Community Mall เรื่องนี้ ผมวางแผนให้ องค์กรหนึ่งเมื่อ 10 ปีที่แล้วเห็นจะได้ แต่เพิ่งมีคนทำสำเร็จ ไม่เกิน 5 ปีที่ผ่านมา จะบอกว่า มันยากตรงที่ ความพยายาม ความตั้งใจ รวมถึง ความอดทนในการทำธุรกิจ และ ต้องมีเงินทุนค่อนข้างสูง คนรุ่นใหม่หวังผลสำเร็จเร็ว ส่วนใหญ่ ถ้าโชคดีก็สำเร็จเลย แต่ถ้าใจร้อนทำแล้วไม่ได้ดั่งใจก็จะเลิกไปก่อนที่จะโครงการจะสำเร็จ

คนมีพื้นที่ติดถนน ตอนนี้ อยากจะทำ Community Mall แต่ก็ร้างหลายที่ บางแห่ง ลงทุนไปมาก แต่ไม่มีคนเดิน ไม่มีคนขายสินค้า ทำให้ ปิดตัว หรือ ใกล้จะปิดตัวลง

C.M. = Community Mall

องค์ประกอบที่ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ คือ

1. คนในพื้นที่ มีพฤติกรรมการท่องเที่ยว ไม่ตรงกับ C.M.  ทั้งนี้ C.M. ต้องการลดค่าใช้จ่ายในพื้นที่ เพื่อให้ ได้กำไรมากขึ้น โดยเฉพาะ ค่าไฟฟ้า ที่ราคาสูงขึ้นทุกวัน จึงออกแบบ C.M. ให้ประหยัดพลังงาน และ สิ่งที่ใช้เปลืองมากที่สุดก็ไม่พ้น แอร์ในส่วนกลาง ที่จะตัดเป็นอันดับแรก...

แต่จากการทำ Fest ขึ้นมาจาก ห้างฯ ใกล้พื้นที่ พบว่า คนเข้าห้างสรรพสินค้าดังๆ ต้องการเข้าไปนั่งเล่น เพราะมีแอร์ มากกว่า การเข้าไปซื้อสินค้า C.M. ต้องการประหยัด จึงลดแอร์ส่วนกลางลง ทำให้คนไม่เดิน อาจจะมองว่า ดี เพราะจะได้ลูกค้าที่ต้องการซื้อจริงๆ เข้าพื้นที่  แต่ความจริง กำลังลดว่าที่ลูกค้าในอนาคต การที่พื้นที่มีอากาศร้อน ใช้เพียงพัดลม จะทำให้คนเดินเข้าพื้นที่น้อยลง ทำให้ขาดความเคยชินต่อพื้นที่  คนทั่วไปถ้า เขาจะซื้อสินค้าในอนาคต เขาจะจดจำห้างฯ เขาเคยไปบ่อยๆ และ เข้าไปลองหาสินค้าในห้างฯ นั้นก่อนเสมอ... หลายๆโครงการก็ทำเช่นนี้ จะพบว่า คนก็มีเดินบ้างในเบื้องต้น และ จะเริ่มลดลงเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะเข้าไปทานอาหารวันเสาร์/อาทิตย์ ร้านขายสินค้าฟุ่มเฟือย ตายเกลื่อน คนซื้อพื้นที่ C.M. ก็ออกมาด่า และ สร้างภาพลักษณ์ทางลบให้กับ C.M. ก็ยิ่งทำให้ ขายพื้นที่ไม่ได้

2. ราคาพื้นที่ เป็นเหตุ...  C.M. ส่วนใหญ่ ต้องการรายได้จาก ผู้เช่าพื้นที่ มากๆ และ ชอบเปรียบเทียบกับ ห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว จึงตั่งราคาเทียบเท่าห้างฯ ใหญ่ๆ แต่สิ่งที่จะให้กับ ผู้เช่าพื้นที่ น้อยมาก และ ชื่อเสียง การประชาสัมพันธ์ ช่องทางของสื่อ ก็น้อยมากๆ...  

