เลือกใช้เครื่องมือสื่อโฆษณาให้เป็น
โลโก้ กับ มาสคอต ต่างกันอย่างไร ทำไมต้องมี Logo ทำไมต้องมี มาสคอต ?
ผมเห็นผู้ประกอบการแต่ละท่าน จะทำทั้ง Logo และ มาสคอต ไปพร้อมๆกัน ทำให้ผมสงสัยว่า สินค้าของคุณต้องการใช้ทั้ง 2 อย่างเลยหรือ ? หรือว่าใช้ไปตามกระแส...
เดี๋ยวถ้ามีเงิน คุณคงจ้างดารา หรือ เอาตัวคุณ มาเป็น Brand Ambassador แล้ว คุณ จะทำอะไรอีก...???
ทำไมต้องมี อะไรหลายๆอย่าง... ในการสื่อสารให้กับ แบรนด์ หรือ องค์กร ?...
การตลาด ปัจจุบัน ใช้การสื่อสารให้ตรงกับพฤติกรรมของผู้บริโภค "เป็นการตลาดที่รุมเร้าความคิดและความรู้สึก"
🕋 คุณต้องเข้าใจก่อนว่า เมื่อคุณตั้ง "แบรนด์" นั่นจะเป็นสิ่งแทนสินค้าและบริการ ซึ่งการแทนสินค้าและบริการ แบรนด์ จึงเหมือน คนๆหนึ่ง ที่มีบุคคลิกนิสัย บ่งบอกถึง การแสดงออกของสินค้าและบริการนั้นๆ...
(ทำไมต้องมาอธิบายให้ฟังเนี่ย... สองหนังสือ ส้งฆราชหรือเปล่าไม่รู้)
🏛 พอได้ชื่อแบรนด์ สิ่งที่ตามมาคือ Logo มีไว้เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำเป็นภาพ แทนตังอักษร บางสินค้า ทำไมไม่มี logo หรือบางสินค้า ก็ใช้ตัวอักษรธรรมดา เป็น logo ก็ขายสินค้ากันได้ แปลกไม๊ ?... บางสินค้า ไม่เคยเห็น มาสคอต หรือ Brand Ambassador เลย ก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า..? น่าสงสัยเนอะ...
💰จริงๆการที่คุณจะมีอะไรหลายๆ อย่างก็ไม่แปลก แต่คุณจะต้องเสียเงินค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ และ ค่า ของสื่อนั้นๆเพิ่ม
🚜คุณมี แบรนด์ คุณก็ต้องเอาแบรนด์ กระจายการรับรู้ แค่เอาไปวางบนกระดาษหัวจดหมาย วางบนบิล ก็เป็นจุดเริ่มต้น ของการสร้างแบรนด์แล้ว... อันนี้ง่ายๆ ไม่ได้เสียเงินเพิ่ม...
⛵จากนั้น แค่ชื่อแบรนด์อย่างเดียว ก็ดูไม่น่าสนใจ ลูกค้ายังจดจำไม่ได้ ชื่ออาจจะยาก หรือ สื่อสารไม่ชัดเจนกับสิ่งที่จะสื่อให้ลูกค้า หรือ ต้องการเปลี่ยน บุคคลิก ใหม่ ก็เลย ใช้ logo ในการสื่อสารออกไป ทั้งนี้ ถ้าคุณมีแบรนด์แล้ว ก็จะใช้แบรนด์และ logo สื่อไปพร้อมๆ กันเพื่อให้จำนวนลูกค้ากลุ่มเป้าหมายสามารถเกิดการรับรู้และจดจำได้มากขึ้น
🌐 ถ้าสร้างชื่อแบรนด์ไปแล้ว ก็ต้อง ประชาสัมพันธ์ logo ใหม่ เสียเงินค่าใช้จ่าย เพิ่ม แต่ถ้าเริ่มใหม่ โดยมีทั้ง 2 อย่าง ก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้..
🌋 ทำๆแล้วไม่พอใจ เปลี่ยนแบรนด์ เปลี่ยน logo ก็ต้องเสียค่าโฆษณาและสร้างการรับรู้เริ่มใหม่หมด บางสินค้าที่ เจ้าของกิจการ ขี้เบื่อ เปลี่ยนบ่อย มักจะเสียค่าใช้จ่ายเยอะโดยไม่ได้สิ่งตอบแทนที่คุ้นค่า หรือ บางสินค้าไม่เปลี่ยนเลย ก็ทำให้ดูไม่ทันสมัย อันนี้ขึ้นกับความเหมาะสม...
