสูงๆ เมื่อเรียนจบออกมาสามารถใช้ความรู้ที่เล่าเรียนมาหางานดีๆ ทำได้ ให้สังเกตคำว่าหางานดีๆทำนั้น หมายถึงการเป็นลูกจ้าง ซึ่งโดยส่วนใหญ่ถึง 70% ไม่สามารถทำงานได้ตรงตามสาขาวิชาที่ได้เรียนมา เนื่องจากไม่สามารถเลือกงานได้ตามใจชอบ

ในกรณีที่คุณเป็นลูกจ้าง ถามว่าคุณรักงานที่คุณทำอยู่หรือไม่ คุณพอใจกับงานที่คุณทำอยู่หรือไม่ และคุณจะทำงานที่ทำอยู่โดยไม่คิดว่าจะย้ายงานเปลี่ยนงาน หรือหางานใหม่ เนื่องจากคุณสามารถใช้ชีวิตได้ตามที่คุณฝันแล้วใช่หรือไม่ หากคุณตอบว่าใช่ ขอถามว่าเมื่อตอนที่คุณอายุ 60 ปี คุณคิดว่างานที่คุณทำอยู่นั้น คุณสามารถทำต่อได้หรือไม่ หากคุณเป็นข้าราชการคุณไม่สามารถทำต่อได้แน่นอน นอกจากนี้ในการจ้างงานโดยทั่วไป บริษัทจะจ่ายค่าจ้างของผู้ที่เรียนจบใหม่ๆ ในอัตราที่ต่ำกว่าผู้ที่มีประสบการณ์แล้ว คุณอาจคิดว่า คุณเป็นคนมีความสามารถ บริษัทต้องง้อคุณ ถามว่าเมื่อบริษัทขึ้นค่าแรงงานให้คุณทุกๆ ปี แต่ในปัจจุบันบริษัทไม่สามารถขึ้นราคาสินค้าได้ทุกปี เช่นเดียวกับการขึ้นค่าแรง ดังนั้น บริษัทก็ต้องมีกำไรที่ลดลงเรื่อยๆ ทุกๆ ปี เนื่องจากการขึ้นค่าจ้างให้แก่พนักงาน คุณคิดว่าคุณจะมีความเสี่ยงที่จะตกงานหรือไม่ การทำงานเป็นลูกจ้างเสี่ยงต่อการตกงาน อีกทั้งลูกของคุณ จะไม่สามารถทำงานแทนคุณในตำแหน่งนั้นๆ ได้เลย ลูกของคุณเรียนจบก็ต้องไปหางานทำเช่นเดียวกับที่คุณเคยทำ

คุณเป็นผู้ตัดสินใจ ว่าจะให้ตัวคุณ ลูกของคุณ และบุตรหลานของคุณ ทำงานเป็นลูกจ้าง ไปอีกกี่ชั่วอายุคน

“ค่าของคน อยู่ที่ผลของการยื่นใบลาออก”

ธุรกิจรับจ้าง

เป็นธุรกิจที่ลงทุนน้อย เพียงลงแรงใช้ความรู้ ประสบการณ์ที่สะสมมานาน ความชำนาญที่มีในการประกอบกิจการ แต่ให้สังเกตว่าเราจะต้องมีฝีมือ ข้อเสียของการทำธุรกิจแบบนี้ คืองานที่รับมักจะเร่งเสมอ ไม่ค่อยมีเวลาเป็นของตนเอง และการทำธุรกิจประเภทนี้ โดยส่วนใหญ่จะประกอบกิจการไม่เกิน 3 ชั่วอายุคน เพราะไม่สามารถถ่ายทอดความชำนาญไปสู่บุตรหลานได้ครบถ้วน ดังนั้นความชำนาญเริ่มลดน้อยลงไปเรื่อยๆ จนเลิกกิจการไปในที่สุด ยกตัวอย่างเช่นการรับเหมาก่อสร้าง รับซ่อมแอร์ รับซ่อมรถยนต์ ร้านเสริมสวย รับซ่อมคอมพิวเตอร์ ฯลฯ

ธุรกิจร้านค้าปลีก

เป็นธุรกิจที่ไม่ต้องอาศัยความชำนาญหรือประสบการณ์ แต่สิ่งที่จะต้องคำนึงถึงก็คือ ทำเลที่ตั้งในการประกอบการร้านค้าปลีก หากว่าทำเลไม่ดีจะไม่สามารถขายสินค้าที่วางจำหน่ายได้เลย และอาจขาดทุนไปในที่สุด ข้อเสียของธุรกิจนี้คือ ผู้ประกอบกิจการประเภทนี้ จะไม่สามารถปิดร้านไปเที่ยวที่ไหนไกลๆได้ ต้องคอยเฝ้าร้าน ปิดร้านนานไม่ได้ ถึงจะมีเงินอย่างไม่ขาดมือ แต่จะขาดอิสระทางด้านเวลา ยกตัวอย่างเช่น ทำธุรกิจร้านอาหาร ร้านขายของทั่วไป