จากการสำรวจคนขายสินค้าใน C.M. เกือบทุกราย จะบ่นว่า พื้นที่แพง ทำให้ต้องตั้งราคาขายให้สูงขึ้น เป็นผลให้ ลูกค้าคนเดินไม่ซื้อ และ จะบอกว่า C.M. ขายสินค้าราคาแพง กว่า C.M. จะรู้ตัวว่า การหาลูกค้าของ ผู้เช่าพื้นที่ หายาก ผู้เช่าพื้นที่ก็ตายไปหลายรายแล้ว และ สร้างความรู้สึกใหม่ให้กับ ผู้บริโภค ก็ใช้เวลานาน กลายเป็น ปัญหาเรื้อรัง ซึ่งจะแก้ไขได้ยากมากๆ C.M. ที่หวังกำไร หรือคืนทุนเร็ว ส่วนใหญ่ จะตายเร็วด้วย เนื่องจาก ปัญหาที่ตัวเองสร้าง แต่ไม่ได้เห็นว่าจะเป็นปัญหาของตนเองในอนาคต...

C.M. บางราย คิดเล็ก คิดน้อย กับ ผู้เช่าพื้นที่ จนผู้เช่าพื้นที่ มีกำไรน้อย หรือ ขาดทุน ก็จะปิดตัวลง และ ประชาสัมพันธ์ให้ C.M. เรียบร้อยเลยว่า C.M. แห่งนั้น เขี้ยว... แล้วใครจะมาใช้พื้นที่กัน หากชื่อเสียงของ C.M. เป็นเช่นนั้น...

3. พื้นที่จัดตั้ง C.M. ขาดความสะดวกของการเข้า จากถนนหน้าโครงการ เช่น เป็น เส้นทางขนานทางด่วน ทำให้เมื่อเห็น C.M. ก็เลย ทางเข้า ทำให้ไม่อยาก วก รถกลับ ซึ่งกลุ่มเป้าหมาย ชั่วคราวเหล่านี้ จะเข้าใช้บริการด้าน อาหาร เครื่องดื่ม หรือ เป็นจุดพักผ่อน...  C.M. บางแห่ง ไม่ได้ให้ความสำคัญ กับกลุ่มลูกค้าขับรถ เนื่องจาก ไม่อยากเสียเงินในการ ทำความสะอาดห้องน้ำ จึงทำให้ ขาดกลุ่มลูกค้า ของ ผู้เช่าพื้นที่ทางด้านอาหาร และ เครื่องดื่ม ทำให้ โอกาสขายสินค้าของ ผู้เช่าพื้นที่ ในการขายสินค้าทั่วไป ลดลงด้วย... 

4. C.M. ขาดโฆษณาประชาสัมพันธ์ ลดค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ ลง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ผลสรุปว่า คนรู้จัก C.M. น้อย การค่อยๆให้ คนทั่วไปรู้จักเอง ต้องใช้เวลามาก ทำให้ C.M. มีสายป่านไม่ถึง ก็ต้องปิดไป ผู้เช่าพื้นที่เห็นคนน้อย ก็รอให้คนมามากก่อน ค่อยมาดูว่าจะเช่าพื้นที่หรือไม่ ธุรกิจที่คาดหวัง ก็ไม่เป็นไปตามหวัง... เพราะคำว่า ประหยัด ของ C.M.

ทั้งหมด ถ้ายังไม่เริ่มทำ ก็สามารถเอาเรื่องที่ผมเล่าให้ฟัง ไปเป็นข้อมูลพื้นฐานในการสร้างระบบ C.M. ของคุณว่า จะให้เป็นทิศทางใด...

ขอสรุปว่า ถ้าคุณต้องการทำ C.M. ให้ประสบความสำเร็จ คุณต้อง...

มีเงิน  กล้าลงทุน   กล้าโฆษณา  กล้าให้ราคาค่าเช่าพื้นที่ต่ำๆ  กล้าที่จะกำไรน้อยๆก่อนกำไรมากๆ  สนับสนุนทุกทางให้ผู้เช่าพื้นที่ได้กำไรมากๆแต่ราคาสินค้าไม่แพงมาก  วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายของ ผู้เช่าพื้นที่ แล้วหา ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของผู้เช่าพื้นที่ ให้เข้ามา C.M.  ทำให้คนทั่วไปและกลุ่มเป้าหมายของผู้เช่าพื้นที่เดินเข้ามาในพื้นที่ C.M. ให้มากที่สุด บ่อยที่สุด  

ทำแค่นี้ ผมว่า มีโอกาสที่คุณจะทำ C.M. ได้สำเร็จ... ขอให้โชคดี