แนวคิดเชิงกลยุทธิ์ : แนวทางที่ 5 - ทอดสะพานสู่ความคิดความรู้สึกของคนอื่นๆ
มุมมองของเรานั้น เราสามารถจับทิศทางได้ง่ายกว่ามุมมองของคนอื่น การหยั่งรู้ถึงความคิดของคนอื่นนั้น ต้องอาศัยการสังเกตุทั้งพฤติกรรมของตัวเราเอง และ พฤติกรรมของคนรอบข้าง เพื่อและสังเกตุลึกเข้าไปถึงพฤติกรรมของคนโดยทั่วไป ซึ่งคนที่จะสามารถหยั่งรู้ถึงความต้องการของคนได้นั้น จะสามารถควบคุมคนได้ดีกว่า ดังนั้น ผู้บริหารหรือนักคิดเชิงกลยุทธ์ จะมีทักษะนี้ในตัวค่อนข้างสูง
ความรู้สึกนึกคิดของคนนั้น ค่อนข้างที่จะแตกต่างกัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมองไม่ออกไปเลย การรับรู้หรือแสดงออกขั้นพื้นฐานต่างๆ อย่างเช่น น้ำมันขึ้นราคา ความต้องการของคนส่วนใหญ่คือต้องการให้น้ำมันลดราคา แต่ถ้ามองในอีกมุมหนึ่ง คนทั้งหลายไม่ต้องการให้ขึ้นราคา หรือต้องการการชดเชย ก็มีบริษัทฯ ทางด้านมือถือ มองเห็นความต้องการและจิตใจคนต่อน้ำมันขึ้นราคา จึงรอกให้น้ำมันขึ้นไปถึงเพดาน และ ต่างประเทศก็เริ่มลดราคาน้ำมัน แล้วออกโฆษณามาว่า ถ้าน้ำมันขึ้น ระบบโทรศัพท์จะชดเชยค่าน้ำมันขึ้นให้ 30 บาท ในวันที่น้ำมันขึ้นราคา ฟังแล้วรู้สึกเหมือนได้เงินมาเลย ประสบการณ์ของคนที่อยู่ในสภาวะน้ำมันขึ้นเอาขึ้นเอา เมื่อได้ยินคำๆนี้จะรับรู้ว่า เออ ระบบโทรศัพท์อันนี้ ดีนะ เขาเห็นใจประชาชน แต่แท้ที่จริงแล้ว เขาเลือกที่จะออกโฆษณาในช่วงเวลาที่เขาจะไม่ต้องเสียเงินจากการรับปาก แต่ได้ใจคนส่วนใหญ่ที่ไม่เข้าใจความเป็นจริงมา
บริษัทฯนี้ยังมีการใช้โฆษณาที่บอกข้อมูลไม่หมด เล่นกับความรู้สึกของคนเป็นส่วนใหญ่ เพราะผู้ออกแบบกลยุทธ์ เป็นคนที่เข้าใจคนหมู่มาก เข้าใจความต้องการของคนในเหตุการณ์ต่างๆได้ดี และ สนองความต้องการของความรู้สึก ในเวลาที่เหมาะสมนั่นเอง
นอกจากความคิดของคนอื่นแล้ว การที่พยายามเข้าใจสภาวะแวดล้อมของคนอื่น ความนึกคิดของคนอื่นๆว่า เขาคิดกับเรื่องอย่างนี้อย่างไร จะช่วยในการคิดแผนเชิงกลยุทธ์ได้ดียิ่งขึ้น ความรู้สึกจากแนวทางที่ 5 จะใช้ได้ผลดีก็ต่อเมื่อ มีเหตุการณ์ต่างๆนั้นเกิดกระทบกับคนหมู่มาก แต่ในสภาวะปกติ ที่ไม่มีเหตุการณ์พิเศษใดๆ การสร้างกลยุทธ์ ต้องอาศัยมุมมองจากเหตุผลของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพื่อบอกว่า พวกเขามีมุมมองของสิ่งเหล่านี้อย่างไร จะได้วางแผนกลยุทธ์กับคนกลุ่มนี้ได้อย่างถูกต้อง
วิธีการมองแนวความคิดของหลายๆฝ่าย คือ ต้องกำหนดขอบเขตของความต้องการวิเคราะห์ในแต่ละกลุ่มให้เหมือนกัน และ มุ่งเป้าประเด็นที่สนใจ จากนั้นค่อยแจกแจงแต่ละกลุ่มคนว่า พวกเขาน่าจะคิดอย่างไร อะไรจะเป็นจุดแข็งของแต่ละคน และ อะไรจะเป็นจุดอ่อนของแต่ละคน เพื่อเอาสิ่งเหล่านี้มารวมกับ จุดอ่อนหรือจุดแข็งของเราเพื่อสร้างกลยุทธ์อีกทีหนึ่ง