ธุรกิจร้านค้าส่ง

เป็นธุรกิจที่ลงทุนสูง ไม่ต้องคำนึงถึงทำเลที่ตั้งสักเท่าไร อาศัยการสั่งซื้อสินค้าปริมาณมากเพื่อได้ราคาที่ถูกลง ทำให้ต้องมีสต็อกสินค้าปริมาณมาก เงินที่เก็บจะไปจมอยู่กับสินค้าเป็นส่วนใหญ่ และจะต้องเร่งระบายของให้กับร้านค้าปลีกทันที ข้อเสียคือมีการแข่งขันทางด้านราคาสูง หากคู่แข่งซื้อสินค้าได้ในราคาที่ถูกกว่าเรา และขายสินค้าได้ต่ำกว่าเรา เราอาจขาดทุนทันที เพราะมีกำไรต่อชิ้นต่ำ อีกทั้งยังมีการกีดกันทางการค้าสูง

ธุรกิจให้เช่า

เป็นธุรกิจที่เงินลงทุนส่วนใหญ่ไปอยู่ที่สินทรัพย์ ใช้เงินลงทุนสูงและมีค่าเสื่อมราคาลงไปเรื่อยๆ รายได้ที่ได้รับจะไม่เกินมูลค่าทรัพย์ที่ให้เช่า หากมีผู้เช่าเต็มและเช่าเรื่อยๆ จะเป็นรายได้ที่มั่นคง ธุรกิจนี้เหมาะกับผู้ที่มีเงินเย็น เพราะการลงทุนในสินทรัพย์เพื่อนำมาให้เช่านั้น เงินจะไม่หายไปไหนดีกว่าฝากธนาคาร แต่ก็ต้องคำนึงถึงทำเลที่ตั้งของทรัพย์ที่ให้เช่า และกว่าจะถึงจุดคุ้มทุนต้องใช้เวลานานหลายปี กรณีเลิกกิจการจะขาดทุนทันที เพราะสินทรัพย์นั้นขายยากกว่าสินค้า

ธุรกิจโรงงานอุตสาหกรรม

เป็นธุรกิจที่ลงทุนสูงกับเครื่องจักร ต้องใช้แรงงานสูง และจะต้องลงทุนด้านวัตถุดิบเพื่อป้อนการผลิต แต่เมื่อระบบเริ่มคงที่หรือถึงจุดคุ้มทุน ธุรกิจนี้จะมีกำไรอย่างมหาศาล ต้องคอบติดตามหลังการขาย เพราะลูกค้าจะมีไม่กี่กลุ่ม มีไม่กี่ราย อีกทั้งต้องปวดหัวกับปัญหาแรงงานเมื่อมีการประท้วง ปัญหาด้านมลพิษที่เกิดจากกระบวนการผลิต ปัญหาทางมาตรฐานสินค้าและการผลิต จะเห็นว่าต้องปรับปรุงเครื่องจักร หรือเปลี่ยนเครื่องจักรให้ทันสมัยอยู่เสมอ ซึ่งเป็นการลงทุนที่ไม่จบไม่สิ้น

จะเห็นว่าทุกธุรกิจจะต้องมีการขาย หากไม่ชอบงานขายก็ต้องกลับไปเป็นลูกจ้างเท่านั้น ขึ้นอยู่กับว่าจะทำธุรกิจอะไร ผลตอบแทนเท่าไร และลงทุนมากน้อยเท่าไร และอัตราการคืนทุนเป็นอย่างไร

ให้สังเกตว่าผู้ที่ประกอบกิจการไม่ว่าธุรกิจอะไร จะมีรายได้และชีวิตความเป็นอยู่สุขสบายกว่าผู้ที่รับเงินดือน มีอิสระทางการเงินมากกว่า แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะประกอบกิจการแล้วประสบความสำเร็จ เนื่องจากการขาดประสบการณ์ ไม่มีกลุ่มลูกค้ามาก่อน ไม่กล้าเสี่ยงกับเงินทุนที่มีอยู่เพียงน้อยนิด รวมทั้งการแข่งขันทางด้านราคา และการกีดกันทางการค้าสูง

