คนไม่มีปริญญาใช้คนมีปริญญาทำงานให้ ได้อย่างไร?
ผมมีประสบการณ์ทางด้านนี้โดยตรง ซึ่งคนที่ไม่มีปริญญาที่ก้าวข้ามมาสู่คนที่คนอื่นบอกว่าประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ จะใช้วิธีการเรียนรู้มากกว่า ทำมากกว่า คิดให้มากกว่า สื่อสารให้มากกว่า และ ซื้อใจได้ดีกว่า สิ่งเหล่านี้ทำให้คนในกลุ่มนี้ ถึงแม้นไม่มีปริญญา แต่คนส่วนใหญ่จะรักใคร่ และยอมทำงานตามได้ เพราะเนื่องจากคนในกลุ่มนี้ ให้มากกว่ารับ สร้างพระคุณมากกว่าพระเดช อบอุ่นและไม่แข็งกระด้าง ร้อนแรงแต่ไม่รุนแรง ทำให้คนที่อยู่ใกล้ รู้สึกกระชุ่มกระชวยเวลาทำงานด้วย ตื่นเต้นเวลาทำงานด้วย หรือ รู้สึกต้องเรียนรู้อีกมากกว่าจะไปถึงระดับนั้น... ซึ่งจริงๆแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สร้างความน่าเคารพนับถือให้กับลูกน้องได้อย่างดี
ต่างกับเจ้านายที่คิดว่าตัวเองเก่งกว่าลูกน้องไปเสียทุกอย่าง นโยบายต้องมาจากข้าคนเดียว ข้าคิดถูกคนเดียวคนอื่นคิดไม่ดีไปหมด ลุกน้องคนเก่งคิดอะไรมา ก็ต้องพยายาม ลบหรือ แก้ไขให้กลายมาเป็นความคิดของตนเอง ล้วงลูกเล่นเอง คนในกลุ่มนี้ใช้พระเดชมากกว่าพระคุณ สร้างให้คนเกรียจมากกว่าคนรัก ได้แต่ความยำเกรงแต่ไม่ได้ความเคารพรักจากลูกน้อง กลายเป็นผู้บริหารอีกด้านหนึ่ง ส่วนใหญ่แล้ว คนเก่งๆจะหนีกันไปหมด คนที่เหลือก็จะเป็นพวกไม่มีปากเสียง หรือ ไม่เด่นจนข้ามหน้าข้ามตาเท่านั้น ทิ้งไว้นานองค์กรอาจจะไม่มั่นคง...
ผมก็เคยเห็นคนที่ย้ายฝั่งจาก คนฝ่ายพระคุณ กลายมาใช้แต่พระเดช และ จากพระเดชย้ายมาฝั่งพระคุณ ผมจำเรื่องเล่าได้คร่าวๆกับคน 2 ประเภทนี้ได้ดี ซึ่งนิทานเรื่องนี้มีดังนี้...
มีเมืองใหญ่อยู่เมืองหนึ่ง มีพระราชาที่มีใจโอบอ้อมอารีย์ มีใจเมตตากับประชาชนทั่วไป ซึ่งประชาชนรักใคร่มากๆ และ พระราชาท่านนี้ก็มีมหาอุปราช ที่ประชาชนกลัวเกรง อันเนื่องจาก มหาอุปราชจะสั่งลงโทษ ประหาร และ ลงอาญาต่างๆ ตามกฎ ทำให้ประชาชนกลัวมหาอุปราชเป็นอย่างมาก และ ทุกครั้งที่มีการลงโทษใดๆ พระราชาก็จะประทานอภัยโทษให้ ประชาชนรักในพระราชา แต่ยำเกรงอำนาจของมหาอุปราช...
มีวันหนึ่ง พระราชากับพระมหาอุปราช ออกไปเยี่ยมประชาชนพร้อมกัน พระราชาเห็นว่า ประชาชนทุกคนเกรงกลัวมหาอุปราชมากกว่า พระราชา ดังนั้น เมื่อกลับไปวัง จึงเรียกมหาอุปราชเข้าเฝ้า และ บอกกับมหาอุปราชว่า เรามาแลกเปลี่ยนหน้าที่กันเถอะ เราจะเป็นคนสั่งลงโทษ ส่วนท่านมาเป็นคนปลอบใจประชาชน ซึ่งมหาอุปราชก็ทำตามที่พระราชาต้องการ...
หลังจากนั้นมา พระราชาก็สั่งลงโทษประชาชนที่ทำผิด แต่มหาอุปราชกลับปลอบใจและสั่งยกโทษในโทษสถานเบาต่างๆ ประชาชนที่เคยจงรักษ์ภักดีกับพระราชา ก็เริ่มหวาดระแวง และ กลับไปจงรักษ์ภักดีกับมหาอุปราชแทน เมื่อเป็นเช่นนี้นานเข้า ไม่มีประชาชนคนไหนที่จงรักษ์ภักดีกับพระราชาอีกเลย มีแต่เกรียจชังมากขึ้นๆ จนต้องไปขอร้องให้มหาอุปราช ก่อการใหญ่ ยึดเอาประเทศไป และ ปกครองประชาชนอย่างมีความสุขด้วยความรักและเมตตา...
นิทานเรื่องนี้มันสะท้อนให้เห็นถึงภาวะผู้นำที่เปลี่ยนแปลงไปจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง ไม่มีคนชอบคนที่ทำรุนแรงหยาบคาย เขาอาจจะเกรงกลัวแต่ไม่ได้เกรงใจ คนดีที่ทำไม่ดี จะเป็นคนเลวมากกว่า คนที่ไม่ดีแล้วกลับตัวเป็นคนดี
[การจัดการความคิด] - [เอาตัวเลขมาประยุกต์ใช้]
[ บทความทั้งหมด ] - [ บทความล่าสุด / สมุดเยี่ยมเยือน ]
Create Date : 26 ตุลาคม 2548 |
|
8 comments |
Last Update : 26 ตุลาคม 2548 20:41:26 น. |
Counter : 1811 Pageviews. |
|
|
|
ให้ข้อคิดดีด้วยค่ะ "คนดีที่ทำไม่ดี จะเป็นคนเลวมากกว่าคนที่ไม่ดีแล้วกลับตัวเป็นคนดี"