ยกตัวอย่างเช่น จะเปิดโรงเรียนกวดวิชาสักแห่ง... มีโจทย์ง่ายๆสั้นๆ แค่นี้ แต่นักวางกลยุทธ์ จะต้องจำแนกสิ่งต่างๆ ออกมาให้เป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะอยู่ในหัวสมอง หรือ ในกระดาษก็ตาม ซึ่งต้องใช้การมองหลายๆมุม เพื่อแจงสภาวะที่แต่ละคนต้องพบเจอ และใช้การเข้าใจพื้่นฐานของคนที่เป็นองค์ประกอบทั้งหมดว่าเขาคิดกับเร่ืองต่างๆอย่างไร ในกรณีนี้ อาจจะจำแนกสิ่งที่พวกเขาอาจจะต้องมีความรู้สึกเช่น เขาคิดเห็นกับการกวดวิชา การเรียนเสริม การใช้จ่ายเงินเพิ่ม สภาพสถานกวดวิชา บุคคลที่เกี่ยวข้องท่านอื่นๆ องค์กรหรือสถาบันที่เกี่ยวข้อง หรือแม้นกระทั่ง การสอบแข่งขันต่างๆ พวกเขามีมุมมองอยา่งไร... องค์ประกอบของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกวดวิชา และ มุมมองของเขาเหล่านั้นน่าจะมีดังนี้
1. คุณครูหรืออาจารย์ ที่จะมาสอนกวดวิชา ท่านเป็นผู้ให้และผู้รับในเวลาเดียวกัน ดังนั้น หากท่านมาให้ความรู้แน่นอนท่านต้องบอกว่า โรงเรียนกวดวิชาดี การเรียนเสริมทำให้นักเรียนเข้าใจเรื่องต่างๆได้ดีขึ้น (บางท่านอาจจะไม่ได้คิดเช่นนี้ แต่คิดเพียงผลลัพธ์ที่ืท่านจะได้ก็มี อันนี้ก็แล้วแต่ความคิดของแต่ละท่าน) ท่านต้องการสถานที่กวดวิชาที่มีความพร้อมทางด้านอุปกรณ์ และสื่อต่างๆ ต้องดี แต่ถ้าท่านเป็นเจ้าของกิจการเอง ท่านจะจำกัดการลงทุนไว้แค่พอใช้งานได้ ท่านอาจารย์ที่สอนในโรงเรียนกวดวิชา ก็จะหาสูตรหรือวิธีคิด หรือวิธีที่จะทำให้นักเรียนสามารถจดจำได้อย่างง่ายดาย เพื่อสร้างให้นักเรียนได้ในสิ่งที่โรงเรียนปกติไม่ได้ให้ บางท่านจะเพิ่มกลยุทธ์เพื่อทำให้นักเรียนได้สนุกและติด แต่ได้ความรู้ ทั้งนี้สิ่งที่เอามาสอนบางทีก็จะเป็นสิ่งที่ท่านได้เป็นคนกำหนดมาตรฐานการสอบเองก็มี ท่านเอาชื่อเสียงจากสถาบันที่ท่านอยู่ก็มี สิ่งเหล่านี้เป็นองค์ประกอบของท่านที่จะมาสอนกวดวิชาทั้งสิ้น
2. แต่เมื่อมองในมุมของ คุณครู หรือ อาจารย์ในโรงเรียนปกติ การกวดวิชาเท่ากับการหักหน้าว่าท่านไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น ท่านส่วนใหญ่จะไม่สนับสนุน หรือบางทีอาจจะขัดแย้งไปเลยก็มี เพราะมั่นใจว่า การเรียนการสอนปกติก็เพียงพอต่อการสอบ หรือการใช้งานแล้ว เมื่อคิดเช่นนี้ก็จะคิดถึงการป้องกันตัวเอง จะมองจุดด้อยของสถานกวดวิชาเป็นหลักว่า เป็นแหล่งมั่วสุม มีปัญหาทางเพศ วิชาที่สอนเป็นวิชาที่ไม่ได้อยู่ในกรอบระเบียบ และ ทำไมต้องจ่ายเงินแพงๆ เพื่อเรียนซ้ำๆ แต่ถ้า ท่านเป็นอาจารย์ที่สอนกวดวิชาเอง ท่านก็อาจจะสอนในชั่วโมงเรียนอย่างหนึ่ง ในช่วงกวดวิชาอีกอย่างหนึ่งก็มี สิ่งเหล่านี้เป็นจุดขัดแย้งทางความคิดที่น่าสนใจเลยทีเดียว