ระบบการทำธุรกิจในอนาคตเป็นทางเลือกหนึ่งที่ สามารถทำความฝันของหลายๆคน ให้เป็นจริงได้ ไม่ต้องมีประสบการณ์มาก่อน เพียงคุณพร้อมที่จะเรียนรู้ ต้องการเปลี่ยนแปลงอนาคตตนเอง และลงมือทำอย่างจริงจัง




ระบบการทำธุรกิจในอนาคต

การทำธุรกิจแบบใหม่ในอนาคต ไม่ต้องมีร้านค้า มีอิสระทางด้านเวลา และการพักผ่อน ไม่มีเจ้านาย ไม่มีลูกน้อง อาจมีเพียงเอกสารหรือสินค้า ไว้พร้อมขายหรือบริการเท่านั้น เงินลงทุนต่ำกว่าธุรกิจที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด จะมีผู้ที่ทำธุรกิจนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต ดังนั้นผู้ที่เริ่มก่อนย่อมได้เปรียบกว่า ผู้ร่วมธุรกิจไม่ต้องมีประสบการณ์ในการทำงานมาก่อน ไม่จำกัดวุฒิการศึกษา สิ่งสำคัญเพียงอย่างเดียวก็คือ ผู้ที่ทำธุรกิจนี้ต้องพร้อมที่จะเรียนรู้ ระบบการทำงานทั้งหมด เรียนรู้แผนการทำงาน แผนการได้รับผลประโยชน์ที่จะได้รับ ธุรกิจนี้ต้องการความจริงจังและสม่ำเสมอ ในการทำธุรกิจ มีอัตราการจ่ายผลตอบแทนสูงทำได้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน นิสิตนักศึกษา ลูกจ้าง ข้าราชการ พ่อค้า เจ้าของธุรกิจ ระบบการทำธุรกิจในอนาคตนี้ ทุกคนที่ทำธุรกิจต่างก็ไม่เคยทำมาก่อน เพียงแค่ศึกษาการทำงานอย่างจริงจัง พร้อมที่จะเรียนรู้และลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง ทำตามระบบ เลียนแบบการทำงานของที่ปรึกษาทางธุรกิจ เขาทำอย่างไรเราทำอย่างนั้น ทำตามระบบทีละขั้นทีละตอน ทำแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อนเหมือนธุรกิจอื่น

จะเห็นว่า ในปัจจุบันผู้คนตกงานและออกจากงานมากขึ้น เนื่องมาจากหลายสาเหตุต่างๆ เช่น บริษัทขนาดใหญ่หรือโรงงานอุตสาหกรรม ได้นำเครื่องจักรที่ทันสมัย ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงระบบการผลิตที่ทำงานโดยอัตโนมัติ มาใช้แทนแรงงานคน ทำให้มีการเลิกจ้างหรือชลอการจ้างแรงงาน และมีการปรับระบบโครงสร้างภายใน เพื่อใช้แรงงานอย่างเต็มหน้าที่และเต็มความสามารถ ทำให้ต้องปลดพนักงานส่วนที่ไม่จำเป็นออก และผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ก็ไม่กล้าที่จะลงทุน เพราะปัญหาทางด้านเศรษฐกิจที่ไม่ขยายตัวเช่นเดิม อีกทั้งการเกษียณอายุของผู้คนมีมากขึ้น และปัจจัยสุดท้ายคือมีนิสิต นักศึกษาจบใหม่มากขึ้น แต่ความต้องการด้านแรงงานยังคงเท่าเดิม หรือเพิ่มขึ้นไม่มาก หลายคนไม่สามารถหางานทำได้ จึงยังต้องเป็นภาระของพ่อแม่หรือผู้ปกครองต่อไป หลายคนจึงตัดสินใจเรียนต่อ เพราะหวังว่าเมื่อเรียนสูงขึ้นจะหางานได้ง่ายขึ้น แต่เมื่อเรียนจบก็ไม่แตกต่างจากวันนี้ จะเห็นว่าคนที่ตกงานดังกล่าว ทุกคนต้องใช้เงิน จำเป็นที่จะต้องมีรายได้ บางคนต้องการเพียงรายได้เสริม บางคนต้องการประกอบกิจการเป็นของตนเอง จะเห็นว่าเกือบทุกกิจการมีคนทำกันหมดแล้ว มีการแข่งขันสูง จะทำธุรกิจอะไรให้ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน เป็นไปได้ยากมาก