⛺คราวนี้ เวลา ออกบู๊ท ทั้งแบรนด์ และ logo มันไม่ดึงดูดคน ไม่สามารถ สร้างปฏิสัมพันธ์ กับ ว่าที่ลูกค้าหรือกลุ่มลูกค้าได้ ก็เลยต้องใช้ คนมาเป็นตัวสร้างสัมพันธ์ แรกๆ จะใช้ เจ้าของกิจการในการสื่อสารกับลูกค้าโดยตรง กลายเป็น Brand Ambassador ไป (เหมือนหลายๆกิจการของพวกคุณตอนนี้)
👸 จากนั้น แค่คนเดียวก็ยังกระจาย หรือ ไม่ดึงดูดความสนใจ ก็เริ่มใช้ คนมาแต่งกายแบบฟอร์ม เหมือนๆกัน หลายๆคน ทำให้ดึงดูดคนรอบข้างดีขึ้น แต่เสียค่าใช้จ่ายมาก อีกหน่อย แถม บางทีคนในชุดฟอร์ม ดูสวย เท่ห์ หรือ เป็นจุดสนใจอย่างมาก (พริตตี้) แต่ไม่มีความรู้ในสินค้า ทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ หรือ สินค้า ไม่เป็นที่จดจำของกลุ่มลูกค้า หรือ สร้างภาพลักษณ์ทางลบให้กับสินค้าและบริการ อีกทั้ง ราคาค่าตัวคนสวยๆ หรือ พริตตี้ ก็สูงมาก เลยใช้ การแต่งกายแบบ ปกปิด ทั้งตัว ทั้งหน้า กลายเป็น มาสคอต แทน มีหน้าที่โชว์ตัว เรียกร้องความสนใจ สร้างจุดเด่น แต่ไม่ต้องอธิบายสินค้า ใช้ใครก็ได้มาใส่ชุด ไม่ต้องสวย และที่สำคัญ ไม่แพง... เสียค่าใช้จ่ายน้อย...
👻 ตอนนี้ บริษัทฯ ก็เอา มาสคอต มาเป็นตัวสร้างความจดจำ ทำเป็นการ์ตูน หน้าที่เหมือน logo ในสื่อต่างๆ ก็ต้องใช้เงินในการ สร้างการรับรู้ ต้องมีพื้นที่สำหรับ มาสคอต ด้วย ทำให้ บางโฆษณา ดู รกรุงรัง และ สร้างการรับรู้ถึงสินค้า ไม่ได้เพิ่มมากจนควรจะต้องใช้...
🌏 อีกอย่าง ประเทศไทย เป็นประเทศเขตร้อน ไม่เหมาะสมกับการแต่ง มาสคอต ถ้าใช้เพียงบางช่วงเวลา หรือ กับสถานที่ที่มีแอร์เย็นมากๆ ก็ใช้ได้ แต่คนไทยใช้มั่วมาก สถานที่ไม่เหมาะสมก็ใช้ มาสคอต ค่าตัวคนแต่งมาสคอตที่แพงขึ้น ไม่มีคนอยากทำ รวมถึงกลิ่นเหงื่อที่ติดในชุดมาสคอต (ซักยากมากบางชุดซักไม่ได้) ทำให้ต้องเปลี่ยนชุดมาสคอตบ่อย สั่งทำใหม่ หรืออาจจะมีหลายชุด ทำให้สิ้นเปลือง คุ้มไม่คุ้ม ก็ควรจะประเมินขึ้นมาด้วยครับ...
🤔 เมื่อทราบเช่นนี้ ผู้ประกอบการ ควรประเมินว่า ควรใช้แค่ไหน กับธุรกิจของคุณ ไม่ใช่ตามไปสักทุกอย่าง เสียเงินกันไป แถมยังไม่ได้ประโยชน์ อย่างสูงสุดอีก...
🤓 อยากให้พิจารณาให้มากๆนะครับว่า ถึงจุดที่จะต้องใช้ เครื่องมือ อย่างไร แบบไหน หรือยัง... ถ้าใช้แล้ว มันจะคุ้มค่าจริงๆ หรือ แค่ทำให้มันมีขึ้นมาเท่านั้น...
Create Date : 27 มีนาคม 2560 |
Last Update : 27 มีนาคม 2560 12:52:16 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2103 Pageviews. |
 |
|