3. ในมุมมองของ ผู้ปกครองที่จะส่งให้นักเรียนกวดวิชา ก็แน่นอน ความรักลูกและต้องการที่จะให้อนาคตของลูกนั้นประสบความสำเร็จ หากค่าใช้จ่ายในการส่งลูกไปสถานกวดวิชา สามารถยอมรับได้ แน่นอนว่า เขาคงไม่รีรอในการที่จะส่งลูกไป แต่บางคนก็ขึ้นกับลูกๆว่า ต้องการที่จะเรียนมากขึ้น หรือไม่อย่างไร สถานที่สดวกแก่การไปรับไปส่งหรือไม่ สถานที่เป็นแหล่งมั่วสุมหรือไม่ เป็นสถานที่น่าเชื่อถือขนาดไหน มีชื่อเสียงหรือไม่ ครูหรืออาจารย์มาจากโรงเรียนดัง หรือ มาจากโรงเรียนที่ต้องการให้ไปศึกษาหรือไม่ (น่าแปลกที่ดูแต่ชื่อสถาบัน แต่ไม่ได้ดูเรื่องสาขาวิชาเลยในบางที)
4. และถ้ามองย้อนกลับมายัง นักเรียนที่จะมาเรียนกวดวิชา แน่นอนเขายังต้องการสังคม ชีวิตของวัยรุ่นต้องการเพื่อน อยู่่กับเพื่อนไปไหนไปกัน บางคนชอบเรียน บางคนเรียนกวดวิชามาแล้วเห็นผล ก็มาชักจูงเพื่อน สถานที่ของการกวดวิชาจะต้องไม่ไกลจากบ้านมากนักหรืออย่างน้อยต้องมีการคมนาคมสดวก คนที่เรียนดีก็ไม่ต้องการเสียตำแหน่งของตนไป คนที่เรียนปานกลางก็อยากจะเรียนได้ดีขึ้น คนที่เรียนไม่ค่อยดี อย่างน้อยมาเรียนกวดวิชาก็ต้องผ่านในการสอบ เรื่องครูถ้าเป็นครูในโรงเรียนของตนก็จะไม่ค่อยเชื่อถือสักเท่าไหร่ แต่ถ้าสอนได้ดีก็จะยอมรับได้ แต่จะยอมรับจากครูหรืออาจารย์ที่มาจากที่อื่นที่มีชื่อเสียงมากกว่า เรื่องค่าใช้จา่ยนั้น ถ้าทางบ้านฐานะดีก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าทางบ้านฐานะไม่ดีก็ต้องดูว่าจะสามารถหาเงินจากไหนเพื่อมาเรียนได้บ้าง บางคนถึงกับอดขนมหรือข้าวกลางวันเพื่อเอาเงินมาเรียนกวดวิชาก็มี
5. เจ้าของกิจการหรือผู้ลงทุน ก็ต้องหวังผลกำไรโดยการใช้จ่ายน้อยที่สุด และ ได้นักเรียนมากที่สุด สถานที่แค่พอใช้ได้ก็พอ อุปกรณ์ไม่ต้องมีครบแต่มีเพียงพอ บางคนทุ่มเทกับการให้วิชากับนักเรียนที่มา แต่บางคนคิดแต่ตัวเลขอย่างเดียวก็มี
จะเห็นว่า แต่ละบุคคล แต่ละกลุ่มจะมีแนวความคิดที่ไม่เหมือนกัน ขึ้นกับสภาวะของแต่ละบุคคล บางคนมีหมวกหลายใบบนศรีษะ ก็จะแสดงอาการผสมของหมวกแต่ละใบ ซึ่งการออกแบบกลยุทธ์เพื่อที่จะใช้งานกับแต่ละสถานที่ แต่ละกลุ่มบุคคล จึงจำเป็นต้องมองส่วนผสมของคนและความต้องการของคนในแต่ละกลุ่ม ที่เกี่ยวข้อง เมื่อมองเห็นภาพรวมและความต้องการหรือจุดหมายของแต่ละกลุ่มแล้ว การจัดแผนกลยุทธ์ก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายๆไป
Create Date : 02 พฤศจิกายน 2548 |
|
5 comments |
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2548 13:43:40 น. |
Counter : 2150 Pageviews. |
|
|
|