ดังนั้น ระบบการทำธุรกิจในอนาคต ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของหลายๆคน ทุกคนที่ได้ทำธุรกิจนี้ต่างก็ไม่มีประสบการณ์มาก่อน เพียงแค่พร้อมที่จะเรียนรู้ระบบการทำธุรกิจ และลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง จะทำให้สามารถทำธุรกิจได้อย่างประสบความสำเร็จ เหตุที่หลายธุรกิจที่ได้ปิดตัวลงไป เหตุที่ไม่ประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ เพราะไม่คำนึงถึงปัจจัยในการทำธุรกิจ



ปัจจัยที่สำคัญในการทำธุรกิจ

การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ต้องมีปัจจัยสำคัญหลักๆ ดังนี้

(1) ต้องอยู่ในอุตสาหกรรมที่กว้างและกำลังขยายตัว

(2) ต้องมีผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างและใช้แล้วหมดไป

(3) ต้องมีศักย์ภาพในการขยายกิจการอย่างไม่มีขีดจำกัด



ข้อ 1. ต้องอยู่ในอุตสาหกรรมที่กว้างและกำลังขยายตัว

ทำไมต้องเป็นอุตสาหกรรมที่กว้างและกำลังขยายตัว เรามาพิจารณาเปรียบเทียบอุตสาหกรรมที่แคบก่อน เช่นอุตสาหกรรมแผ่นเสียง อุตสาหกรรมเพจเจอร์ ในปัจจุบันมีผู้ใช้น้อยลงเรื่อยๆ ผู้ที่ยังทำธุรกิจกับอุตสาหกรรมดังกล่าว จะต้องหากลยุทธ์ใหม่ๆในการทำธุรกิจ หากต้องการที่จะประกอบธุรกิจให้อยู่รอด สำหรับธุรกิจที่ขยายตัวช้า ได้แก่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ส่วนอุตสาหกรรมที่กว้างและกำลังขยายตัวคือ

- อุตสาหกรรมอินเตอร์เน็ต

- อุตสาหกรรมสื่อสารและไปรษณีย์

- อุตสาหกรรมโภชนาการและสุขภาพ

- อุตสาหกรรมทะนุถนอมความงามและเครื่องสำอาง


อุตสาหกรรมอินเตอร์เน็ต เมื่อ 20 ปีที่แล้ว หลายบ้านไม่มีโทรทัศน์ ซึ่งบางบ้านมี บางบ้านไม่มี แต่ในปัจจุบันทุกบ้านมีโทรทัศน์ และมีหลายบ้านที่มีมากกว่า 1 เครื่อง ดังนั้น ธุรกิจที่เติบโตขึ้นมาในช่วงเวลาที่ผ่านมา คือการทำธุรกิจบนสื่อโทรทัศน์ เช่น ละคร เกมโชว์ วาไรตี้ ซึ่งจะสร้างรายได้ให้อย่างมหาศาล แก่ผู้ทำธุรกิจบนสื่อโทรทัศน์ แต่ในปัจจุบัน ผู้ประกอบกิจการสื่อนี้ ขาดทุนหลายราย เพราะจำนวนช่องในการนำเสนอมีน้อย เวลามีจำกัด มีการกีดกันจากนายทุน มีการแข่งขันสูง และเมื่อเรามามองทางด้านอุตสาหกรรมอินเตอร์เน็ต ปัจจุบันหลายบ้านไม่มีคอมพิวเตอร์ หลายคนไม่ได้ใช้อินเตอร์เน็ต หากเรามองไปในอีก 5 ปีข้างหน้า อีก 10 ปีข้างหน้า ทุกบ้านจะมีคอมพิวเตอร์ ทุกบ้านจะติดตั้งอินเตอร์เน็ต ซึ่งผู้ที่ทำธุรกิจผ่านสื่ออินเตอร์เน็ต จะทำรายได้อย่างมหาศาลในปัจจุบันและในอนาคต

อุตสาหกรรมสื่อสารและไปรษณีย์ เช่นโทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์พกพา การติดต่อสื่อสาร และการตอบรับทางไปรษณีย์ หากธุรกิจใดไม่ครอบคลุมถึงหรือไม่ใช้ระบบการสื่อสารหรือการตอบรับทางไปรษณีย์ คุณจะไม่สามารถทำธุรกิจได้เลยหากไม่มีการติดต่อสื่อสาร ในปัจจุบันมีผู้จำหน่ายมือถือเพิ่มมากขึ้น บริษัทให้บริการก็เพิ่มขึ้นอย่างรวมเร็วเช่นกัน สิ่งเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าแสดงให้เห็นถึงอุตสาหกรรมการสื่อสารกำลังเติบโต อย่างไม่มีขีดจำกัด

ส่วนธุรกิจการตอบรับทางไปรษณีย์ คุณลองสังเกตตู้ไปรษณีย์ของคุณ ในเดือนหนึ่งๆ คุณได้รับจดหมายทางไปรษณีย์ เสนอขายสินค้าอะไรบ้าง ถึงแม้ว่าตัวคุณดูแล้วไม่สนใจ แต่ 1ใน 10 รายที่ได้รับสื่อดังกล่าว จะมีผู้สนใจและโทรกลับเพื่อสั่งซื้อสินค้าดังกล่าว นี่เป็นการทำการค้าอีกอย่างหนึ่งที่จะสามารถอยู่ได้ในอนาคต

อุตสาหกรรมโภชนาการและสุขภาพ รวมถึง อุตสาหกรรมทะนุถนอมความงามและเครื่องสำอาง ดูง่ายๆ ในโทรทัศน์ มีการโฆษณาผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพมากมาย เช่นเครื่องออกกำลังกาย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องบำรุงผิวประทินผิว ลดรอยเหี่ยวย่น และเครื่องสำอางมากมาย ทำไมจึงมากเช่นนี้ ทำไมถึงสองอุตสาหกรรมนี้ จึงอยู่ในกลุ่มของตลาดที่กว้างและกำลังขยายตัว คุณเคยได้ยินคำว่า เบบี้บูมเมอร์ หรือไม่ เบบี้บูมเมอร์ คือกลุ่มคนกว่าพันล้านคนที่เกิดในเวลาใกล้เคียงกัน หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ช่วงชั้นประชากรของโลกได้ล้มตายเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ผลผลิตของทุกประเทศทั่วโลกต่ำลง และระบบเศรษฐกิจโลกถดถอย ทุกประเทศจึงต้องเร่งวางแผนเพิ่มประชากรในแต่ละประเทศโดยเร็วในช่วงระยะเวลาปี ค.ศ. 1946 ถึงปี ค.ศ. 1964 เบบี้บูมเมอร์กลุ่มนี้ปัจจุบันมีอายุอยู่ที่ 30-60 ปี มีฐานะการเงินที่มั่นคง มีเงินเก็บเพียงพอหลังเกษียณอายุ คราวนี้เรามามองถึงคนกลุ่มนี้ และบุตรหลานของคนกลุ่มนี้ซึ่งจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว ว่านอกจากเงินแล้วทุกคนต้องการอะไร กลุ่มคนเหล่านี้มีอายุมากขึ้น เริ่มชราภาพร่างกายเสื่อมโทรมลงไปตามวัย ซึ่งตามมาด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ไม่มีใครต้องการแก่ก่อนวัยอันควร ทุกคนจึงต้องการสุขภาพและรูปร่างที่ดีเหมือนเดิม ไม่ว่าจะต้องเสียเงินสักแค่ไหนก็ตาม ให้สังเกตว่าทำไมโรงพยาบาลเอกชน จึงเกิดขึ้นมากมากมายเหมือนดอกเห็ด รวมถึงสถานบริการต่างๆเกี่ยวกับสุขภาพ เพราะมีลูกค้ามากมายที่ใช้บริการ ดังนั้น สองอุตสาหกรรมสุดท้ายดังกล่าวคือ อุตสาหกรรมโภชนาการและสุขภาพ กับอุตสาหกรรมทะนุถนอมความงามและเครื่องสำอาง จึงเป็นอีกอุตสาหกรรมหนึ่ง ซึ่งจะเป็นตลาดที่กว้างและกำลังขยายตัวในอนาคต

ดังนั้น ประการแรกที่ต้องคำนึงถึงในระบบการทำธุรกิจในอนาคต จะต้องเป็นธุรกิจที่มีตลาดที่กว้างและกำลังขยายตัว ไม่มีขอบเขตในการทำธุรกิจ สามารถทำธุรกิจได้ทั่วไทย และสามารถทำธุรกิจที่ประเทศใดๆก็ได้ในโลก

ข้อ 2. ต้องมีผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง และใช้แล้วหมดไป

หากคุณมีผลิตภัณฑ์ที่ไม่แตกต่างจากท้องตลาด เช่นคุณเป็นผู้จำหน่ายผงซักฟอก สบู่ ซึ่งในท้องตลาดก็มีขายแล้วใครที่จะมาซื้อสินค้าจากคุณ เพราะเขาสามารถซื้อได้จากร้านค้าทั่วไป แต่หากคุณมีสินค้าที่แตกต่างและไม่มีวางขายในท้องตลาด ไม่ว่าลูกค้าของคุณจะอยู่ที่ไหนจังหวัดใดก็ตาม เขาก็ต้องติดต่อคุณและจะเป็นลูกค้าของคุณไปตลอด เพราะสินค้าไม่สามารถหาซื้อได้ในท้องตลาด ดังนั้นคุณไม่ต้องกลัวที่จะต้องแข่งขันทางด้านราคา ไม่ต้องกลัวว่าจะขาดทุน และหากเป็นธุรกิจที่สามารถทำธุรกิจได้ทั่วโลก คือลูกค้าของคุณอยู่ที่ประเทศอะไรก็ตามที่บริษัทเปิดดำเนินการอยู่ คุณสามารถแจ้งทางบริษัทจัดส่งสินค้าให้แก่คุณได้ทันที

นอกจากผลิตภัณฑ์ต้องแตกต่างจากในท้องตลาดแล้ว จะต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วหมดไป เช่นหากคุณเป็นผู้จำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นรุ่นที่ล้ำหน้าที่สุดทันสมัยที่สุด เดือนแรกคุณมีลูกค้ามาสั่งซื้อสิบราย ในเดือนที่สองคุณจะต้องเหนื่อยในการหาลูกค้าใหม่เรื่อยๆ หากสินค้านั้นเป็นสินค้าที่ ใช้แล้วหมดไป ในเดือนแรกคุณมีลูกค้าสิบราย ในเดือนที่สอง คุณมีลูกค้าใหม่อีกสิบราย อีกทั้งลูกค้าเก่าสั่งซื้อซ้ำ เป็นยี่สิบราย และถ้าในเดือนที่สาม คุณมีลูกค้าใหม่เพียงสามราย แต่ลูกค้าเก่ายี่สิบรายมีการสั่งซื้อซ้ำ จะเห็นว่า ถึงแม้คุณไม่มีเวลาไม่สามารถหาลูกค้าใหม่ๆได้ คุณก็จะมีลูกค้าเก่าสั่งซื้อซ้ำเรื่อยๆ คุณแค่ติดตามผลและบริการหลังการขายให้ดีในช่วงแรกๆ คุณไม่ต้องเหนื่อยในการหาลูกค้าใหม่เรื่อยๆ แต่หากว่าคุณมีเป้าหมายที่จะหาลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกๆเดือน คุณก็จะมีลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย รายได้ก็จะเพิ่มขึ้นทุกเดือนเช่นกัน

ดังนั้น ประการที่สองที่ต้องคำนึงถึงในการทำธุรกิจในอนาคต โดยใช้ระบบการทำงานจากที่บ้าน จะต้องเป็นสินค้าที่แตกต่าง ไม่มีการแข่งขันทางด้านราคา ไม่มีวางขายในท้องตลาด และจะต้องเป็นสินค้าที่ใช้แล้วหมดไป ทำให้มีการสั่งซื้อซ้ำเรื่อยๆของลูกค้าคนเดิม ไม่เหนื่อยในการหาลูกค้าใหม่ และหากเพิ่มลูกค้าเรื่อยๆ รายได้คุณก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย

ข้อ 3.ต้องมีศักยภาพในการขยายกิจการอย่างไม่มีขีดจำกัด

หากคุณมีสินค้าที่ติดตลาด มีการสั่งซื้อซ้ำมากมาย เมื่อคุณเพิ่มลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รายได้ของคุณก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คุณคงเคยเห็น ร้านค้าที่มีสินค้าที่จำหน่ายดีมาก เช่นร้านอาหาร หากว่าคุณเป็นเจ้าของร้านอาหารนั้น ซึ่งขายดีมาก จึงได้ขยายกิจการไปสาขาที่สอง และทำให้สาขาที่สองทำการค้าได้แบบสาขาแรก รายได้ก็จะเพิ่มขึ้นเท่าตัว และเมื่อคุณเปิดสาขาที่สาม และทำให้สาขาที่สามทำการค้าได้แบบสาขาแรก จะเห็นได้ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นอีกเป็นสามเท่าตัว และหากว่าคุณขยายสาขาไปเรื่อยๆ จะสังเกตว่ารายได้คุณเพิ่มมากขึ้นจริง แต่ตัวคุณเองจะขาดอิสรภาพทางเวลา คุณก็จะเป็นข้าทาสของธุรกิจตนเอง จะเหนื่อยมากกว่าการเป็นลูกจ้างเสียอีก ไม่สามารถหยุดหรือพักได้ แต่หากคุณเปลี่ยนความคิดในการขยายกิจการในรูปแบบใหม่ คือหาผู้ร่วมธุรกิจ (ฟรานไซน์) คุณเป็นเพียงคนวางระบบคอยกำกับดูแลในเบื้องต้น และสอนผู้ที่สนใจร่วมธุรกิจกับคุณ ให้สามารถสร้างรายได้เป็น เมื่อคุณสอนตั้งแต่เริ่มต้น รวมถึงสอนเทคนิคต่างๆ ที่คุณรู้ทั้งหมด เพื่อให้ผู้ร่วมธุรกิจของคุณมีรายได้อย่างมหาศาลเช่นเดียวกับคุณ คุณก็จะมีรายได้เช่นเดียวกัน เป็นรายได้จากค่าลิขสิทธิ์เพราะเขาซื้อลิขสิทธิ์จากคุณ

ธุรกิจแบบ ฟรานไซน์ ได้มีมานานกว่า 40 ปี เช่น McDonald’s, KFC, CALTEX, ESSO, AIA, IBM, SONY, 7-11, TOYOTA, FUJI, KODAK, MICROSOFT ฯลฯ รวมทั้งธุรกิจอื่นอีกมากมาย ที่ใช้ระบบการขยายกิจการแบบฟรานไซน์นี้ และทุกธุรกิจดังกล่าวได้ประสบผลสำเร็จในการทำธุรกิจ อีกทั้งขยายกิจการไปทั่วโลก

ดังนั้น ประการที่สาม ที่ต้องคำนึงถึงในการทำธุรกิจในอนาคต ก็คือต้องมีศักยภาพในการขยายกิจการอย่างไม่มีขีดจำกัด แบบธุรกิจฟรานไซน์ ซึ่งเรามีหน้าที่สอนให้ผู้ร่วมธุรกิจ สามารถสร้างรายได้เช่นเดียวกับเรา สามารถทำเงินได้มากมายแบบเดียวกับเรา ทำให้คนมากมายก็อยากเข้ามาร่วมทำธุรกิจกับเรา ถึงแม้สาขาของเราจะหยุดในวันใด แต่สาขาอื่นที่เราขยายกิจการไป ที่ขายลิขสิทธิ์ไป ก็สามารถสร้างรายได้ ทำให้เราประสบความสำเร็จได้เช่นกัน ทั้งหมดนี้เกิดจากการที่เรายอมสอนเทคนิค สอนการทำงานทุกอย่างที่เรารู้ เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และยอมให้เขาใช้เครื่องหมายการค้าของเราในการทำธุรกิจ



อย่าเชื่อเสียทั้งหมดนะครับ เอาเท่าที่เป็นตัวของตัวเองดีที่สุด




[ การจัดตั้งกิจการ ] - [ความสำเร็จอยู่แค่เอื้อม]

[ บทความทั้งหมด ] - [ บทความล่าสุด / สมุดเยี่ยมเยือน ]



Create Date : 28 กันยายน 2548
Last Update : 31 ตุลาคม 2551 18:00:03 น. 18 comments
Counter : 3028 Pageviews.

 
ชอบข่าวที่วิ่งๆอยู่ข้างบนจัง

ขอบคุณค่ะ เข้ามาอ่านแล้วแอบดีใจว่ามีเงินเก็บมากกว่าค่าเฉลี่ยของคนไทยนี้ดดดด นึง ว่าแต่ เฉลี่ยจากไหนเนี่ย เพราะสาวออฟฟิศทั่วๆไปก็มีมากกว่าค่าเฉลี่ยกันทั้งนั้นนา...


โดย: L.I.R.A. วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:9:36:30 น.  

 
^__^ ระบบการทำธุรกิจในอนาคต


โดย: + MenGie + วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:9:52:11 น.  

 

มีประโยชน์มากมายคร๊า


โดย: ปลาทูน่าในบ่อปลาพยูน วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:10:06:15 น.  

 
กินข้าวด้วยกันมั๊ยค่ะ งั่มๆ ใกล้หมดแระ เร่งสปีดหน่อย ^^




...


โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:13:10:07 น.  

 




ขอบคุณมากค่ะ ..
ว่าแต่หม่ำยังค่ะ มื้อเที่ยง
อิ .. อิ...





โดย: หนี่หนีหนี้ วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:13:18:17 น.  

 
ที่บ้านเป็นธุรกิจร้านค้าปลีกเป็นอย่างที่ว่าเลยคะ ปิดร้านไม่ได้เลย เหมือนต้องทำงานตลอดเวลา (ทั้ง เหนือย และเบือ) แต่ยังยืนยันไม่ได้อยูดีว่าหลังเกษียณจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีหรือไม่


โดย: asariss วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:13:23:22 น.  

 
ความรู้เพียบเลยค่ะ..ขอบคุณค่ะ...กำลังอยากจะเลิกกิจการค่ะ เพราะอยู่ในธุรกิจรับจ้าง...ค่ะ...ไม่ใช่ไม่มีลูกค้านะค่ะ...แต่ขาดช่างฝีมือค่ะ...แล้วสรรพากรมาตามจิกน่าดู...เซ็งค่ะ...


โดย: ว่าน วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:14:49:12 น.  

 
แวะมาเยี่ยมชม เผื่อปัญญาจะแตกฉาน


โดย: ญูบีฯ (ub_taow ) วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:19:54:43 น.  

 


โดย: HappyHippo วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:20:12:12 น.  

 

ไว้แอบเข้ามาอ่านอีก อืมยังนึกไม่ออกว่าจะแชร์อะไรไว้นึกออกแล้ว จะลักลอบเข้ามาจู่โจมนะ อิอิ


โดย: AjarnTik IP: 58.8.150.66 วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:20:16:54 น.  

 
ตามมาอ่านด้วยคนค๊า


โดย: yadegari วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:21:17:32 น.  

 
อ่านไปได้นิดเดียว แต่วันนี้ปวดหัวอ่ะ คิดตามไม่หวาย
เด๋วแอบมาอ่านต่อทีหลังนะคะ


โดย: ladybear (ladybear ) วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:22:23:27 น.  

 
เข้ามาอ่านค่ะ
เสี่ยงมากก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนมากนะคะ
แต่โดยส่วนตัวเป็นคนไม่ชอบเสี่ยง


โดย: กิ่งไม้ไทย วันที่: 30 กันยายน 2548 เวลา:21:36:57 น.  

 
ความโง่ของผม ถูกกระเทาะออกไปได้เยอะเลยครับ แหะ ๆ


โดย: อีคิวศูนย์ IP: 202.44.8.98 วันที่: 18 มกราคม 2549 เวลา:15:56:59 น.  

 
ดีคะ


โดย: แอ๊บกะแบ๊ว IP: 203.156.42.61 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:12:21 น.  

 
ผลกำลังทำอยู่ครับ


โดย: หนุ่ม..ลำปาง IP: 118.172.104.102 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2551 เวลา:3:24:02 น.  

 
ผมออกก่อนเกษียณ1ปี อยากทำธุรกิจ ชอบต้นไม้ ไม้ดอก ไม้ประดับ และขยายพันธุ์พืชได้ทุกชนิดเช่นติดตา ต่อกิ่งเสียบยอด มีเงินทุน มีที่ดินอยู่ติดถนนชัยพฤกษ์2ไร่ ช่วยแนะนำด้วยครับ Lekk93@thai mail.com


โดย: คนเกษียณ IP: 125.25.29.186 วันที่: 7 มกราคม 2553 เวลา:10:41:59 น.  

 
ผมออกก่อนเกษียณ1ปี อยากทำธุรกิจ ชอบต้นไม้ ไม้ดอก ไม้ประดับ และขยายพันธุ์พืชได้ทุกชนิดเช่นติดตา ต่อกิ่งเสียบยอด มีเงินทุน มีที่ดินอยู่ติดถนนชัยพฤกษ์2ไร่ ช่วยแนะนำด้วยครับ Lekk93@thai mail.com


โดย: คนเกษียณ IP: 125.25.29.186 วันที่: 7 มกราคม 2553 เวลา:10:41:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wbj
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 210 คน [?]




ต้องการสอบถาม กรุณาติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com หรือ 062 641 5992, 062 826 1544

วิทยากรเชิงกิจกรรม

วิทยากรกระบวนการ

ที่ปรึกษาธุรกิจ

ด้านการบริหารจัดการ

การตลาดและการประชาสัมพันธ์

การบริหารทรัพยากรมนุษย์

การวางแผนกลยุทธ์

วิจัยธุรกิจ

IT Dashboard



ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้...
ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย
และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด



<< Main Menu >>



ดวงถาวร


ดวงตามวันเกิด



ดวงตามปีเกิด






;b[^]pN 06' ไรินนื ่นนืเ "รินนื ๋นนืเ c:j06'

ต้องการสอบถาม โทร 062-641-5992, 062-826-1544
ติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com
Line ID : wbjoong

ที่ปรึกษาธุรกิจ ด้านการบริหารจัดการ การตลาดและการประชาสัมพันธ์ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ และ การวางแผนกลยุทธ์ วิทยากรเชิงกิจกรรม, วิทยากรกระบวนการ นักวิจัยการดำเนินงานธุรกิจ Executive & Management Coach

ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้... ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด
<< Main Menu >>
Friends' blogs
[Add wbj's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friends


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.